ย้อนกลับไปก่อนหน้าหนึ่งวัน
หลังจากจัดการกับกองทหารรับจ้างมือโลหิตแล้วฉินโจ้วได้ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน และคิดว่าเขาควรจะต้องทำอะไรบางอย่าง จึงขอให้เย่เซี่ยวหรูพาคนกลับไปก่อนโดยที่เขายังอยู่ที่นั่น
ฉินโจ้วนั่งดึงทึ้งหญ้าออกมาเล่นเด็ดทิ้งทีละใบๆ ในขณะที่นั่งอยู่บนก้อนหิน เขาโยกหัวไปมาปากก็ฮัมเพลงที่ฟังไม่ออก ด้วยทีท่าผ่อนคลาย และเมื่อใบไม้ที่อยู่เกลื่อนพื้นมี 25 ใบ ปี่เฟิงและแมวตะกละก็ออกมาจากที่ซ่อน โดยโผล่ออกมาทางด้านหลังของฉินโจ้วจากตำแหน่งที่มองไม่เห็นด้วยท่าทางนอบน้อม
ในขณะที่อยู่ห่างจากฉินโจ้วห้าก้าวพวกเขาต่างมองหน้ากัน ต่างคนก็ต่างมองเห็นความหวาดกลัวที่ซ่อนอยู่ในดวงตาของกันและกัน
ฉินโจ้วเองก็ยังคงถือใบหญ้าอยู่ในมือก่อนจะค่อยๆเด็ดทีละใบๆ ราวกับว่านี่เป็สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดในเวลานี้ คล้ายกับเขาไม่รู้ว่ายังมีคนอีกสองคนที่อยู่ด้านหลังโดยท่าทีของเขาดูสงบเยือกเย็น แต่การแสดงออกที่ว่านั้นปี่เฟิงและแมวตะกละรู้สึกไม่เชื่อ ท่าทีที่แสดงออกมาจึงค่อนข้างกลัวมากขึ้นหลังค้อมลงเล็กน้อย ถ้าพูดด้วยเหตุผล ทั้งสองคนก็เป็คนที่มีอำนาจสูงสุดในแถบนี้ โดยปกติแล้วทั้งคู่ล้วนมีความน่าเกรงขามแต่การแสดงออกของทั้งสองคนในเวลานี้กลับดูไม่เป็เช่นนั้น เนื่องจากฉินโจ้วทำให้เขาตกตะลึงเป็อย่างมากเซว่โฉวถูปกตินั้นมีความแข็งแกร่งค่อนข้างสูง พวกเขาเองก็รู้จักเป็อย่างดีซึ่งไม่เหมือนกับที่เจอเมื่อสองวันก่อนหน้า ราวกับว่าสิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ถึงแม้ว่าเขาจะทรงพลังแค่ไหนแต่เขาก็ถูกฉินโจ้วสังหารโดยไม่มีแม้โอกาสโต้กลับ ถึงพูดไปก็ไม่น่าจะมีใครเชื่อแม้ว่าพวกเขาจะเห็นมาเต็มสองตาก็ตาม ต่อให้ไม่มีใครเชื่อพวกเขา และไม่ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะเคยเย่อหยิ่งมากเพียงใดก็ตามแต่ตอนนี้จำเป็ต้องลดมันลงโดยทันที
"พวกคุณคิดว่าสถานที่ตอนนี้สวยไหม?"จู่ๆ ฉินโจ้วก็พูดขึ้นทันที
ทั้งคู่ต่างใในหัวของพวกเขาเต็มไปด้วยความคิดร้อยแปดพันเก้าโดยไม่ทันคาดคิดว่าฉินโจ้วจะเอ่ยถามขึ้นว่า พื้นที่แห่งนี้สวยหรือไม่ถึงแม้ว่าจะเป็คำถามธรรมดาทั่วไป แต่ก็ทำให้ทั้งคู่ถึงกับอ้าปากค้าง ในใจไม่รู้ว่าจะจัดการกับสิ่งที่กำลังเจอตรงหน้าได้อย่างไรคำถามของฉินโจ้วยังคงวนเวียนรบกวนอยู่ในจิตใจ หลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่ จึงตัดสินใจตอบคำถามแรกของฉินโจ้วไปก่อนโดยเขาพยักหน้าอย่างรวดเร็ว เมื่อรู้ว่าฉินโจ้วกำลังจะหันมาหาพวกเขา ถึงแม้ว่าจะยังมองไม่เห็นพวกเขาก็ตามก่อนจะตอบอย่างรวดเร็วว่า "สวย... สวยครับ"
"สวยอย่างนั้นหรือ? ผมยกให้คุณเอาไหม?" นี่เป็ประโยคที่สองของฉินโจ้ว
ทั้งคู่ถึงกับยืนนิ่งอึ้งกันอีกรอบถ้าคำถามประโยคแรกนั้นสร้างความประหลาดใจให้กับพวกเขาแล้วประโยคที่สองก็ยังคงทำให้เขาทั้งคู่ประหลาดใจยิ่งกว่า จนไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปอย่างไรไม่มีแม้แต่เสียงใดๆ เล็ดลอดออกมา จนเมื่อฉินโจ้วหันกลับมามองมีประกายแสงเกิดขึ้นในดวงตาของเขา ซึ่งดูเหมือนจะทะลุทะลวงจิตใจของคนทั้งคู่เข้าไปฉินโจ้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า"ในเวลานี้ากลางเมืองได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว คนที่เหมาะสมที่สุดจะอยู่รอด ผู้ที่ด้อยกว่าก็จะถูกกำจัดพวกนายทั้งสองคนวางแผนจะเป็แบบไหนบอกให้ผมฟังหน่อยสิ"
ปี่เฟิงและแมวตะกละต่างก็ได้ยินเสียงหัวใจของตนเองเต้นรัวคำพูดที่ว่าเหมือนจะเป็การถามความเห็น แต่อันที่จริงแล้วดูเหมือนการคุกคามเสียมากกว่าเพียงแต่จิตใต้สำนึกของพวกเขายังรู้สึกไม่ชัดเจนมากพอ คำพูดของฉินโจ้วนั้นราวกับการเปิดอกพูดว่าให้คุณยอมแพ้ แล้วผมจะไว้ชีวิตคุณ ถ้าไม่อย่างนั้นก็จะถูกฆ่า อะไรประมาณนั้นก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกมาในใจก็ได้คิดเอาไว้บ้างแล้วว่า ถ้าสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นจริงก็ยังคงเป็การยากที่จะยอมรับได้ ถึงแม้้าที่จะต่อต้าน แต่ก็ไม่มีความสามารถมากพอหรือถ้าไม่ต่อต้าน ในใจก็เกิดความรู้สึกไม่เต็มใจพวกเขาเองก็พยายามอย่างหนักกว่าจะมีได้เหมือนทุกวันนี้ และก็คงรู้สึกไม่สบายใจถ้าต้องยกมันให้กับผู้อื่นจะยอมรับหรือยอมตาย? ในใจของทั้งคู่ราวกับเกิดาการต่อสู้ของมนุษย์และ์ทำให้ทั้งสองคนรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อย่างบอกไม่ถูก
ฉินโจ้วมองดูอย่างเงียบๆก่อนจะมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าดูเหมือนว่าเขาไม่ต้องกังวลว่าทั้งสองคนนั้นจะกลายเป็สุนัขจนตรอกในความเป็จริงถึงแม้ว่าถ้าเป็อย่างนั้นขึ้นมาจริงๆ ในระยะห่างเพียงแค่นี้ฉินโจ้วมั่นใจว่าสามารถลงมือสังหารพวกเขาได้หลายครั้งอย่างแน่นอน แม้ว่าทั้งคู่จะเป็สายว่องไวปี่เฟิงนั้นเป็ขโมย ส่วนแมวตะกละนั้นเป็นักฆ่า พลังชีวิตและพลังโจมตีของพวกเขาไม่สูงและอุปกรณ์สวมใส่ก็ยังเป็ระดับไม่สูง ส่วนใหญ่เป็ระดับเงิน จากจุดนี้ทำให้เห็นว่าต่อให้สองคนนั้นร่วมมือกันก็คงไม่สามารถที่จะทำอะไรเขาได้
ปี่เฟิงนั้นหลังจากที่ได้ผ่านาการต่อสู้มาหลายต่อหลายครั้งทำให้เขาเลือกที่จะต่อต้าน แต่เมื่อเงยหน้าและสบเข้ากับสายตาของฉินโจ้วในใจก็เกิดรู้สึกหนาวะเืขึ้นมาราวกับถูกน้ำจากฤดูหนาวในเดือนสิบสองสาดเข้าใส่ราวกับความเย็นภายในร่างกายวิ่งเข้าสู่หัวใจ ดวงตาของฉินโจ้วนั้นน่ากลัวเหลือเกินถึงแม้จะดูเหมือนทำทีว่าไม่ใส่ใจ แต่ในความเป็จริงแล้วสายตาของเขานั้นเฉียบคมราวกับถูกมองทะลุทะลวงไปยังจิตใจตับไตไส้พุงได้ ความรู้สึกเหมือนกับว่า ถ้าเขาพูดปฏิเสธไปแม้เพียงครึ่งคำก็จะถูกสายฟ้าฟาดใส่ในทันที และที่สำคัญที่สุดคือ ปี่เฟิงนั้นสามารถอ่านความหมายจากสายตาที่แสดงออกได้ฉินโจ้วไม่ได้ใส่ใจในความแข็งแกร่งของเขาเลย ทำให้เขารู้สึกชื่นชอบและไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ถูกมองออก ปี่เฟิงจึงเปลี่ยนความคิดที่มีก่อนหน้าในทันทีก่อนจะจ้องมองไปที่ั์ตาของฉินโจ้ว เขาก้มศีรษะให้ก่อนจะเอ่ยเรียกชื่อหัวหน้าด้วยความเคารพ
ฉินโจ้วพยักหน้ารับและยิ้มตอบอย่างอ่อนโยนทำให้ปี่เฟิงค่อยรู้สึกโล่งอกเมื่อตัดสินใจไปแล้วก็ทำให้ทั่วทั้งร่างรู้สึกผ่อนคลายลงเป็อย่างมาก
การตัดสินใจของปี่เฟิงทำให้ความยึดมั่นที่มีของแมวตะกละในขณะนั้นถึงกับพังครืนลงมาความแข็งแกร่งถึงแม้ว่าจะใกล้เคียงกับปี่เฟิงแต่ในเวลานี้ปี่เฟิงนั้นมีคนช่วยสนับสนุนแล้วถ้าตัวเขาเองไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ในเวลาเพียงไม่ถึงนาทีก็คงจะโดนฉินโจ้วจัดการเป็แน่นี่เป็เื่ระหว่างความเป็และความตาย เป็การตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ ทำให้ช่วยไม่ได้ที่เขาจะเกิดความลังเลสุดท้ายก็เหมือนกับปี่เฟิง เขาก็เอ่ยชื่อเรียกหัวหน้าคนใหม่
ด้วยวิธีนี้ฉินโจ้วเอ่ยเพียงแค่สามคำ ก็ได้น้องชายคนใหม่มาสองคนพร้อมกับทหารม้าเกือบสองพันนาย
ภายใต้การนำของปี่เฟิงกลุ่มอักขระกระดองเต่า มีสมาชิกอยู่ 850 คนถึงแม้ว่าจะเป็ทหารรับจ้างขนาดเล็กจำนวนไม่มาก แต่ความสามารถค่อนข้างดีและระดับเลเวลก็เกิน 30 ในส่วนของกลุ่มทหารรับจ้างนกหัวขวานนั้นมีอยู่1,110 คน โดยภายใต้การนำของแมวตะกละถึงแม้ว่าจะมีจำนวนคนค่อนข้างมาก แต่ระดับเลเวลนั้นแตกต่างกันไม่มากซึ่งส่วนใหญ่ระดับมากกว่า 20 ซึ่งดูแล้วความสามารถในการต่อสู้ของกลุ่มอักขระกระดองเต่าก็คงจะใกล้เคียงกันถึงแม้ว่าจำนวนคนของอักขระกระดองเต่าจะน้อยกว่าก็ตามที
หลังจากที่ปี่เฟิงและแมวตะกละนำผู้ใต้บังคับบัญชามาพบกับฉินโจ้วพวกเขาก็ถือว่าทหารรับจ้างทั้งหมดได้กลายเป็ลูกน้องของฉินโจ้วไปแล้วซึ่งฉินโจ้วเองก็ไม่ได้เป็คนขี้เหนียวแต่อย่างใดจึงให้อุปกรณ์ระดับทองคำแก่ทั้งคู่ไปเป็ของขวัญต้อนรับ จากนั้นเขาก็ยกอาวุธระดับเงินอีก20 ชิ้น ให้กับผู้เล่นที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในกลุ่มทหารรับจ้างซึ่งการกระทำในครั้งนี้ทำให้ชนะใจสมาชิกของทั้งสองกลุ่มทหารรับจ้างเป็อย่างมากในขณะที่ทั้งปี่เฟิงและแมวตะกละถึงกับตกตะลึงในความร่ำรวยของฉินโจ้วถึงแม้ว่าทั้งสองจะเป็หัวหน้ากลุ่ม แต่ก็ยังเป็การยากที่จะหยิบเอาอาวุธระดับเงินออกมาทีละ20 ชิ้น ไม่ต้องพูดถึงอาวุธระดับทองอีกสองชิ้นเมื่อมองดูฉินโจ้วก็พบแต่เื่ที่ไม่สามารถคาดเดาได้
ในตอนนี้ฉินโจ้วนำกลุ่มที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นมาใหม่เข้ากวาดล้างกลุ่มทหารรับจ้างมือโลหิตซึ่งมีมากกว่าร้อยคนที่ประจำอยู่ที่ประตูทางเข้าของหุบเขา แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถต้านทานกองกำลังของฉินโจ้วได้หลังจากนั้นไม่ถึงสามนาที พวกเขาทั้งหมดก็ถูกสังหาร ดูเหมือนว่าในเวลานี้พื้นที่ของทหารรับจ้างมือโลหิตจะถูกเปลี่ยนมือมาเป็ของฉินโจ้วเรียบร้อยแล้ว
หลังจากการต่อสู้ในครั้งนี้ ''มือโลหิต'' เองก็คงสูญเสียความแข็งแกร่งไปไม่น้อยถ้าหากว่าไม่มีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินคอยช่วยสนับสนุนคงจะเป็การยากที่จะโจมตีกลับได้ในระยะเวลาอันสั้นนี้ถ้า้ากลับมายึดพื้นที่คืนอีกครั้งคงต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าหนึ่งอาทิตย์เป็อย่างน้อย ซึ่งแทบไม่ต้องคิดเลยหลังจากที่ถูกสังหารไปหนึ่งครั้ง และกลุ่มก็ถูกสังหารไปด้วยนั่นทำให้เกิดแิที่แตกต่างขึ้นสองอย่าง แน่นอนว่าความแข็งแกร่งโดยรวมนั้นลดลงดังที่มีคนเคยกล่าวเอาไว้ว่า พายเรือในน้ำ ถ้าไม่ก้าวหน้าก็ต้องถอยหลังทีละก้าวๆจากข้อมูลที่ได้มาของทหารรับจ้างมือโลหิต คงเป็การยากที่จะกลับไปสู่สภาพเดิม
แต่หลังจากที่ปี่เฟิงได้เปิดเผยข้อมูลออกมาทำให้ฉินโจ้วมีความคิดเกี่ยวกับเื่นี้ในมุมมองใหม่ตามที่ปี่เฟิงได้รับข้อมูลมานั้น หัวหน้ากองทหารรับจ้างมือโลหิต เซว่โฉวถูและหัวหน้ากองทหารรับจ้างหมาป่าโลหิต ''ทอร์นาโด'' นั้นทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันแบบไม่ธรรมดา เดิมที ''ทอร์นาโด''เป็เพียงหัวหน้า แต่กลับกลายเป็หัวหน้ากองทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตไปได้ซึ่งมันค่อนข้างยากที่จะเป็ไปได้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะดูถูกหรือมองข้ามเื้ัการกระทำต่างๆ ของกลุ่มทหารรับจ้างมือโลหิต น่าจะมีบุรุษเงาเป็คนบงการอยู่เื้ัไม่อย่างนั้นแล้วเซว่โฉวถูคงไม่กล้าสร้างเื่ที่ส่งผลกระทบเป็วงกว้างขึ้นในแถบนี้โดยไม่เกรงกลัวผู้ใดแม้แต่กลุ่มบริษัทขายยาเทพแห่งการเกษตรยังกล้าที่จะลงมือสถานะของบริษัทขายยาเทพแห่งการเกษตรเอง ไม่เพียงเทียบไม่ได้กับกลุ่มทหารรับจ้างขนาดเล็กแม้แต่ทหารรับจ้างขนาดกลางเองยังไม่กล้าตอแยกับคนของบริษัทขายยาเทพแห่งการเกษตรเลยแม้แต่น้อยถ้าไม่มีเหตุผลอื่นใดเลยจริงๆ ก็คงไม่มีใครเชื่อเื่ผีแล้ว
บริษัทขายยาเทพแห่งการเกษตรนั้นแตกต่างจากกองกำลังอื่นๆเพราะเกี่ยวข้องกับการผลิตยา ซึ่งเกี่ยวกับชีวิตคนเป็จำนวนมาก จึงไม่มีใครคิดที่จะโจมตีกองกำลังดังกล่าวเซว่โฉวถูเองก็ไม่ใช่คนโง่ ดังนั้นต้องมีเหตุผลอยู่เื้ัเป็แน่ถึงฉินโจ้วไม่สามารถเดาถึงเหตุผลได้ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเกี่ยวกับทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตเป็แน่ซึ่ง ณ จุดนี้เขาค่อนข้างมั่นใจมากเลยทีเดียว
ในเกม่ที่ผ่านมาก็มีกองกำลังต่างๆ ได้เกิดขึ้นอย่างมากมาย นอกเหนือจากกองกำลังพิเศษทั้งหลายแล้วสี่ตระกูลใหญ่ และหลายกิลด์ที่ซ่อนตัวอยู่ ที่เหลือก็คือทหารรับจ้างสิบอันดับ
ทหารรับจ้างเป็องค์กรที่ตั้งขึ้นมาจากการรวมตัวกันอย่างอิสรเสรีมีั้แ่สามถึงห้าคนขึ้นไปเป็อย่างน้อย และอาจจะมากกว่าหลายร้อยคนก็ได้ไม่มีรูปและสถานที่ตายตัว ซึ่งองค์กรลักษณะนี้ได้รับความนิยมจากผู้เล่นเป็จำนวนมากซึ่งในปัจจุบันที่กำลังพัฒนาอยู่นี้มีกลุ่มทหารรับจ้างหลายหมื่นคนโดยมีกลุ่มทหารรับจ้างที่มีชื่อเสียงเป็ที่รู้จักอยู่ 10 อันดับ มีอิทธิพลไม่แพ้หลายกิลด์ในกลุ่มของทหารรับจ้างหมายเลขหนึ่ง ชื่อ ''บุหรี่'' นั้นมีคนมากกว่า 800,000 คน แม้แต่มหาอำนาจเ่าั้ยังไม่มีใครกล้ายั่วยุ
กองทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตนั้นถูกก่อตั้งในเกมขึ้นั้แ่เริ่มแรกเป็ผู้เล่นกลุ่มแรก โดยมีชื่อเรียกว่า ''หมาป่าเดียวดายในทะเลทรายโกบี''อาชีพนักรบ ระดับเลเวลล่าสุดคือ 53 อาวุธที่ใช้คือมีดกระหายเื และเป็อุปกรณ์ิญญาในการต่อสู้กับมอนสเตอร์หรือศัตรูด้วยอุปกรณ์ิญญานี้ สามารถสังหารได้ด้วยการตวัดมีดเพียงครั้งเดียวซึ่งแข็งแกร่งเป็อย่างมาก ั้แ่เข้าเกมมายังไม่เคยพบใครที่จะเป็คู่ต่อสู้ได้เลยทำให้เกิดความเย่อหยิ่งจองหอง ไล่ล่าโจมตีเขาไปทั่วโดยสมาชิกของกองทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตอยู่ที่ประมาณ 11-12 ล้านคนอยู่ในอันดับ 9 จาก 10 อันดับของการจัดอันดับทหารรับจ้างมีรองหัวหน้าอยู่สี่คน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ผู้เชี่ยวชาญสยงป้า ส่วนทอร์นาโดนั้นเป็ผู้ที่รับตำแหน่งเป็คนแรก
ซึ่งในเวลานี้กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตนั้นได้ยึดครองพื้นที่บริเวณที่ราบโลหิตเอาไว้ยกเว้นเฉพาะสมาชิกของพวกเขา ผู้เล่นอื่นไม่สามารถเข้าไปได้ ทำให้ผู้เล่นจำนวนมากรู้สึกโกรธแค้นก่อนที่จะมีคนเข้าไปหาเื่ แต่ในที่สุดก็ถูกสังหาร จากนั้นเื่นี้ก็เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเลย
สมาชิกของทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตนั้นมักมีท่าทีที่หยิ่งผยองและก่อกรรมทำเข็ญไว้มากมายพวกเขามีชื่อเสียงในด้านลบราวกับนิกายที่ชั่วร้าย
ฉินโจ้วถึงกับขมวดคิ้วกระดูกชิ้นนี้ดูท่าจะเคี้ยวไม่ได้ง่ายแล้ว อุปกรณ์ิญญา นั่นเป็อุปกรณ์ิญญาหมาป่าโดดเดี่ยวแห่งทะเลทรายโกบี ไม่รู้เลยว่านั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตถ้ามีอุปกรณ์ิญญา ก็ไม่แปลกใจที่จะรู้สึกไม่กลัว
"ดูเหมือนว่าคงต้องมีการปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นกว่านี้เสียหน่อย"ฉินโจ้วพูดกับตนเอง
ต่อมาฉินโจ้วนำกองกำลังทั้งสองของ''อักขระกระดองเต่า'' และ ''นกหัวขวาน'' ออกกวาดล้างบริเวณโดยรอบ พื้นที่แถบนี้ส่วนใหญ่มีมอนสเตอร์จำนวนไม่มากและค่อนข้างขาดแคลนทรัพยากรทำให้ไม่ค่อยมีกองกำลังขนาดใหญ่อาศัยอยู่ ส่วนกองทหารรับจ้างมือโลหิตที่มีจำนวนคนมากกว่า2,000 คนนั้น ก็ถูกฉินโจ้วทำลายไปแล้วส่วนที่เหลือก็ไม่ต่างจากกุ้งฝอยซึ่งรวมๆ แล้วมีไม่ถึงพันคน ฉินโจ้วใช้เวลาไปราวสามชั่วโมงในการเก็บกวาดกองกำลังขนาดเล็กสามกลุ่มมีผู้เล่นเกือบ 2,000 คน ถูกส่งกลับไปยังเมืองัเพื่อเกิดใหม่หลังจากรวบรวมกองกำลังได้ 5 กลุ่มเมื่อหัวหน้าแต่ละกลุ่มกลับมา จำนวนทหารม้าของฉินโจ้วในเวลานี้ก็มีถึง 5,000คนแล้ว
แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจำนวนคนจะมีมากแต่คุณภาพก็ลดลงไปไม่น้อย มีระดับเลเวลั้แ่ 20 จนถึง 40 ซึ่งเป็การยากที่จะแจกจ่ายงานได้ที่สำคัญคือไม่มีคนที่แข็งแกร่ง ซึ่งนับดูแล้วน่าจะมีไม่ถึง 50 คน ใช้การอะไรไม่ค่อยได้ไม่ต่างจากหัวมังกุท้ายั
อย่างไรก็ตามฉินโจ้วก็ไม่สามารถจัดการทั้งหมดนี้ได้ เขาจึงแบ่งคนทั้งหมด5,000 คน ออกเป็ 5 หน่วยย่อยๆ หน่วยละ 1,000คน โดยกลุ่มแรกนั้นปี่เฟิงเป็คนควบคุม ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอาชีพขโมยเป็หลักกลุ่มที่สองนำทีมโดยแมวตะกละ ส่วนใหญ่จะเป็นักฆ่า ผู้นำกลุ่มที่สามนั้นเป็นักธนูชื่อ ''มีดผ่าตัด'' เลเวล 41 โดยที่ในชีวิตจริงเขานั้นเป็หมอ กลุ่มที่สี่ผู้นำกลุ่มเป็นักรบ เลเวล 43มีชื่อว่า ''คางคกรูปหล่อ'' ซึ่งเป็คนที่ฉลาดมาก ส่วนกลุ่มที่ห้าก็ยังคงเป็นักรบแต่ดูเหมือนจะมีอายุน้อย รูปร่างค่อนข้างสูงใหญ่และมีหัวที่ใหญ่กว่าคนทั่วไปจึงเรียกว่า ''สิงโตหิน'' ระดับเลเวลก็ไม่น้อยอยู่ที่44 ในขณะที่ฉินโจ้วเป็หัวหน้ากลุ่มเป็ปกติที่เขาจะแสดงน้ำใจออกมาให้เห็น ดังนั้นจึงมอบอาวุธระดับทองคำให้แต่ละคนซึ่งหัวหน้ากลุ่มย่อยทั้งหลายนั้นรู้สึกดีใจมาก
ฉินโจ้วได้แบ่งกองกำลังออกเป็หลายส่วนหน่วยสอดแนมที่ปี่เฟิงส่งออกไปก็กลับมารายงานข่าวว่า ''กองทหารรับจ้างหมาป่าโลหิต''ได้ส่งทหารม้า 5,000 นาย ล่วงหน้าไปยังเทือกเขาเทียนตู้ดูเหมือนว่าจะได้เวลาสำหรับการแก้แค้น ''กองทหารรับจ้างมือโลหิต''แล้ว
ฉินโจ้วส่งเสียงดังออกมา“มาเร็วจริงๆ ด้วย”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้