ใช้ท่อนไม้ฟาดไปทั่วบริเวณโดยรอบสักพัก จนแน่ใจว่างูทั้งสองตัวหนีไปแล้ว ไม่มีงูพิษหลบซ่อนในมุมอับอีก ครูฝึกถึงยื่นมือดึงพวกจี้เจียงหยวนขึ้นมา แน่นอนว่าคือการดึงนักศึกษาชายอีกคนเป็หลัก ส่วนจี้เจียงหยวนและสยฺงไป่เหยียนสามารถใช้แรงของตนปีนขึ้นมาเองได้
งูโชกเืสามตัวยังคงอยู่ในก้นหลุม เตือนใจพวกเขาถึงภัยอันตรายที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
สยฺงไป่เหยียนรู้สึกเสียใจ เขาพูดว่าแถบนี้ไม่มีสัตว์ป่าขนาดใหญ่ และไม่มีอย่างที่กล่าวจริงๆ แต่เขาหลงลืมไปว่ายิ่งเป็สถานที่รกร้างยิ่งง่ายต่อการมีงูพิษ ขณะไล่จับไก่ป่าตัวหนึ่ง ทั้งสามคนตกลงไปในรังงู หากโจวเฉิงและครูฝึกมาถึงไม่ทันท่วงที ใครจะรู้ว่าเมื่อไรงูพิษจะหมดสิ้นความอดทนและโจมตีพวกเขา!
“ครูฝึก...”
สยฺงไป่เหยียนรู้สึกผิด ครูฝึกอยากฟาดเ้าเด็กนี่กลับลงหลุมเสียจริงๆ
อันดับแรกคือตำหนิทั้งสามอย่างรุนแรงด้วยตนเองก่อน แม้แต่คำหยาบคายก็ะเิออกมา จากนั้นจึงรอให้โจวเฉิงจัดการ โจวเฉิงจะพูดอะไรได้ ครูฝึกกำลังปกป้องนักศึกษาชายสามคนนี้ โดยตั้งใจตำหนิให้เขาดูนี่นา!
“หลังการฝึกภาคสนามจบ กลับไปวิ่ง 20 รอบสนาม!”
ต่อให้เก็บฟืนก็ไม่จำเป็ต้องมาถึงบริเวณนี้อยู่ดี ข้ามป่ามาคือพงหญ้าทั้งนั้น โจวเฉิงไม่มีอารมณ์จะซักถามพวกเขา วิ่งรอบสนามคือสิ่งที่ง่ายดายและมีประสิทธิภาพที่สุด
20 รอบคือ 8 กิโลเมตร!
การออกมาฝึกภาคสนามในวันนี้ทำเอานักศึกษาจากหัวชิงหลายคนก้าวเท้าไม่ไหว สยฺงไป่เหยียนได้ยินว่าหลังกลับไปยังต้องวิ่งอีก 20 รอบ แม้เขาจะมีประสบการณ์ฝึกกรีฑาก็รู้สึกว่าแข้งขากำลังอ่อนเรี่ยวแรง
“หัวหน้าครูฝึกโจว—”
สยฺงไป่เหยียนอยากแก้ต่างให้ตัวเองกับโจวเฉิงอีกหน่อย พอนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่โจวเฉิงช่วยชีวิตพวกเขาไว้ ก็ทำได้เพียงกลืนคำพูดกลับลงไปเท่านั้น
ส่วนโจวเฉิงเดินนำหน้าทุกคนไปก่อนแล้ว ครูฝึกติดตามอยู่ด้านหลัง บ่นจู้จี้ตลอดทาง จี้เจียงหยวนไม่เถียงกลับเหมือนเคย สยฺงไป่จึงเหยียนสะกิดเขาด้วยความประหลาดใจ “เหล่าจี้ นายกลัวรึ?”
“ไม่ ฉันกำลังนึกถึงสามนัดเมื่อครู่ของครูฝึกโจวอยู่”
สยฺงไป่เหยียนไม่เข้าใจ เป้าไกลเสียขนาดนั้นยังโดนใจกลาง เพียงยิงงูสามตัวระยะใกล้คงไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร
อย่างไรเสียต่างวงการก็ราวกับถูกคั่นด้วยขุนเขา [1] จี้เจียงหยวนอธิบายให้เขาฟังแบบขอไปที
“เอาเป็ว่าฉันทำไม่ได้!”
นี่ไม่ใช่การยิงเป้านิ่ง งูพิษอูซูหลี่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงได้ งูตัวแรกที่โจวเฉิงยิงอยู่ที่เดิม ตัวที่สองเคลื่อนจากตำแหน่งเดิมแล้ว ตัวที่สามยิ่งลื่นไถลเข้าใกล้โดยไม่ได้คาดคิด ภายในเวลาแค่ครู่เดียวนั้น สิ่งนี้จำเป็ต้องมีการฝึกฝนตนเองแบบบูรณาการในระดับสูงมาก! ความแม่นยำและการตัดสินใจ... จี้เจียงหยวนเล่นกีฬายิงปืนซึ่งจำลองจากการต่อสู้จริง แต่นั่นไม่ได้เทียบเท่าการต่อสู้จริงแม้แต่น้อย สถานการณ์เช่นนี้ต่างหากที่เป็การต่อสู้อย่างแท้จริง คราวก่อนเขายังนึกว่าเสมอกับโจวเฉิงได้ วันนี้เพิ่งรับรู้ เขายังห่างอีกไกลเชียว!
นอกจากนี้ ความสามารถที่โจวเฉิงแสดงออกมา อาจยังไม่ใช่ความแข็งแกร่งสูงสุดของเขา
มาคุมการฝึกทหารให้นักศึกษากลุ่มหนึ่ง สำหรับโจวเฉิง สิ่งนี้คือการเล่นพ่อแม่ลูกสินะ?
โจวเฉิงมาเพราะนักศึกษาเซี่ยเสี่ยวหลาน ความลับเื่นี้ จี้เจียงหยวนคือผู้รู้ความจริงเพียงหนึ่งเดียวนอกเหนือจากเ้าของเื่ทั้งสอง
สยฺงไป่เหยียนกังขา สำหรับเขาจี้เจียงหยวนผยองในความเก่งกาจของตนพอสมควร ทว่าตอนนี้ยอมรับจากใจว่าตนด้อยกว่า?
ครูฝึกหัวเราะร่วน “ผู้การโจวเขาคร้านจะใส่ใจพวกนายหรอก นักศึกษามหาวิทยาลัยอย่างพวกนายสุดยอดเื่เรียนอยู่แล้ว แต่ทุกปีผู้การโจวน่ะ... ช่างเถอะ บอกเื่นี้กับพวกนายไปก็ไม่มีประโยชน์ พวกนายคิดดีกว่าว่าหลังกลับไปจะวิ่ง 20 รอบสนามอย่างไร! คำพูดของผู้การโจวคำไหนคำนั้น ต่อให้พวกนายต้องคลาน ก็ต้องคลานจนครบ 20 รอบสนาม!”
โจวเฉิงหน้าตาบูดบึ้งเข้าป่า สีหน้าตอนกลับมาก็ไม่ดีสักเท่าไรเหมือนกัน
อีกทั้งกลับมาคนเดียวก่อนอีกด้วย
จุดตั้งค่ายตรงนี้เสียงดังเอะอะ จึงไม่ได้ยินเสียงปืน เมื่อเห็นครูฝึกพาพวกจี้เจียงหยวนทั้งสามกลับมา เซี่ยเสี่ยวหลานก็รู้ทันทีว่าสามคนนี้ทำความผิดบางอย่างขึ้นแน่นอน ไม่ว่าจะเป็เื่อะไร โจวเฉิงน่าจะจัดการเรียบร้อยแล้ว
และเป็ไปตามคาดว่าทุกคนได้กินข้าวสวยสุกๆ ดิบๆ คู่กับผักกาดขาวต้มรสเค็มปี๋ ก่อนถอนค่ายออกเดินทาง โจวเฉิงเน้นย้ำระเบียบวินัยว่าไม่อนุญาตให้ใครปลีกตัวออกนอกกลุ่มอีกครั้ง
ขึ้นเขาง่ายลงเขายาก ตอนปีนขึ้นมาเมื่อเช้า กำลังวังชาของทุกคนนั้นเหลือเฟือ เมื่อมาถึงจุดตั้งค่ายก็เป็เวลาเที่ยงวันแล้ว
ตอนบ่ายยังต้องย้อนกลับทางเดิม
แม้ท้องจะอิ่ม แต่พอต้องเดินทางต่อทั้งที่ใต้เท้ามีตุ่มพองขนาดใหญ่ มันช่างเจ็บแสบเหลือทนจริงๆ
มีนักศึกษาหญิงบางคนร้องไห้ขึ้นมากลางทาง
คะแนนของพวกเธอจะดีสักแค่ไหน ทว่าความจริงแล้วก็เป็เพียงเด็กอายุไม่เกินสิบเจ็ดสิบแปดปีเท่านั้น นักศึกษาใหม่รุ่นนี้อายุน้อยที่สุดคือ 16 ปี
แบกรับความยากลำบากด้านการเรียนมาได้ ทว่าความลำบากทางร่างกายนั้นแตกต่างกัน
อีกอย่างหนึ่ง สำหรับคนเรียนเก่งทั้งหลาย การเรียนอาจไม่ใช่ความยากลำบากทั้งหมดเสมอไป เพราะบางครั้งการพิชิตโจทย์ยากก็คือความสำเร็จและความสนุกสนานเหมือนกัน พวกเธอถนัดความท้าทายทางสติปัญญามากกว่า น้อยคนนักที่จะเคยประสบกับความยากลำบากเช่นนี้
แต่เซี่ยเสี่ยวหลานทนได้!
เห็นได้ชัดว่าภายนอกของเธอดูบอบบางที่สุด หลังผ่านการฝึกมาแม้ผิวของทุกคนคล้ำขึ้นมาก ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเปลี่ยนไปน้อยที่สุด
ท่าทางอ้อนแอ้น กลับมีกำลังกายและกำลังใจแข็งแกร่งอาจหาญ
“เสี่ยว เสี่ยวหลาน เธอไม่เหนื่อยหรือ?”
น้องเจ็ดร่วมหอเฉินอีอีเป็หญิงสาวจากภูมิภาคเจียงหนาน เธอมักพูดจานุ่มนวลอยู่เสมอ นิสัยก็อ่อนโยนชดช้อย อย่างไรเสียความมีตัวตนของเธอภายในห้องพักไม่ชัดเจนนัก
ถ้าคนอื่นไม่คุยกับเธอ เฉินอีอีมักจะหมกอยู่ในโลกของตนเอง เธอกำลังคิดอะไร ไม่มีใครคาดเดาได้ นานๆ ทีสหายเฉินจะแสดงความห่วงใยก่อน เซี่ยเสี่ยวหลานพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น
“เหนื่อย!”
เหนื่อยก็ต้องอดทนอยู่ดี เธอคงไม่สามารถขอให้ใครแบกกลับไปได้ใช่ไหมเล่า?
แม้ว่านักศึกษาหญิงหลายคนจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว บางครั้งยังต้องอาศัยคนอื่นคอยประคับประคอง แต่เซี่ยเสี่ยวหลานกลับเคยชินกับการไม่รบกวนผู้อื่น
โจวเฉิงมองเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ข้างหลัง ทั้งกลัวว่าภรรยาของเขาจะสะดุดล้ม ทั้งรู้สึกภาคภูมิใจอย่างสุดซึ้ง
เสี่ยวหลานบอกว่าทุกคนจะต้องปฏิบัติตนเป็คนที่ยอดเยี่ยม และเสี่ยวหลานก็ทำแบบนั้นเช่นกัน
เสี่ยวหลานควรเก่งกาจทุกด้านเลยหรือ? เธอมีผลคะแนนความประพฤติยอดเยี่ยมในการฝึก ไม่ใช่เพราะเสี่ยวหลานกำลังพยายามปรับตัวและอดทนหรือไร อิทธิพลที่โจวเฉิงได้รับก็มีไม่น้อยเหมือนกัน ทั้งจากเซี่ยเสี่ยวหลาน และจากนักศึกษาคนอื่น—ยกตัวอย่างเช่นฝ่ายนักศึกษาชาย มีสองกองที่ทะเลาะกันอย่างรุนแรงมาก แม้แต่ครูฝึกผู้รับผิดชอบสองกองนี้ก็ยังเคยลงไม้ลงมือกันต่อหน้าธารกำนัลด้วยซ้ำ ทว่าในตอนนี้ พวกเขากลับกำลังช่วยประคองซึ่งกันและกัน นักศึกษาชายคนหนึ่งข้อเท้าแพลง ก็มีนักศึกษาสองสามคนซึ่งเดิมทีไม่ถูกกันช่วยแบกเขาเดินอีกด้วย
คนขลาดไม่จำเป็ต้องอ่อนแอเสมอไป
คนมีสมองยังมีความสามารถพิเศษที่น่าทึ่งอีกด้วย
ั้แ่เริ่มการฝึกทหารเป็ต้นมา โจวเฉิงอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดเกี่ยวกับนักศึกษาหัวชิงเหล่านี้
แม้เขาจะเป็ถึงหัวหน้าครูฝึก แต่ก็ดูเหมือนจะเป็หนึ่งในคนที่ ‘ถูกฝึก’เช่นกัน?
ครูฝึกหลีเดินเข้ามา “ครั้งนี้หมู่พวกผมมีนักศึกษาหญิงสองคนที่มีผลงานดีเยี่ยม แต่ผู้สำเร็จการฝึกดีเด่นมีได้แค่ชายหญิงอย่างละคนจริงๆ หรือครับ?”
ครูฝึกหลีพูดถึงเซี่ยเสี่ยวหลานกับหนิงเสวี่ย
ไม่จำเป็ต้องอธิบายถึงหนิงเสวี่ย ตัวแทนนักศึกษาใหม่หัวชิงประจำปีนี้ อาจารย์ที่หัวชิงกล่าวไว้แล้วว่าเป็ต้นกล้าพันธุ์ดี จะไม่ขายหน้าในการฝึกทหารอย่างแน่นอน ั้แ่เด็กจนโต หนิงเสวี่ยทำสิ่งใดล้วนเป็อันดับหนึ่ง แต่คนที่ทำให้ครูฝึกหลีประหลาดใจคือเซี่ยเสี่ยวหลาน เขานึกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานที่ดูบอบบางอ้อนแอ้นขนาดนั้นจะรับการฝึกไม่ไหวเสียอีก กลับกลายเป็ว่า ใน่สิบกว่าวันที่ผ่านมา เซี่ยเสี่ยวหลานทำได้ยอดเยี่ยมทีเดียวเชียวล่ะ!
นอกจากนี้ ความวิริยะของเซี่ยเสี่ยวหลานในตอนเพิ่งเข้าร่วมการฝึกกับปัจจุบันก็แตกต่างกัน ครูฝึกหลีรู้สึกถึงความสำเร็จ รู้สึกว่าตัวเขาได้สรรสร้างนักศึกษาหญิงอรชรอ้อนแอ้นคนหนึ่งให้กลายเป็ทหารหญิงสำรองได้!
เชิงอรรถ
[1]隔行如隔山 ต่างวงการราวกับถูกคั่นกลางด้วยขุนเขา หมายถึง ทุกวงการมีความรู้ความเข้าใจที่ต่างกัน คนนอกและในย่อมรับรู้เข้าใจคนละมุมมอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้