ทันใดนั้น ก็มีเสียงสตรีแย่งชิงโคมดอกไม้ลอยมาตามลมแล้วลอยเข้าหูของไป๋เซี่ยเหอ
เนื่องจากมีเสียงหนึ่งที่ฟังดูคุ้นหู
ไป๋เซี่ยเหอจึงช้อนตามองเ้าของเสียงนั้น นางพบว่าหากไม่ใช่ไป๋หว่านหนิงแล้วจะเป็ผู้ใด?
ผู้ที่แย่งชิงโคมดอกไม้กับไป๋หว่านหนิงคือสตรีนางหนึ่งที่สวมชุดกระโปรงยาวสีเขียวน้ำทะเล หน้าตาของนางไม่ได้งามล่มเมือง ทว่าทั่วสรรพางค์กายเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ชวนให้รู้สึกสดชื่นยามอยู่ท่ามกลางบรรดาสตรีจากตระกูลใหญ่
“พี่ไป๋ ท่านจะรังแกผู้คนเกินไปแล้ว”
หลิวอวิ๋นตั่วโมโหเสียจนตาแดงก่ำ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าโคมดอกไม้ดวงนี้เป็ดวงที่นางชอบมาั้แ่แรก
ผู้ที่โมโหไม่ได้มีเพียงหลิวอวิ๋นตั่ว
ไป๋หว่านหนิงกัดริมฝีปากล่าง ตลอดทั้งวันนางพยายามรักษาภาพลักษณ์ต่อหน้าฮั่วิเชิน ไม่แสดงความอิจฉาใดๆ ออกมา
ทว่าหลิวเช่อเฟยผู้นี้ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีจริงๆ
อยากซื้อโคมดอกไม้ก็ซื้อไปสิ ทว่าดันเลือกโคมนกยูงเสียนี่ มันหมายความว่าอย่างไรกัน?
รูปลักษณ์ของนกยูงคล้ายคลึงกับพญาหงส์ อีกทั้งนางดันเลือกนกยูงสีชาดเสียด้วย
หมายความว่าอย่างไร?
้ายั่วยุนางหรือ?
คิดจะแย่งตำแหน่งไท่จื่อเฟยของนางใช่หรือไม่?
หวังพึ่งพาความโปรดปรานเล็กน้อยจากไท่จื่อ หลิวเช่อเฟยมองตนเองสูงส่งเกินไปหน่อยกระมัง
ไป๋หว่านหนิงโมโหจนตัวสั่น ส่วนหลิวอวิ๋นตั่วก็ไม่ยอมแม้แต่น้อย นางอุ้มโคมนกยูงสีชาดไว้ในอ้อมแขน แล้วไปหลบอยู่หลังฮั่วิเชิน โผล่ศีรษะออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“พี่ไป๋ ที่นี่มีโคมดอกไม้เยอะแยะปานนี้ เหตุใดท่านถึงอยากแย่งโคมดอกไม้ที่ไท่จื่อมอบให้ข้าเล่า? หรือท่านยังโกรธที่ไท่จื่อพาข้าออกมาด้วยอย่างนั้นหรือ?”
สีหน้าของฮั่วิเชินมืดมนลงทันที
หัวใจของไป๋หว่านหนิงเต้นโครมคราม นางฝืนยิ้มก่อนจะเอ่ย “จะเป็ไปได้อย่างไร? พวกเราล้วนเป็พี่น้องกันทั้งนั้น ข้าจะโกรธเ้าเพียงเพราะเื่เล็กน้อยนี้ได้อย่างไร? เพียงแต่โคมดอกไม้ดวงนี้ ข้าเองก็ชอบมากเหมือนกัน เพราะฉะนั้นน้องสาวมอบให้ข้าเถิด”
หลิวอวิ๋นตั่วเองก็ไม่ใช่ผู้ที่หลอกง่ายปานนั้น นิ้วขาวนวลชี้ออกไปที่แผงด้านข้าง “ตรงนั้นมีเยอะแยะ ข้ามอบให้พี่สาวทั้งหมด แม้ว่าพี่สาวอยากซื้อทั้งหมดก็ย่อมได้ น้องสาวจะออกเงินให้”
ถ้อยคำที่เอ่ยออกมาฟังดูเปิดเผยและใจกว้าง ทว่าดันทำให้ไป๋หว่านหนิงโมโหจนเจ็บกระเพาะเสียนี่
นางดูขาดแคลนเงินหรือ?
เมื่อฮั่วิเชินเห็นว่าผู้คนเริ่มให้ความสนใจทางด้านนี้มากขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าก็เริ่มอัปลักษณ์ขึ้นมา เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำที่แฝงไปด้วยโทสะ “พอได้แล้ว ก็แค่โคมดอกไม้ดวงหนึ่งไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงต้องเอะอะปานนี้? หากเ้าชอบ ให้ไปหาโคมดอกไม้อีกดวงที่เหมือนกันก็ได้แล้ว”
ไป๋หว่านหนิงแทบจะหายใจไม่ออก
นาง้าเพียงโคมนกยูงที่ไหนกัน? นางเพียงโมโหเช่อเฟยตัวเล็กจ้อยนางหนึ่งเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายคิดจะยั่วยุผู้ที่เป็ถึงว่าที่ไท่จื่อเฟยอย่างนาง!
เมื่อหลิวอวิ๋นตั่วเห็นว่าตนเองสามารถเก็บโคมดอกไม้ที่ชอบเอาไว้ได้ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดใบหน้าก็ประดับไปด้วยรอยยิ้ม “ขอบพระทัยเพคะไท่จื่อ”
หารู้ไม่ว่ารอยยิ้มของนางดูบาดตาเพียงใดในสายตาของไป๋หว่านหนิง
“เอาโคมมาให้ข้า!”
ขณะที่ทั้งสามกำลังเดิน ผู้ใดจะไปคิดว่าจู่ๆ ไป๋หว่านหนิงจะเดินอ้อมฮั่วิเชินเพื่อไปแย่งโคมดอกไม้จากในมือของหลิวอวิ๋นตั่ว
ทว่าหลิวอวิ๋นตั่วเป็ผู้ใดเล่า? นางคลุกคลีอยู่กับพี่ชายสองคนที่รักและเอ็นดูนางมาั้แ่เล็ก จึงมีทักษะบางอย่างติดตัวมาเล็กน้อย
มือเร็วตาเร็วทันที
นางอุ้มโคมดอกไม้ไว้ในอ้อมแขน จากนั้นก็หมุนกายถอยหลัง
ทว่าไป๋หว่านหนิงที่เห็นภาพตรงหน้ากลับไม่ทันรับมือ
เนื่องจากตำแหน่งที่หลิวอวิ๋นตั่วเดินไปเป็ริมทะเลสาบพอดี ระยะห่างระหว่างนางกับไป๋หว่านหนิงคือหนึ่ง่ตัวเท่านั้น
จู่ๆ หลิวอวิ๋นตั่วก็เบี่ยงตัวหลบ กอปรกับไป๋หว่านหนิงพุ่งตัวไปข้างหน้า ทำให้นางหยุดฝีเท้าไม่ทัน ร่างจึงพุ่งลงไปในทะเลสาบ
‘ตู้ม’
หลังเสียงตกน้ำดังขึ้น น้ำก็สาดกระเซ็นเป็วงกว้าง
“แค่กๆ”
สายน้ำอันเย็นเฉียบห่อหุ้มร่างของไป๋หว่านหนิงทันที
อากาศในเดือนสองเดิมทีก็หนาวเย็นอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงการลงไปแช่ในทะเลสาบที่เย็นเยียบเช่นนี้อีก
“แค่กๆ ช่วยข้าด้วย”
ไป๋หว่านหนิงหน้าซีดจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“ว้าย พี่ไป๋ตกน้ำแล้ว ไท่จื่อ ท่านรีบไปช่วยพี่สาวเถิดเ้าค่ะ ไม่อาจให้บุรุษอื่นแตะต้องร่างกายของไท่จื่อเฟยในอนาคตนะเ้าคะ”
เทศกาลดอกไม้ในวันนี้ เหล่าสตรีมากมายล้วนกลัวล้าสมัย ทว่ากลับไม่กลัวเป็ไข้ พวกนาง้าประชันความงาม จึงสวมใส่กระโปรงที่ดูบางเบา
ไป๋หว่านหนิงก็เช่นกัน
เมื่อแช่อยู่ในทะเลสาบ กระโปรงก็แนบติดไปกับร่างของนาง ขับทรวดทรงงดงามของนางให้เด่นชัด
ไป๋หว่านหนิงหน้าซีดกว่าเดิมทันที นางใช้สองมือโอบกอดตนเอง ก่อนจะนั่งยองๆ ลงไป
แม้ว่าน้ำจะไม่ลึก ขนาดนั่งยองๆ น้ำก็ยังสูงไม่ถึงอก ทว่าชายฝั่งอยู่สูงจากผิวน้ำ ไม่ต้องพูดเลยว่าตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์ แม้ว่าจะเป็ในยามปกติ นางก็ไม่อาจปีนขึ้นฝั่งด้วยกำลังของตนเอง
เหล่าผู้ที่เตรียมจะเป็วีรบุรุษช่วยสาวงามได้ก้าวถึงริมฝั่งแล้ว
ทว่าเมื่อได้ยินหลิวอวิ๋นตั่วะโประโยคนี้ออกมา เหงื่อก็ผุดออกมาบนหน้าผาก พวกเขาหยุดฝีเท้าไว้ทันพอดิบพอดี
โชคดีไป!
ไป๋หว่านหนิงทั้งหนาวทั้งโมโห ทั่วสรรพางค์กายหนาวเย็นจนเริ่มสั่น บริเวณท้องน้อยมีความรู้สึกเหมือนถูกเข็มแทง
ไม่ได้เจ็บมาก ทว่าเพียงพอให้หัวใจของนางหนาวเหน็บ
“พี่เชินมาช่วยหนิงเอ๋อร์เร็ว หนิงเอ๋อร์หนาวเหลือเกินเ้าค่ะ”
เมื่อเห็นสีหน้าจวนจะร้องไห้ของไป๋หว่านหนิง ในใจของฮั่วิเชินก็รู้สึกซับซ้อนและสับสนเล็กน้อย
เื่ที่ไท่จื่อเฟยในอนาคตอันเป็สถานะที่ทรงเกียรติยื้อแย่งโคมดอกไม้จากเช่อเฟยนางหนึ่งก็แล้วไปเถิด ทว่านึกไม่ถึงว่าจะแย่งจนตนเองตกทะเลสาบ ทั้งยังถูกผู้คนมากมายเห็นเข้าอีก แล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด?
ตอนนี้ยังต้องให้เขาลงไปช่วยขึ้นมาจากทะเลสาบอีก
อากาศในเดือนสองหนาวเหน็บ น้ำก็เย็นปานนี้ หากเขาหนาวแล้วป่วยขึ้นมาจะทำอย่างไร?
ทว่าหากเขาไม่ลงไปช่วย ก็ไม่มีผู้ใดกล้าลงไปช่วย ยิ่งไปกว่านั้น เขาย่อมไม่อนุญาตให้บุรุษอื่นแตะต้องร่างกายสตรีของเขา
เพราะถือเป็การดูิ่สถานะไท่จื่ออันทรงเกียรติของเขา
“อวิ๋นตั่ว เ้าไปช่วยนางสิ ข้ารู้ว่าเ้าว่ายน้ำเป็”
หลิวอวิ๋นตั่วที่ยืนอยู่ด้านข้างถูกเรียกชื่ออย่างไม่ทันตั้งตัว
ทว่าหลังจากได้ฟังคำกล่าวของฮั่วิเชิน นางก็ก้มหน้า แล้วถอยหลังไปสองก้าวอย่างเงียบเชียบ
“เ้าเองก็ไม่ฟังคำพูดของข้าใช่หรือไม่?”
ฮั่วิเชินโมโหขึ้นมาแล้วจริงๆ ไม่ว่าจะเป็สตรีหนึ่งหรือสองคนก็ไม่คลายกังวลให้เขาเลย ต้องให้เขาเสียหน้าให้ได้ถึงจะหยุดใช่หรือไม่?
สตรีคือสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญจริงๆ
วันนี้เขาไม่น่าออกมากับพวกนางเลย
หลิวอวิ๋นตั่วหดคอ ก่อนจะเงยหน้าที่ดูบอบบางราวกับดอกสาลีต้องหยาดฝน เบ้าตาและปลายจมูกแดงก่ำ ราวกับถูกทำให้น้อยเนื้อต่ำใจอย่างใหญ่หลวง นางดูราวกับกระต่ายน้อยน่ารักตัวหนึ่ง
น้ำเสียงของนางสั่นเครือและเต็มไปด้วยความน้อยอกน้อยใจ “ไท่จื่อทรงทราบหรือไม่ว่าหากเมื่อครู่หม่อมฉันหลบช้า ตอนนี้ผู้ที่ตกไปในทะเลสาบก็จะเป็หม่อมฉัน วันนี้หม่อมฉันสวมชุดตัวบาง หากตกน้ำไปจะยังมีหน้าไปพบผู้คนอีกหรือเพคะ?”
“วันนี้กว่าหม่อมฉันจะรักษาชื่อเสียงอันดีงามเอาไว้ได้ ทั้งยังช่วยรักษาพระพักตร์ของไท่จื่ออีก ทว่าท่านกลับให้หม่อมฉันลงน้ำ...”
หยดน้ำตาขนาดเท่าเมล็ดถั่วไหลออกมาจากเบ้าตา ทำให้ฮั่วิเชินปวดหัวใจตุบๆ เขายกมือเช็ดน้ำตาให้นางอย่างอดไม่ไหว
“ขอโทษ ข้าไม่คิดให้ดีเอง”
------------------------