เซี่ยโม่พยักหน้า “เข้าได้แล้ว โรงเรียนประถมอยู่ใกล้ๆ กับโรงเรียนพี่ พี่จะซื้อจักรยานคันหนึ่ง ไปส่งเราที่โรงเรียนก่อนแล้วพี่ค่อยขี่ไปเรียน”
“ได้เหรอครับ”
“ได้สิ”
เธอมีเงินห้าร้อยหยวนที่ได้จากการขายหมูป่าเก็บไว้ในโกดังสินค้า สามารถอ้างว่าเงินก้อนนี้ได้มาจากการเก็บโสมหรือไม่ก็เจอสมุนไพรหายากในป่า แล้วเธอขอให้พี่ซ่งช่วยนำไปขายและเอาเงินที่ได้ไปซื้อจักรยานมาให้
พี่ซ่งจะต้องช่วยเธอแน่นอน
แต่หากถูกตั้งคำถามว่า ทำไมถึงไม่แบ่งให้อาจารย์ ดูท่าแล้วเธอคงอ้างแบบนี้ไม่ได้
ถ้าขุดเจอจริงๆ ก็ว่าไปอย่าง
เธอปลอบตัวเองในใจ รถขับขึ้นเขาต้องมีทางออก ค่อยๆ คิดไปก็แล้วกัน
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันต่อมาขณะที่เซี่ยโม่กำลังเก็บของในห้องพัก เธอนึกถึงอาหาร ธัญพืช และของที่ได้คืนมาหลังจากถูกพวกหวางหมาจื่อขโมยไป เธอนำพวกมันออกมาจากโกดังสินค้า ทั้งยังถือโอกาสนี้หยิบอย่างอื่นออกมาด้วย
โอกาสที่ดีแบบนี้เธอจะพลาดได้อย่างไร
ทั้งยังหยิบเอาเนื้อแดดเดียว กะละมัง จาน ชามออกมาด้วย เพราะเธอจำได้ว่าของเหล่านี้ถูกพวกหวางหมาจื่อทุบจนพังเสียหายไปไม่น้อย
คุณตาคุณยายไม่มีเงิน หากในบ้านไม่มีของพวกนี้ก็จะลำบาก
เธอเอาออกมาทั้งขนาดเล็กขนาดใหญ่ บอกว่าเป็ของชดใช้ค่าเสียหาย
ขณะที่เธอกำลังย้ายของ คุณปู่จ้าวเอ่ยถามอย่างสงสัย “โม่โม่ ก่อนหน้านี้ของพวกนี้เราเอาไปเก็บไว้ที่ไหน”
“เก็บไว้ที่บ้านเพื่อนค่ะ วันนี้ต้องกลับบ้านแล้วก็เลยไปขนมา”
เหล่าจ้าวพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้สงสัยหรือติดใจอะไร
เสร็จเรียบร้อย เซี่ยโม่นึกถึงเื่ที่รับปากน้องชายเอาไว้ เธอเลยออกไปซื้อเนื้อหมูมาหนึ่งกิโลกรัม ทั้งยังซื้อซาลาเปาไส้เนื้อมาอีกสิบกว่าลูก เพราะกลัวว่าตอนเที่ยงตอนที่พี่ซ่งมารับ อาจจะพาเพื่อนมาด้วย และอาจจะยังไม่ได้กินข้าวกัน
แค่มีซาลาเปาไส้เนื้อร้อนๆ ก็เอาอยู่
เซี่ยเฉินเฟิงตัวน้อยเห็นเธอกลับมาพร้อมซาลาเปาไส้เนื้อ แววตาพลันเป็ประกาย
หลังจากให้น้ำเกลือเสร็จก็ถามหยั่งเชิง “พี่ครับ ผมอยากกินซาลาเปาไส้เนื้อ”
“อยากกินก็กิน” เธอเช็ดมือให้น้องชาย ก่อนจะยื่นซาลาเปาให้หนึ่งลูก
จากนั้นหันไปถามคุณปู่ “อาจารย์ก็กินด้วยสิคะ”
“ฉันยังไม่หิว ค่อยรอกินพร้อมทุกคน”
ขณะที่ศิษย์อาจารย์กำลังพูดคุยกันก็มีคนเปิดประตูเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย
เป็ตำรวจหนุ่มนายหนึ่ง ที่ตามมาด้านหลังคือซ่งมู่ไป๋
เซี่ยโม่มีสีหน้างุนงง ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น
“ผมมาบอกข่าวดีกับพวกคุณ” ตำรวจหนุ่มที่ในมือถือแฟ้มคดีกล่าวขึ้น
เธอใจเต้นรัว หรือผลการตัดสินจะออกมาแล้ว?
ตำรวจหนุ่มเปิดแฟ้มแล้วอ่านสำนวนคดี “หวางหมาจื่อลักทรัพย์และทำร้ายผู้อื่นจนได้รับอันตรายสาหัส ถูกตัดสินจำคุกสิบปี พวกอีกสองคนถูกตัดสินจำคุกห้าปี หวางลี่ลี่ซึ่งเป็คนคอยยุยงส่งเสริมจะถูกนำตัวไปทำงานที่ค่ายแรงงานเป็เวลาสามเดือน เนื่องจากมีข้าวของเสียหายไม่น้อยและมีคนได้รับาเ็จนต้องเข้าโรงพยาบาล จำเลยจะต้องชดใช้เงินค่าเสียหายจำนวนสองร้อยหยวน นี่คือผลการตัดสินที่ออกมา”
ได้ยินดังนั้น เธอยิ้มดีใจ ท้องฟ้าในโลกของเธอกลับมาสว่างสดใสอีกครั้ง
“ขอบคุณคุณตำรวจมากค่ะ”
นึกถึงวันนั้น เธออับจนหนทางจนไม่รู้จะทำอย่างไร เธอมีวันนี้ได้ก็เพราะพี่ซ่งให้ความช่วยเหลือ
ก่อนมาที่นี่ชายหนุ่มต้องไปสถานีตำรวจมาแน่ๆ ถึงได้มาพร้อมเ้าพนักงาน
คิดได้ดังนั้นเธอจึงหันไปส่งสายตาขอบคุณให้แก่ชายหนุ่ม
“ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว งั้นฉันกลับก่อนนะ” ตำรวจหนุ่มหันไปเอ่ยกับซ่งมู่ไป๋หลังบอกผลการตัดสินคดีจบ
ซ่งมู่ไป๋ยิ้มพร้อมยื่นมือไปจับกับอีกฝ่าย “ขอบคุณมาก”
“ไม่ต้องเกรงใจ แล้วอีกอย่างนายก็ขอบคุณฉันไปแล้ว”
เอ่ยจบ ตำรวจหนุ่มก็เดินออกจากห้องพักไป
ซ่งมู่ไป๋ยิ้มกัดฟันด้วยสีหน้าจนปัญญา
เซี่ยโม่มองทั้งสองคน คิดในใจว่าทำไมท่าทางของพวกเขาถึงดูแปลกๆ
ความจริงแล้ว่เช้าซ่งมู่ไป๋นำหมูตุ๋นที่เก็บไว้ให้เซี่ยโม่กับน้องชายไปอุ่นให้ร้อน ก่อนจะใส่ในกล่องอาหาร แล้วเอาไว้ในรถ
่เช้าเขาขับรถไปที่สถานีตำรวจ ไปรับตำรวจหนุ่มรายนี้เพื่อจะพามาที่โรงพยาบาลด้วย
หลังจากตำรวจหนุ่มขึ้นมาบนรถก็ได้กลิ่นหอมของหมูตุ๋น มองหาไปทั่วรถก็เจอว่ามีกล่องอาหารวางอยู่บนเบาะข้างที่นั่งคนขับ เปิดออกดู ในนั้นมีทั้งหัวหมู ขาหมู และไส้หมู
นี่คือของดีเชียวนะ ตำรวจหนุ่มกลายร่างเป็จะกละ สวาปามหมดไปครึ่งกล่อง
ของขวัญที่จะเอาไปสร้างความประทับใจเซี่ยโม่กับน้องถูกกินจนหมดไปครึ่ง แม้ในใจจะสุดเซ็ง หากซ่งมู่ไป๋ก็ทำอะไรไม่ได้
ใครใช้ให้เขามาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนคนนี้ล่ะ ขอความช่วยเหลือแล้วจะงกไม่ให้ของตอบแทนก็ไม่ได้
แต่เื่ยุ่งยากใจเล็กน้อยแค่นี้ เขาไม่มีความจำเป็ต้องเล่าให้เด็กสาวฟัง
ชายหนุ่มรีบปรับอารมณ์แล้วเปลี่ยนเื่ “ทำเื่ออกจากโรงพยาบาลหรือยัง”
เซี่ยโม่พยักหน้า “เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“แล้วเก็บของเสร็จหรือยัง” เขาถามต่อ
เด็กสาวชี้ไปบนเตียง
เขามองตามมือที่ชี้ไป พบว่าบนนั้นมีข้าวของวางกองอยู่เต็มไปหมด
“เยอะขนาดนี้เลย?”
เซี่ยโม่พยักหน้า ชายหนุ่มดูคุ้นเคยกับตำรวจคนนั้น เธอจึงไม่กล้าโกหก อธิบายออกไปว่า “ของพวกนี้มีบางอย่างที่ซื้อใหม่ มีบางอย่างที่ตำรวจคืนให้ และมีบางอย่างที่ซื้อเพราะต้องใช้ตอนอยู่โรงพยาบาล พวกเราช่วยกันขนของออกไปเถอะค่ะ”
ซ่งมู่ไป๋นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานเด็กสาวได้เงินจากการขายเนื้อหมูไปตั้งเยอะ จะเอาไปซื้อของเยอะหน่อยก็เป็เื่ปกติ เขาจึงพยักหน้ารับ “ได้”
พวกเธอช่วยกันขนของ แม้แต่พยาบาลยังมาช่วย ไม่นานก็ขนเสร็จ
ในตอนนี้ถึงค่อยเห็นว่ารถที่ชายหนุ่มขับมาเป็รถกระบะขนของขนาดใหญ่
ตอนแรกคิดไว้ว่าจะเอาของใส่ในรถพี่ซ่ง ส่วนเธอกับน้องชายขี่จักรยานตามไป แต่นี่มันเกินกว่าที่เธอคาดเอาไว้เสียอีก
ยุคนี้บนถนนยังมีจำนวนรถไม่มาก แล้วยิ่งเป็รถที่ยืมมา ไม่รู้ว่าชายหนุ่มไปยืมมาจากไหน
ที่ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจอีกอย่างคือไม่มีคนขับรถ เธอเลยลองถามชายหนุ่ม “พี่ซ่ง คนขับรถไปไหนล่ะคะ”
ชายหนุ่มยืดอกตอบ “ฉันไง ทำไม ฉันไม่เหมือนคนขับรถเหรอ”
ยุคนี้ยังมีรถน้อย อาชีพคนขับรถจึงเป็อาชีพที่ได้รับความนิยม ทั้งยังเป็อาชีพที่ต้องใช้ทักษะอย่างมาก
หากไม่ใช่คนที่ยึดอาชีพนี้ มีน้อยคนที่จะขับรถเป็
“พี่ซ่ง พี่ขับรถเป็ด้วยเหรอคะ”
ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปาก “เป็ั้แ่เมื่อหลายปีก่อนแล้ว ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร”
เป็ั้แ่เมื่อหลายปีก่อน? ตอนนี้พี่ซ่งเพิ่งจะอายุสิบเก้าเองไม่ใช่หรือ ฐานะพี่ซ่งต้องไม่ธรรมดาแน่
ที่นั่งในห้องโดยสารกว้างมาก เธออุ้มน้องชายขึ้นไปนั่งตรงกลางเบาะ ส่วนคุณปู่จ้าวนั่งริมหน้าต่าง
พอซ่งมู่ไป๋เหยียบคันเร่ง รถก็เคลื่อนตัวไปข้างหน้า
เธอคือคนที่ได้กลับชาติมาเกิดใหม่ย่อมต้องขับรถเป็อยู่แล้ว เห็นชายหนุ่มเปลี่ยนเกียร์และหมุนพวงมาลัยอย่างชำนาญ คิดในใจว่าอีกฝ่ายน่าจะเคยขับอยู่บ่อย แต่พี่ซ่งทำงานที่สถานีรถไฟไม่ใช่หรือ หรือทำงานเสริมเป็คนขับรถด้วย?
เธอนึกถึงของมากมายในบ้านชายหนุ่ม อย่าบอกนะว่าของพวกนั้นไม่เพียงถูกขนมาทางรถไฟ แต่ยังมีของที่ขนมาทางรถยนต์ด้วย?
ไม่เช่นนั้นทำไมถึงมีบ้านในตำบลด้วยล่ะ?
ยุคนี้หากคนธรรมดาถูกจับได้ว่าไปซื้อหรือขายของในตลาดมืดจะถูกยึดทรัพย์ และถูกประณามต่อหน้าผู้คน ชื่อเสียงถูกทำลายไม่เหลือ
พี่ซ่งน่าจะมีคนหนุนหลังดี เลยไม่กลัวพวกยุวชนแดงที่คอยจ้องเล่นงานคนที่ไปทำการซื้อขายในตลาดมืด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้