สองอาทิตย์ให้หลัง
เื่แผนงานรั่วไหลเริ่มซาลงสถานการณ์ของเครือเฉิงอันจึงเริ่มกลับสู่สภาพปกติ
ถึงทางบริษัทจะไม่ได้ออกมาประกาศอย่างเป็ทางการแต่ทุกคนก็ลือกันหมดว่าลั่วเสี่ยวซีเป็คนแพร่งพรายเื่นี้ อีกทั้ง่นี้เธอก็ไม่ได้มาบริษัทอีกเลยนั่นทำให้ข่าวลือดูน่าเชื่อถือเข้าไปใหญ่
แทบไม่มีใครรู้เลยว่าเสี่ยวฉินกำลังแอบสืบเื่นี้อยู่อย่างลับๆแต่ผลที่ได้จากการสืบนั้นเป็สิ่งที่ซูอี้เฉิงเองอยากรู้แต่ก็คงไม่อยากให้มันเป็เช่นนี้
ส่วนตัวเขาเองแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาจึงยังไม่ได้แจ้งซูอี้เฉิงทันทีที่พบความจริง
ไม่รู้ว่าจางเหมยไปรู้เื่มาจากไหนเธอจึงเดินเข้ามาหาเสี่ยวเฉินในห้อง่พักเที่ยง
เมื่อก่อนทั้งสองคนเคยทำงานร่วมกันคนหนึ่งเป็หัวหน้าเลขา อีกคนเป็ผู้ช่วยพิเศษทั้งคู่ต่างเป็คนที่รู้จักนิสัยของซูอี้เฉิงดีที่สุด คุยกันบ่อยที่สุดความสัมพันธ์ของพวกเขาจึงเรียกได้ว่าสนิทกว่าเพื่อนร่วมงานทั่วไปทว่าตอนนี้เสี่ยวเฉินกำลังมองจางเหมยนั้นราวกับเห็นคนแปลกหน้าเหมือนเพิ่งเคยเจอเธอเป็ครั้งแรก
จางเหมยเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี“เสี่ยวเฉิน นายสืบได้เื่ว่ายังไง”
“คนที่เปิดเผยข้อมูลคือเธอ”เสี่ยวเฉินทำสีหน้ายุ่ง “จางเหมย ที่แท้ก็เป็เธอคนที่ปล่อยข่าวว่าคุณหนูลั่วเป็คนทำเื่นี้ก็คงเป็เธออีกใช่ไหม”
จางเหมยตอบสีหน้านิ่งเฉย“นายมากล่าวหาฉันแบบนี้ได้ยังไง? มีหลักฐานหรือเปล่า?””
“หลักฐานงั้นเหรอ?” เสี่ยวเฉินวางเอกสารกับรูปภาพเป็ปึกลงตรงหน้า“วันรุ่งขึ้นหลังจากคุณหนูลั่วไปงานเลี้ยงฉลองเธอก็ไปหาฉินเว่ยพวกเธอลอบนัดกันที่ชานเมือง ให้มันได้อย่างนี้สิจางเหมยฉันนึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็เธอ”
คราวนี้จางเหมยมั่นใจแล้วว่าเขาคงมีหลักฐานมัดตัวเธอได้แน่จึงถอนหายใจยาว
“ที่นายโมโหแบบนี้ เพราะชอบฉันใช่หรือเปล่า”
คำพูดง่ายๆแต่ทำให้เสี่ยวเฉินนิ่งชะงัก แววตาของเขาดูสับสน
“เสี่ยวเฉินพวกผู้ชายมักชอบคิดว่าตัวเองซ่อนความรู้สึกเก่ง” จางเหมยยิ้ม“แต่ที่จริงผู้หญิงสมัยนี้เซ้นส์แรงกันทั้งนั้น นายคิดว่าจะหลอกฉันได้งั้นเหรอเื่ที่นายชอบฉัน ฉันรู้ตั้งนานแล้ว”
“ทำไมเธอต้องพูดเื่นี้ตอนนี้ด้วย”เสี่ยวเฉินถาม
“เพราะตอนนี้ฉัน้าความช่วยเหลือจากนาย”จางเหมยปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตก่อนจะขยับเข้ามาใกล้“ขอแค่นายยอมปิดบังเื่นี้เป็ความลับและทำลายหลักฐานทั้งหมดนายอยากให้ฉันทำอะไรก็ได้”
เสี่ยวเฉินเบือนสายตาหนี“ฉันทำไม่ได้”
“ฉันจะบอกความจริงให้ก็ได้นี่เป็แผนการที่ฉันกับฉินเว่ยช่วยกันคิดทำแบบนี้ลั่วเสี่ยวซีก็จะไม่สามารถคบกับซูอี้เฉิงฉันกับฉินเว่ยก็จะได้คนที่้า” จางเหมยจับมือของเสี่ยวเฉินขึ้นมา“นายชอบฉันไม่ใช่เหรอ ช่วยฉันสิ แล้วนายเองก็จะได้ฉันไปเหมือนกัน”
“จะบอกว่าเธอกับฉินเว่ยเป็คนสร้างเื่ทุกอย่าง? ฉินเว่ยจงใจมอมเหล้าคุณหนูลั่วทำให้เธอสับสนว่าตกลงตัวเองพูดเื่แผนงานออกไปหรือเปล่าส่วนเธอก็เป็คนเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดทำให้ทุกคนเข้าใจผิดว่าเป็ฝีมือของคุณหนูลั่วงั้นเหรอ?”
“เดิมทีฉินเว่ยตั้งใจให้ลั่วเสี่ยวซีพูดออกจากปากตัวเอง”จางเหมยยิ้มหยัน “แต่เธอไม่ยอมพูด น่าขำชะมัด ทั้งที่เมาขนาดนั้นแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังไม่ยอมปริปากสุดท้ายเลยต้องถึงมือฉัน เสี่ยวเฉิน ถ้านายช่วยฉันครั้งนี้ฉันอยู่กับนายสามเดือนเลยเป็ไง?”
เสี่ยวเฉินหลับตาลง
ใช่ว่าเขาไม่หวั่นไหวเขาชอบจางเหมยจริงอย่างที่ว่า แต่ตอนที่รู้ความจริงของเื่ทั้งหมด จางเหมยคนนั้นได้ตายจากใจเขาไปแล้วยิ่งเธอเอาตัวเองออกมาขายแบบนี้มันทำให้เขารู้ตัวว่าที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้จักตัวตนของเธอเลย
ว่าแล้วเขาจึงสะบัดมือเธอออกก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องทำงานของซูอี้เฉิง
วินาทีนั้นจางเหมยเปลี่ยนเลิกแสร้งทำเป็น่าสงสารอีกต่อไป และรีบกดโทรศัพท์หาพ่อของตน
สามวันถัดมาจางเหมยก็ยื่นเื่ขอลาออก เครือเฉิงอันจึงเริ่มวุ่นวายอีกครั้ง
เคยมีคนในบริษัทพูดไว้ว่าไม่ว่าใครจะลาออกคนคนนั้นคงไม่ใช่จางเหมย หลังจากโดนย้ายมาอยู่ฝ่ายการตลาดเธอก็ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างอดทน จนทุกคนคิดว่าเธอคงไม่มีทางลาออกแน่คงจะคอยตามตื๊อซูอี้เฉิงไปตลอด
แต่พอเธอมาลาออกอย่างกะทันหันแบบนี้ทุกคนจึงอดฮือฮาไม่ได้
บางคนก็ลือว่า เพราะจางเหมยทนความหมางเมินของซูอี้เฉิงกับคำนินทาของเพื่อนร่วมงานไม่ไหวอีกแล้วจึงลาออกไป
แต่เพราะ่ที่ผ่านมาเพิ่งเกิดเื่จางเหมยเองก็อยู่ในทีมวางแผนงานจึงมีหลายคนสงสัยว่าแท้ที่จริงแล้วจางเหมยต่างหากที่เป็หนอนบ่อนไส้แต่ความคิดนี้ก็มีหลายคนที่ไม่เชื่อ
อย่างแรกเลยเพราะจางเหมยชอบซูอี้เฉิงมากทุกคนต่างรู้กันดี การที่เธอจะทำเื่แบบนี้จึงเป็ไปได้ยาก อย่างที่สองคือต่อให้จางเหมยเป็คนเปิดเผยข้อมูลจริง ซูอี้เฉิงจะปล่อยเธอไปง่ายๆ แบบนี้เหรอ? อย่างน้อยเธอก็คงต้องถูกฟ้องร้องใช่ไหมล่ะ?
ทางบริษัทเองก็ไม่ได้ออกมาชี้แจงอะไรทำให้เื่นี้กลายเป็เื่คุยแก้เครียดของพนักงานในยามว่าง มีคนพูดขึ้นมาว่าหากจางเหมยเป็คนทำเื่นี้จริง งั้นลั่วเสี่ยวซีก็กลายเป็แพะรับบาปไปเต็มๆไม่รู้ว่า่นี้เธอจะเป็อย่างไรบ้าง
ในความจริงแล้วลั่วเสี่ยวซีดีขึ้นได้สักระยะแล้ว
เื่ที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อเธอมากแต่ไม่กี่วันให้หลัง รอยยิ้มก็กลับมาสู่ใบหน้าเธออีกครั้งมีเพียงนิสัยที่ดูจะนิ่งขึ้น ถึงแม้จะยังชอบล้อเล่นอยู่บ่อยๆแต่ก็รู้จักขอบเขตมากกว่าเดิม
เธอยังคงชอบแต่งตัวสวยเหมือนเดิมแต่ก็เพลาลงเยอะมาก หนุ่มๆ ทั้งหลายจึงไม่ค่อยกล้าเข้ามาตีสนิทอย่างทุกทีได้แต่มองอยู่ห่างๆ เสียมากกว่า
เธอใช้เวลาครึ่งเดือนในการปรับนิสัยการพักผ่อนของตัวเองเธอนอนเร็วตื่นเช้าทุกวันพอสุดสัปดาห์ก็นัดูเี่อันออกไปชอปปิ้งเดินเล่นทั้งบ่าย เธอยังคงสวยเด่นสะดุดตาแต่บุคลิกเรียบร้อยน่าค้นหามากขึ้นกว่าเดิม
ูเี่อันเคยคิดว่าลั่วเสี่ยวซีดูเปลี่ยนไปแต่ก็นึกไม่ออกว่าเปลี่ยนไปอย่างไร มาวันนี้เธอรู้แล้วว่าลั่วเสี่ยวซียังเป็คนเดิมเพียงแต่เธอโตขึ้น นิ่งขึ้นหลังผ่านประสบการณ์บางอย่าง
ูเี่อันบอกเื่ที่จางเหมยลาออกจากเฉิงอันให้ลั่วเสี่ยวซีฟังแต่เธอก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรเป็พิเศษ
เพราะไม่ว่าจางเหมยจะลาออกหรือไม่หลังจากซูอี้เฉิงโทรหาเธอวันนั้น เขาก็ไม่เคยติดต่อเธอมาอีกเลยเธอเองก็ไม่กล้าไปยุ่มย่ามกับเขาเช่นกัน
ซูอี้เฉิงสลัดเธอทิ้งอย่างสิ้นเชิงแล้ว
เื่ที่เกิดขึ้นเป็ปัญหาภายในของเครือเฉิงอันก็จริงแต่ในวงการธุรกิจก็พูดกันปากต่อปาก ประธานลั่วเองก็รู้เื่มาบ้างแถมยังรู้ดีว่าเื่นี้ลั่วเสี่ยวซีมีส่วนพัวพัน
คืนนั้นเขาจึงโทรศัพท์สั่งให้ลั่วเสี่ยวซีกลับไปที่บ้าน
ลั่วเสี่ยวซีไม่ได้กลับบ้านมากว่าครึ่งเดือนจู่ๆ พ่อก็โทรมาแบบนี้ เธอพอเดาออกว่าเกิดเื่อะไรหลังออกจากบริษัทเธอจึงขับรถกลับบ้านทันทีแต่ไม่นึกเลยว่าสิ่งที่พ่อจะพูดกับเธอเป็อย่างแรกคือเื่การแต่งงานของเธอกับฉินเว่ย
“ไม่มีทางค่ะพ่อ!”แววตาของเธอเด็ดขาดไร้เยื่อใย “ถ้าพ่อจะให้หนูแต่งงานกับฉินเว่ย ฆ่าหนูเลยดีกว่า!”
ประธานลั่วมองดูการเติบโตของลูกสาวมาโดยตลอดลูกคนนี้ั้แ่เด็กก็ชอบหาเื่ไม่เว้นแต่ละวันแต่ก็มักจะมีรอยยิ้มเปื้อนหน้าอยู่เสมอนี่เป็ครั้งแรกที่ลูกทำสีหน้าแบบนี้ต่อหน้าเขา
“เสี่ยวซีตอนนี้ลูกกับซูอี้เฉิงไม่มีทางคบกันได้อีกแล้ว!” ประธานลั่วพูดเสียงเฉียบ“ฉินเว่ยเป็ตัวเลือกที่ดีที่สุดของลูก!”
“มีแต่พ่อคนเดียวที่คิดแบบนั้น”ลั่วเสี่ยวซีะโ “หนูไม่ชอบฉินเว่ย!ั้แ่เกิดมาเื่ที่หนูเสียใจที่สุดคือการรู้จักกับเขา!ถ้าพ่ออยากให้หนูแต่งงานกับเขาเพื่อผลประโยชน์ของบริษัท ก็เท่ากับบีบให้หนูไปตายพ่อคะ หนูขอร้อง อย่าบังคับหนูเลย”
“เื่ที่แผนงานรั่วไหลออกไปลูกโทษฉินเว่ยได้งั้นเหรอ?”ประธานลั่วถาม “นั่นเป็เพราะลูกเมาจนหลุดปากออกไปเอง”
“แต่ฉินเว่ยแกล้งทำเป็ไม่ได้ยินหรือไม่ใช้แผนงานของซูอี้เฉิงก็ได้นี่คะ”ลั่วเสี่ยวซียกมือกุมหน้า “พ่อไม่รู้หรอกว่าหนูเสียใจมากแค่ไหนหลังจากเกิดเื่หนูอยากจะฆ่าฉินเว่ยด้วยซ้ำ ที่ครึ่งเดือนมานี้หนูไม่ได้กลับมาที่บ้านก็เพราะไม่อยากให้พ่อกับแม่มาเห็นสภาพของหนู”
“ลูกไม่ยอมสืบทอดกิจการของตระกูลแล้วจะให้พ่อทำยังไง?”ประธานลั่วนั่งลงอย่างเหนื่อยใจ “เสี่ยวซี ถ้าลูกอยากได้ชีวิตที่ดีไปพร้อมๆ กับการมีอิสระอย่างเต็มที่พ่อให้ไม่ได้”
ลั่วเสี่ยวซีเข้าใจในความลำบากของพ่อเธอนั่งลงก่อนจะกอดเขา
“พ่อคะพ่อไม่ต้องห่วงอนาคตของหนูนะ ดูสิ ตอนนี้หนูมีงานทำไม่ช้าก็สามารถเลี้ยงดูด้วยเองได้แล้ว อีกหน่อยถ้าพ่ออยากเกษียณหนูอาจจะเปลี่ยนใจมาช่วยงานพ่อก็ได้ แต่ถ้าพ่อหาลูกเขยมาดูแลบริษัทแทน ร้ายที่สุดคนคนนั้นอาจจะขายบริษัทเราทิ้งก็ได้นะคะ หนูสัญญาว่าชีวิตของหนูในอนาคตจะต้องดีไม่แพ้ตอนนี้ พ่อไม่ต้องเป็ห่วงหนูแล้วนะคะหนูดูแลตัวเองได้แล้ว”
ประธานลั่วเริ่มน้ำตาคลอถ้าเป็เมื่อก่อน เสี่ยวซีคงไม่มีทางพูดกับเขาแบบนี้ เธอคงพูดปฏิเสธอย่างเอาแต่ใจถ้าเขาบังคับมากๆ ก็คงหนีหายไม่ยอมกลับบ้าน
“เสี่ยวซีแต่พ่อก็ยังอยากให้ลูกแต่งงานกับฉินเว่ยอยู่ดี เขาชอบลูกมากอย่างน้อยเขาก็รักหนูมากกว่าซูอี้เฉิง” ประธานลั่วอยากให้มีคนคอยรักลูกสาวของเขา เหมือนที่เขารักไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเป็ร้อยปีก็ตาม
“แต่ตอนนี้พ่อจะไม่บังคับเราถ้าวันไหนลูกเปลี่ยนใจแล้วก็มาบอกพ่อ ได้หรือเปล่า?”
ลั่วเสี่ยวซีกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไปเธอพยักหน้าพลางร้องไห้ก่อนจะกอดพ่อเอาไว้แน่น
“พ่อคะหนูจะไม่เอาแต่ใจอีกแล้ว หนูจะตั้งใจทำงาน จะไม่ทำให้ตระกูลเราต้องขายหน้าอีก”
“หืม”ประธานลั่วยกมือเช็ดน้ำตาให้ลูกสาว “ลูกสาวสุดที่รักของพ่อโตขึ้นเยอะเลยนะงั้นพ่อจะไม่ปิดบังเื่นั้นกับลูกอีกแล้ว”
ลั่วเสี่ยวซีทำสีหน้าจริงจัง“ตลอดหลายปีที่ผ่านมาพ่อปิดบังอะไรหนูคะ? หรือว่าหนูไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อ?”
“พูดอะไรมั่วซั่ว!”ประธานรั่วจิบชาก่อนเอ่ย “ที่จริงแล้วคืนนั้น ซูอี้เฉิงมาหาพ่อ”
ประธานลั่วเล่าเื่ที่เขาคุยกับซูอี้เฉิงให้ลั่วเสี่ยวซีฟังจนหมด
หลังฟังจบลั่วเสี่ยวซีรู้สึกหัวใจหนักอึ้งจนแทบหายใจไม่ออก
ซูอี้เฉิงพูดจริงคืนนั้นที่เขาบอกว่าจะลองคบกับเธอเขาตั้งใจไว้อย่างนั้นจริงๆ เธอเคยสงสัยเขาทว่าตอนนี้เธอเชื่อแล้วหมดใจ
แต่ถึงอยางนั้นมันจะไปมีประโยชน์อะไร? มันสายไปแล้ว
“พ่อคะ”ลั่วเสี่ยวซีเช็ดน้ำตาพลางมองหน้าพ่อของตน “หนูกับซูอี้เฉิงเหมือนมีบุญแต่กรรมบังเขาอุตส่าห์ยอมรับหนูแล้ว แต่หนูกลับทำเื่ทุกอย่างพังหมดแล้วพวกเราคงไม่มีทางเป็ไปได้อีกแล้ว พ่อคงดีใจล่ะสิ”
ประธานลั่วมองหน้าผ่ายผอมของลูกสาว
“ลูกไม่ดีใจแล้วพ่อจะดีใจได้ยังไง ถ้าจะเป็นางแบบก็อย่าผอมไปมากกว่านี้เลยถ้าลูกผอมกว่านี้พ่อคงผอมไปด้วยแน่ๆ”
“คนรุ่นพ่อไม่เข้าใจหรอกค่ะ”ลั่วเสี่ยวซีเอ่ย “สมัยนี้คนเขาไม่นิยมสาวผอมแห้งกันแล้ว เขานิยมสาวๆ ที่มีกล้ามท้องกับทรวดทรงองเอวแบบหนูนี่!”
ประธานลั่วหัวเราะออกมา“ลูกจะเล่นกล้ามหรืออะไรก็ตาม ก็อย่าเล่นมากไปจนพ่อกับแม่ต้องใล่ะ”
“เื่แค่นี้เองพ่อ”ลั่วเสี่ยวซียิ้มตาม “งั้นคราวหน้าที่กลับมาบ้านหนูจะทำให้พ่อกับแม่ใให้ดู!”
“นี่พ่อนะกลัวเราที่ไหน แน่จริงพรุ่งนี้ก็กลับมาเลยสิ!”
“หนูก็ไม่กลัวพ่อเหมือนกัน”ลั่วเสี่ยวซีหัวเราะคิกคัก ก่อนจะยอมตกลงไปในหลุมที่พ่อของเธอขุดเอาไว้
“พรุ่งนี้กลับก็กลับสิคะต่อไปหนูจะกลับบ้านทุกวันเลย!”
