ฉือซู่มองไปที่ฉือหางด้วยความประหลาดใจ ขณะที่เขากำลังจะพูด ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยินฉือหางพูดต่อ "เตียงล้อมรอบด้วยโคลนและหิน ตรงกลางมีช่องทางหนึ่งช่อง ตราบใดที่มีช่องไฟอยู่ข้างๆ เตา ความร้อนจะส่งผ่านเข้าไปแล้ว"
ฉือหางมองไปที่ใบหน้าที่สับสนของฉือซู่ แล้วเอ่ยว่า "ถ้าพี่ชายใหญ่ไม่เข้าใจ พี่เข้ามาดูได้ว่าทำอย่างไร"
"ตกลง" พอฉือซู่เข้ามาพร้อมกับฉือหาง สมองของเขาก็คิดตรึกตรองอย่างไว
หมายความว่าเ้าสามไม่้าทำเตียงเตาให้กับท่านแม่งั้นหรือ?
ฉือซู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย โดยปกติเขาสมองช้ามาโดยตลอด "น้องสาม เ้าไม่อยากช่วยท่านแม่ทำเตียงเตาหรือ?"
“ข้าไม่ไปแล้ว” ฉือหางก้มหน้าลงเล็กน้อย นึกถึงสิ่งที่โจวซื่อพูดเมื่อวานนี้ คิ้วพลันขมวดมุ่น “ศีรษะของโต้ซาแตก ข้าจะต้องดูแลโต้ซา”
โดนประโยคนี้ปิดกั้น ฉือซู่ถึงกับพูดไม่ออก ใครใช้ให้คนที่ทำให้ศีรษะของโต้ซาแตกเป็ลูกชายของเขาละ?
เดิมทีฉือซู่้าแสร้งทำว่าเขาทำไม่เป็ ถึงเวลานั้นเ้าสามจะได้ไปช่วยท่านแม่ทำเตียงเตา แต่ตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะมีความคิดอื่น เพียงรับฟังฉือหางอย่างจริงจัง
หลังจากฉือหางส่งฉือซู่กลับไป หลินกู๋หยู่วางน้ำแกงลงบนโต๊ะ นางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม "ทำไมเ้าไม่ช่วยละ?"
"ข้าไม่อยากไป" ฉือหางหยิบชามและตะเกียบขึ้น สังเกตเห็นการจ้องมองของหลินกู๋หยู่ จึงเงยหน้าขึ้นมอง จากนั้นก้มศีรษะลงอย่างเงียบๆ แล้วเอ่ยเสียงเรียบ "วันนี้จะไปซื้อยาให้โต้ซาไม่ใช่หรือ?”
“อืม” หลินกู๋หยู่ตอบ ลดสายตาเพื่อเก็บรอยยิ้มในดวงตา ก้มหน้าลงกินอาหารอย่างเงียบๆ
นำเงินสามตำลึงไปด้วย ถึงแม้พวกเขาจะทำงานได้เงินมาด้วยความยากลำบาก กระนั้นก็ต้องใช้อย่างชาญฉลาด
ฉือหางอุ้มโต้ซาที่ห่อด้วยเสื้อผ้าเรียบร้อย เห็นว่าหลินกู๋หยู่สวมเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยจึงเอ่ย "ไปกันเถอะ"
หลินกู๋หยู่ลงกลอนประตูบ้านทุกบานแล้วเดินตามฉือหางเข้าไปในเมือง
อากาศวันนี้ดีมาก แสงแดดสาดมายังพวกเขาให้ความอบอุ่น
เมื่อมาถึงเมืองก็ผ่านโรงหมอตระกูลลู่ ฉือหางหันศีรษะไปมองหลินกู๋หยู่ "ไปที่โรงหมอตระกูลลู่ เ้าไม่ได้ไปที่นั่นนานแล้ว"
ใบหน้าของหลินกู๋หยู่ชะงักชั่วคราว จากนั้นก็ส่ายศีรษะ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก "อย่าไปเลยดีกว่า เปลี่ยนเป็ที่อื่นเถอะ"
พูดจบหลินกู๋หยู่ก็ดึงฉือหางกำลังจะจากไป
“หมอหลิน!” ทันใดนั้นเสียงที่คุ้นเคยแว่วดังมาจากด้านหลัง
เมื่อได้ฟังเสียงนั้น หลินกู๋หยู่ก็ตัวแข็งทื่อ หันศีรษะช้าๆ มุมปากยกขึ้นอย่างผิดธรรมชาติ "เสี่ยวซื่อ"
“หมอหลิน ไม่เจอกันนาน!” เสี่ยวซื่อมองหลินกู๋หยู่ด้วยรอยยิ้มละไม เมื่อเขาเห็นฉือหางก็เรียกด้วยความเคารพนบนอบ “พี่เขย”
เมื่อฉือหางได้ยินสองคำนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ชัดเจน ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย
“พี่ไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว แม้แต่หมอตู้ก็คิดถึงพี่เช่นกัน” เสี่ยวซื่อพูดด้วยรอยยิ้ม “หลังจากที่พี่ไม่มา พี่ไม่รู้ว่าหมอตู้ชอบเอ่ยชื่นชมพี่มากแค่ไหน”
หลินกู๋หยู่ยิ้มอย่างเขินอาย นางเอนตัวพิงด้านข้างฉือหาง "วันนี้เราสามคนเข้ามาในเมืองเพื่อเดินเล่นเท่านั้น"
“เช่นนั้นก็ประจวบเหมาะ” เสี่ยวซื่อพูดอย่างมีความสุข “ประจวบเหมาะที่จะเข้ามานั่งในโรงหมอสักพัก นายน้อยก็พูดถึงพี่บ่อยๆ!”
หลินกู๋หยู่ยิ้มและส่ายศีรษะ "ไม่แล้ว พวกเรากำลังรีบ!"
“เข้ามาดื่มน้ำชาสักถ้วยเถอะ!” เสียงที่อ่อนโยนราวกับหยกดังมาจากที่ไกล
เมื่อมองตามเสียงนั้น หลินกู๋หยู่เห็นลู่จื่อยู่เดินช้าๆ มาทางนี้
ชายหนุ่มในชุดสีขาวท่ามกลางฝูงชนดูโดดเด่น รูปร่างสูงใหญ่หล่อเหลา “ไม่ได้เจอกันนาน ท่านปู่ยังพูดถึงเ้าบ่อยๆ”
หลินกู๋หยู่ลดศีรษะลงเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองลู่จื่อยู่ จากนั้นลดศีรษะมองไปด้านข้าง
สายตาของฉือหางตกลงไปที่ใบหน้าของหลินกู๋หยู่ จากนั้นเขาก็มองไปที่ลูกปราดหนึ่ง
นางไม่อยากเข้าไปจริงๆ แต่ถ้าแสดงออกอย่างชัดเจนเกินไป เช่นนั้นทุกคนก็จะรับรู้ได้ว่านางไม่อยากไป จึงเอ่ยอย่างไม่เต็มใจว่า "อืม"
เมื่อเข้าไปในโรงหมอ หลินกู๋หยู่ก็เห็นหมอตู้ลุกขึ้นมองมาที่นาง
"หมอตู้" หลินกู๋หยู่พยักหน้าเล็กน้อย หมอตู้ดูเหมือนจะหันศีรษะไปทางอื่น เมื่อมองท่าทีของเขา หลินกู๋หยู่แสร้งทำเป็ไม่เห็น จากนั้นจึงพูดคุยกับคนอื่นๆ แถวนั้น
หมอตู้มองกลับไปที่หลินกู๋หยู่อีกครั้ง เขากำลังอ่านหนังสือทางการแพทย์อย่างใจลอย
วันนี้ในโรงหมอมีผู้ป่วยไม่มากนัก เด็กจัดยามุงอยู่รอบตัวหลินกู๋หยู่ บางคนพูดคุยเกี่ยวกับเื่ไร้แก่นสาร บางคนก็ขอคำแนะนำอย่างนอบน้อม
หลินกู๋หยู่มักจะรู้สึกว่ามีแนวสายตาที่ทำให้คนรู้สึกอึดอัดกำลังจ้องมองอยู่ จึงมองกลับไป
เมื่อสายตาของนางสบกับลู่จื่อยู่ หลินกู๋หยู่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย นางหันศีรษะไปมองด้านข้าง โน้มตัวเข้าไปใกล้โต้ซา
เนื่องจากภายในโรงหมอไม่หนาวขนาดนั้น โต้ซาจึงรู้สึกร้อน เขาดึงหมวกที่อยู่บนศีรษะออกมา
เสี่ยวซื่อเห็นแผลเป็บนหน้าผากของโต้ซา ้าััมันด้วยความเห็นใจ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้แตะมัน "พี่เขย เขาหน้าผากแตกได้อย่างไรหรือ?"
"บังเอิญแตกตอนที่เด็กๆ กำลังเล่นกัน" ฉือหางอธิบายสั้นๆ
หลินกู๋หยู่มองที่เสี่ยวซื่อด้วยรอยยิ้ม "อ้อ ที่นี่มีว่านหางจระเข้หรือไม่? ข้า้าซื้อมาเก็บไว้"
เสี่ยวซื่อคิดอยู่ครู่หนึ่ง "มี เพียงแต่วันธรรมดาไม่ขาย แต่จะขายเฉพาะวันที่เปิดตลาดเท่านั้น"
“ตลาดเปิดเมื่อไรหรือ?” หลินกู๋หยู่เอ่ยถามด้วยความสงสัย นางไม่เคยไปตลาดมาก่อน
“ตลาดจะเปิดในทุกๆ สิบวัน ครั้งต่อไปดูเหมือนจะต้องรออีกสามวัน” เสี่ยวซื่อพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าพี่้า ข้าจะส่งไปที่บ้านของพี่ในภายหลัง ถึงเวลานั้นพี่ค่อยจ่ายตอนของส่งไปถึง"
“อืม” หลินกู๋หยู่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ถึงเวลานั้นค่อยคุยกัน ข้ายังไม่ได้ตัดสินใจ ใช่หรือไม่?”
จู่ๆ ก็มีมือปรากฏขึ้นตรงหน้า ขวดกระเบื้องสีขาวก็วางอยู่บนฝ่ามือ
หลินกู๋หยู่หันศีรษะของนาง เป็ลู่จื่อยู่ที่ยื่นขวดยาต่อหน้านาง "นี่สำหรับเ้า"
“อะไรหรือ?” หลินกู๋หยู่หันศีรษะไปมองข้างๆ โดยไม่ได้มองไปที่ลู่จื่อยู่เลย
"นี่คือขี้ผึ้งบำรุงผิว สำหรับลบรอยแผลเป็"
ทันทีที่คำพูดของลู่จื่อยู่จบลง หลินกู๋หยู่ก็ได้ยินเสี่ยวซื่อที่อยู่ข้างๆ เอ่ยต่อไปว่า "หมอหลิน นี่เป็ของดี มันจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็ไว้บนหน้าผากของโต้ซาอย่างแน่นอน"
หลินกู๋หยู่โบกมือเล็กน้อย ตอนนี้นางไม่้าของจากลู่จื่อยู่แม้แต่เศษเสี้ยว "ไม่จำเป็แล้ว"
"ไม่ได้ให้เ้า แต่ให้โต้ซา"
ลู่จื่อยู่กล่าวอย่างเคร่งขรึม
“เท่าไรหรือ?” หลินกู๋หยู่เอ่ยด้วยใบหน้าจริงจัง “ถ้าเ้าไม่พูดเื่ราคา ข้าจะไม่เอา”
"หนึ่งตำลึง" ลู่จื่อยู่พูดตอบ หันศีรษะไปมองโต้ซาข้างๆ และวางขวดยาไว้ในมือของเด็กน้อย
ฉือหางหยิบเงินหนึ่งตำลึงออกมาจากกระเป๋าเงินที่เอวส่งให้ลู่จื่อยู่โดยตรง "ขอบคุณ"
ลู่จื่อยู่รับเงินจากมือของฉือหางด้วยความกระอักกระอ่วน ก้มหน้าลงด้วยความผิดหวัง
หลังจากอยู่ในโรงหมอได้สักพัก หลินกู๋หยู่ก็กล่าวปฏิเสธและบอกว่าตนเองมีอย่างอื่นจะต้องทำ ก่อนจะจากไปพร้อมกับฉือหาง
พวกเขาสองคนซื้อน้ำมัน เกลือ ซีอิ๊วขาว และน้ำส้มสายชู รวมทั้งน้ำตาลจำนวนมาก เงินที่เอามาจำนวนสามตำลึงถูกใช้ไปมากกว่าครึ่งแล้ว
พอกลับถึงบ้าน หลินกู๋หยู่ได้ยินเสียงก่นด่าและสาปแช่งของของโจวซื่อจากเรือนใหญ่ของสกุลฉือ
"ข้าบอกให้พวกเ้าทำเตียงเตา เ้าดูสิ พวกเ้าทำอะไรให้ข้า!"
“ข้าจะ้าพวกเ้าไปเพื่ออะไร พวกเ้าบอกข้ามาสิว่าพวกเ้าอายุเท่าไรแล้ว!”
“เ้าไม่รู้จักเอาโคลนมาทาด้านนี้หรืออย่างไร?”
......
ฉือหางอุ้มโต้ซายืนอยู่ตรงนั้นอย่างเฉยเมย
แล้วนับประสาอะไรกับหลินกู๋หยู่ นางยิ่งไม่เต็มใจที่จะไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้คนที่นั่น
นางมองคนเ่าั้อย่างกระจ่างแจ้งั้แ่ก่อนหน้าแล้วว่าเป็อย่างไร นางไม่้าที่จะไปสนใจพวกเขา แต่เพียงเพราะฉือหางมองว่าคนเ่าั้เป็สมาชิกในครอบครัว ดังนั้นนางจึงทำการแสดงเท่านั้น
เมื่อกลับถึงบ้าน นางเพิ่งจะจุดเตาก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู
พูดตามตรง ทุกครั้งที่มีคนที่นั่นมาที่บ้าน หลินกู๋หยู่รู้สึกรำคาญสุดจะทน
ไม่จำเป็ต้องพูดก็รู้ว่าจะต้องพูดถึงเื่เตียงเตาอย่างแน่นอน
ฉือหางลุกขึ้นและเดินออกไปข้างนอก เห็นฉือซู่ยืนร้อนรนกระวนกระวายอยู่ที่ประตู
“น้องสาม ข้าและพี่สะใภ้ใหญ่ของเ้าทำเตียงเตาทั้งเช้า แต่ก็ยังไม่เสร็จเสียที” ศีรษะของฉือซู่มีเหงื่อซึมออกมามากเนื่องจากความวิตก ในขณะที่เสื้อผ้าของเขาก็เต็มไปด้วยโคลน เขายกแขนเสื้อขึ้นเช็ดใบหน้า "เ้าไปดูหน่อยได้หรือไม่?”
"อืม" ฉือหางรับคำด้วยใบหน้าเ็า ในระหว่างเดินไปก็ฟังฉือซู่บ่นพึมพำเกี่ยวกับความยากของการทำเตียงเตา ฉือหางรู้สึกรำคาญเล็กน้อย
เมื่อเดินไปที่ห้องของโจวซื่อ ฉือหางเหลือบมองโจวซื่อ รู้สึกต่อต้านจากก้นบึ้งของหัวใจ "ท่านแม่"
เมื่อเห็นฉือหางเข้ามาในห้อง โจวซื่อก็คลายคิ้วที่ขมวดมุ่น ก้าวไปข้างหน้าพลันจับมือของฉือหาง
ร่างของฉือหางหันไปด้านหนึ่งเล็กน้อย หลีกเลี่ยงโจวซื่ออย่างไร้พิรุธ
สิ่งที่โจวซื่อกังวลมากที่สุดในตอนนี้คือเตียงเตา นางไม่ได้สนใจการกระทำของฉือหางแม้แต่เศษเสี้ยว
"เ้าดูสิ พวกเขาทำอะไรให้ข้า!" โจวซื่อพูดอย่างโกรธเคือง "พี่ชายใหญ่ของเ้านั้นโง่เขลา เขาไม่ฉลาดเท่าเ้า เ้าช่วยข้าทำให้เสร็จ"
"เื่นี้ให้พี่ชายรับผิดชอบเถอะ" ฉือหางเดินไปที่เตียงโดยไม่แสดงออกทางสีหน้า เมื่อเห็นว่าตรงกลางเตียงเตาถูกปิดกั้นทั้งหมด ซ้ำยังไม่ทำช่องทางออกของควัน เขาจึงชี้ให้เห็นถึงปัญหาเ่าั้
โจวซื่อหน้าตูมด้วยความไม่พอใจ "เ้าสาม เ้าหมายความว่าอย่างไร? เ้ามีความสุขที่ได้ทำเตียงเตาให้ภรรยาของเ้า แต่เ้ากลับไม่เต็มใจที่จะทำเตียงเตาให้ข้า"
ฉือหางลดสายตาลงเล็กน้อย คิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองฉือซู่ "คนนอกจะลือได้ว่าพี่ใหญ่ไม่กตัญญู"
"ที่นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า ข้าขอตัวกลับก่อน!" พูดจบฉือหางก็หันหลังกลับและเดินออกไป
โจวซื่อโกรธเืขึ้นหน้า คำพูดของฉือหางฟังอย่างไรก็ทำให้รู้สึกอึดอัด นางรีบตามฉือหางออกไป จับแขนของเขาไว้แน่นอย่างโกรธขึ้ง "ข้าเป็แม่ของเ้า ท่าทีของเ้าเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”
"หรือว่ายามที่พวกท่านทำอาหาร แล้วให้ข้ากับภรรยาและลูกของข้ามาทานอาหารเย็นด้วยงั้นหรือ?" ฉือหางขมวดคิ้วเล็กน้อย
ใบหน้าของโจวซื่อสลับเปลี่ยนเป็สีฟ้าสลับขาว
ฉือหางยื่นมือออกไปดันมือของโจวซื่อออกแล้วเดินออกไปข้างนอก
เมื่อก่อน โจวซื่อมักจะกำลูกชายของนางไว้ในฝ่ามืออย่างแ่า เช่นนั้นนางจะได้จัดการตาม้า
แต่ตอนนี้เมื่อเห็นท่าทีของฉือหาง โจวซื่อก็โมโห นางเดินตามไปฟาดฝ่ามือที่ใบหน้าของฉือหางโดยไม่ลังเล "ข้าเป็แม่ของเ้า เ้าพูดเช่นนั้นได้อย่างไร!"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้