“เสี่ยวหยู อย่าร้องไห้เลยลูกพ่อ ชีวิตมีเกิดก็มีดับ ถึงเวลาของพ่อกับแม่แล้ว เพื่อนเก่าเพื่อนแก่กำลังรอพ่ออยู่ที่อ้อมกอดแห่งดวงดาวนะลูกรัก!”
“ฮึๆ หากเทียบกับเหล่าสหายที่ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว การได้มองดูเ้าเติบใหญ่ด้วยตาตัวเองจากเด็กตัวกระจ้อยจนถึงสิบขวบ แค่นี้พ่อก็นับว่าโชคดีที่สุดแล้ว”
สายัณห์สีแดงชาดดั่งโลหิต
าพิทักษ์เมืองเพิ่งจะจบสิ้นลง
หน้าประตูบานั์ที่เก่าแก่และใหญ่โต มีเด็กชายรูปร่างผอมบางน้ำตาไหลพรากเป็สายน้ำ ดวงหน้าเยาว์วัยนั้นถูกกลืนกินด้วยความอาดูร โกรธเกรี้ยวและคลั่งแค้น
สามีภรรยาวัยกลางคนคู่หนึ่งนอนเืไหลอาบอยู่บนบันไดหน้าประตูบานนั้น
เนื้อตัวของพวกเขาเต็มไปด้วยเื
กลางลำตัวของผู้เป็ภรรยามีหอกที่หักเสียบทะลุร่างกายเป็รูกลวงโบ๋ ลมหายใจรวยริน อาการสาหัสจนใกล้ตายเต็มที ส่วนด้านสามีนั้น เขาเสียขาทั้งสองข้างและแขนอีกหนึ่งข้าง กระบี่เล่มเล็กความยาวเท่าฝ่ามือเสียบอยู่กลางหน้าผาก
ทว่าเขากลับยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างปาฏิหาริย์
เขายังครองสติที่คงเหลือ เหมือนแสงสุดท้ายของตะวันก่อนจะลาลับขอบฟ้าไว้ได้
แขนข้างเดียวที่เหลืออยู่โอบกอดนางอันเป็ที่รักไว้แแ่
เด็กชายที่ร่ำไห้ราวกับจะขาดใจนั้น คือบุตรชายคนเดียวของทั้งคู่
ชายหนุ่มมองเด็กน้อยตรงหน้า แววตาเต็มไปด้วยความห่วงหาและความรู้สึกที่ยากจะอธิบายเป็คำพูด
เขายิ้ม
“เช็ดน้ำตาออกเสีย เด็กน้อย ตอนนี้ลูกต้องฟังพ่อให้ดี เื่สำคัญของเราที่ต้องยกให้เ้าสานต่อ จงจำไว้ จดจำไว้ให้ขึ้นใจ เมื่อพ่อกับแม่จากไปแล้ว เ้าต้องอยู่เฝ้าหลุมศพของพวกเราเป็เวลาสี่ปี...ต้องปกป้องไว้สี่ปี...ไม่เว้นแม้แต่วันเดียว เข้าใจไหม?”
เด็กชายพยักหน้ารับคำ แต่น้ำตายังคงไหลเผาะ
“พ่อรู้ว่าเ้าคิดอะไรอยู่ พ่อไม่อนุญาตให้เ้าทำเช่นนั้น ห้ามถือโทษโกรธแค้น อย่าสิ้นไร้เหตุผล เ้าอยากเข้าสำนักกวางขาวมาตลอด อยากฝึกฝนวรยุทธ์ อยากเป็จอมยุทธ์ที่เก่งกาจ แต่ลูกพ่อ เ้ายังทำเช่นนั้นไม่ได้ ในสี่ปีนี้เ้าต้องอยู่ปกป้องสุสาน จงอย่า...”
“อย่าถามพ่อว่าเพราะอะไร จำไว้ ในสี่ปีนี้ เ้าต้องทำตัวเป็ดั่งฝุ่นผงไร้ค่า จงนิ่งเฉยไว้อย่าทำตัวโดดเด่น ให้ทำเหมือนกับว่าเ้าไร้ตัวตน...แน่นอน กลายเป็ไอ้โง่หรือบ้าใบ้ในสายตาพวกเขาได้ยิ่งดี แม้ว่ามันเป็สิ่งที่ไม่ควรค่าให้เ้ากระทำก็ตาม!”
“หลังสี่ปีไปแล้ว เ้าถึงจะทำตามที่ใจ้าได้ หากวันใดวันหนึ่ง เ้าแตกฉานเป็จอมยุทธ์ผู้เก่งกล้าสามารถ ะเืใต้หล้า เช่นนั้นค่อยไปที่ราชวังอาณาจักรเสวี่ย ทวงของที่เป็ของเ้ากลับคืนมา ถึงเวลานั้น ตรานี้จะบอกความจริงทั้งหมดกับเ้าเอง!”
ชายหนุ่มพูดพลางส่งตราประทับและดาบทองแดงสู่มือของเด็กชาย
คำสั่งเสียและการกระทำนี้ ดูเหมือนจะเป็พลังเฮือกสุดท้ายของเขาแล้ว
หลังจากนั้น สีสันบนใบหน้าของเขาพลันหายไปจนน่าใจหาย
กลายเป็ใบหน้าซีดเซียวไร้สีเื เืสดๆ กระอักออกมาทางปาก
“ท่านพ่อ...” เด็กชายะโด้วยความโกรธแค้นสิ้นหวังที่ถาโถมเข้ามา
“ยังมีอีกเื่ จำวิชาลมหายใจไร้ชื่อที่พ่อถ่ายทอดให้เ้าได้หรือไม่? ในสี่ปีนี้เ้าต้องฝึกฝนมันทุกวันอย่าให้ขาด ทำจนติดเป็สัญชาตญาณของเ้า ทำได้ไหม?”
เด็กน้อยพยักหน้าอย่างเอาเป็เอาตาย
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว...” ชายหนุ่มสูญเสียแสงสว่างในแววตาสุดท้าย เพราะาแที่เจ็บหนักและเสียเืมาก เขาจึงมองอะไรไม่เห็นอีกแล้ว
เขาก้มหน้าจูบหน้าผากภรรยาที่ยามนี้ใกล้จะสิ้นใจเต็มทีอย่างแ่เบา เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่โศกเศร้าเกินพรรณนาในระดับที่พอให้ได้ยินแต่เพียงผู้เดียว “ยอดรัก ข้าขอโทษนะ...”
หลังจากนั้น เขาก็จากไปชั่วนิรันดร์
สายตาของสตรีในอ้อมกอดดูราวกับว่ารับรู้ว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้น หยาดน้ำใสค่อยๆ หลั่งออกมา และนางก็ตายตกตามกันไปในชั่ววินาทีนั้น
เด็กชายคุกเข่ากลางทะเลเืที่เจิ่งนอง มือกำดาบและตราประทับ ร่ำไห้อย่างปวดร้าว
นามของเขา คือเ่ิู
นับั้แ่นั้นมา ณ มุมเล็กๆ ของเมืองลู่ิทางเขตเหนือ ณ หลุมศพซึ่งปราศจากหญ้าขึ้นรก มีเด็กชายคนหนึ่งอยู่ตรงนั้นมาสี่ปี
ในระยะสี่ปีที่ผ่านมานี้ เขาใช้เวลาไปกับการนั่งหน้าหลุมศพไม่ขยับเขยื้อนเหมือนรูปสลัก ดั่งคนโง่เง่าคนหนึ่ง
ดังนั้น เสียงเยาะเย้ย และถ้อยคำเสียดแทงมากมายก็รุมเร้ามาเป็โขยง
ทุกคนล้วนลงความเห็นว่า เป็เพราะผ่านเหตุการณ์ที่พ่อแม่ถูกฆ่าตาย เด็กชายที่เคยเก่งกาจจนน่ากลัว มีวรยุทธ์เหนือคนทั่วไป อีกทั้งเ้าสำนักกวางขาวยังทำนายไว้ว่าจะเป็เด็กหนุ่มมีพร์ฟ้าประทาน กลายเป็ขยะไปแล้ว
เ่ิูนั้นกลายเป็คนใจลอย ฟุ้งซ่าน ซื่อบื้อและโง่เขลา เป็แค่หนอนเน่าๆ น่าสมเพชตัวหนึ่ง
เป็ไอ้โง่ที่จะรังแกด่าทออย่างไรก็ได้
ผู้ที่เคยเป็มิตรสหายของตระกูลเย่ ได้มาหลอกลวงซื้อดาบล้ำค่าของตระกูลเย่ไปในราคาที่ต่ำที่สุด
ยังมีผู้สอดมือเข้ามา ยึดบ้านยึดช่อง ฮุบกิจการทางเขตเหนือของตระกูลเย่
พวกชนชั้นสูงบางพวกใช้เส้นสายยึดเอาเคหาสน์ของตระกูลไป
เด็กชายคนนี้กำลังค่อยๆ สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง
ราวกับว่าเขาไร้ซึ่งกำลังจะต่อต้านมัน
ราวกับว่า ไม่ว่าใครจะเอารัดเอาเปรียบอะไรเขา หรือถ่มน้ำลายรดหน้าเขา...ก็ย่อมได้
แต่ตัวเด็กชายเอง มิได้ใส่ใจคนพวกนี้เลยสักนิด
กระทั่งวันหนึ่ง วันที่เพื่อนเล่นเพียงคนเดียวของเขาก็ลาจากเขาไป
“พี่ชิงหยู ท่านตกต่ำแล้ว ข้าเองก็โตแล้วด้วย ขอโทษนะ คำสาบานที่จะปกป้องเคียงข้างกันตอนนั้นน่ะ ปล่อยมันลอยไปกับสายลมเถอะ อย่าโทษข้าเลยนะ คือว่า...ข้าสอบเข้าสำนักกวางขาวได้แล้ว ไว้พบกัน...ไม่สิ อย่าได้พบกันอีกเลยดีกว่า!”
เด็กหญิงผมแกละซึ่งเป็เพื่อนในวัยเด็กที่คอยเกาะอยู่ข้างหลังเขาเหมือนแมลงตัวเล็กๆ เด็กผู้หญิงที่เขาช่วยเหลือปกป้องไว้นับครั้งไม่ถ้วน ได้ทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้วนางก็ตัดสินใจหันหลังให้เขา
นางเดินไปกับกลุ่มคนที่สวมอาภรณ์หรูหรามีราคา นางจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง
วรยุทธ์ของนางเป็ที่ประจักษ์ เหมือนนกที่สยายปีกแผ่แสนยานุภาพเหนือท้องนภา
แต่ตัวเขานั้นต้องทนรับบททดสอบหน้าหลุมศพแห่งนี้เพียงลำพังถึงสี่ปีเต็ม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้