ตัวประหลาดเฒ่าเทียนเจวี๋ยลงมือด้วยความโกรธเกรี้ยว ใช้ทักษะพิษที่สร้างชื่อเสียงให้ตน หมื่นหนอนกร่อนกายา
การเข่นฆ่าเป็เวลานานเช่นนี้ ถึงแม้เขาแทบจะฆ่าชนเผ่าสมุทรหลายร้อยคนจนหมดสิ้นแล้ว แต่เขาเองก็คล้ายดังลูกธนูที่ยิงจนสุดแรงล้า ไห่ทงเทียน องค์ชายชนเผ่าสมุทรในฐานะที่เป็ผู้นำกลุ่ม สองมือไพล่หลังชมอยู่ด้านข้างตลอดมา หล่อเลี้ยงคงความตื่นตัวไว้ ถ้าตนไม่สามารถลงมือดุจสายฟ้าแลบ จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
จ้านอู๋มิ่งหัวร่ออย่างเริงร่าอยู่ด้านข้าง ปรบมือะโเสียงดังขึ้น “ไห่ทงเทียนสู้เขา ข้าเป็กำลังใจให้เ้านะ!”
คำพูดและพฤติการณ์ของจ้านอู๋มิ่ง ทำให้ตานกงกงและหัวหน้าองครักษ์ัดำกลอกตาไปมาอยู่ตลอด เมื่อครู่นี้เห็นได้ชัดว่าเ้าเจตนายับยั้งไม่ให้ไห่ทงเทียนหลบหนี ผนึกน่านน้ำจนกลายเป็น้ำแข็ง เวลานี้กลับประเสริฐนัก คอยเป็กำลังใจให้เขาอยู่ตรงนี้
“ไอ้หนูหน้าขาว ข้าแค้นเ้านัก!” ไห่ทงเทียนคำรามอย่างโกรธเคืองมาทางจ้านอู๋มิ่งคำหนึ่ง จวบจนกระทั่งถึงเวลานี้ เขายังไม่ทราบว่าจ้านอู๋มิ่งชื่ออะไร ข่าวเล่าลือในหมู่เผ่าพันธุ์มนุษย์ ชนเผ่าสมุทรย่อมไม่คุ้นเคย
จ้านอู๋มิ่งแลบลิ้นปลิ้นตา ทำหน้าทะเล้นผีหลอกใส่คราหนึ่ง
ไห่ทงเทียนยกมือขึ้นกระแทกเป็ม่านน้ำออกมาผืนหนึ่ง ้ากระแทกให้เหล่าหนอนแมลงตัวเล็กตัวน้อยกระจายออกไป เขาหวั่นเกรงหนอนแมลงมาั้แ่เด็ก ถ้าปล่อยให้หนอนแมลงจำนวนมากขนาดนี้เข้ามาใกล้ร่างกาย จะสามารถทนทานได้อย่างไร
หนอนแมลงตัวน้อยๆ ของตัวประหลาดเฒ่าเทียนเจวี๋ยไหนเลยจะจัดการง่ายดายเช่นนั้น ถึงแม้ส่วนหนึ่งจะถูกม่านน้ำกระแทกตายไปแล้ว แต่ยังคงมีจำนวนไม่น้อยที่ตกลงบนร่างของไห่ทงเทียน หนอนแมลงตัวน้อยๆ เ่าั้พอตกลงบนร่างกาย ก็ชอนไชเข้าสู่ภายในร่างกายไห่ทงเทียนอย่างสุดชีวิต ยามนี้ ไห่ทงเทียนจึงพบว่าหนอนแมลงตัวน้อยเ่าั้ต่างล้วนมีก้ามเล็กๆ คู่หนึ่ง คมกริบสุดเปรียบปาน กรีดผิวกายออกอย่างง่ายดายแทบไร้อุปสรรคใดๆ
พลันไห่ทงเทียนตื่นตระหนกอย่างใหญ่หลวง ในฐานะองค์ชายชนเผ่าสมุทร ถึงแม้ฐานการบ่มเพาะเหนือธรรมดา แต่ประสบการณ์จริงในการต่อสู้ยังห่างชั้นกับตัวประหลาดเฒ่าอายุพันปีผู้นี้มากมายนัก พอหนอนแมลงน้อยชอนไชเข้าร่าง ความเ็ปที่บีบคั้นจิตใจเช่นนั้น ทำให้เขาร้องโหยหวนขึ้นมา ลืมป้องกันการโจมตีที่ตามมาของตัวประหลาดเฒ่าเทียนเจวี๋ยไปจนหมดสิ้น
“ตูมมม…” ร่างของไห่ทงเทียนถูกกระแทกจมเข้าไปในน้ำแข็งในกระบวนท่าเดียว กายเนื้อของไห่ทงเทียนเป็เจียวหลง ัสมุทรที่สุดแสนแข็งแกร่ง ภายใต้การโจมตีอย่างรุนแรงหนักหน่วงเช่นนี้ ครู่เดียวก็ปรากฏร่างเดิมออกมา ร่างเดิมของไห่ทงเทียนถูกโจมตีจนแทบแตกหัก หนอนแมลงตัวเล็กๆ เ่าั้ก็เริ่มชอนไชไปทุกทิศทาง
ตัวประหลาดเฒ่าเทียนเจวี๋ยลงมือครั้งเดียวประสบผล ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ถึงแม้จะต้องเผชิญหน้ากับจ้านอู๋มิ่งและพวกอีก แต่จ้านอู๋มิ่งและเขาเห็นได้ว่าฐานบ่มเพาะยังมีช่องว่างอยู่ไม่น้อย ขอเพียงตนรีบเร่งหลบหนีไป ้าเวลาเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น เขตแดนของเขาก็สามารถฟื้นฟูกลับคืนมา ถึงเวลานั้นค่อยสังหารพวกเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมกลุ่มนี้ก็ยังไม่สาย
หลังจากตัวประหลาดเฒ่าเทียนเจวี๋ยตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ยามลงมือประสบผลในครั้งเดียวก็รีบถอนตัวถอยไปทางด้านหลัง แต่ว่าร่างที่ถอยไปทางด้านหลังของเขากลับเผชิญกับครีบหางขนาดใหญ่มหึมาที่ตีกระหน่ำใส่จนเกิดเสียงดัง "ตูมมม" ขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหว
ตัวประหลาดเฒ่าเทียนเจวี๋ยต้องเศร้าใจแล้ว เขาคิดไม่ถึงว่าน่านน้ำมหาสมุทรแถบนี้ที่ถูกผนึกเป็น้ำแข็งพลันสลายกลายเป็น้ำทะเลแล้ว ปลาวาฬั์ที่กำลังเร่งรีบ ดิ้นรนสะบัดครีบหางของมันกระแทกเข้าใส่อย่างรุนแรงหนักหน่วง ครีบหางใหญ่ขนาดเท่าเนินเขาราวกับตบลูกหนังมิมีผิด สะบัดใส่ตัวประหลาดเฒ่าเทียนเจวี๋ย ลอยลิ่วพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าจนสูงลิบ
สภาพของตัวประหลาดเฒ่าเทียนเจวี๋ยคล้ายดั่งลูกธนูทะยานสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า ภายใต้สายตาของจ้านอู๋มิ่งกับองค์หญิงตงหวงโยวหย่าและคนอื่นๆ “ฟิ้วว” ดังขึ้นคราหนึ่งก็หายลับตาไปแล้ว หลังจากนั้น ปลาวาฬั์ที่สูญเสียเ้านายไป ก็ดำดิ่งลึกลงไปในน้ำเสียงดัง "ซ่าา" หายลับตาไปเช่นเดียวกัน
จ้านอู๋มิ่งใช้ท่าร่างวิ่งข้ามพื้นผิวมหาสมุทรไปอย่างรวดเร็ว คว้าร่างของเจียวหลงัสมุทรยาวหลายสิบวาตัวนั้นไว้และลากกลับไปที่เรือเหาะ เวลานี้ทุกคนเพิ่งจะได้เห็นจุดดำเล็กๆ จุดหนึ่งตกลงมาจากบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว นั่นคือตัวประหลาดเฒ่าเทียนเจวี๋ยนั่นเอง
“ตูมมม…” ร่างของตัวประหลาดเฒ่าเทียนเจวี๋ยประจวบเหมาะ บังเอิญตกลงบนเรือเหาะับินพอดี แรงกระแทกมหาศาล ทำให้เรือเหาะัแทบพลิกคว่ำไป ยังดีที่ตานกงกงและพวกมีการเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว จึงไม่เกิดความวุ่นวายใดๆ ขึ้น
ทุกคนก้มมองดู สภาพตัวประหลาดเฒ่าเทียนเจวี๋ยอเนจอนาถเกินไปแล้ว สารรูปดูไม่ได้ สภาพร่างกายมิใช่มนุษย์อีกแล้ว การต่อสู้อย่างดุเดือดเืพล่านกับชนเผ่าสมุทรจำนวนหลายร้อย เดิมทีร่างกายก็เหมือนลูกธนูที่ยิงจนสุดล้าแล้ว สุดท้ายตั้งหน้าตั้งตาคิดหลบหนีอย่างเดียว ผู้ใดจะไปทราบว่าขณะผู้อื่นมิทันระวังตัวกลับถูกปลาวาฬั์ตัวนั้นก็สะบัดครีบหางฟาดใส่เข้าให้คราหนึ่ง นั่นคือพลังมหาศาลเพียงไหน
ในมหาสมุทร ปลาวาฬั์ตัวนั้นก็คือเนินเขาเล็กๆ ลูกหนึ่งก็ปาน ครีบหางมีขนาดกว้างกว่าสิบวาเต็ม ต่อให้ไม่สะบัดฟาด เฉพาะแค่น้ำหนักของครีบหางเพียงอย่างเดียว เขาก็หนักมากกว่าแสนชั่งเข้าไปแล้ว แถมยังบวกกับแรงสะบัดอย่างรุนแรง ภายใต้การโจมตีเข้าใส่เช่นนี้ เกรงว่าพลังจะรุนแรงมหาศาลนับหลายล้านชั่งเลยทีเดียว ต่อให้ร่างกายของจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์จะแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ ก็ทนทานไม่ได้เช่นกัน
“ต้องขออภัยจริงๆ ท่านผู้เฒ่า ท่านเกรงใจมากเกินไปแล้ว อุตส่าห์นำแหวนจักรวาลมามอบให้ด้วยระยะทางอันสุดแสนไกล หากผู้เยาว์ จ้านอู๋มิ่งไม่รับมอบเอาไว้ นั่นคือการหมางเมินน้ำใจที่ปรารถนาดีของท่านอย่างแท้จริงแล้ว” จ้านอู๋มิ่งมิเกรงใจแม้แต่น้อยนิด ภายใต้สายตาของตานกงกงกับองค์หญิงตงหวงโยวหย่าและคนอื่นๆ ถอดกำไลข้อมือที่สวยงามและแหวนหลายวงบนนิ้วของตัวประหลาดเฒ่าเทียนเจวี๋ยอย่างแช่มช้ามิรีบร้อน โดยมิแยแสสีหน้าของตานกงกงและคนอื่นๆ
ยามนี้ ตัวประหลาดเฒ่าเทียนเจวี๋ยยังไม่สิ้นใจ แต่ว่าแม้แต่แรงจะอ้าปากก็ไม่มีแล้ว ได้ยินคำพูดของจ้านอู๋มิ่งแล้วก็สิ้นลมขาดใจตายไปทันที ถูกยั่วโทสะจนสิ้นชีวิตทั้งเป็ไปแล้ว ไอ้หนูนี่ไร้ยางอายเกินไปแล้ว!
จ้านอู๋มิ่งยักๆ ไหล่ คิดจะคลำกระเป๋าข้างเอวของตัวประหลาดเฒ่า ก็รู้สึกลังเลขึ้นมาอยู่บ้าง หยิบมีดออกมาแล้วกรีดเสื้อผ้าตัวประหลาดเฒ่าจนขาดรุ่งริ่งไปหมด แล้วสิ่งของไม่น้อยหลุดออกจากเสื้อผ้าของเขา ทองแท่งเอย ม้วนตำราเอย หนอนแมลงพิษเอย อสรพิษเอย ยังมีป้ายคำสั่งเหล็กสีดำอีกอันหนึ่ง
“บัดซบ กลิ้งกลอกเกินไปแล้ว ภายในกระเป๋าข้างเอวยังซุกซ่อนวัตถุพิษมากมายเช่นนี้ไว้ โชคดีที่ข้าพี่ชายไม่ได้ใช้มือคลำ มิฉะนั้นหากต้องหลงกลเ้าจนเสียชีวิตละก็ นั่นคงจะต้องคับแค้นใจเกินไปแล้ว” จ้านอู๋มิ่งหยิบแท่งทอง ม้วนตำราและป้ายคำสั่งขึ้นมา หนอนแมลงและอสรพิษล้วนเตะลงไปในมหาสมุทรจนหมดสิ้น
หลังจากเก็บสิ่งของตัวประหลาดเฒ่าเทียนเจวี๋ยเรียบร้อย จ้านอู๋มิ่งเก็บร่างกายของัสมุทรขึ้นมาอย่างไม่ลังเลใจ เนื้อของเจียวหลงสามารถทานได้นานทีเดียว ของดีรสชาติอร่อย สำหรับแหวนและกำไลข้อมือประเภทนั้นของไห่ทงเทียน ย่อมเก็บขึ้นมาจนหมดสิ้น
ยามนี้ จ้านอู๋มิ่งจึงลุกยืนขึ้นอย่างสบายๆ เหลือบมององค์หญิงตงหวงโยวหย่าคราหนึ่งพูดว่า “สาวงามเ้าแซ่ใดหรือ?”
องค์หญิงตงหวงโยวหย่าประหลาดใจครู่หนึ่ง นี่คือคนประเภทกันนะ รั้งอยู่บนเรือตนนานกว่าหนึ่งชั่วยามแล้ว ร่วมชมความสนุกของศึกอันยาวนานด้วยกัน เวลานี้จึงคิดถามชื่อเสียงเรียงนามของตนขึ้นมาได้
“ข้า ตงหวงโยวหย่า” องค์หญิงตงหวงโยวหย่ากลับไร้ความรู้สึกดูแคลนแม้แต่น้อยสำหรับจ้านอู๋มิ่ง ตอบขึ้นอย่างสุภาพ
“คนเหล่านี้เกี่ยวพันอันใดกับเ้า สายตาเช่นนี้คล้ายดั่งมีบางอย่างมิค่อยถูกต้องอยู่บ้าง” จ้านอู๋มิ่งกวาดสายตามองตานกงกงและหัวหน้าองครักษ์ัดำคราหนึ่ง สีหน้าเคร่งขรึมลง เอ่ยปากถามขึ้น
“ข้าคือหัวหน้าองครักษ์ัดำแห่งแคว้นมหาจักรพรรดิบูรพา สองท่านนี้เป็องค์หญิงเจ็ดของมหาจักรพรรดิบูรพาและตานกงกง หัวหน้าวังฝ่ายใน สหาย เ้าใช้เรือเหาะของพวกเรานานขนาดนี้ ผลลัพธ์ของการเก็บเกี่ยวในวันนี้ ผู้พบเห็นสมควรมีส่วนด้วยกระมัง” หัวหน้าองครักษ์ัดำแค่นเสียงเ็าคำหนึ่ง เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างยิ่งกับสายตาของจ้านอู๋มิ่งที่มิเห็นผู้อื่นอยู่ในสายตา
ไม่ว่าจะเป็องค์หญิงเจ็ดแห่งตงหวง หรือว่าตนที่เป็หัวหน้าองครักษ์ัดำผู้นี้ รวมทั้งตานกงกงซึ่งมีฐานการบ่มเพาะระดับมหาจักรพรรดิา ศักดิ์ฐานะสูงส่งมากเพียงใด จ้านอู๋มิ่งกลับละเลยเพิกเฉย
“เ้าพูดจาได้ถูกต้องอย่างยิ่ง เ้าดูสิ เมื่อครู่นี้คนตายจำนวนมากมายขนาดนั้น ข้าเพียงแค่หยิบเอาแหวนของสองคนนี้เท่านั้น ของคนอื่นๆ ที่เหลือ หากพวกเ้า้า พวกเ้าไปหยิบเอาเองก็แล้วกัน ยัง้าให้ข้าส่งมอบจนถึงในมือเ้าอีกหรือ? ข้าเป็คนมีเหตุผลมากที่สุด ทำสิ่งใดก็กระทำด้วยตนเอง อาหารการกินก็ดียิ่งและเสื้อผ้าสวมใส่อย่างอบอุ่น ข้ารังเกียจพวกกาฝากเ่าั้มากที่สุด” จ้านอู๋มิ่งหัวเราะ เขาหัวเราะจนรู้สึกชั่วร้ายอยู่บ้าง
“เ้าเรียกผู้ใดว่าเป็กาฝาก?” หัวหน้าองครักษ์ัดำโกรธจัดขึ้นมาทันใด จักรพรรดิาสูงสุดที่เข้มแข็งสง่างามผู้หนึ่ง กลับถูกปรมาจารย์นักยุทธ์น้อยๆ ผู้หนึ่งดูิ่เหยียดหยาม
“เ้าอย่าได้เป็คนที่ให้เกียรติแล้วมิยอมรับ อย่าได้ลืมว่าผู้ใดกันแน่ที่ช่วยเ้าออกมา ถ้าเ้าคิดว่าเ้ามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะแบ่งปันสิ่งของในมือข้า ข้าก็จะให้โอกาสเ้าเช่นกัน” ใบหน้าของจ้านอู๋มิ่งเคร่งเครียดขึ้น ในน้ำเสียงแผ่เจตนาสังหารจางๆ ออกมา ท่าทางหยิ่งผยองของเขา ทำให้สีหน้าองครักษ์ัดำหลายคนที่เหลือแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง กำลังคิดจะลงมือ
“พวกเ้ากำลังจะทำอะไร?” องค์หญิงตงหวงโยวหย่าตวาดขึ้นด้วยความโกรธ
องครักษ์ัดำหลายคนใ ได้แต่หยุดมือ กระนั้นก็ยังคงจ้องตากับจ้านอู๋มิ่งอย่างโกรธเคือง จ้านอู๋มิ่งกลับพูดจาดูิ่ผู้นำของพวกเขา พวกเขาแต่ละคนล้วนมีฐานบ่มเพาะระดับราชันาสูงสุดทั้งสิ้น จ้านอู๋มิ่งเป็แค่ปรมาจารย์นักยุทธ์สูงสุดผู้หนึ่งเท่านั้น กลับหยิ่งผยองถึงเพียงนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกโกรธเคือง ไร้ที่ระบายจริงๆ แต่ฐานะของตงหวงโยวหย่าเป็ถึงองค์หญิง คำพูดของนางคือคำสั่งที่พวกเขาจะต้องปฏิบัติตาม
ผู้พิทักษ์ัดำมองไปทางตานกงกงอย่างโกรธเคือง ้าฟังความคิดเห็นของเขา ตานกงกงกลับเมินเฉย มองมิเห็นสายตาของพวกเขา ไม่มีคำพูดใดๆ ไร้การแสดงออก เพียงแต่ติดตามอยู่ข้างกายองค์หญิงตงหวงโยวหย่าอย่างใกล้ชิด ทุกคนล้วนเดาไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“ท่านพี่อู๋มิ่งอย่าได้โกรธไปเลย เื่ราวในวันนี้ ข้าขอเป็ตัวแทนในนามมหาจักรวรรดิบูรพาขอบคุณเ้า หากมิใช่เ้าปรากฏตัวทันเวลา พวกเราคงถูกชนเผ่าสมุทรโจมตีอย่างโเี้ไปแล้ว สำหรับสิ่งของที่ริบมาได้ นั่นเป็สิ่งของที่เ้าสมควรได้รับ พวกเราไม่มีใจละโมบแม้แต่น้อย” องค์หญิงตงหวงโยวหย่าพูดจาน้ำเสียงอ่อนโยน ในแววตาเป็ประกายระยิบระยับ
พลันจ้านอู๋มิ่งรู้สึกหัวใจเต้นแรงทันใด สาวน้อยผู้นี้เรียกตนว่า "ท่านพี่อู๋มิ่ง" สาวน้อยงดงามเปี่ยมเสน่ห์เช่นนี้ สดใสน่ารักเฉกเช่นเทพธิดา ทำให้อดมิได้ที่จะเกิดความรู้สึกรักใคร่เอ็นดู
จ้านอู๋มิ่งรู้สึกเคอะเขินอยู่บ้าง ตนพบหน้ากับอีกฝ่ายเป็ครั้งแรก ก่อนหน้านี้มิเคยได้ยินแม้แต่ชื่อของผู้อื่นมาก่อน แต่ผู้อื่นพอเอ่ยปากก็เรียกขานว่า "ท่านพี่อู๋มิ่ง" หัวหน้าองครักษ์ัดำกล่าวว่าหญิงสาวผู้นี้คือองค์หญิงลำดับที่เจ็ดของมหาจักรวรรดิบูรพา เป็เทพธิดาแห่งฟ้าที่แท้จริง ภูมิหลังแข็งแกร่งยิ่งนัก
“กล่าวประเสริฐ กล่าวประเสริฐ แต่ว่าคุณหนูตงหวงเรียกขานเช่นนี้ ยามนั้นกะทันหัน ข้ายังรู้สึกมิคุ้นชินอยู่บ้าง แต่ว่าก็ช่างน่าฟังยิ่งนัก” จ้านอู๋มิ่งยิ้มอย่างเคอะเขิน แสดงท่าทางกระบิดกระบวนที่หาได้ยากยิ่งนัก
“หากเ้าชื่นชอบ ต่อจากนี้ข้าก็จะเรียกขานเ้าเช่นนี้ก็แล้วกัน” องค์หญิงตงหวงโยวหย่ารู้สึกยินดีในทันใด คล้ายดั่งมีกำลังใจขึ้นมาก
“องค์หญิง เช่นนี้ออกจะ…” หัวหน้าองครักษ์ัดำคิดจะพูดสิ่งใด แต่ว่าองค์หญิงตงหวงโยวหย่าขัดจังหวะคำพูดของเขา นางตำหนิว่า “เื่ขององค์หญิงอย่างข้า เ้ามิต้องสอดแทรก!”
“ข้าเห็นด้วยกับสิ่งนี้ การเป็บ่าวรับใช้ย่อมต้องมีลักษณะของบ่าว อย่าเอาแต่กระทำตัวเช่นเ้านายยังมิทันได้พูด ตนเองกลับพูดพล่ามมิยอมหยุด รอจนกระทั่งเป็เ้าคนนายคนแล้วค่อยมาว่ากันเถอะ!” ในดวงตาจ้านอู๋มิ่งเกิดประกายเยียบเย็นวูบหนึ่ง เห็นแก่องค์หญิงตงหวงโยวหย่า เขามิได้ทำสิ่งใดต่อหัวหน้าองครักษ์ัดำ แต่ว่าประโยคนี้ของจ้านอู๋มิ่ง ทำให้หน้าเขาเหมือนตับหมูสุกเต็มที่ กลายเป็สีดำม่วง
องค์หญิงตงหวงโยวหย่าเอ่ยปากแล้ว ไม่ว่าเขาจะโกรธแค่ไหน ก็มิกล้าสอดแทรกขัดจังหวะ เนื่องเพราะตานกงกงเงียบเฉยอยู่ตลอดเวลา
“ไม่ทราบว่าท่านพี่อู๋มิ่งจะไปสถานที่ใด หรือไม่พวกเราก็ร่วมทางกันเถอะ” องค์หญิงตงหวงโยวหย่าถามขึ้น
จ้านอู๋มิ่งครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “ข้าเป็ผู้มีศัตรูมากมายยิ่งนัก และระหว่างทางก็ยังต้องเปิดทำการค้าขายกัน เ้าเป็องค์หญิงที่สง่างามของแคว้นหนึ่ง ย่อมมิสามารถเป็คนค้าขายพร้อมกับข้าได้หรอกนะ”
“ทำการค้า? ไฉนจะไม่ได้ล่ะ เช่นนั้นน่าสนุกออก เ้าไม่ทราบหรอกว่าข้าได้ยินเื่ราวเล่าขานของเ้าแล้ว เวลานั้นข้าก็คิดขึ้นมาทันทีว่า หากสามารถร่วมทางกับเ้า นั่นจะต้องสนุกสนานมากเป็แน่ กระทำเื่ราวอย่างอิสรเสรี ไร้ขื่อไร้แป…” คำพูดยืดยาวขององค์หญิงตงหวงโยวหย่าพลันทำให้จ้านอู๋มิ่งสีหน้าคล้ำไปทันใด เป็เช่นนี้นี่เอง น่าเอ็นดูและวิเศษมาก นี่มิใช่เพียงแค่องค์หญิงตัวน้อยผู้หนึ่ง ทั้งยังเป็แม่มดตัวน้อยอีกด้วยนะ แม้ว่าความคิดจะเรียบง่ายไปสักหน่อย แต่ว่าพื้นฐานจิตใจยังไม่เลว นับเป็ทรัพยากรบุคคลที่สามารถบ่มเพาะสร้างสรรค์ได้ ในอนาคตหากสร้างสำเร็จขึ้นมาแล้ว จะต้องเป็ยอดฝีมือผู้หนึ่งอย่างแน่นอน!
คิดถึงตรงนี้ จ้านอู๋มิ่งอดที่จะยิ้มมิได้ เขากล่าวว่า “เ้าชอบทำการค้าที่ไม่ต้องลงทุนจริงๆ หรือ?”
“ใช่แล้ว เหมือนเช่นเหล่าวีรบุรุษแห่งพุ่มไม้ที่ยิ้มเยาะูเาและผืนป่าอย่างภาคภูมิใจ เช่นเดียวกับท่านพี่อู๋มิ่งมิมีผิด เมื่อถึงสถานที่นั้นแล้วก็ะโเสียงดังขึ้นว่าจงมอบแหวนจักรวาลและข้าวของมีค่าทั้งหมดออกมาให้ข้า…ร้ายกาจมากขนาดไหนกัน! ท่านพี่อู๋มิ่ง เ้าพาข้าไปด้วยเถอะ ข้าสัญญาว่าจะไม่เป็ตัวถ่วงของเ้า…” องค์หญิงตงหวงโยวหย่าคว้าแขนจ้านอู๋มิ่งไว้และเขย่าขึ้นมาแล้ว
จ้านอู๋มิ่งพูดไม่ออกแล้ว อย่างนี้นี่เอง นี่ก็คือผู้คลั่งไคล้ตัวน้อยของตน ยกตนกลายเป็แบบอย่างแล้ว ไม่แปลกเลยที่เรียกเขาอย่างสนิทสนมทั้งที่พบกันครั้งแรก
“ท่านพี่อู๋มิ่ง…” องค์หญิงตงหวงโยวหย่าพูดเสียงหวาน ออดอ้อนออเซาะ
จ้านอู๋มิ่งเคอะเขินอยู่ครึ่งค่อนวัน จึงได้แต่พูดขึ้นว่า “อยู่ร่วมกับข้าอันตรายมากและไม่สามารถพาพวกเขาไปด้วยได้!”
“ข้าไม่เกรงกลัวอันตราย ถ้าหากมิใช่เ้า วันนี้ข้าคงเสียชีวิตไปแล้ว สำหรับพวกเขาน่ะหรือ? ข้าจะมิให้พวกเขาติดตามไปด้วยก็แล้วกัน” องค์หญิงตงหวงโยวหย่าพูดอย่างแน่วแน่
“องค์หญิง ไม่ได้อย่างเด็ดขาด!” หัวหน้าองครักษ์ัดำเมื่อได้ยินก็ร้อนรนขึ้นมาแล้ว