เมื่อพบว่าซูจิ่นซีกำลังมีปัญหา จิ่วหรงก็พูดขึ้นว่า “ระยะเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนคือการเดินทางด้วยรถม้าข้าสามารถใช้วิชาตัวเบาพาเ้ากลับไปได้ เร็วที่สุดก็ใช้เวลาเพียงครึ่งวัน”
เหตุใดไม่พูดให้เร็วกว่านี้?
ใแทบแย่
ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่ซูจิ่นซีข้ามภพมาก็ได้มีประสบการณ์ความรู้สึกของการทดลอง ‘บิน’ เป็ครั้งแรก
เพื่อไม่ให้สะดุดตาจนเกินไป ทางที่จิ่วหรงพาซูจิ่นซีไปจึงเป็เส้นทางเล็กๆบนป่าเขา ซูจิ่นซียังถือโอกาสนี้เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ที่สวยงามของูเาและแม่น้ำตลอดการเดินทาง
สายลมพัดผ่านข้างใบหูอย่างแ่เบา อีกทั้งยังมีกลิ่นบางเบาที่ไม่รู้จักปะปนกำจายอยู่ในอากาศ
ระหว่างทาง ซูจิ่นซีไม่กล้ามองขึ้นไปยังใบหน้าและการแสดงออกของจิ่วหรง
มีบางครั้งที่นางแอบเหลือบมอง กลับคาดไม่ถึงว่าจะทำให้นางใจลอยเคลิบเคลิ้มตกลงสู่ห้วงสภาวะบ้าผู้ชายอีกคราอย่างไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ
หลังจากนั้นครู่ใหญ่ ซูจิ่นซีจึงจะสามารถฟื้นสติกลับคืนมาได้อีกครั้ง แก้มของนางพลันแดงก่ำเห่อร้อน
ซูจิ่นซีแอบหงุดหงิดอยู่ในใจ เตือนตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่านางเป็สตรีที่แต่งงานแล้ว
แน่นอนว่าใช้เวลาเพียงครึ่งวัน จิ่วหรงก็พาซูจิ่นซีมาถึงเขาชังชุ่ยแล้ว
งูพิษทั้งเจ็ดชนิด ได้แก่ ชื่อเหว่ย ตุ้นโถว หวังฮั่น หนิวเจี่ยง ไป่เจี๋ยเปียนฝู และสั่วจือ นั้น ก่อนหน้านี้ตอนที่ซิ่งหลิวหลีพาซูจิ่นซีออกมาจากเส้นทางลับระบบถอนพิษได้เตือนนางว่างูพิษพวกนั้นอยู่ใกล้ๆ หรือพูดอีกอย่างก็คือ พิษของงูทั้งเจ็ดชนิดนี้อยู่บนเขาชังชุ่ยและยังอยู่ใกล้กับทางเข้าของเส้นทางลับอีกด้วย
แม้พวกนางจะมาถึงเขาชังชุ่ยในเวลาอันรวดเร็ว ทว่าทันใดนั้นซูจิ่นซีก็ตระหนักถึงปัญหาร้ายแรงขึ้นมาได้อีกประการ
นางไม่รู้วิธีจับงู นอกจากนี้นางยังไม่เป็วรยุทธ และไม่มีแรงแม้แต่จะมัดไก่ [1] ด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงไม่มีหนทางจับดีงูมาได้เลย
ทำอย่างไรดี?
ยิ่งไปกว่านั้นในบรรดางูทั้งเจ็ดชนิด หวังฮั่น หนิวเจี่ยง และสั่วจือ ล้วนเป็งูเหลือม
“คือว่า...จิ่งหรง ข้ารบกวนท่านเื่หนึ่งได้หรือไม่เ้าคะ? ”
ซูจิ่นซีเขินอายมากที่ต้องเอ่ยปากพูด
“หืม? ”
สุภาพบุรุษจิ่วหรงถามซูจิ่นซีว่าเื่อันใด
ซูจิ่นซีเม้มปากและทำท่าประกบนิ้วชี้สองข้างเข้าหากันซ้ำๆ
“ข้า้าของสิ่งหนึ่ง มันเป็ดีงูของงูเจ็ดชนิดเ้าค่ะทว่าข้าจับงูไม่เป็ และข้ายังไม่เป็วรยุทธอีกด้วยวิชาตัวเบาของท่านยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ วรยุทธก็ต้องยอดเยี่ยมแน่นอนกระมัง?ดังนั้น... ท่านเข้าใจนะเ้าคะ”
ซูจิ่นซีพูดแล้วยังกะพริบตาให้กับจิ่นหรงอีกด้วย
“นี่จะยากอันใด? เื่ของลูกศิษย์ก็เป็เื่ของอาจารย์เช่นกัน”
จิ่วหรงลูบผมของซูจิ่นซีด้วยความรักใคร่
‘ลูกศิษย์และอาจารย์’ เมื่อได้ยินคำนี้ในประโยคก็ทำให้ซูจิ่นซีรู้สึกอึดอัดมากนอกจากนี้การกระทำของจิ่วหรงที่ลูบหัวนางก็ทำให้ซูจิ่นซีรู้สึกเหมือนตนเองเป็สุนัขเลี้ยงในชั่วพริบตา
ทว่าไม่มีวิธีแล้ว ผู้ใดให้นางต้องมีเื่ขอให้ผู้อื่นช่วยกันเล่า!
ด้วยเหตุนี้ซูจิ่นซีจึงยิ้มให้จิ่วหรงราวกับสุนัขที่เชื่องอย่างยิ่ง
เมื่อมีระบบถอนพิษอยู่ สำหรับซูจิ่นซีแล้ว การจะหางูเจ็ดชนิดนั้นดั่งกับข้าวจานเล็ก [2]
เดิมที หากร่วมมือกับวิชาตัวเบาของจิ่วหรงแล้ว ใช้เวลาเพียงหนึ่งถ้วยชาซูจิ่นซีก็สามารถหางูพิษทั้งเจ็ดชนิดได้เพราะพวกมันมักจะอยู่รวมกันทว่าเพื่อให้ดูสมเหตุสมผลและไม่มีพิรุธ ซูจิ่นซีจึงชะลอความเร็วและบอกกับจิ่วหรงว่าจมูกของนางได้กลิ่นยาพิษนางจึงจงใจใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วยามในการหางู
งูพิษทั้งเจ็ดชนิดคืองูที่อยู่ในถ้ำบนหน้าผา เหนือทางเข้าเส้นทางลับดูเหมือนพวกมันจะถูกคนรวบรวมกักขังเลี้ยงไว้ด้วยกัน
เมื่อพวกมันอยู่รวมตัวกันเช่นนี้ สำหรับยอดฝีมือจิ่วหรงแล้ว การไปนำดีงูมายิ่งง่ายกว่าเดิม
จิ่วหรงเพียงให้ซูจิ่นซียืนรออยู่ด้านข้าง ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามจิ่วหรงก็ได้ดีงูทั้งเจ็ดชนิดมาอยู่ในมือ เขานำตะกร้าไม้ไผ่มาใส่ดีงู ก่อนจะนำมาวางไว้ด้านหน้าของซูจิ่นซี
ในใจซูจิ่นซีเต็มไปด้วยความสุข ทว่านางยังคงกังวลอยู่เสมอเกี่ยวกับสถานการณ์ของฮั่วซืออวี่นางไม่กล้าล่าช้า จึงขอให้จิ่วหรงใช้วิชาตัวเบาพานางกลับไปที่เมืองตี้จิง
ที่หน้าประตูเมือง จิ่วหรงกับซูจิ่นซีก็แยกทางกัน
ซูจิ่นซีเข้าไปในเมืองตี้จิงและตรงไปที่จวนสกุลฮั่ว
เมื่อมาถึงจวนสกุลฮั่วก็เป็เวลาสูสือ[3] แล้วทันทีที่เดินผ่านเข้าไปในประตู ซูจิ่นซีก็ััได้ถึงบรรยากาศบางอย่างที่ผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งจวนฮั่วต่างเต็มไปด้วยภาพผู้คนร่ำไห้
ยิ่งไปกว่านั้น ซูจิ่นซียังเห็นพวกบ่าวรับใช้ในจวนกำลังเตรียมผ้าสีขาว
ไม่จำเป็กระมัง?
แม้จะถูกพิษหนัก ทว่าตามเวลาแล้วฮั่วซืออวี่ยังไม่ควรขาดใจตายนะ!
เดิมทีซูจิ่นซีออกไปหายาแก้พิษให้ฮั่วซืออวี่ เมื่อเห็นซูจิ่นซีกลับมาผู้คนในจวนก็ควรดีใจถึงจะถูก ทว่าเมื่อพวกเขาเห็นซูจิ่นซีกลับมีทีท่าโศกเศร้ามากกว่าเดิมบางคนถึงกับทำท่าทางไม่พอใจ
ทหารคุ้มกันหน้าประตูไม่ได้ขัดขวางซูจิ่นซี หลังจากที่ซูจิ่นซีเข้าประตูมาก็ตรงไปที่ห้องของฮั่วซืออวี่
ทันทีที่เท้าหน้าก้าวผ่านประตู นางก็ได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญ
“ลูกของข้า! เ้าตื่นสิ ตื่นมามองแม่สิ! เหตุใดเ้าจึงใจดำถึงเพียงนี้? ใจดำทิ้งให้แม่...คนผมขาวส่งคนผมดำเช่นเ้ากันเล่า! ”
“์! เหตุใดท่านจึงมีตาหามีแววไม่ถึงเพียงนี้?ท่านพาลูกของข้าไปก็เอาชีวิตของข้าไปด้วย! ท่านมาเอาข้าไปพร้อมกันเสียเลย”
“ลูกที่อาภัพของข้า! เ้าตื่นสิ! ”
ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
หรือว่า... นางมาช้าไป ฮั่วซืออวี่ได้หมดลมหายใจแล้ว?
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ซูจิ่นซีก็รีบเข้าไปในห้องด้านใน
ทันทีที่ซูจิ่นซีก้าวเข้าไปในธรณีประตูก็ถูกฮั่วอวี้เจียวที่กำลังร้องไห้จ้องมองมาฮั่วอวี้เจียวรีบเดินเข้ามาขวางหน้าซูจิ่นซี
“ซูจิ่นซี เ้ายังจะมาทำอันใดอีก? จะมาเยาะเย้ยพวกเราจวนสกุลฮั่วใช่หรือไม่? ”
ซูจิ่นซีงุนงง ขมวดคิ้วมุ่น
ฮูหยินฮั่วที่กำลังทุบหน้าอกตนเองร่ำไห้อยู่ ทันทีที่ได้ยินเสียงก็ลุกขึ้นยืนท่าทีเปลี่ยนไปราวกับเป็คนละคน
“พระชายาโยวอ๋อง ที่นี่ไม่ต้อนรับท่าน เชิญท่านออกไป”
“ฮูหยินฮั่ว ที่นี่เกิดเื่อันใดขึ้นกันแน่? ในเมื่อยังไม่ถึงเวลาหัวหน้าขุนพลฮั่วก็ไม่ควรขาดใจสิ พวกเ้ารีบหลีกไป ให้ข้าเข้าไปดูหน่อย”
“ท่านเลิกเสแสร้งได้แล้ว! พระชายาโยวอ๋องหลายวันมานี้เ้าหายไปที่ใดมา? หากเ้าถอนพิษในร่างกายของลูกข้าไม่ได้ก็รีบพูดออกมาเถิดเหตุใดต้องหลบซ่อนจนถึงตอนนี้จึงพึ่งออกมากันเล่า? ”
ปรักปรำแล้ว!
ซูจิ่นซีหลบซ่อนที่ใดกัน นางถูกคนลักพาตัวไปต่างหาก เข้าใจหรือไม่?
“พระชายาโยวอ๋อง ท่านอย่าบอกพวกเราเลยว่าถูกคนลักพาตัวไป”
ฮั่วอวี้เจียวกล่าว
ใบหน้าซูจิ่นซีงงงวย “ใช่! คุณหนูฮั่ว ข้าถูกคนลักพาตัวไปจริงๆ ”
“พอแล้ว! ” ทันใดนั้นฮูหยินฮั่วก็ไล่คนอย่างโเี้อีกครั้ง “พระชายาโยวอ๋อง ขอให้ท่านออกไปเถิด จวนสุกลฮั่วไม่ต้อนรับท่าน ตอนนี้ไม่ต้อนรับต่อไปก็จะไม่ต้อนรับ ต่อจากนี้ไปจวนสกุลฮั่วของข้ากับท่านคงอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้”
“ซูจิ่นซี เ้ายัง้ารักษาหน้าไว้หรือไม่? หากไม่ใช่เพราะเ้าหลบซ่อนตัวหนีการถอนพิษพี่ชายของข้า ตอนนี้ท่านพ่อของข้าและท่านอ๋องจะตามหาตัวเ้าได้อย่างไร? แม้แต่ตอนที่พี่ชายข้าจากไป ท่านพ่อก็ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าเขาเป็ครั้งสุดท้าย”
แม้ซูจิ่นซีจะพูดสิ่งใด ทว่าฮูหยินฮั่วกับฮั่วอวี้เจียวก็ไม่เปิดโอกาสให้นางได้พูดเลย
“พระชายาโยวอ๋อง หากท่านถูกคนลักพาตัวไปจริงๆคนที่ลักพาตัวท่านไปจะปล่อยให้ท่านอยู่รอดปลอดภัย ไม่มีาแใดๆ กลับมาได้อย่างไรท่านไปเถิด! ข้าคิดว่าตอนนี้ลูกชายข้าที่อยู่บน์ก็คงไม่้าพบหน้าท่านเช่นกันอย่าได้มารบกวนิญญาของเขาเลย”
ฮูหยินฮั่วกล่าวอย่างเ็า จากนั้นก็คุกเข่าลงกับพื้นแล้วร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
ซูจิ่นซีมีเวลาเหลือไม่มากแล้ว
นางต้องคิดให้ถี่ถ้วนว่าตอนนี้ฮั่วซืออวี่อยู่ในสถานการณ์เช่นใด ยิ่งไปกว่านั้นการปรุงยาแก้พิษยังต้องใช้เวลานางไม่สามารถล่าช้าได้อีกต่อไป
ซูจิ่นซีรีบเดินตรงเข้าไปในห้อง ทว่ายังไม่ทันได้เข้าไปก็ถูกฮั่วอวี้เจียวสั่งให้คนของจวนสกุลฮั่วมาขวางทางไว้
“ซูจิ่นซี เ้าอย่าได้ทำเกินไปนัก! ”
“ฮั่วอวี้เจียวหลีกไป! หากช้ากว่านี้แม้เซียนต้าลั่วลงมาก็ช่วยพี่ชายเ้าไม่ได้แล้ว! ”
ซูจิ่นซีกล่าวเสียงดุ
“ซูจิ่นซี ข้าบอกเ้าว่าพี่ชายของข้าตายไปแล้ว! เขาตายไปแล้ว! ไม่หายใจแล้ว! ”
ฮั่วอวี้เจียวะโ น้ำตาไหลลงมาราวกับไข่มุกที่ขาดสะบั้น
ตายแล้วหรือ? ? ?
......
เชิงอรรถ
[1] ไม่มีแรงแม้แต่จะมัดไก่ คือสุภาษิตจีน เปรียบเปรย ร่างกายที่อ่อนแอและไร้ความแข็งแกร่ง
[2] กับข้าวถ้วยเล็ก สำนวนจีน หมายถึง เื่ง่ายดายจิ๊บจ๊อย เื่กล้วยๆ
[3] เวลาสูสือ เป็่เวลา 19.00-21.00 นาฬิกา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้