เมืองหลวงซ่งเฉิง
ภายในห้องของโรงเตี๊ยม
หลังล้างตัวในอ่างอาบน้ำสองสามครั้ง ในที่สุด กู่ไห่ก็ขจัดสิ่งสกปรก ที่ถูกขับออกจากร่างกายได้จนหมด เมื่อมองภาพสะท้อนในกระจก ก็ตกตะลึงทันที
"นี่คือรูปร่างหน้าตา ตอนข้าอายุสามสิบปีไม่ใช่หรือ?" กู่ไห่แตะใบหน้าตนเองอย่างตื่นเต้น
ริ้วรอยบนใบหน้าหายไปสิ้น เส้นผมหงอกขาวกลายเป็ดำสนิท
กล้ามเนื้อปรากฏชัดเจน สมบูรณ์แบบยิ่งกว่านักเพาะกายที่เคยเห็นในโทรทัศน์ ตอนอยู่ในโลกก่อนเสียอีก ภายใต้ผิวสีทองแดงนั้น เปี่ยมล้นไปด้วยพลังชีวิต
ทั้งร่างเปลี่ยนเป็เยาว์วัย สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนแปลง คือแววตา ซึ่งยังคงลึกล้ำดุจทะเลสาบ
"ขั้นแรกของระดับก่อ์! ในที่สุดข้าก็เลื่อนระดับพลังสำเร็จแล้ว เซียนเอ๋อร์ ข้าใกล้ล้างแค้นให้เ้าได้แล้ว!" สีหน้ากู่ไห่ดุดัน
แต่ไม่นานก็สงบลง หลังใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย กู่ไห่จึงเปิดประตู
ผู้ที่ยืนข้างประตู ไม่ใช่ใครอื่น เป็เฉินเหลี่ยงอี้และเฉินเทียนซานนั่นเอง
“ท่านลุงกู่ ท่านกลับมาเป็หนุ่มแล้ว” เฉินเหลี่ยงอี้ตาเป็ประกาย
“ยึดเมืองหลวงซ่งเฉิงสำเร็จแล้วหรือ?” กู่ไห่เหลือบมองอีกฝ่าย
"ขอรับ ขอบคุณท่านลุงกู่ ขอบคุณมากขอรับ!" เฉินเหลี่ยงอี้คารวะกู่ไห่ด้วยความจริงใจทันที
กู่ไห่ผงกศีรษะ เป็เชิงตอบรับ
"ถังจู่กำลังรอท่านอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ ไว้ค่อยคุยกัน หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเถอะ" เฉินเทียนซานกล่าว พร้อมยิ้ม
กู่ไห่พยักหน้า และเดินตามอีกฝ่ายไป
ภายในห้องโถงใหญ่ หญิงสาวซึ่งนั่งที่ตำแหน่งหลัก กำลังเดินหมากอยู่กับไต้ซือหลิวเหนียน ส่วนคนที่เหลือยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง เกาเซียนจือก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย เมื่อกู่ไห่เข้ามาในห้องโถง ทุกคนต่างมองเขาเป็ตาเดียว
เมื่อหัวหน้าสำนักชิงเหอเห็นกู่ไห่ ก็ไม่ได้มีความสุขเหมือนในตอนแรก แต่กลับปรากฏแววขุ่นเคืองในแววตา เป็เพราะเ้าตัวประหลาดนี่ เขาจึงเสียหินิญญาไปมากมาย
"กู่ไห่ขอขอบคุณท่านเซียนมากขอรับ!" กู่ไห่ค้อมศีรษะคำนับหญิงสาว พร้อมกล่าวขอบคุณ
"ท่านเซียน? ฮ่าๆ ข้าหาใช่เซียนไม่ ท่านกู่เหตุใดถึงได้ขอบคุณข้าหรือ?" หญิงสาวยิ้ม พลางพูด
"พระคุณในครั้งนี้ กู่ไห่จะจดจำไว้ตลอดไป หากไม่ใช่เพราะท่านเซียน ผู้น้อยก็เป็ได้แค่ชายชราที่รอวันตายเท่านั้น และคงไม่มีวันได้กลับคืนสู่วัยหนุ่ม อย่างที่เป็อยู่ในตอนนี้" กู่ไห่ทอดถอนใจ
หัวหน้าสำนักชิงเหอที่ยืนอยู่ด้านข้าง มีหน้าตาบูดบึ้ง แต่ไม่ได้ทำสิ่งใด กู่ไห่กำลังยกความดีความชอบให้หญิงสาว ทว่าเขาก็ไม่ได้อยากจะแย่งชิงความดีความชอบนี้อยู่แล้ว
"ช่างเถอะ เพราะเ้ากล่าวขอบคุณ เช่นนั้นข้าก็จะไม่ถือสาหาความก็แล้วกัน เป็เพราะเ้า จึงทำให้เราล่าช้าไปมาก เ้ารีบมากับเราเถอะ!" หญิงสาวกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“เอ๊ะ?” กู่ไห่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
"เ้า เกาเซียนจือ เฉินเทียนซานจากสำนักชิงเหอ รวมทั้งซ่งฉิงซูจากสำนักซ่งเจี่ย จะได้เข้าหออี้ผิน
และข้าคือถังจู่แห่งหออี้ผิน นับจากนี้ไป เ้าต้องทำงานให้ข้า!" หญิงสาวออกคำสั่ง
“หออี้ผิน? ถังจู่?” กู่ไห่ขมวดคิ้วมุ่น
“กู่ไห่ ถังจู่ให้ความสำคัญ ถือเป็โชคดีของเ้าแล้ว ยังไม่รีบขอบคุณอีก” หัวหน้าสำนักชิงเหอ กล่าวด้วยท่าทางจริงจัง
ก๋ไห่กลับขมวดคิ้ว และมองหญิงสาว
“หออี้ผินหรือ? ไม่ทราบว่า ท่านเซียนจะช่วยไขข้อสงสัยให้ข้าได้หรือไม่?” กู่ไห่ค้อมศีรษะลงอีกครั้ง
"ฮ่าๆๆ! เ้าเด็กนี่ ผู้อื่นเมื่อได้ยินว่าจะได้เข้าหออี้ผิน ไม่มีใครไม่ดีใจ เ้าโชคดีถึงเพียงนี้ เหตุใดยังเล่นตัวอยู่อีก?" หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยยิ้มหยัน
“ข้ามิได้บ่ายเบี่ยง หรือมากเื่ แต่ข้าเป็เพียงปุถุชนผู้หนึ่ง ความรู้จึงมีจำกัด เกรงว่าจะขายหน้าท่านเซียนแล้ว!”
"ขายหน้าอันใดกัน แม้ว่าระดับพลังของเ้าจะต่ำ แต่มีสมองอันเฉียบแหลม นั่นก็เพียงพอแล้ว ในทะเลพันเกาะ ทุกสำนักต่างรู้สึกเป็เกียรติที่ได้เข้าร่วมกับหออี้ผิน
เมื่อทำงานให้หออี้ผิน เ้าจะได้รับค่าตอบแทนเกินคิดฝันเชียวละ และหออี้ผินของข้า ก็รับเพียงผู้มีพร์เท่านั้น!" ถังจู่หญิงกล่าวอย่างจริงจัง
“โอ้?” กู่ไห่ผินหน้ามองหัวหน้าสำนักชิงเหอ
หัวหน้าสำนักชิงเหอยิ้มเย็น และเอ่ยว่า "ในเมื่อถังจู่หมายตาเ้าไว้แล้ว ข้าก็ไม่กล้ารับเ้าเข้าสำนักอีก ทำได้เพียงรักษาสัญญา มอบเคล็ดวิชาก่อ์ให้ แต่เคล็ดวิชาของข้า ไหนเลยจะเทียบหออี้ผินได้? กู่ไห่ ถังจู่ชื่นชมความสามารถของเ้า นั่นถือเป็โชคแล้ว!"
“ท่านกู่ ท่านยังลังเลสิ่งใดอยู่?” เกาเซียนจือที่ยืนอยู่ด้านข้าง ถามพลางยิ้มขื่น
ไม่ทราบว่าเหตุใดกู่ไห่จึงลังเล? โอกาสดีๆ เช่นนี้มาอยู่ตรงหน้า ไยต้องคิดให้มากมาย?
กู่ไห่กวาดตามองทุกคน
กลุ่มศิษย์ทั้งของสำนักชิงเหอ และสำนักซ่งเจี่ย มองกู่ไห่ด้วยสายตาอิจฉา ถังจู่นั้นมีสายตามั่นใจ ในขณะที่เฉินเทียนซานขยิบตาไม่หยุด บอกเป็นัยให้ตอบตกลง แต่ไต้ซือวัยกลางคนที่อยู่ข้างหลังหญิงสาว กลับมีท่าทีไม่ยี่หระ พลางนับลูกประคำในมือ ราวกับว่ากำลังสวดมนต์อยู่เงียบๆ
"ท่านเซียน ข้าสงสัยว่า หากเข้าหออี้ผิน จะถูกผูกมัดด้วยข้อจำกัด หรือมีข้อห้ามใดหรือไม่?" กู่ไห่มองหญิงสาว ท่าทีจริงจัง
ทุกคนมองกู่ไห่อย่างงุนงง เป็เพียงปุถุชน แต่กลับกล้าพูดคุยเงื่อนไขกับถังจู่หรือ? สมองมีปัญหาหรือไม่? ผู้อื่นเปรียบเสมือนฟ้า เ้าเป็ดั่งดิน ประดุจฮ่องเต้้ารับขอทานเป็ข้าราชบริพาร แต่คนผู้นั้นกลับเื่มาก
"ข้อจำกัดหรือ? ง่ายมาก ขอเพียงแค่ไม่ทรยศต่อหออี้ผิน และเชื่อฟังคำสั่งของข้าเท่านั้นก็พอ! เ้าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว!" หญิงสาวยิ้มอย่างมั่นใจ
กู่ไห่ฝืนยิ้ม และพยักหน้า
"เช่นนั้น กู่ไห่น้อมคารวะถังจู่ หวังเพียงถังจู่จะทำตามสัญญา จากนี้ผู้น้อยจะอยู่ใต้บัญชา และรับคำสั่งจากถังจู่เพียงผู้เดียวขอรับ!” กู่ไห่กล่าวอย่างจริงจัง
“เอ๊ะ?” ทุกคนพลันแปลกใจขึ้นมาทันที
กู่ไห่ผู้นี้ถามมาครึ่งค่อนวัน เพราะรอสิ่งนี้อยู่สินะ ทำตามเพียงคำสั่งของถังจู่หรือ? เช่นนั้น หากเป็ผู้อื่นจะไม่ฟังคำสั่งเช่นนั้นหรือ?
"ฮ่าๆๆ! ตกลง หากทำได้ดี ข้าจะมอบสิทธิพิเศษนั้นให้เ้า… จำไว้! นามของข้าคือหลงหว่านชิง" หญิงสาวกล่าว พร้อมยิ้ม
“ขอบคุณถังจู่!” กู่ไห่เองเอ่ย พลางยิ้มเช่นกัน
"ไต้ซือ ท่านว่าที่ใดถึงจะดีที่สุดสำหรับกู่ไห่ เมื่อเขาเข้าหออี้ผินแล้ว?" หญิงสาวเบนสายตาไปยังไต้ซือหลิวเหนียนที่อยู่ข้างๆ
ผู้ทรงศีลดูเหมือนจะรู้สึกตัวขึ้นมาทันที หยุดนับลูกประคำในมือ และมองดูกู่ไห่
"หออี้ผิน แบ่งออกเป็ห้าสังกัดคือทอง ไม้ วารี อัคนี และปฐี แต่เนื่องจากถังจู่ได้สัญญา ว่าจะให้สิทธิพิเศษแก่เขา โดยให้รับคำสั่งจากถังจู่เท่านั้น
นั่นย่อมมีเพียงหัวหน้าสังกัด ที่สามารถทำเช่นนั้นได้ ตำแหน่งหัวหน้าสังกัดวารีเพิ่งว่างพอดี เหตุใดไม่ให้กู่ไห่รับตำแหน่งนั้นเล่า” ไต้ซือหลิวเหนียนกล่าว
"อะไรนะ?" สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที มองไต้ซือหลิวเหนียนด้วยความประหลาดใจ
"ถังจู่ ทำเช่นนั้นไม่เด็ดขาดนะขอรับ แม้ว่ากู่ไห่จะพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่เพิ่งเข้าหออี้ผิน ก็กลายเป็หัวหน้าสังกัดทันที
เื่ขัดธรรมเนียมปฏิบัติเช่นนี้ คนอื่นๆ จะคิดอย่างไรขอรับ?" หัวหน้าสำนักชิงเหอเลิกคิ้ว พร้อมพูดอย่างอิจฉา
"ถูกต้อง ถังจู่โปรดทบทวนใหม่ด้วย แม้ว่าสำนักซ่งเจี่ยจะเป็แค่สำนักภายใต้สังกัดหออี้ผิน ไม่ได้สลักสำคัญอันใด
แต่คนผู้นี้เพิ่งจะบรรลุระดับก่อ์เท่านั้น หลังจากนี้ ไม่อาจทราบได้ ว่าเขาจะสามารถฝึกพลังจนก้าวไปสู่ระดับสูงกว่านี้ได้หรือไม่
จะให้เขาขึ้นเป็หัวหน้าสังกัด? แล้วท่านจะตอบคนอื่นๆ ว่าอย่างไรขอรับ?" สีหน้าของหัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
ในเวลานี้ หลงหว่านชิงมองไต้ซือหลิวเหนียนอีกครั้ง พร้อมครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่าตัวนางเอง ก็รู้สึกว่ารางวัลนี้ดูจะมากเกินไปสักหน่อย
“ไต้ซือ เหตุใดท่านถึงแนะนำให้แต่งตั้งเขาเป็หัวหน้าสาขา?” หลงหว่านชิงถาม พลางนิ่วหน้า
ไต้ซือหลิวเหนียนส่ายหน้า กล่าวว่า "ไม่ใช่ว่าข้าอยากแนะนำให้เขาเป็หัวหน้าสังกัด ด้วยความแข็งแกร่งของเขา ยังห่างไกลคุณสมบัติผู้ชิงตำแหน่งหัวหน้าสังกัด อีกทั้งสมาชิกนับไม่ถ้วนของหออี้ผิน ต่างก็จับจ้องตำแหน่งนั้น กู่ไห่ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะมัน
ข้าเพียงอยากจะบอกถังจู่ว่า ท่านไม่ได้เป็เช่นกาลก่อนแล้ว นับแต่วินาทีที่ท่านขึ้นเป็ถังจู่แห่งหออี้ผิน คำพูดและการกระทำ ล้วนสร้างผลกระทบเป็วงกว้าง เหล่าสมาชิกหออี้ผินล้วนกำลังจับตามอง และไม่เพียงแต่หออี้ผินเท่านั้น ผู้คนในกลุ่มอิทธิพลอื่นๆ ต่างก็กำลังรอให้ท่านพลาด และทำลายหออี้ผินด้วยมือตัวเอง!"
“หือ?” หญิงสาวเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
"มีคำกล่าวที่ว่า ‘กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ’ เช่นเดียวกับท่านในเวลานี้ ด้วยตำแหน่งของท่าน ควรระมัดระวังทุกคำพูดและการกระทำ ท่านได้สัญญากับกู่ไห่ ว่าเมื่อเขาเข้าหออี้ผิน จะรับคำสั่งจากท่านเพียงผู้เดียว
ซึ่งมีเพียงสองตำแหน่งเท่านั้น ที่ทำเช่นนี้ได้ หนึ่ง คือหัวหน้าสังกัด และสอง คือแขกกิตติมศักดิ์ เช่นข้า! ถังจู่ต้องตัดสินใจด้วยตัวเองแล้ว!" ไต้ซือหลิวเหนียนกล่าวอย่างใจเย็น
หลงหว่านชิงเลิกคิ้วขึ้น ขณะที่ั์ตาปรากฏอารมณ์ซับซ้อน
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของไต้ซือหลิวเหนียนแล้ว คนอื่นก็ไม่กล้าพูดมากอีก
สีหน้าหญิงสาวเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนมองกู่ไห่อีกครั้ง
"กู่ไห่นับแต่นี้ไป เ้าคือหัวหน้าสังกัดวารีแห่งหออี้ผิน! นี่คือป้ายประจำตำแหน่ง จากนี้เ้าจะรับคำสั่งจากข้าเพียงผู้เดียว!" หลงหว่านชิงกล่าวอย่างจริงจัง ขณะหยิบป้ายสีม่วงออกมา
กู่ไห่มองหลงหว่านชิง คิดไม่ถึง ว่าหออี้ผินจะมีกฎและข้อบังคับมากมายเช่นนี้
แม้จะไม่รู้ ว่าการเป็หัวหน้าสังกัดหมายความว่าอย่างไร แต่จากบทสนทนาที่เพิ่งได้ยิน ก็เดาได้ไม่ยากถึงสิทธิพิเศษที่จะได้รับ ในเวลานี้ เขาจึงไม่อาจปฏิเสธได้แล้ว
"ขอรับ! ขอบคุณถังจู่ กู่ไห่จะไม่มีวันทรยศต่อความไว้วางใจของท่านแน่!" กู่ไห่กล่าวสาบานอย่างจริงจัง พลางรับป้ายสีม่วงไป ภายใต้สายตาอิจฉาของผู้คน
ป้ายนั้นไม่ใช่ไม้หรือทอง บนนั้นสลักรูปหยดน้ำเอาไว้หนึ่งหยด
“หยดเืลงไป!” หลงหว่านชิงสั่ง
กู่ไห่พยักหน้า หาเข็มมาเจาะนิ้วของตนจนเืออก
วูบ!
แผ่นป้ายสั่นเล็กน้อย ก่อนจะเปล่งประกายสีม่วงออกมา แสงนั้นพุ่งเข้าร่างกู่ไห่ จากนั้น ก็ราวกับป้ายสีม่วงได้เชื่อมโยงกับจิตของกู่ไห่ พลันเขาก็รู้สึกได้ถึงพื้นที่สิบจั้งภายในแผ่นป้าย ซึ่งมีหินิญญาสีม่วงสิบก้อน และม้วนไผ่หนึ่งม้วน
"นี่คือ?" กู่ไห่เอ่ยถามอย่างประหลาดใจ
"บัดนี้ เ้าได้รับแผ่นป้ายประจำตำแหน่งแล้ว นับจากนี้เ้าคือหัวหน้าสังกัดวารีแห่งหออี้ผิน อย่าทำให้ข้าผิดหวัง!" หลงหว่านชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"ข้าจะทำให้ดีที่สุด!" กู่ไห่ค้อมศีรษะตอบรับ
หัวหน้าสำนักชิงเหอมีสีหน้ายับยุ่ง เมื่อมองไปยังกู่ไห่ เพราะเื่ก่อนหน้านี้ ทำให้รู้สึกไม่ดีนักกับอีกฝ่าย แต่สถานการณ์ในตอนนี้ต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง กู่ไห่ได้กลายเป็หัวหน้าสังกัดแห่งหออี้ผิน สถานะเปลี่ยนไปแล้ว!
"ขอแสดงความยินดีกับหัวหน้ากู่! ก่อนหน้านี้ ข้าได้สัญญาว่าจะรับท่านเข้าสำนักชิงเหอ เพื่อฝึกวิชา แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่มีโอกาสนั้นแล้ว
ไม่ทราบว่าหัวหน้ากู่้าสิ่งใดหรือไม่? ขอเพียงไม่เกินกำลัง ข้าจะมอบให้ทุกอย่าง ถือว่าเป็การชดเชย แทนคำขออภัยที่ไม่อาจทำตามสัญญา" หัวหน้าสำนักชิงเหอกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ขอขอบคุณหัวหน้าสำนักชิงเหอเป็อย่างมาก ที่ช่วยให้เลื่อนระดับพลังสำเร็จ เพียงแต่ข้าจำต้องออกเดินทางพร้อมถังจู่ในทันที จวนสกุลกู่ของข้า...”
"หัวหน้ากู่โปรดวางใจ จะไม่มีผู้ใดกล้าลงมือกับพวกเขา อาณาเขตทั้งหมดของด่านหู่เหลา ซึ่งเคยเป็ของแคว้นเฉิน บัดนี้อยู่ภายใต้การปกครองของจวนสกุลกู่แล้ว ท่านสามารถกลับมาได้ตลอดเวลา” หัวหน้าสำนักชิงเหอพูดอย่างมั่นใจ
"ขอบคุณยิ่ง!" กู่ไห่โค้งคำนับเล็กน้อย
“ถังจู่ ไม่ทราบว่าผู้น้อยจะขออยู่ภายใต้สังกัดของหัวหน้ากู่ได้หรือไม่ ขอรับ?” เกาเซียนจือที่อยู่ด้านข้างเอ่ยถาม
“โอ้?” ดวงตาหญิงสาวปรากฏแววสงสัยใคร่รู้
"ผู้น้อยมีความสามารถจำกัด จึงหวังจะติดตามหัวหน้ากู่ เพื่อเรียนรู้ทุกสิ่งเท่าที่จะทำได้ขอรับ" เกาเซียนจือกล่าว น้ำเสียงจริงจัง
"ได้! ข้ายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะส่งเ้าไปอยู่สังกัดใด เ้าลองถามกู่ไห่ ว่าเขาตกลงหรือไม่" หลงหว่าชิงกล่าวอย่างไม่ยี่หระ
"แม่ทัพเกาผู้นี้ ย่อมทำงานร่วมกับข้าได้เป็อย่างดี ผู้น้อยยินดียิ่ง แล้วจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไรกัน?" กู่ไห่ตอบกลับทันที พร้อมรอยยิ้ม
"ท่านกู่ ไม่สิ หัวหน้ากู่ อย่าได้ล้อผู้น้อยเล่น โปรดเรียกข้าว่าเสี่ยวเกา! สามารถติดตามท่านได้ ถือเป็เกียรติยิ่งแล้ว!" เกาเซียนจือ พลันโค้งคำนับด้วยความยินดียิ่ง
"ตกลง! ท่านเกาเกรงใจเกินไปแล้ว" กู่ไห่ประคองเกาเซียนจือขึ้นมาทันที
"เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้! กู่ไห่ จากนี้สามวันเราจะออกเดินทาง ข้าอนุญาตให้เ้าใช้เวลาใน่นี้ จัดการธุระของตัวเอง!" หลงหว่านชิงบอก
“ขอบคุณ ถังจู่!” กู่ไห่พยักหน้า
จากนั้น กู่ไห่ก็เดินออกจากห้องโถงใหญ่ พร้อมเกาเซียนจือที่เดินตามออกมา
คนของสำนักชิงเหอและสำนักซ่งเจี่ย ต่างมองกู่ไห่ด้วยแววตาอิจฉา
หลังจากทุกคนกล่าวคำอำลาแล้ว จึงเหลือเพียงหลงหว่านชิงและไต้ซือหลิวเหนียน ที่ยังคงอยู่ในห้องโถงนั้น
หลงหว่านชิงขมวดคิ้วมุ่น เห็นได้ชัด ว่ายังคงไม่สบายใจกับความหุนหันพลันแล่นของตน เมื่อครู่ที่ผ่านมา
“ถังจู่ ท่านนึกเสียใจที่มอบตำแหน่งให้กู่ไห่หรือ?” ไต้ซือหลิวเหนียนถาม พร้อมยิ้ม
"เป็ข้าที่ดีใจจนลืมตัว ในเมื่อสัญญาไปแล้ว ก็ช่างมันเถอะ เพียงแต่ข้าแค่กังวล ว่าเขาจะไม่มีคุณสมบัติพอ…" หญิงสาวขมวดคิ้วแน่น
"ในสายตาคนภายนอก หออี้ผินสงบสุขยิ่ง ถังจู่ แม้ว่าท่านจะเพิ่งขึ้นรับตำแหน่ง แต่ก็คงสังเกตเห็นปัญหาภายในของเรา แม้ว่าระดับพลังของกู่ไห่จะต่ำ แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่าย!" ไต้ซือหลิวเหนียนอธิบายพร้อมรอยยิ้ม
“เอ๊ะ?”
"กู่ไห่ผู้นี้ อาจจะมาช่วยกวนบ่อน้ำนิ่ง[1]ในหออี้ผินก็เป็ได้ ให้เขาไปต่อกรกับชายชราสองสามคนนั้น แล้วช่วยให้ท่านกุมอำนาจเบ็ดเสร็จในหออี้ผิน!" ไต้ซือหลิวเหนียนกล่าว ด้วยท่าทีเคร่งขรึมจริงจัง
---------------------------------
[1] กวนบ่อน้ำนิ่ง หมายความว่า สร้างความปั่นป่วน หรือสร้างความเปลี่ยนแปลงขึ้น ในที่ใดที่หนึ่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้