“อะแฮ่ม!! เช่นนั้นก็เป็เื่เข้าใจผิดสินะเป็ข้าที่คิดไปเอง แต่ว่าท่านจะโทษข้าฝ่ายเดียวก็ไม่ได้นะ พวกนางกลั่นแกล้งข้านั้นเป็เื่จริง แสดงว่าหลังจากที่ท่านแต่งงานแล้วก็ยังไม่สามารถทำให้พวกนางตัดใจได้ ต่อไปข้ายังต้องออกงาน หรือไปงานเลี้ยงสังสรรค์ของเหล่าขุนนางอยู่นะ คงต้องถูกพวกนางกลั่นแกล้งอีกแน่ เื่ทั้งหมดมันก็เริ่มมาจากท่านทั้งนั้น ที่ข้าโกรธก็เป็เื่ที่สมเหตุสมผลอยู่แล้วมิใช่หรือ”
เสิ่นเยว่หาทางลงให้ตัวเองจนได้ เื่อะไรนางจะเป็คนที่ยอมรับความผิดทั้งหมดเอาไว้เองล่ะเื่ของเขา เขาก็ต้องเป็คนที่ผิดสิ หลี่เซวียนมองใบหน้าเล็กๆ ที่กำลังพูดแก้ตัวให้ตนเองไปอย่างข้างๆ คูๆ แล้วก็รู้สึกจนใจเขาคงไม่มีทางต้อนให้นางรับผิดได้สินะ แล้วเื่ที่นางหึงหวงเขาเล่ายังมิได้ข้อสรุปเลยนะ
“ถ้าท่านไม่มีเื่อะไรที่ต้องพูดกับข้า เช่นนั้นข้าต้องขอตัวก่อน พึ่งกลับมาที่เรือนคงจะมีอะไรให้ต้องทำมากมาย ไปก่อนนะ”
เสิ่นเยว่รีบพูดรีบออกไปจากห้องหนังสือของหลี่เซวียน นางไม่อยากอยู่ต่ออีกแม้แต่เค่อเดียวกลัวว่าเขาจะถามเื่อื่นที่เป็ความลับของนาง ครั้งนี้รอดตัวไปได้คราวหน้าไม่แน่ว่านางจะสามารถปิดบังเขาไปได้อีก ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็เรือนของเขา นางกลัวว่าสักวันเขาจะต้องรู้ความจริงเื่สหายจดหมายลับของนาง
เสิ่นเยว่ไม่กลัวว่าจะต้องทะเลาะกับหลี่เซวียนเื่นี้ แต่ถ้าหากว่าเื่ที่นางติดต่อกับบุรุษที่มิใช่สามีของตนแดงขึ้นมานางจะกลายเป็คนที่ทำลายชื่อเสียงของตระกูลเสิ่นให้ต้องแปดเปื้อน เห็นทีท่านแม่คงจะต้องมาดึงหูนางจนขาดแน่เพราะเื่ไร้สาระที่นางกระทำอยู่
หลี่เซวียนมองตามท่าทีลนลานของเสิ่นเยว่ที่รีบออกจากห้องหนังสือไป นางไปค้างที่จวนตระกูลเสิ่นแค่คืนเดียวกลับมาที่นี่มีอะไรให้ต้องจัดการมากมายกันนะท่าทางของนางดูน่าสงสัยยิ่งนัก
หลี่เซวียนส่ายหัวให้กับความคิดไร้สาระของตน อะไรที่ทำให้นางน่าสงสัยกัน นางก็เป็แค่สตรีที่อยู่แต่ในเรือนเท่านั้นที่นางลนลานขนาดนี้ น่าจะมีสาเหตุมาจากเขามากกว่า
“หรือว่านางกำลังชอบข้ากัน ดูจากปฏิกิริยาที่นางกำลังเป็อยู่เหมือนว่านาง้าที่จะหลบหน้าข้า แล้วเื่ที่นางให้สาวใช้ไปตามสืบก็ยิ่งเป็ที่น่าสงสัยว่านางกำลังหึงหวง”
หลี่เซวียนเหมือนกำลังคิดเข้าข้างตนเองอยู่ฝ่ายเดียว ถ้านางชอบเขา แล้วเขาจะต้องทำอย่างไรปฏิเสธนางไปอย่างนั้นหรือ
ความจริงนางก็ไม่ได้น่ารำคาญเหมือนสตรีที่เอาแต่วิ่งไล่ตามเขาอย่างที่ผ่านมา เพียงแต่เขามีนางในดวงใจแล้วคงจะไม่สามารถทำให้นางสมหวังได้ ต้องทำให้นางตัดใจจากเขาให้ได้เพียงแค่นั้น
เมื่อหลี่เซวียนคิดเข้าข้างตนเองเสร็จเขาก็เป่าปากเรียกลู่ลู่เข้ามาในห้องหนังสือ
“ลู่ลู่ แกไปส่งจดหมายให้ข้าหน่อย เมื่อวานไม่มีโอกาสส่งหานางข้ากลัวว่านางจะรอ”
หลี่เซวียนเขียนจดหมายเสร็จเขาม้วนกระดาษใบเล็กยัดใส่ที่กระบอกที่ขาของลู่ลู่
“รีบไปเถอะ กลับมาจะมีรางวัลให้แก”
ลู่ลู่ทำตามอย่างเชื่อฟัง มันบินออกไปทางหน้าต่างห้องหนังสือของหลี่เซวียน วนไปที่ห้องนอนของเขาที่เสิ่นเยว่กำลังสอบถามชิงจู๋ที่นางทิ้งเอาไว้คอยดูว่าลู่ลู่จะมาส่งจดหมายเมื่อใด เสียงกระพือปีกดังมาจากนอกหน้าต่าง เสิ่นเยว่รีบเข้าไปรับมันด้วยความยินดี
“ลู่ลู่น้อย เ้ามาแล้ว”
เสิ่นเยว่ให้ชิงจู๋ไปนำขนมมาให้มัน จากนั้นให้นางไปเฝ้าหน้าเรือนเอาไว้เสิ่นเยว่กลัวว่าหลี่เซวียนจะโผล่มากะทันหันตอนที่นางกำลังอ่านจดหมาย
เสิ่นเยว่รีบนำกระดาษในกระบอกที่ขาของมันออกมาเปิดอ่านทันที
รู้จักกันมานานเพียงนี้ พบกันสักคราได้หรือไม่
เสิ่นเยว่อ่านข้อความที่เขียอยู่ในกระดาษใบน้อยซ้ำไปซ้ำมา นางเคยคิดเื่นี้อยู่หลายครั้งจะขอพบเขาดีหรือไม่ แต่นางเกรงว่าถ้าตนเองเป็คนเอ่ยปาก จะทำให้ดูไม่ดีหรือเปล่าเพราะนางเป็สตรี ตอนนี้สหายคนนั้นของนางเอ่ยปากอยากพบนี่ช่างเป็เื่ที่น่ายินดี แต่นางจะหาโอกาสออกไปพบเขาได้อย่างไรเสิ่นเยว่คิดวางแผน โชคดีที่นางอยู่ที่ตระกูลหลี่ไม่ใช่ที่ตระกูลเสิ่นจึงไม่ต้องแอบออกไปนอกจวน
เสิ่นเยว่รีบเขียนจดหมายตอบกลับเขาทันที นางใส่จดหมายในกระบอกที่ขาของลู่ลู่ จากนั้นก็ส่งมันออกไป
หลี่เซวียนที่กำลังเดินออกมาจากห้องหนังสือตรงมาที่เรือนของตน ทันได้เห็นลู่ลู่ บินเข้ามาในระยะสายตา ห่างออกไปไม่ไกลมีชิงจู๋สาวใช้ของเสิ่นเยว่ยืนอยู่ เขารีบหลังหันเดินวกกลับไปที่ห้องหนังสือทันที
ชิงจู๋ที่เตรียมตัวจะเดินเข้าเรือนไปรายงานนายหญิงของตนก็ต้องชะงักไป นางเห็นหลี่เซวียนเดินกลับไปที่ห้องหนังสืออย่างรีบร้อน แม้จะสงสัยแต่นางคิดว่าหลี่เซวียนอาจจะลืมของสำคัญอะไรบางอย่างเอาไว้ที่ห้องหนังสือเป็แน่ถึงได้รีบร้อนเพียงนั้น
หลี่เซวียนเปิดประตูห้องหนังสือเจอลู่ลู่ เกาะอยู่ที่ขอบหน้าต่าง เขารีบแกะเอากระดาษจดหมายที่นางตอบกลับมาเปิดอ่าน เขาหวังว่านางจะตอบรับคำขอของเขา
โรงน้ำชาเยี่ยนชิง นอกเมือง ปักดอกหลีฮวา ยามอู่ อีกสามวัน
หลี่เซวียนใจเต้นโครมครามถึงแม้เขาจะคาดหวังให้นางตอบตกลงแต่เขาไม่คิดว่านางจะตอบรับเร็วขนาดนี้ หลี่เซวียนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเขาเอาแต่คิดเื่ของสหายที่อยู่ในความลับคนนั้น เสิ่นเยว่าก็ไม่ต่างกันนัก ที่นางบอกว่าจะปักดอกหลีฮวาเพราะที่ข้างเรือนของหลี่เซวียนมีต้นหลีฮวาต้นใหญ่อยู่สองต้น นางเห็นมันกำลังออกดอกบานสะพรั่งจึงคิดเื่ปักดอกหลีฮวาขึ้นมา
แต่ละวันที่ผ่านไปของทั้งสองคนมันช่างยาวนานเหมือนเป็ปี เสิ่นเยว่คิดว่านางน่าจะนัดเขาหลังจากที่ได้รับจดหมายหนึ่งวัน ไม่อย่างนั้นนางก็ไม่ต้องนับวันรอเช่นนี้ โชคยังดีที่นางบอกไปแค่สามวัน ถ้าหากนางนัดเขาเดือนหน้ารับรองนางจะต้องเป็บ้าตายไปก่อน
พรุ่งนี้เป็วันที่นางจะได้พบสหายของนางแล้ว เสิ่นเยว่รู้สึกผิดกับ หลี่เซวียนเล็กน้อย วันนี้นางจึงทำอาหารไปส่งเขาที่ค่ายทหาร นายทหารที่ทำหน้าที่เฝ้าหน้าทางเข้าเมื่อเห็นว่าเป็รถม้าของตระกูลหลี่เขาก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเป็ฮูหยินน้อยของท่านแม่ทัพอย่างแน่นอน เขารับเปิดทางให้นางเข้าไปทันที
ตอนนี้เสิ่นเยว่ยืนอยู่หน้าห้องทำงานของหลี่เซวียน นางลังเลว่าจะเคาะประตูดีหรือไม่เพราะกลัวว่าจะเป็การรบกวนเขา แต่หลี่เซวียนก็เปิดประตูออกมาซะก่อน
“เหตุใดเ้าถึงอยู่ที่นี่”
หลี่เซวียนถามนางอย่างแปลกใจ เขานึกว่านางจะเลิกทำอาหารมาส่งให้เขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงเลิกคาดหวังและในตอนที่เขากำลังจะไปที่โรงอาหารกลับพบนางยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องทำงานของเขา
เสิ่นเยว่มีท่าทีลังเลเล็กน้อย
“ข้า...ทำอาหารเที่ยงมาส่งท่าน ท่านแม่ทัพเป็ข้าที่เข้าใจผิดเื่เมื่อครั้งก่อน หวังว่าท่านจะไม่ถือสา”
หลี่เซวียนรู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังพองฟูขึ้นมาเลยทีเดียวเมื่อได้ยินเสียงของนาง นี่นางยอมรับผิดเื่เมื่อครั้งก่อนแถมนางยังทำอาหารมาให้เขาอีกอย่างนั้นหรือ เื่ที่เขาคาดเดาว่านางกำลังมีใจให้เขาเป็เื่จริงสินะ
“เ้าเข้ามาข้างในก่อนสิ”
เสิ่นเยว่พยักหน้า ชิงจู๋นำเถาใส่อาหารมาวางไว้ที่โต๊ะน้ำชาแล้วออกจากห้องไป ปล่อยให้คุณหนูของนางกับท่านแม่ทัพน้อยได้มีเวลาร่วมกัน เสิ่นเยว่ยกอาหารออกมาวางให้หลี่เซวียน นางมองเขากินอาหารของนางจนหมด แม้กระทั่งของหวานที่เสิ่นเยว่พึ่งจะรู้จากบ่าวที่ทำหน้าที่ดูแลเรือนของเขาเล่าว่าหลี่เซวียนไม่ชอบของหวาน แต่ที่นางทำมาก็เพียง้าให้ครบองค์เท่านั้นไม่คิดว่าเขาจะกินมันเข้าไปจนหมด
หลังจากที่ทานอาหารเสร็จหลี่เซวียนคิดว่าจะต้องพูดอะไรบางอย่างออกไปไม่ใช่นั่งเงียบเช่นนี้ ถึงอย่างไรนางก็มีน้ำใจทำอาหารมาส่งเขาถึงที่นี่
“ขอบใจเ้ามากนะที่ทำอาหารมาส่งให้ข้า เ้าทำได้อร่อยกว่าพ่อครัวของสกุลหลี่เสียอีก”
เสิ่นเยว่ไม่คิดว่าเขาจะชมนางเช่นนี้ นางไม่รู้ว่าจะต้องทำหน้าอย่างไร นางได้แต่พยักหน้ารับ
“ท่านทานเสร็จแล้วข้าไม่รบกวนเวลาทำงานของท่าน ข้าต้องกลับจวนก่อน”
หลี่เซวียนพยักหน้า
“ข้าจะออกไปส่งเ้า”
“ไม่เป็ไร ท่านไม่ต้องไปส่งข้าหรอกท่านทำงานต่อเถอะ”
เสิ่นเยว่ลุกขึ้นเรียกให้ชิงจู๋เข้ามาเก็บเถาอาหารยกออกไป หลี่ เซวียนเดินมาส่งนางที่หน้าประตูห้องทำงาน เสิ่นเยว่ยิ้มให้เขาเล็กน้อยจากนั้นจึงพยักหน้าให้ชิงจู๋เดินกลับไปที่รถม้าที่จอดอยู่ที่หน้าค่ายทหาร นางรู้สึกผิดต่อเขานิดหน่อย ตอนนี้เหมือนกับว่านางกำลังนอกใจเขาอยู่ นางรู้สึกลังเลเื่ที่จะไปพบสหายนิรนามของนาง
คืนนั้นทั้งสองคนต่างนอนไม่หลับเพราะรู้สึกผิดต่อคนที่นอนห่างออกไปคนละมุมห้อง เสิ่นเยว่นอนพลิกไปพลิกมาเกือบฟ้าสางนางถึงได้หลับไป เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของเสิ่นเยว่ทำให้หลี่เซวียนรู้ว่านางหลับไปแล้ว เขาไม่รู้ว่านางมีเื่ในใจอะไรให้ต้องคิดมากจึงเป็เหตุให้นางนอนไม่หลับเช่นนี้