เย่เฟิงไม่สบายใจ เมื่อเขาได้ยินเสียงของซูเมิ่งหานก็รีบเก็บรูปถ่าย "ไม่มีอะไร"
เมื่อหันไปก็เห็นซูเมิ่งหานในชุดเสื้อยืดคอกลมสีชมพูมีลายหมีน้อยตรงกลางอกและกางเกงยีน ผมของเธอถูกรวบและมัดไว้ด้านหลังเป็ทรงหางม้า ทำให้เธอดูเปลี่ยนจากสาวสวยบริสุทธิ์เป็เรียบง่ายมีชีวิตชีวา สิ่งที่น่าดึงดูดมากที่สุดคงเป็ใต้ผ้าสีชมพูบริเวณหน้าอกของเธอ เย่เฟิงเหลือบมองหลายต่อหลายครั้งพลางคิดว่าสาวน้อยคนนี้เมื่อเทียบกับหลงหว่านเอ๋อร์ไม่ด้อยกว่ากันเลยทีเดียว หากมองให้ดี เธอสูสีกับหลงหว่านเอ๋อร์ทีเดียว
“มองอะไรอยู่ฮะ?” ซูเมิ่งหานเห็นสายตาของเขาก็หน้าแดง
“ถ้าไม่มีอะไร ฉันไปข้างนอกหน่อยนะ อาจจะกลับมาดึกๆ” เย่เฟิงได้สติ เมื่อมองการแต่งตัวของเธอก็เห็นว่าเป็การแต่งตัวเพื่อออกไปข้างนอก ชายหนุ่มสงสัยจนถามขึ้น “ดึกขนาดนี้เเล้วยังจะไปไหนอีก”
“พ่อฉัน…” ซูเมิ่งหานลังเลเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็บอกออกมา “พ่อของฉันโทรมาหาเมื่อบ่าย ชวนฉันไปกินข้าวเย็นที่โรงแรมจิงหัว”
“อืม” เย่เฟิงพยักหน้าและไม่ใส่ใจนัก นึกไม่ถึงว่าพ่อของเธอจะเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้ ทั้งหมดอยู่ในการคาดเดาของเขาเเล้ว แต่อย่างไรเขาไม่้าคิดเื่นี้ในตอนนี้
อาจารย์อยู่ที่สุสานของราชวงศ์ชางในูเาฉางไป๋จริงหรือ?
ซูเมิ่งหานเห็นเย่เฟิงสติไม่อยู่กับตัวก็สงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร “ฉันไปนะ”
“เดี๋ยวก่อน รอฉันโทรศัพท์ครู่หนึ่ง” เย่เฟิงรั้งเธอก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือโทรหาโอวบี
ไม่นานโอวบีก็รับโทรศัพท์ด้วยความสงสัย “มีอะไรเหรอ เสี่ยวมี่เฟิง ข้อมูลที่ฉันให้ไปมีปัญหาเหรอ?”
“ไม่มี แต่ที่ฉันอยากรู้คือสถานที่ของสุสานโบราณ ฉันต้องไปที่นั่น” เย่เฟิงถามด้วยความกังวล
“อันนี้ฉันไม่รู้จริงๆ” โอวบีพูดอย่างช่วยไม่ได้ “พวกโจรขุดสุสานไม่ยอมบอกเกี่ยวกับสถานที่ ถ้านายอยากรู้จริงๆ คงต้องถามพวกมันเอง แต่คนคนนั้นเป็บุคคลลึกลับยากคาดเดา พ่อของฉันยังไม่สามารถติดต่อเขาได้เลย”
“จริงหรือ? แล้วเมื่อไรเขาจะปรากฏตัวอีกล่ะ” เย่เฟิงไม่ยอมแพ้ อย่างไรร้านขายของโบราณโอวซื่อก็เป็ร้านที่พวกมันมาบ่อยครั้ง สักวันคนคนนั้นต้องปรากฏตัวอีกแน่
“พูดยาก บางครั้งประมาณครึ่งเดือนมาที แต่บางครั้งก็ไม่ได้โผล่หน้ามาเป็ปีๆ…” โอวบีถามกลับ “เสี่ยวมี่เฟิง นายจะไปที่นั่นทำไม ถึงนายจะใช้วรยุทธ์ได้ แต่สุสานพวกนั้น ถ้าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญก็อาจเข้าไปแล้วไม่มีชีวิตรอดกลับมา ถ้า้าเงินไม่เห็นต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงขนาดนั้น”
“หากเขาโผล่หน้ามาอย่าลืมบอกฉันด้วยล่ะ ขอบคุณ” เย่เฟิงไม่อธิบายอะไรทั้งนั้น เื่เกี่ยวกับซูเฟยหยิ่งก็เหมือนกับตัวตนของเขาในฐานะผู้ฝึกวิถีเซียน ไม่สามารถให้ใครรับรู้ได้ เื่ลงเอยแบบนี้เพราะงั้นคงต้องพักไว้ก่อน
เขารวบรวมสติ ทันทีที่วางสาย ซูเมิ่งหานก็ถามอย่างประหม่า “เย่เฟิง นายจะไปไหนเหรอ?”
เย่เฟิงพบกับใบหน้าใสซื่อกำลังเป็ห่วงตนจึงอดยิ้มไม่ได้ก่อนตบไหล่เธอเบาๆ “ไม่มีอะไร ไปกัน... ฉันไปโรงแรมจิงหัวเป็เพื่อนเธอแล้วกัน อยากรู้ว่าพ่อของเธอจะพูดอะไรกันแน่”
“ไปด้วยกันเหรอ?” ซูเมิ่งหานใ
“แน่นอนสิ ไปเถอะ” เย่เฟิงส่งข้อความให้จ้าวอี้เปยมารับ ไหนๆ ก็มีคนขับรถทั้งที จะไม่ใช้เลยก็เสียดายแย่ จะไปโรงแรมจิงหัว อุตส่าห์มีรถบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์เจ็ดให้ใช้แล้วจะไม่ใช้ได้อย่างไร
“อืม” ซูเมิ่งหานพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง หญิงสาวรู้ว่าอีกฝ่ายกลัวว่าเธอจะเจอปัญหาที่ไม่คาดคิดจึงยอมไปกับเธอ ทำให้เธอซาบซึ้ง
เย่เฟิงยิ้มและจับมือเล็กอันอ่อนนุ่มของเธอเดินไปที่ประตู เนื่องจากดาวโรงเรียนคนนี้สนใจในตัวเขาและเขาเองก็ชอบเธอเช่นกัน ดังนั้นจากนี้ไปเธอเป็ของเขา ใครก็แย่งไปไม่ได้ ใครคิดทำร้ายเธอจะต้องข้ามศพของเย่เฟิงไปก่อน
เมื่อซูเมิ่งหานถูกเย่เฟิงจูงมือ หัวใจของเธอเต้นรัวพร้อมใบหน้าแดงเรื่อ ความฝันที่เธอเห็นในรถไฟกำลังจะเป็จริงงั้นหรือ? แต่ก็อดนึกถึงลูกเตะสุดอันตรายของหลงหว่านเอ๋อร์ไม่ได้ ความฝันนั้นอาจไม่เป็จริงก็ได้ เธอส่ายหัวรัวๆ และตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าในเมื่อเลือกเชื่อใจเย่เฟิงแล้ว เธอก็ไม่ควรสงสัยในตัวเขาอีก แต่ถ้าเขากล้าโกหกเธอล่ะก็...
หลังจากนั้นไม่นานรถบีเอ็มดับเบิลยูสีเงินก็เคลื่อนตัวมาจากทางเข้าของวิลล่าชิงเฟิง และจอดอยู่ริมถนน ส่วนคนขับรถคือจ้าวอี้เปย ชายหนุ่มเมื่อคราวที่แล้ว
จ้าวยี้เปยตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นเย่เฟิงและซูเมิ่งหานเดินจับมือกันออกมา เป็ไปตามที่ตนพูดไม่มีผิด เธอหึงแน่นอน การอธิบายครั้งนั้นทำให้แก้ไขปัญหาได้ นี่ทำให้เขารู้สึกประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง
………….
โรงแรมจิงหัวเป็โรงแรมชั้นหนึ่งของเมืองเยี่ยนจิง ตั้งอยู่ใจกลางของเมืองอีกด้วย สถานที่แห่งนี้ไม่ได้อยู่ในขอบเขตอิทธิพลของแก๊งอสรพิษ์ เป็สถานที่ที่ผู้มีอำนาจและเงินในเมืองเยี่ยนจิงมารวมตัวกัน ไม่ใช่สถานที่ที่พวกมาเฟียจะควบคุมได้ แต่เวลานี้ทั้งชั้นของโรงแรมจิงหัวเต็มไปด้วยผู้คน แน่นอนว่าซูซิ่นชางผู้เป็แค่ประธานบริษัทธรรมดาไม่สามารถสร้างสถานการณ์แบบนี้ได้ แต่เป็ตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองเยี่ยนจิง ตระกูลหลินนั่นเอง!
วันนี้เป็วันเกิดครบรอบเจ็ดสิบปีของผู้าุโแห่งตระกูลหลิน หลินหงชวน เขาจัดงานเลี้ยงที่นี่เป็พิเศษเพื่อรับรองบุคคลสำคัญจากทั่วประเทศ ที่จอดรถชั้นใต้ดินของโรงแรมเต็มไปด้วยรถหรูทุกประเภทและมีคนหนาแน่นทุกที่
ซูซิ่นชางขับรถของตัวเองมาถึงหน้าประตูใหญ่ของโรงแรมและเห็นบุคคลสำคัญเดินไปมา ดูเหมือนคืนนี้คงต้องชวนลูกสาวของเขาไปกินข้าวเย็นที่ภัตตาคารจิงเฉิงที่อยู่ตรงข้ามกับโรงแรมจิงหัวแทนเเล้วล่ะ
ภัตตาคารจิงเฉิง เมื่อเทียบกับโรงแรมจิงหัวแล้วค่าใช้จ่ายน้อยลงหนึ่งระดับ แต่ก็ต่ำกว่าแค่หนึ่ง เป็ครั้งแรกที่ซูซิ่นชางชวนลูกสาวไปกินอาหารเย็นตามลำพัง เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ เขารู้สึกไม่พอใจ แต่ก็นะ... ตอนนี้เขาทำอะไรได้ไม่มาก
ตระกูลหลินจองโรงแรมนั้นหมดแล้ว เขายังคิดจะจองอยู่หรือ ฝันไปหรือเปล่า
“เ้าเด็กเย่เฟิงนั่นคงมาด้วยกัน ถึงเวลาฉันต้องลองถามว่าเขากับแก๊งมีความสัมพันธ์ถึงขนาดไหน ถ้ามีคนกับอำนาจมากก็สามารถร่วมมือกับเขาได้” ซูซิ่นชางคิดในใจและขับรถเข้าไปจอดในภัตตาคารจิงเฉิง
แน่นอนว่าวิธีที่เขาคิดจะร่วมมือกับเย่เฟิงคือการแนะนำให้ซูเมิ่งหานและเย่เฟิงหมั้นกันเพื่อให้เขารักษาความสัมพันธ์กับแก๊งอสรพิษ์ให้มั่นคง
สำหรับสถานการณ์ตอนเช้า ซูเมิ่งหานจะเข้าใจว่าหากไม่มีตระกูลเซี่ย เธอจะไม่สามารถมีชีวิตที่ปลอดภัยและมั่นคงแบบนี้ได้ เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเซี่ยจำเป็ต้องดำเนินต่อไป
หลังจากเข้าไปในภัตตาคารและจองห้องอาหารเรียบร้อยแล้ว ก็โทรหาซูเมิ่งหานเพื่อเปลี่ยนสถานที่นัดพบ
ขณะนี้เย่เฟิงและซูเมิ่งหานมาถึงโรงแรมจิงหัวแล้ว พวกเขาเห็นด้านหน้าของโรงแรมมีคนอยู่จำนวนมากและรถที่ติดกันจนไม่สามารถเคลื่อนที่ได้
ในตอนนั้น ซูเมิ่งหานรับโทรศัพทและรู้การเปลี่ยนแปลงสถานที่นัดหมาย เย่เฟิงสงสัยจึงถาม “เปยจื่อ โรงแรมจิงหัวตอนนี้เกิดอะไรขึ้น?”
จ้าวอี้เปยถือเป็หนึ่งในคนที่ชายหน้าบากไว้ใจที่สุด และเขาค่อนข้างมีความรู้เกี่ยวกับตระกูลต่างๆ ในเมืองเยี่ยนจิงดี เขายิ้มและพูดว่า “ผมได้ยินว่าวันนี้เป็วันเกิดของผู้าุโจากตระกูลหลิน พวกเขาจองโรงแรมนี้จึงทำให้ทุกคนต้องเปลี่ยนไปกินข้าวที่อื่น”
ตระกูลหลิน? ครบรอบวันเกิดเจ็ดสิบปีของหลินหงชวน? เย่เฟิงไม่คิดว่าจะเกิดสถานการณ์แบบนี้ มันเป็เื่ที่คาดไม่ถึงจริงๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้