สำหรับการเตือนของเซียวเอินเซียวซู่ซู่รู้ดีอยู่แก่ใจ เดิมนางก็ไม่ชอบฮวาเชียนจือ แน่นอนว่าตอนนี้นางจะไม่ยืนอยู่ข้างฮวาเชียนจือเป็อันขาด
ไม่หักหน้าฮวาเชียนจือก็ถือว่าตนเมตตามากแล้ว แต่ว่าชาตินี้เซียวซู่ซู่ไม่อยากให้ตัวเองมีความเมตตาอีก เมตตาต่อศัตรูก็คือการโหดร้ายกับตนเอง
“คุณหนูเล็กสกุลเซียว มิจำเป็ต้องถ่อมตนมิรู้ว่าอนาคตคุณหนูเล็กกุลเซียววางแผนไว้อย่างไร? จะสอบเข้ารับราชการสร้างชื่อเสียงให้กับตนและวงศ์ตระกูลหรือไม่? ด้วยคุณสมบัติของท่านแล้ว จะต้องครองตำแหน่งจอหงวนแน่” ฮวาเชียนจือจับจ้องไปทางเซียวซู่ซู่อย่างไม่หวังจะให้ความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของเซียวซู่ซู่รอดพ้นจากสายตาไปได้สายตาของนางเพ่งมองเข้าไปในดวงตาของเซียวซู่ซู่ ก่อนจะเอ่ยย้ำออกมาทีละคำ
เซียวซู่ซู่หัวเราะเบาๆ มุมปากกระตุกขึ้นเป็รอยยิ้มจางๆทว่าสีหน้ายังคงราบเรียบเช่นเคย “เื่นี้ ไม่เคยคาดคิดมาก่อนหม่อมฉันเพิ่งจะฟื้นได้ไม่นานนัก ยังมิค่อยเข้าใจเกี่ยวกับเื่ราวบนโลกนี้จึงมิได้คิดวางแผนถึงขั้นนั้น”
“แต่ความสามารถของเ้ากลับไม่เหมือนคนที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาได้ไม่นานนัก” ดวงตาของฮวาเชียนจือมีความแหลมคมฉายออกมาแวบหนึ่งขณะที่สายตาที่มองไปทางเซียวซู่ซู่มีความไม่เป็มิตรมากขึ้นนางได้พยายามวางตัวให้ต่ำลงมาแล้ว แต่ว่าสตรีผู้นี้ดูเหมือนจะไม่ยอมร่วมมือด้วยดีๆคิดจะเป็ปรปักษ์กับตน
ประโยคนี้ถือเป็ไพ่ใบสุดท้ายของฮวาเชียนจือและก็ถือเป็การข่มขู่ด้วยเช่นกัน แน่นอนว่านางมิคิดง่ายๆเหมือนคนอื่นว่าเซียวซู่ซู่นั้นเป็เซียนหญิงมาจุติบนโลกมนุษย์
นางคิดว่าเื่นี้จะต้องมีอะไรอย่างแน่นอน วันนี้ถ้านางดึงมาเป็พวกได้ไม่สำเร็จ ก็จะตั้งตัวเป็ศัตรูอย่างไม่ไว้หน้าอีก
คนที่มีความสามารถเช่นนี้ไม่อาจยอมให้ตกอยู่ในมือของฮวาเชียนเย่ได้
ตอนนี้นางได้สูญเสียทุกอย่างไปแล้วในเมื่อตอนนี้กลับมาที่แคว้นป่ายฮวา เช่นนั้น ของที่เดิมควรเป็ของนางนางก็จะแย่งมันกลับมา ไม่ปล่อยให้ตกเป็ของใครได้เป็อันขาด
ต่อให้ฮ่องเต้หญิงฮวาหรูเสวี่ยจะใช้นางเป็แค่หมากตัวหนึ่งในการทำให้ประชาชนสบายใจก็ตาม
นางจะต้องพลิกชะตาชีวิตตัวเองให้ได้
เช่นนั้นตอนนี้สกุลเซียวเป็เป้าหมายเดียวที่นางจะดึงมาเป็พวกได้และมีเพียงสกุลเซียวที่วางตัวเป็คนกลาง อีกทั้งมีเพียงสกุลเซียวเท่านั้นที่มีความสามารถพอจะช่วยนางต่อกรกับฮวาเชียนเย่
แม้ว่าฮวาเชียนเย่จะเป็บุรุษแต่ว่าหลายปีมานี้ อำนาจของเขาในแคว้นป่ายฮวาก็ใหญ่โตเป็อย่างมาก ใหญ่โตขนาดที่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าจริงๆ แล้วเขามีอำนาจถึงเพียงใด แต่ต่อให้เป็เช่นนี้ ฮวาเชียนจือก็อยากจะพนันดูสักตั้ง
นางมิใช่คนที่จะคอยอยู่เฉยยอมรับชะตากรรมอยู่แล้ว
เมื่อได้ยินฮวาเชียนจือพูดเช่นนั้นสีหน้าของเซียวซู่ซู่ก็คล้ำลงไปเช่นกัน รอยยิ้มที่มุมปากค่อยๆเปลี่ยนเป็ความเยือกเย็น ดวงตาทั้งสองก็จ้องประสานไปที่ดวงตาคู่นั้นของนาง
“แล้วจะอย่างไร?”
เซียวเอินเอ่ยตอบประโยคเมื่อครู่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบใบหน้าของเขาเองก็ราบเรียบนิ่งเฉย อีกทั้งมุมปากยังแฝงไปด้วยความขบขันอยู่ไม่น้อย
เขามองเห็นว่าเมื่อฮวาเชียนจือเอ่ยประโยคเมื่อครู่ไหล่ของเซียวซู่ซู่สะดุ้งอย่างแรงขึ้นครั้งหนึ่ง เสมือนว่าได้คำพูดได้ไปสะกิดลงบนแผลที่เ็ปของนาง
ความจริงแล้วประโยคนี้ถ้าหากเปลี่ยนเป็คนอื่น เซียวซู่ซู่ก็จะไม่มีทางใส่ใจแม้แต่น้อยแต่ว่าคนผู้นี้คือฮวาเชียนจือ นางกลัวว่าฮวาเชียนจือจะสังเกตเห็นอะไรแล้ว เพราะถึงอย่างไรฮวาเชียนจือก็รู้จักซูฉีฉีเป็อย่างดี
อีกทั้งิญญาของนางได้มาร่างกายนี้ไว้ถ้าหากมีคนคิดจะทำลายิญญาของนาง ก็มีความเป็ไปได้อย่างมากว่าจะสำเร็จ
อดีตนางไม่เคยเชื่อเื่ที่ตายแล้วกลับมาเกิดใหม่ตอนนี้นางกลับไม่มีทางเลือกที่จะไม่เชื่ออีกแล้ว
ตัวนางตายแล้วเกิดใหม่ ก็ได้ทำให้ทุกอย่างวุ่นวายไปจนหมด ทำให้ทุกอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ถูกผลักไปเป็ปัญหาซับซ้อนที่ไม่อาจหาคำตอบได้อีกครั้ง
ถ้าหากถูกคนสกุลเซียวรู้ว่าตนนั้นหาใช่เซียวซู่ซู่แต่เป็อีกคนหนึ่ง พวกเขาจะเป็เช่นไร?ให้คนแคว้นป่ายฮวารู้จะเป็เช่นไรอีก? นางรู้ว่าจะต้องไม่มีทางมีผลลัพธ์ที่ดีอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นนางจึงรู้สึกกลัวขึ้นมาจริงๆ
เดิมฮวาเชียนจือคิดว่าตนได้สังเกตเห็นความไม่สบายใจของเซียวซู่ซู่แล้วแต่เป็เพราะประโยคเดียวของเซียวเอิน ทำให้สีหน้าของนางเปลี่ยนเป็เขียวคล้ำเห็นได้ชัดว่าตอนนี้สกุลเซียวเห็นเซียวซู่ซู่เป็ดุจไข่มุกในกำมือที่พวกเขาให้การทะนุถนอมเป็อย่างดี อีกทั้งทุกอย่างยังขึ้นอยู่กับนางเป็หลัก
ตอนนี้เซียวเอินกลับกล้าเอ่ยเช่นนี้กับตน บุรุษผู้หนึ่งยังกล้าที่จะเอ่ยเช่นนี้กับนางที่เป็ถึงองค์หญิงดวงตาของนางฉายประกายแห่งความเยือกเย็นออกมาขณะจ้องไปทางเซียวเอินด้วยความเคียดแค้น “อย่างไร?สกุลเซียวของพวกเ้าจะแบกรับไว้หรือ?”
มุมปากกระดกขึ้นเป็รอยยิ้มเยือกเย็นเซียวเอินหาได้กลัวสตรีผู้นี้ สกุลเซียวนั้นเป็ผู้ที่เข้าใจถึงเื่ราวในราชสำนักดีเป็ที่สุดและก็เข้าใจถึงความคิดของฮวาหรูเสวี่ย แน่นอนว่าเขาย่อมไม่สนใจนาง “แบกรับไหว”
เด็ดเดี่ยวและมั่นคงเป็อย่างมาก
เขาไม่มีวันยอมให้ใครมารังแกเซียวซู่ซู่ได้ ไม่ได้โดยเด็ดขาด
ตอนนี้สีหน้าของเซียวซู่ซู่ดีขึ้นมากนางเองก็รู้ว่าฮวาเชียนจือมิใช่คนที่ควรจะมีปัญหาด้วยอีกทั้งหากมีปัญหาด้วยแล้วก็ยากที่จะหลุดพ้นจากนางได้เพียงแต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่นางเซียวซู่ซู่จะเลือกได้แล้วว่าจะมีปัญหาด้วยหรือไม่
อีกทั้งฮวาเชียนจือเองก็มาหานางถึงที่แล้ว
นางจำเป็ต้องแสดงตัวอย่างชัดเจนมิเช่นนั้นจะทำให้สกุลเซียวเดือดร้อนไปด้วย
ต่อให้ฮวาหรูเสวี่ยจะเห็นฮวาเชียนจือเป็เพียงแค่หมากตัวหนึ่งแต่ถึงอย่างไรฮวาเชียนจือก็เป็ธิดาของนางนางคงไม่ยอมเสียสละทุกอย่างของตนหรอกกระมัง ถ้าหากว่าสกุลเซียวไม่แข็งแกร่งมากพอฮวาหรูเสวี่ยก็จะยังคงยอมสละสกุลเซียวแต่ไม่สละธิดาของตนอย่างแน่นอน
“พี่ใหญ่”เซียวซู่ซู่ในตอนนี้อารมณ์ดีขึ้นมาแล้วจึงรีบเอ่ยห้ามออกมาเบาๆ พลางส่งสายตาไปให้กับเซียวเอิน
สกุลเซียวดีกับนางเช่นนี้ นางจะต้องไม่ให้สกุลเซียวตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากอย่างแน่นอน นางจะต้องใช้สุดกำลังความสามารถของตนในการปกป้องคนเหล่านี้
จากนั้นนางก็มองไปทางฮวาเชียนจือพยายามให้สีหน้าของตนเองสงบนิ่งที่สุด “องค์หญิงมีอันใดจะกล่าวก็เอ่ยมาตรงๆเถิด” นางไม่อยากจะมาจิกกัดกันลับๆเช่นนี้อีกแล้ว
“พูดแล้ว เ้าจะทำตามงั้นหรือ?” ฮวาเชียนจือก็มองเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของเซียวซู่ซู่ความมั่นใจของนางก็เพิ่มขึ้นไม่น้อยนางรู้อยู่แล้วว่าการฟื้นขึ้นมาอย่างกะทันหันของเซียวซู่ซู่จะต้องไม่ใช่เื่ที่ธรรมดาอย่างแน่นอน
เดิมนางเพียงแค่อยากจะทดสอบดูเท่านั้นตอนนี้ดูเหมือนว่าการคาดเดาของนางจะถูกต้อง มิได้พนันผิดพลาด
เช่นนั้นนางจะต้องไม่วางมือเื่สกุลเซียวอย่างแน่นอน
“ขอเพียงเป็เื่ที่ทำได้องค์หญิงสั่งมาเพียงประโยคเดียว แน่นอนว่าหม่อมฉันจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน”
เดิมเซียวเอินคิดจะเอ่ยอะไรออกมาแต่เซียวซู่ซู่ก็รีบยื่นมือออกไปดึงมือเขาเอาไว้เพื่อจะสื่อว่าอย่าทำอะไรโดยพลการต่อให้ฮูหยินเฒ่าจะมีอำนาจการทหารอยู่ในมือแต่ก็ไม่สามารถปกป้องสกุลเซียวไปได้ตลอดกาล แต่ทางราชสำนักกลับไม่มีวันดับสลาย
อย่างน้อยด้วยฝีมือของฮวาหรูเสวี่ยแล้วภายในหนึ่งร้อยปีจะต้องไม่เกิดปัญหาใดขึ้นแน่นอน นอกจากว่านางจะมีความทะเยอทะยานมากเกินไปหาภัยมาสู่ตน
เซียวเอินที่คิดอยากจะเอ่ยอะไรก็ได้แต่นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นเขามองไปที่มือเรียวขาวของเซียวซู่ซู่ที่กำลังดึงมือของตนเอาไว้ท่าทางตกตะลึงไม่น้อย
แม้แต่คำพูดประโยคหนึ่งยังไม่สามารถเอ่ยออกมาได้
“ดีขอเพียงมีประโยคนี้ของคุณหนูเล็กสกุลเซียวก็เพียงพอแล้ว” ฮวาเชียนจือยิ้มออกมาอย่างพอใจ จุดประสงค์ที่นางมาที่นี่ได้สำเร็จลงแล้ว
ทางสวี่เว่ยหรานที่ถูกสาวงามห้อมล้อมเอาไว้ก็ยังคงไม่อาจหาทางถอนตัวได้ดูเหมือนว่าวันนี้เขาคงทำได้เพียงแค่จบบทสนทนากับคุณหนูเหล่านี้เสียแล้ว
ฮวาเชียนเย่ได้หลุดพ้นจากพวกนางมานานแล้วเขานั่งนิ่งอยู่ไม่ไกลนัก สายตาก็มองไปทางเซียวซู่ซู่ที่กำลังพูดคุยกับฮวาเชียนจืออีกทั้งความตึงเครียดที่แฝงอยู่ในบนสนทนา เขาเองก็รู้สึกได้
ทว่าสิ่งที่เขามองมีเพียงท่าทีของเซียวซู่ซู่
ที่เขาคิดอยากจะคว้าเอาเซียวซู่ซู่มานั้นมิใช่เพียงเพราะรูปโฉมที่งดงามดุจนางฟ้าของนางและความสามารถอันโดดเด่น แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือเพราะนางแซ่เซียว
สกุลเซียวนี้เป็สิ่งที่เขาอยากคว้าเอามาเป็พรรคพวกโดยตลอดแต่กลับไม่มีหนทางที่เหมาะสม เดิมเซียวซู่ซู่นั้นเป็เพียงแค่สตรีปัญญาอ่อนอีกทั้งยังเป็คู่หมั้นคู่หมายกับองค์ชายเก้าแห่งแคว้นอ้าวอวิ๋นต่อให้เขาอยากจะคว้าเอามาเพียงเพราะอำนาจก็ไม่อาจทำได้
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกับตอนนั้นแล้วตอนนี้เขาเต็มใจที่จะแต่งกับสตรีเช่นเซียวซู่ซู่เป็อย่างยิ่ง
จนกระทั่งเห็นเซียวซู่ซู่และฮวาเชียนจือสบตาพร้อมส่งยิ้มให้กันคิ้วของฮวาเชียนเย่ถึงได้ขมวดเข้าหากันน้อยๆพลางมองวิเคราะห์น้องสาวที่พรากจากตนไปหลายปีผู้นั้นอย่างละเอียดมุมปากกระตุกขึ้นเป็รอยยิ้มจางๆ
แต่ในรอยยิ้มนั้นกลับชั่วร้ายและเ็าเป็อย่างมาก ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหน็บหนาว
สำหรับฮวาเชียนจือ เขามิเคยเก็บมาสนใจสิ่งที่เขาสนใจมีเพียงการกระทำทั้งหมดของป๋ายหลี่ม่อและสวี่เว่ยหราน
ความจริงวันนี้เขาเองก็รู้ถึงแผนการเดินทางของสวี่เว่ยหรานการที่พาเซียวซู่ซู่และคนอื่นๆ มาก็เป็เพียงแค่การยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเท่านั้น
เพราะว่าสิ่งที่เขารู้ยิ่งกว่าก็คือเซียวซู่ซู่สามารถดึงดูดคนที่เขาอยากพบมาได้
ตอนนี้ปลาใหญ่ก็ได้ติดกับแล้วก็รอเพียงแค่เขาค่อยๆ เก็บแหเท่านั้น
และฮวาเชียนจือในสายตาของเขาก็เป็เพียงแค่ตัวตลกคนหนึ่งซึ่งไม่จำเป็ต้องเก็บมาใส่ใจอย่างมากนางก็ทำหน้าที่เป็แค่ตัวเพิ่มรสชาติ เพิ่มสีสันเท่านั้นต่อให้เซียวซู่ซู่รับปากอะไรไป เขาก็ไม่ใส่ใจเช่นกันเพราะทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขาทั้งหมด!