ทันทีที่ผลการทดสอบพร์ถูกเปิดเผย ก็ไม่ต่างอะไรกับทางแยกแห่งโชคชะตา… ชาติภพก่อน นางคือสตรีผู้เลอโฉมและพร์สูงส่ง ผู้คนจากทั่วสารทิศต่างรุมล้อมเอาใจ รอยยิ้มและคำสรรเสริญพรั่งพรูไม่สิ้นสุดทว่าในชาตินี้… สิ่งที่ได้รับกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง สายตาที่เคยเปี่ยมด้วยความรักพลันแข็งกร้าวเ็า รอยยิ้มที่เคยห้อมล้อมกลับกลายเป็เพียงหมอกควันที่จางหายไปในชั่วพริบตา
แต่เซียนหรูกลับไม่รู้สึกเสียใจแม้แต่น้อย นางเป็ผู้เลือกปิดบังพร์ของตนเอง หาก้าอิสรภาพ…นี่คือราคาที่ต้องจ่ายขณะที่นางกำลังดำดิ่งอยู่ในห้วงความคิด เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นแ่ทว่าอบอุ่น“น้องเล็ก… เ้าอย่าได้เศร้าใจไปเลย”
เสียงนั้นมาจากบุรุษวัยสิบห้าปีผู้สูงส่งและสง่างาม ฉินหานเฟิง พี่ชายร่วมมารดา ผู้ที่พร์ล้ำเลิศจนเป็ความหวังของตระกูล เขาก้าวเข้ามาเคียงข้าง ดวงตาที่ทอดมองเปี่ยมด้วยความเมตตาและจริงใจ ไม่ต่างจากแสงสว่างที่ฉายขึ้นท่ามกลางความมืดหม่นเซียนหรูเงยหน้ามองพี่ชาย ริมฝีปากเล็กสั่นไหวก่อนเปล่งเสียงเบา ๆ“ขอบคุณท่านพี่… ที่ยังเป็ห่วงข้า”
ประโยคนั้นเต็มไปด้วยความสั่นเครือ เสมือนเสียงสะท้อนของหัวใจที่ยังคงหวังพึ่งพิงความอบอุ่นอยู่บ้าง แม้โลกทั้งใบจะทอดทิ้ง แต่นางยังมีพี่ชายผู้หนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไป
“ไม่นึกเลย… แม้ข้าจะถูกตราหน้าว่าไร้ค่าในสายตาผู้คน แต่ท่านพี่กลับยังดีกับข้าเหมือนเดิม”
ในยามนั้น ความเ็ปและความอบอุ่นพลันปะปนกันอยู่ในใจของเซียนหรู ราวกับสองขั้วตรงข้ามที่ก่อกำเนิดเป็แรงผลักดันอันเงียบงันแรงผลักดันที่จะนำพานางก้าวต่อไปบนเส้นทางที่เลือกเอง
“ท่านพี่หานเฟิง อย่าเสียเวลากับนางอีกเลย พวกเราไปฝึกปราณร่วมกันเถอะ”
ผู้เอ่ยคือ ฉินอวิ๋นเจ๋อ พี่รองวัยสิบสี่ปี น้ำเสียงเย็นะเืแฝงความห่างเหิน ดวงตาที่มองมายังเซียนหรูไร้แววอบอุ่น เหมือนนางไม่ใช่น้องสาวสายเืเดียวกัน แต่เป็เพียงภาระไร้ค่าในจวนใหญ่
ความทรงจำเก่าแล่นวาบเข้ามา อวิ๋นเจ๋อผู้นี้คือคนที่ตามติด คอยประจบเอาใจ พูดจาเอ็นดูนางแทบทุกเวลา แต่เพียงชั่วพริบตา เมื่อแสงพร์มอดดับ สายตาของเขาก็เปลี่ยนไปดุจคนแปลกหน้า ความจริงอันโหดร้ายนี้กรีดลึกลงในใจของเซียนหรูยิ่งกว่ามีดคมใด ทว่าในขณะที่ความเ็าของพี่รองทิ่มแทงจิตใจ เสียงของ ฉินหานเฟิง ดังขึ้น “น้องเล็ก หากมีผู้ใดในจวนกล้ามารังแกเ้า จงมาบอกข้า ข้าจะจัดการมันให้เอง”
เขาเอ่ยวาจาอย่างชัดถ้อยชัดคำ ราวกับจงใจให้ทุกคนได้ยินถนัดถนี่ บ่าวไพร่ที่ยังมองนางด้วยสายตาดูถูกรีบก้มหน้าหลบ สายตาเ่าั้ถูกบังคับให้เก็บซ่อน ไม่กล้าเหยียดหยามออกมาอีกฉินเซียนหรู ยกดวงตาที่สั่นไหวขึ้นมองพี่ชาย ริมฝีปากคลี่ยิ้มบาง พลางตอบเสียงแ่แต่หนักแน่น“ขอบคุณ…ท่านพี่”
นับแต่วันแห่งการทดสอบพร์ผ่านพ้นไป ฉินเซียนหรู ก็กลายเป็เพียงเงาลางเลือนในตระกูลฉิน หากในอดีต นางคือน้องเล็กผู้เป็ที่โปรดปราน ทุกมื้ออาหารล้วนได้มีที่นั่งใกล้ชิดบิดา และคำอบอุ่นจากแม่ทัพฉินเทียนหงก็มักจะพรั่งพรูให้กำลังใจเสมอ
แต่ในวันนี้ ทุกสิ่งกลับตรงกันข้ามเก้าอี้ที่จัดให้กับนางถูกขยับไปอยู่รั้งท้ายที่สุด ห่างไกลจากตำแหน่งอันทรงเกียรติ แม้แต่ั์ตาของผู้เป็บิดาก็ไม่เหลียวมองมาทางนางอีกต่อไป และถ้อยคำที่เคยอ่อนโยนพลันกลายเป็เพียงความเงียบงันที่เ็าบ่าวไพร่ในเรือนต่างทำราวกับว่านางไร้ตัวตน ผ่านหน้าผ่านตาก็เพียงแค่ก้มศีรษะอย่างขอไปที มิได้ให้ความใส่ใจดั่งเช่นก่อน
หากเป็เด็กหญิงธรรมดา คงรู้สึกเ็ปราวหัวใจถูกกรีด แต่สำหรับ เซียนหรู ที่มีดวงิญญาผ่านการลิ้มรสความรักจอมปลอมและการทรยศหักหลังมาก่อน นางกลับไม่รู้สึกทุกข์ร้อนเลยแม้แต่น้อยตรงกันข้ามเมื่อมองเห็นผู้คนหันหลังให้ นางกลับยกยิ้มบางขึ้นที่มุมปาก หัวใจเต็มไปด้วยความสบายและอิสระ“นี่สินะ…ที่เขาเรียกว่าอิสระ”
นางพึมพำกับตนเองในใจ พลางใช้ตะเกียบตักอาหารเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย รสชาติธรรมดาที่เคยจืดชืด ในยามนี้กลับกลายเป็รสชาติของความสงบสุขที่นางโหยหามาเนิ่นนานแม้ที่นั่งจะรั้งท้าย แต่หัวใจของนางกลับเบาสบายยิ่งกว่าครั้งใด
นับจากวันที่พร์ถูกเปิดเผย ความเ็าที่โถมใส่ ฉินเซียนหรู ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงรอยยิ้มของครอบครัว หากแต่ยังลุกลามไปถึงทรัพยากรการฝึกฝนด้วยครั้งหนึ่ง นางเคยได้รับโอสถบำรุงและหินิญญามากมายสมกับบุตรีอันเป็ที่รักของแม่ทัพ แต่ในเวลานี้ กลับถูกตัดทอนเสียจนเหลือน้อยนิดจนชวนให้ใ ทั้งที่ตระกูลฉินมิได้ขาดแคลนความมั่งคั่งแม้เพียงเศษเสี้ยว ทว่าการแบ่งปันให้กับนาง ถูกมองว่าเป็การสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์
เซียนหรูมองกองทรัพยากรอันน้อยนิดตรงหน้า ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ“คิก คิก… น้อยนิดเสียจนหน้าสงสาร”
เสียงหัวเราะนั้นไม่ใช่เพราะขบขัน แต่เป็การหัวเราะเยาะชะตาที่พลิกผัน และเยาะผู้คนที่เปลี่ยนไปตามแสงสว่างของพร์เมื่อมันมอดดับ ความจริงแท้ของหัวใจก็ถูกเผยออกมาแต่นั่นไม่ใช่ปัญหา… ฉินเซียนหรู คือผู้แตกฉานในวิชาพลังปราณ ต่อให้ไร้โอสถหรือทรัพยากรล้ำค่า เพียงนางได้ฝึกฝนยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย พลังอันแท้จริงที่เคยสั่นะเืฟ้าดินก็ย่อมย้อนคืนกลับมาเอง
“หากข้าไม่ทำอะไรเลย… ยามที่เติบใหญ่ ข้าคงได้กลายเป็สตรีที่ยากไร้เป็แน่”
ใช่แล้ว… สิ่งที่นางขาดหาใช่ทรัพยากรสำหรับบ่มเพาะพลังปราณ หากแต่เป็ ทักษะ ที่จะทำให้นางยืนหยัดอยู่เหนือพันธนาการของตระกูล และสร้างหนทางของตนเอง
ดวงตาของ ฉินเซียนหรู พลันฉายประกายเย็นสงบ นางรู้ดีว่าโลกนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่กระหายอำนาจ ไม่ว่าใครจะมียศศักดิ์สูงส่งเพียงใด มีพลังฝีมือแข็งแกร่งแค่ไหนหากถึงคราวที่ความตายมาเยือน ต่อให้ต้องทุ่มเททรัพย์สินล้ำค่ามากมายมหาศาลเพียงใด ทุกคนก็พร้อมจะควักจ่ายเพื่อแลกกับชีวิตของตนเอง
และหนทางที่จะทำให้นางควบคุม เส้นด้ายแห่งชีวิตและความตาย ได้ ก็คือการก้าวสู่เส้นทางของ นักหลอมโอสถผู้ยิ่งใหญ่ หรือไม่ก็นักแพทย์ที่มากด้วยพร์โอสถเพียงหนึ่งเม็ด สามารถพลิกชะตาผู้าเ็ให้รอดตายเข็มเพียงหนึ่งเล่ม อาจช่วยดึงคนที่อยู่บนขอบเหวแห่งความตายกลับคืนมาเส้นทางนี้ แม้จะเต็มไปด้วยความยากลำบากและต้องอาศัยความรู้ที่ลึกซึ้ง แต่เซียนหรู้กลับยกยิ้มบาง นางแตกฉานในปราณและสรรพวิชาอยู่แล้ว การสั่งสมความรู้เดิมในชาติภพก่อน ย่อมทำให้เส้นทางนี้มิใช่เื่เกินเอื้อม