เล่มที่ 2 ตอนที่ 34 เ้าสังหารเสด็จพ่อใช่หรือไม่?
ตำหนักของโอรส์ยามปกติเต็มไปด้วยความหรูหราโอ่อ่าวิจิตรตระการตา ในขณะนี้กลับมืดสลัว มีเพียงเงาจากแสงไฟไหวระริกเล็กน้อย แสงอัญมณีเ่าั้เหมือนจะถอยหลบไปด้วยความเขินอาย มีความคลุมเครือเล็กน้อยปรากฎอยู่ในยามค่ำคืนของฤดูร้อน
มู่หรงฉือพยายามขัดขืน ทว่านางไม่อาจขยับตัว ไม่อาจสั่นะเืูเาสูงใหญ่ตรงหน้านี้ได้
ทั้งสองคนตัวติดกันจนแทบไม่มีช่องว่าง หันหน้าเข้าหากัน เป็ท่าทางที่ทำให้คนคิดไปได้ต่างๆ นาๆ
ความใกล้ชิดเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกเหมือนถูกจับจ้อง ประหนึ่งมีสายตาอันร้อนแรงรุมจ้องทั้งยังตามด้วยเสียงซุบซิบโดยรอบ
เพราะการดิ้นรนของนาง ลมหายใจจึงยิ่งถี่กระชั้น หัวใจของนางร้อนรุ่มแต่กลับไม่อาจทำอะไรได้
มู่หรงอวี้สมควรตายผู้นี้คิดจะทำอะไรกันแน่?
ทันใดนั้น นางก็คิดถึงเื่น่ากลัวขึ้นมาได้ หากเขาจำกลิ่นบนตัวของนางได้จะทำอย่างไร?
“ปล่อยเปิ่นกง!”
ไฟโทสะพุ่งขึ้นสูง ทั้งร่างของนางร้อนราวมีดวงไฟแผดเผา พวงแก้มและใบหูถูกย้อมจนแดงก่ำ แม้แต่ลำคอก็แดงเป็แถบ ดูนุ่มนวลสะกดใจคนเป็พิเศษ
ทุกอย่างตกอยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด เป็ความยั่วยวนอย่างไร้เสียงประเภทหนึ่ง
มู่หรงอวี้ใจสั่นหวั่นไหว ที่ตนมองเห็นคือความสะเทิ้นอายของสตรี ในอกพลันเกิดเป็ลูกไฟกองหนึ่งปะทุขึ้นมา
“ยิ่งเตี้ยนเซี่ยดิ้นรนมากเท่าไร ก็ยิ่งเหมือนสตรีวัยแรกแย้มอยู่ในที่ลับตาตามลำพังกับชายหนุ่มเท่านั้น”
น้ำเสียงอบอุ่นราวสายน้ำดังขึ้น
ชั่ววินาทีนั้น มู่หรงฉือไม่ขยับตัวแล้ว เพราะอย่างไรก็ไม่อาจดิ้นหลุดได้
นางรู้สึกเศร้าใจ เสด็จพ่อยังไม่มีการตอบสนองอะไร หรือทรงสิ้นพระชนม์ไปแล้ว?
พวกเขาเคลื่อนไหวเอะอะขนาดนี้ พูดกันตามเหตุผลแล้ว ถึงแม้ว่าเสด็จพ่อจะนอนหลับสนิทเพียงใดก็ต้องมีสะดุ้งตื่นบ้าง
แต่เสด็จพ่อไม่ขยับแม้แต่น้อย มีเพียงคำอธิบายเดียว เสด็จพ่อ…
มู่หรงอวี้เห็นนางจ้องไปทางเตียงนิ่ง เห็นใบหูของนางแดงเหมือนดอกไม้สีชาดบานอยู่กลางหิมะ จิตใจพลันสั่นสะท้าน เืลมพลุ่งพล่าน
เขาค้อมตัวลงมา ริมฝีปากััไปที่ใบหูแดงเล็กนั้น
ท่ามกลางความร้อนนั้นมีความเย็นอยู่เล็กน้อย
มู่หรงฉือหันหน้าไปมองด้วยความใ ริมฝีปากบางเย็นเยียบของเขาไม่ขยับไปไหน แต่การเคลื่อนไหวของนางกลับทำให้พวงแก้มนุ่มปัดโดนริมฝีปากของเขา ก่อนริมฝีปากหอมหวานของทั้งสองจะประทับเข้าด้วยกัน
เขาตื่นตระหนกจนสั่นสะท้าน ส่วนหัวใจของนางก็สั่นะเื
นางชะงักอยู่เพียงครู่เดียว เขาเองก็ได้ลิ้มรสชาติอันดูดกลืนิญญาที่สุดเท่าที่เขาเคยลิ้มรสมา
ลมหายใจร้อนผ่าวของเขาไหลวนอยู่รอบๆ ผสมกับกลิ่นน้ำหอมและกลิ่นอายของนาง ริมฝีปากของกันและกันอยู่ใกล้กันเพียงคืบ กลิ่นหอมให้ความรู้สึกเหมือนยาพิษ
มู่หรงฉือใได้สติ รีบเบือนหน้าหนีไป
เสด็จพ่อจะเป็หรือตายก็ยังไม่รู้ นางกลับมาทำเื่ไร้ยางอาย ละเมิดต่อฐานะของตนเอง เผลอไผลไปกับศัตรูที่จะมาสังหารเสด็จพ่อ!
นางยิ่งเกลียดตัวเองที่สูญเสียสติภายใต้การลวนลามของเขา
ความโกรธและความเสียใจพวยพุ่งออกมาจากใจ นางตวาดถามเสียงกร้าว “เป็เ้าสังหารเสด็จพ่อใช่หรือไม่?”
“ใช่หรือไม่ต่างกันอย่างไร? เ้าจะหนีพ้นเงื้อมมือของเปิ่นหวางได้หรือ?”
มู่หรงอวี้เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม มือกุมสองแก้มของนางเอาไว้ สายตาจดจ้องนางเหมือนเหยี่ยวที่กำลังจะล่าเหยื่อ
กระดูกข้อนิ้วเรียวยาวของเขาออกแรง แก้มของนางก็บุ๋มลงไปตามแรงกด
นางโกรธจนตัวสั่นตวาดออกมา “ปล่อยเปิ่นกง!”
“ขอเพียงเตี้ยนเซี่ยอยู่ข้างกายเปิ่นหวางดีๆ เปิ่นหวางสามารถไว้ชีวิตตระกูลมู่หรงได้นะ”
เขายิ้มน้อยๆ นั่นเป็รอยยิ้มที่โเี้และคมกริบแห่งราชันย์
กลิ่นอายร้อนแรงเคล้ากับกลิ่นสุรา ให้ความรู้สึกเอาแต่ใจของบุรุษ
มือทั้งสองข้างถูกเขาควบคุมเอาไว้ไม่อาจขยับ สิ่งเดียวที่นางทำได้มีเพียง…
มู่หรงฉือจุมพิตเข้าที่ริมฝีปากที่อยู่ใกล้เพียงคืบ เป็การกระทำที่อุกอาจไร้กฎเกณฑ์ ทั้งยังสร้างความทุกข์ใจให้แก่นางอย่างยิ่ง
เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะให้ความร่วมมือกับจุมพิตที่มาอย่างกะทันหันนี้ ดื่มด่ำความสุขลึกล้ำไปกับนาง
ดวงตาของมู่หรงอวี้หลุบลงครึ่งหนึ่ง ลืมไปจนสิ้นว่าพวกเขาเป็ศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้ ลืมนึกว่าคนตรงหน้าคือบุรุษ ลืมกระทั่งความซับซ้อนลึล้ำของวังหลวง
มู่หรงฉือเองก็เกือบเตลิดไป นี่ช่างเป็โลกที่น่าพิศวงแห่งหนึ่งที่พร้อมจะกลืนกินิญญาของผู้คน ทำให้ไม่อาจถอนตัวออกมาได้
ครั้นตั้งสติได้ นางก็กัดลงไปอย่างแรง
มู่หรงอวี้ััได้ ความจริงแล้วเขาก็พอจะคาดเดาถึงเจตนาของเตี้ยนเซี่ยได้ จึงยินยอมรับความเ็ปนี้
ความเจ็บจี๊ดแล่นมาพร้อมกับกลิ่นคาวเืแผ่ซ่าน
เขากำลังประมาท นางจึงอาศัยโอกาสอันดีนี้ใช้ฝ่ามือตบลงไปหนึ่งทีอย่างรุนแรง เขาเอียงตัวหลบ ลอบตื่นตระหนก
ที่แท้เตี้ยนเซี่ยก็ไม่ได้อ่อนแอ
ครั้นเป็อิสระ นางก็รีบรุดไปดูเสด็จพ่อ ลูบพระหัตถ์ของฮ่องเต้ ตรวจดูลมหายใจ
หัวใจที่ร่วงหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มค่อยๆ กลับมาเป็ปกติ นางพรูลมหายใจออกมา ร่างกายของเสด็จพ่อยังอุ่นอยู่ ยังมีลมหายใจ ยังมีชีวิตอยู่
ทันใดนั้น ทั้งตัวของนางก็ถูกแขนแข็งแกร่งคู่หนึ่งหิ้วขึ้นมา ก่อนจะโยนไปทางปลายเตียง
เตียงขนาดใหญ่ ปลายเตียงจึงยังมีที่ว่างอีกมาก
นางคลานขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่กลับมีร่างใหญ่ดั่งูเาสูงทับลงมา ั์ตาดำของเขากักขังนางเอาไว้
คิ้วเรียวของมู่หรงอวี้เลิกขึ้น “ที่แท้เตี้ยนเซี่ยก็ไม่ได้อ่อนแอไร้ฝีมือ เปิ่นหวางดูถูกเ้าแล้วจริงๆ”
มู่หรงฉือพูดว่าแย่แล้วในใจ ก่อนหัวเราะเสียงเบา “เปิ่นกงมีความสามารถแค่เล็กๆ น้อยๆ จะไปเทียบกับฝีมือของท่านอ๋องได้อย่างไร?”
ใบหน้าหล่อเหลาอยู่ใกล้เพียงแค่คืบ ทั้งสองจ้องหน้ากันและกัน ปลายจมูกชนกัน
“เ้าทำอะไรกับเสด็จพ่อ?” นางถามด้วยความโกรธ
“เปิ่นหวางแค่อยากให้ฝ่าาได้นอนหลับสบายสักหน่อย หรือเ้าอยากจะให้เสด็จพ่อของเ้าเห็นโอรสของตนเองตกอยู่ในกำมือของเปิ่นหวางหรือ?” เขายกยิ้ม
นางโกรธจนปวดศีรษะจึงไม่เสแสร้งอะไรอีก นิ้วมือจิ้มเขาไปที่ตาทั้งสองข้างของเขาอย่างรวดเร็ว
มู่หรงอวี้จับมือทั้งสองข้างของนางไว้แล้วมองนางเงียบๆ
ศัตรูไม่ขยับ นางเองก็ไม่ขยับ
มู่หรงฉือยังคงรักษากฎเกณฑ์ของตนเองอย่างแ่า เพียงแต่ว่าเหตุใดเขาถึงจ้องนางเช่นนี้?
ในดวงตาสีดำราวรัตติกาลของเขา นางเห็นเงาของตัวเองอยู่ในนั้นอย่างชัดเจน
ความจริงแล้ว เขาสามารถลูบคลำคอของนางเพื่อตรวจดูว่านางมีลูกกระเดือกหรือไม่ หรือกระทั่งลูบหน้าอกของนาง พิสูจน์ว่านางเป็บุรุษหรือว่าสตรี ทว่า เขาไม่อยากทำเช่นนั้น แล้วก็ไม่มีความจำเป็ที่จะต้องทำ
เพราะว่าหากองค์รัชทายาทเป็บุรุษ เมื่อครู่ย่อมไม่มีทางพุ่งเข้ามาจูบเขา มีเพียงสตรีเท่านั้นถึงจะทำเช่นนี้
การค้นพบนี้ทำให้เขาสับสนว้าวุ่น
ถึงแม้จะไม่มั่นใจทั้งหมด แต่เขาก็ไม่รีบร้อนจะพิสูจน์ความจริง กลับกันเขารู้สึกว่าเื่นี้น่าสนุกมากขึ้นเรื่อยๆ
จูบเมื่อครู่ ช่างน่าหวนนึกถึงอย่างไม่รู้จบ
มู่หรงฉือผลักเขาออกอย่างเต็มแรง มู่หรงอวี้ลุกขึ้นตาม ก่อนจะจัดเสื้อผ้าตัวเอง
นางรีบร้อนจัดเสื้อผ้าของตนพลางครุ่นคิด ทำไมเขาถึงไม่ทำร้ายเสด็จพ่อ? ทำไมถึงได้จงใจพูดให้นางเข้าใจผิด? หรือว่าเขาจงใจล่อให้นางมาที่ตำหนักชิงหยวน มีเจตนาพูดเื่พวกนั้นทำให้นางเข้าใจผิดคิดว่าเขาลอบสังหารโอรส์? แต่ว่าเขาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร?
เสด็จพ่อหลับสนิทไม่ได้สะดุ้งตื่นขึ้นมา หรือว่าเขาสกัดจุดหลับของเสด็จพ่อ?
“เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกคนสงสัย เตี้ยนเซี่ยรีบกลับไปที่ตำหนักเหวินฮวาจะดีกว่า”
มู่หรงอวี้มองนางอย่างมีความนัยล้ำลึก ตอนเขาเดินจากไปหางตาก็แฝงไว้ด้วยรอยยิ้ม มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย
มู่หรงฉือจ้องแผ่นหลังของเขาด้วยั์ตาดุร้าย จากนั้นก็ลองคลายจุดหลับให้เสด็จพ่อ แต่ว่าจี้ไปจี้มาก็ยังแก้ไม่ได้ หรือว่านี่เป็ทักษะการฝังเข็มแบบพิเศษของมู่หรงอวี้กัน?
มู่หรงอวี้สมควรตาย!
ช่างเถิด ปกติแล้วผ่านไปสองชั่วยามก็จะคลายเอง ช้าที่สุดพรุ่งนี้เช้าเสด็จพ่อก็จะตื่นขึ้น
นางนั่งอยู่ที่ริมเตียง คิดย้อนกลับไปถึงเื่ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้อย่างละเอียด ทุกรายละเอียดไม่ปล่อยไว้สักอย่าง หวังจะคาดเดาเจตนาที่เขาล่อนางให้มาที่นี่
พอคิดถึงสถานการณ์ที่ใกล้ชิดกันเมื่อครู่ คิดถึงวินาทีที่นางถูกเขากดลงกับเตียง นางพลันรู้สึกร้อนรน จิตใจไม่สงบขึ้นมา
ชั่วพริบตา นางก็ได้สติ แก้มนุ่มแดงเรื่อ
คืนนี้ มู่หรงฉือมีเื่ค้างคาใจจนนอนไม่หลับ
พอนึกถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่ตำหนักชิงหยวน แก้มของนางก็ร้อนผ่าวขึ้นมา นางก็ยิ่งนอนไม่หลับ
นางพยายามนับเลขกล่อมตนเองแต่กลับยิ่งตาสว่าง นางบังคับให้ตนเองหลับ แต่ว่าในหัวสมองกลับเต็มไปด้วยดวงหน้าหล่อเหลาเ็า เป็บุรุษที่เก็บทุกอย่างเอาไว้ล้ำลึก...
สิ่งที่เขาทำกับนางทุกอย่างในค่ำคืนนี้ได้สลักลงในกระดูก ลงในหัวใจของนางไปแล้ว
อีกทั้ง เขามีเจตนาอะไรกันแน่?
อีกทั้งก่อนหน้านี้นางยังเอาตัวเองไปประเคนให้เขาถึงเตียงอย่างไม่ได้ตั้งใจ จนสูญเสียร่างกายให้เขาไป ั้แ่วันนี้ต่อไป นางจะไม่อนุญาตให้เกิดเื่ที่ไม่คาดฝันเช่นนี้ขึ้นอีก!
มู่หรงอวี้เป็ได้แค่คู่ต่อสู้! ศัตรู!
...
องค์รัชทายาทเป็พระโอรส องค์หญิงจาวฮวาเป็ธิดาของมู่หรงเฉิงฮ่องเต้ของแคว้นเป่ยเยี่ยน สำหรับโอรสธิดาของฮ่องเต้ ั้แ่เด็กย่อมได้รับความรักจากคนรอบข้าง ได้รับการอบรมสั่งสอนอย่างดี
ในปีที่องค์หญิงจาวฮวาอายุได้สิบเจ็ดปี มู่หรงเฉิงประทานตำหนักจิ่งหงให้นาง
ข้าหลวงทุกคนในตำหนักต่างถูกไล่ให้ออกไปดูแลด้านนอก แต่ยังได้ยินเสียงสองแม่ลูกถกเถียงกันในตำหนักบรรทม เพียงแต่เสียงไม่ได้ดังมากจึงได้ยินอะไรไม่ค่อยชัด
ภายในตำหนัก มู่หรงฉางนั่งเม้มปากอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ริมฝีปากสีชาดสวยราวกับดอกไม้สีแดงบานใต้แสงอาทิตย์อันร้อนแรง
“จาวฮวา เ้าออกจากเมืองหลวงไปครึ่งปีเพิ่งจะกลับมา เสด็จพ่อไม่ตำหนิเ้าก็ช่างเถิด แต่เ้าจะต้องไปทำความเคารพเสด็จพ่อทุกวัน แสดงความกตัญญูกับฝ่าา รั้งอยู่กับเสด็จพ่อของเ้าอีกสักปีสองปีค่อยคุยเื่แต่งงาน” เฉียวเฟยพูดโน้มน้าว “ตอนนี้ร่างกายของเสด็จพ่อของเ้าไม่ค่อยดีนัก จำเป็ต้องพักรักษาตัวหนึ่งปี แต่เ้ากลับรีบร้อนจะแต่งงาน ช่างไม่รู้ความเลยจริงๆ”
“ก็เพราะว่าเสด็จพ่อป่วยอยู่บนเตียง ลูกถึงได้เอางานแต่งมาทำให้เสด็จพ่อดีพระทัยอย่างไรเล่าเพคะ” มู่หรงฉางมองใบหน้ารูปไข่ห่านที่งดงามในกระจกเงินตรงหน้า “ไม่แน่ว่าการแต่งงานอาจทำให้เสด็จพ่อดีพระทัย แบบนั้นเสด็จพ่อก็จะหายจากอาการประชวรไวขึ้น”
“ดีพระทัยอันใดกัน วาจาโกหกทั้งนั้น” เฉียวเฟยยืนอยู่ด้านหลังบุตรสาว สองมือวางอยู่ที่บ่าของนาง พูดโน้มน้าวด้วยความลำบากใจ “จาวฮวา ฟังคำของแม่เถิด ปีหน้าค่อยแต่งก็ยังไม่สาย”
“ยื้อไปถึงปีหน้า ไม่แน่ว่าคนที่ลูกถูกใจคงจะแต่งภรรยาไปแล้ว เช่นนั้นลูกจะแต่งได้อย่างไรเล่าเพคะ?” มู่หรงฉางยู่ปาก
“เ้าบอกแม่มา คนที่เ้าพึงใจคือผู้ใด?” เฉียวเฟยมองลูกสาวที่งดงามราวดอกไม้ในกระจกด้วยหัวใจสั่นไหว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้