ดังนั้น ฉู่ซีฟงจึงหันไปมองซูฉางอันที่อยู่ข้างกัน
ซูฉางอันเข้าใจความหมายที่อีกฝ่าย้าจะสื่อได้ในทันทีเขาพยักหน้าให้ฉู่ซีฟง เพื่อบอกว่าตนยังสามารถสู้ต่อไปได้
แต่นั่นกลับไม่ได้ทำให้ฉู่ซีฟงรู้สึกวางใจขึ้นแม้แต่น้อยเขาปรายตามองไปยังมือที่กระชับดาบเอาไว้ของซูฉางอัน เพราะใช้แรงมากจนเกินไปมือของซูฉางอันจึงมีเืโชก และสั่นเทาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นักดาบที่แม้แต่จับดาบให้มั่นก็ยังทำไม่ได้ จะสู้ต่อไปได้เช่นไร?
ฉู่ซีฟงแสดงเจตจำนงออกมาอย่างชัดเจนเขา้าให้ซูฉางอันซ่อนตัวไปก่อนนั่นเอง
แต่ซูฉางอันกลับส่ายหน้า เขาจับไปที่ชายเสื้อแล้วกระชากอย่างแรง ทำให้ผ้าขาดติดมือมาด้วย ซูฉางอันกัดด้านหนึ่งของผ้าเอาไว้แล้วใช้ผ้านั้นพันรอบฝ่ามือกับด้ามดาบของตัวเอง
หลังทำทั้งหมดจนเสร็จซูฉางอันก็มองไปฉู่ซีฟงเป็เชิงขออนุญาต
ฉู่ซีฟงนิ่งเงียบลงไปในทันทีเป็เวลานานกว่าเขาจะพยักหน้าตอบรับ ใช่ว่าเขาไม่รู้ ว่าด้วยระดับพลังของซูฉางอันในตอนนี้แล้วการให้เขาออกไปสู้ ก็รังแต่จะเพิ่มภาระที่ไม่จำเป็ให้ตนเท่านั้นแต่เขาก็ให้เกียรติในการตัดสินใจของนักดาบมากพอเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของซูฉางอันเอาไว้ เขาจึงยอมเสียสละตนเองยอมให้ซูฉางอันร่วมสู้ แม้นั่นจะทำให้การต่อสู้ทวีความยุ่งยากขึ้นอีกก็ตาม
เมื่อได้รับอนุญาตจากฉู่ซีฟงซูฉางอันก็ประกายรอยยิ้มออกมาจากนั้นก็หันกลับไปมองศัตรูทั้งสองที่กำลังขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆพลางขมวดคิ้วด้วยหัวใจที่หนักอึ้งขึ้น
“ข้าจะเป็ตัวหลักในการจู่โจมเอง” ฉู่ซีฟงกล่าวขึ้น
ซูฉางอันพยักหน้ารับ เขารู้ดีว่าศัตรูมีพลังแข็งแกร่งกว่าตนมากเมื่อครู่นี้ ที่เขาเกือบจะโจมตีศัตรูได้สำเร็จ เป็เพราะคนชุดคลุมดำประมาทศัตรูบวกกับคนชุดคลุมดำคนก่อนก็อ่อนแอกว่าสัตว์ประหลาดตรงหน้ากว่าเท่าตัวจึงพลาดท่าเสียทีให้เขานั่นเอง
ทว่าตอนนี้ ด้วยพลังที่มี หากตนรั้นกระทำการสุ่มสี่สุ่มห้าย่อมเป็การสร้างภาระให้ฉู่ซีฟงมากยิ่งขึ้นไปอีกเป็แน่ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้ก็คือสงบจิตสงบใจ แล้วรอดูสถานการณ์ไปก่อน
เมื่อได้รับคำยืนยันจากซูฉางอัน ฉู่ซีฟงก็รู้สึกวางใจขึ้นมาเล็กน้อยลำแสงแห่งพลังสีม่วงพลันสาดกระจายออกมาจากร่างของเขา ฉู่ซีฟงกระชับดาบคู่ใจเอาไว้มั่นแล้วก้าวไปเบื้องหน้าอย่างเชื่องช้า บูตหนังกระทบกับพื้นหินเบื้องล่าง ทำให้เกิดเสียงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โฉมงามผู้มีนามว่ามายารัตติกาลเลิกคิ้วขึ้นราวรับรู้ได้ถึงระลอกแห่งพลังิญญาที่กระจายออกมาจากร่างของฉู่ซีฟง นางถ่ายทอดคำสั่งทางความคิดเพียงเท่านั้น กริชมากมายก็พลันแปรเปลี่ยนเป็ลำแสงที่เย็นะเื แล้วพุ่งเข้าใส่ฉู่ซีฟงทันที
ลำแสงแห่งพลังเ่าั้รวดเร็วเหลือเกิน อีกทั้งตำแหน่งที่มันพุ่งเข้าโจมตีล้วนตำแหน่งสำคัญทั้งสิ้น เรียกได้ว่ามันปิดทุกจุดที่ฉู่ซีฟงสามารถหลบหนีเอาไว้จนหมดแล้ว
หลังพุ่งการโจมตีออกไป โฉมงามผู้นั้นก็ประกายรอยยิ้มออกมาราวจะดูออกว่าหากอยากรับมือกับการโจมตีนี้ให้ได้ ฉู่ซีฟงต้องทุ่มสุดแรงและอาจได้รับาเ็จนไม่มีชิ้นดีก็เป็ได้
ทว่าฉู่ซีฟงกลับทำราวมองไม่เห็นลำแสงที่พุ่งเข้ามาหาฝีเท้าของเขาเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเขาก็แทบจะวิ่งเลยทีเดียวฉู่ซีฟงเลือกที่จะมุ่งเข้าไปหาอย่างซึ่งๆ หน้า พุ่งเข้าไปหาศัตรูที่น่าหวาดหวั่นทั้งสองและทะยานเข้าใส่ลำแสงแห่งพลังอันทรงอำนาจจำนวนมากที่พุ่งเข้ามาอย่างอาจหาญ
เพียงพริบตาเดียวเขาก็มาหยุดอยู่หน้าลำแสงแห่งพลังเ่าั้เสียแล้วอีกเพียงไม่ถึงเสี้ยววินาทีต่อจากนี้ลำแสงแห่งพลังพวกนั้นต้องเจาะเข้าไปในตำแหน่งต่างๆ ภายในร่างกายแล้วพุ่งทะลวงเข้าไปในร่างของเขาแน่
ทว่าฉู่ซีฟงกลับยังมีสีหน้าเย็นะเืประดุจูเาหิมะดาบในมือถูกหมุนเหวี่ยงออกไปเล็กน้อยเขาสร้างลำแสงแห่งพลังสีม่วงหลายระลอกขึ้นด้วยความเร็วที่แทบจะมองตามไม่ทันเสียด้วยซ้ำและยามเสียงกระทบดังขึ้น กริชทั้งหลายก็ร่วงลงไปกองอยู่บนพื้นดินในชั่วพริบตา
ในที่สุด มายารัตติกาลก็หน้าถอดสีไปเล็กน้อย นางรับรู้ได้ในทันทีว่าชายตรงหน้าแข็งแกร่งกว่าเทพนักรบแห่งต้าเว่ยอะไรนั่นอย่างเทียบไม่ติด
“พรตกระดูก!” นางตวาดเสียงต่ำด้วยคิ้วขมวดมุ่น
เมื่อได้ยินเสียงเรียก สัตว์ประหลาดตัวนั้นก็ส่งเสียงคำรามแหบพร่าที่ไม่น่าฟังขึ้นจากนั้นก็ออกแรงส่งที่เท้า ร่างขนาดใหญ่ไม่ได้ทำให้มันแลดูเก้งก้างเลยแม้แต่น้อยร่างขนาดมโหฬารพุ่งทะยานออกไปด้วยแรงส่งจากเท้า มันกำหมัดแน่นแล้วเหวี่ยงหมัดหนักไปที่กลางหัวของฉู่ซีฟงอย่างแรงราวเป็ูเาที่พุ่งเข้ามาทับเช่นนั้น
มายารัตติกาลเลิกคิ้ว กริชหลายเล่มที่อยู่รอบตัวถูกเคลื่อนที่ทะยานไปยังจุดสูงสุดพวกมันกลายเป็ลำแสงที่แฝงไปด้วยอำนาจแห่งการทำลายล้างแล้วพุ่งแหวกห้วงอากาศออกไปทันที
กริชที่ถูกส่งออกไปก่อนหน้านี้ทำให้ทั้งสองรู้ระดับพลังของฉู่ซีฟงแล้ว รู้ว่าฉู่ซีฟงมีพลังที่ไม่ธรรมดาจึงแสดงท่าไม้ตายของตนออกไปทันที โดยไม่คิดจะออมมืออีก!
ขณะเผชิญกับการโจมตีที่แสนบ้าคลั่งนี้ จู่ๆฉู่ซีฟงก็ชะงักฝีเท้าลง เขาถือดาบเอาไว้ในมือขณะที่ตัวดาบก็ประกายสายฟ้าสีม่วงที่ราวเป็ัสีม่วงออกมาวนเวียนอยู่รอบตัวดาบไม่หยุด
จู่ๆ แววตาของเขาก็เย็นะเืลงพลันแสงอันแสนคมเฉียบก็เปล่งประกายขึ้น
“สายฟ้า” เขากล่าวขึ้นเช่นนั้น
เสียงนั้นไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่มันกลับประทับอยู่ในโสตประสาทของทุกคนณ ที่แห่งนี้ได้อย่างชัดเจนและทั่วถึง
ลำแสงขนาดใหญ่ถูกสาดลงมาจากท้องนภา ทันใดนั้น หมอกหนาที่ปกคลุมอยู่รอบด้านก็สลายไปอย่างรวดเร็วซูฉางอันจึงแหงนหน้าขึ้นมองอย่างอดไม่ได้ บัดนี้บนท้องนภาเหนือเมืองหลานหลิงมีเมฆครึ้มปกคลุมอยู่ั้แ่เมื่อใดก็มิอาจล่วงรู้ได้ซึ่งแสงที่ส่องประกายขึ้นเมื่อครู่ก็คือแสงจากสายฟ้าที่กะพริบวาบอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆครึ้มเบื้องบนนั่นเอง
“อัสนีคำราม” ฉู่ซีฟงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
เสียงหนึ่งดังกัมปนาทขึ้นทันทีเมื่อสิ้นเสียงกล่าว
เสียงนั้นดังสนั่นหวั่นไหว แต่กลับไม่ทำให้ซูฉางอันรู้สึกแสบแก้วหูเลยแม้แต่น้อยทั้งยังไม่มีผลใดๆ ต่อร่างกายของเขาแม้เพียงปลายเล็บ
แต่สัตว์ประหลาดขนาดั์กับมายารัตติกาลไม่ได้โชคดีเหมือนเขา
ทันทีที่เสียงนั้นปะทุขึ้นที่ข้างหูทั้งพลังิญญาที่ขับเคลื่อนอยู่ภายในร่างและพลังที่ถูกสั่งการด้วยความคิดต่างก็หยุดชะงักลงไปในพริบตา
และในการต่อสู้ของยอดฝีมือนั้น จะแพ้หรือชนะ ย่อมขึ้นอยู่กับเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น
“สายฟ้า!”
ฉู่ซีฟงกล่าวขึ้นอีกครา
อสนีบาตก้าวผ่านฟากฟ้าลงมาอีกครั้ง
ทว่าในตอนนั้นเอง เพราะก่อนหน้านี้พลังที่เคยมีหยุดชะงักลงไปเล็กน้อย การโจมตีของทั้งสองจึงลดความเร็วลงไปด้วยทั้งสองสะดุ้งเฮือก ได้แต่พึมพำแย่แล้วเพียงในใจทว่ากระบวนท่าถูกแสดงออกมาใกล้สมบูรณ์แล้ว จึงไม่อาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขสิ่งใด ได้อีกทั้งสองไม่มีทางเลือก ได้แต่กัดฟันกรอด แล้วขับเคลื่อนพลังิญญาขึ้นอย่างบ้าคลั่งความเร็วในการจู่โจมถูกเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า โดยเฉพาะกริชของโฉมงามผู้นั้นมันพุ่งประชิดตัวฉู่ซีฟงได้ด้วยเวลาเพียงไม่ถึงเสี้ยววินาทีด้วยซ้ำ
ซูฉางอันที่ชมการต่อสู้อยู่ข้างๆ ร้องอุทานขึ้นในใจเขาไม่มีเวลามาสนใจอย่างอื่นอีกแล้ว เขาร่างกายไหววูบ ทั้งคนและดาบกลายเป็ลำแสงแล้วพุ่งเข้าไปหาสตรีผู้นั้นทันที
เขาดูออกว่าแม้วิธีการโจมตีของโฉมงามผู้นี้จะแลดูพิลึกไปเสียบ้างแต่ดูเหมือนทุกการโจมตีของนาง จำเป็ต้องผ่านกริชที่อยู่รอบตัวทุกครั้งทว่าในตอนนี้ กริชทุกเล่มถูกส่งเข้าไปโจมตีฉู่ซีฟงจนหมดแล้ว ทำให้นางไม่มีอาวุธหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่ชิ้นเดียวช่างเป็โอกาสทองที่หายากเหลือเกิน
ซูฉางอันคอยวนเวียนอยู่รอบๆ มาั้แ่แรกแล้วและในตอนนี้เขาก็บังเอิญอยู่ใกล้กับโฉมงามผู้นั้นพอดีการโจมตีของเขาจึงไปประชิดตัวหญิงสาวด้วยเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น
มายารัตติกาลสะดุ้งเฮือก คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าเด็กหนุ่มที่เดิมก็ได้รับาเ็อยู่แล้วคนนี้จะมีความกล้ามากพอที่จะลอบโจมตีนางเช่นนี้เมื่อเห็นเช่นนั้น นางก็ยักยิ้มมุมปากอย่างกลั่นแกล้งขึ้น
นางไม่ได้ประมาทเหมือนกับเ้าโง่พรตกระดูกนั่นดอก...เพียงออกคำสั่งในใจก็มีกริชที่ผูกติดอยู่กับเส้นด้ายงอกออกมาจากร่างของนางเพิ่มอีกหลายเล่มวินาทีที่คมดาบของซูฉางอันกำลังจะััโดนร่างบางกริชทั้งหลายก็พุ่งออกไปด้วยความรวดเร็วประดุจสายฟ้าเสียก่อน มันเร็วมากเสียจนซูฉางอันมองตามไม่ทันด้วยซ้ำ
“เคลื่อนไหว!”ฉู่ซีฟงพ่นคำออกมาอีกพยางค์
กลุ่มอัสนีบนท้องนภาราวจะได้รับคำสั่งบางอย่างสายฟ้าที่ราวกับจอมอสรพิษพุ่งออกมาจากท้องนภาสูงลิบแล้วพุ่งเข้าไปในร่างของฉู่ซีฟงอย่างรวดเร็ว
วินาทีนั้น จู่ๆร่างกายของฉู่ซีฟงก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น
เขาเร็วขึ้นเรื่อยๆ เร็วจนไม่ใช่แค่ซูฉางอันเท่านั้นแม้แต่มายารัตติกาลกับพรตกระดูกก็ยังมองตามไม่ทันด้วยซ้ำ ซึ่งบัดนี้แม้จะพยายามอย่างถึงที่สุดแล้วพวกเขาก็ยังเห็นเพียงเงาเลือนรางที่เกิดจากความเร็วของฉู่ซีฟงเท่านั้น
ลำแสงสีม่วงปะทุขึ้น ทำให้พรตกระดูกที่พุ่งเข้ามาด้วยหมายจะเอาเื่จำต้องล่าถอยกลับไปทว่าร่างของฉู่ซีฟงกลับไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเลยแม้แต่น้อย เขาพุ่งเข้าไปข้างหน้าพุ่งตรงเข้าไปหามายารัตติกาลอย่างรวดเร็วและอุปสรรคแรกที่เขาได้เจอก็คือกริชซึ่งเปล่งประกายไปด้วยลำแสงอันแสนเย็นะเืนับร้อยที่พุ่งเข้ามาหานั่นเอง
ฉู่ซีฟงปรายตามองไปที่ซูฉางอันแวบหนึ่งบัดนี้ลำแสงแห่งพลังหลายระลอกพุ่งไปประชิดตัวเด็กหนุ่มแล้ว
เขามีสีหน้าเย็นะเืมากขึ้นกว่าเดิม มันเย็นเสียจนไม่ต่างไปจากก้อนน้ำแข็งพันปีเลย
ลำแสงแห่งคมดาบเปล่งประกายขึ้นสายฟ้าสีม่วงลอยวนเวียนอยู่รอบตัวเขาอย่างต่อเนื่องลำแสงแห่งพลังอันแสนเย็นะเืของศัตรูพุ่งเข้ามากระแทกเข้ากับสายฟ้าสีม่วงทำให้เกิดเสียงกระทบดังขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่ลำแสงแห่งพลังของหญิงสาวก็ทำได้เพียงเท่านั้น เพราะสายฟ้าของฉู่ซีฟงเล่นงานจนพวกมันลอยกระเด็นกลับออกไปจนหมดแล้ว
ท้องฟ้ามืดครึ้มลงอีกคราราวกับว่าฝนกำลังจะตกอยู่รอมร่อแล้ว
สายฟ้าฉายประกายอยู่บนท้องนภาสายฟ้าที่กะพริบวาบขึ้นไม่หยุด ทำให้เมืองหลานหลิงส่องสว่างขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ระลอกแห่งพลังที่เกิดจากการกระทบกันของลำแสงแห่งพลังและสายฟ้าพัดให้เส้นผมบริเวณหน้าผากที่แลดูยุ่งเหยิงเล็กน้อยของฉู่ซีฟงปลิวขึ้นสูง หนวดเครารอบปากทำให้ฉู่ซีฟงแลดูซอมซ่อไปเล็กน้อยทว่าสายฟ้าที่กะพริบแสงขึ้นอย่างต่อเนื่องกลับทำให้ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยแสงแห่งอำนาจที่น่าสยดสยองมากเหลือเกิน
เขาปรายตามองซูฉางอันอีกครั้ง
ลำแสงแห่งพลังเ่าั้อยู่ห่างจากซูฉางอันเพียงไม่ถึงคืบเท่านั้นเขารู้ดีว่าลำแสงพวกนั้นทรงพลังมากขนาดไหน แม้แต่กับเขาเอง เมื่อต้องพบกับสถานการณ์เช่นนี้ก็ยังยากจะทนรับมือได้เลยยิ่งเป็ซูฉางอันที่เพิ่งมีพลังอยู่ในระดับหลอมจิตก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
สองเท้าเคลื่อนไปด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิมทว่าดาบในมือกลับเร็วยิ่งกว่า
ในที่สุด ใบหน้าที่เย็นะเืราวกับน้ำแข็งพันปีของเขาก็ประกายความรู้สึกที่มีนามว่าโกรธเกรี้ยวขึ้นมา...
ในที่สุดเขาก็กระแทกให้กริชเล่มสุดท้ายลอยกระเด็นออกไปจากนั้นก็พุ่งตรงเข้าไปหาซูฉางอันทันที เขาไม่แม้แต่จะหยุดพักหายใจเลยด้วยซ้ำทิ้งเอาไว้เพียงกริชคมที่ปักเรียงรายเป็บริเวณกว้างอยู่บนพื้นหินเบื้องล่างเท่านั้น
ในตอนนี้ ดูเหมือนกริชของมายารัตติกาลจะััโดนใบหน้าของซูฉางอันเป็ที่เรียบร้อยแล้วลำแสงที่เรืองรองอยู่รอบกริชบาดผ่านิัของซูฉางอัน ทำให้เืซึมออกมาในพริบตาทว่าบัดนี้ ดาบของเขายังอยู่ห่างจากร่างของมายารัตติกาลอยู่มากเลย อย่างน้อยเมื่อกริชเ่าั้พุ่งผ่านใบหน้า และกรีดผ่านลำคอของเขาไป ไม่ว่าอย่างไรดาบของเขาก็ไปไม่ถึงร่างของมายารัตติกาลอยู่ดี
ซูฉางอันประกายความไม่อยากยอมแพ้ออกมาทางใบหน้าแต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ทำอะไรไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
และในตอนที่เขาหลับตาลงเพื่อยอมรับต่อชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นจู่ๆ ร่างของใครบางคนก็ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน
ฉู่ซีฟงเข้าไปขวางหน้าซูฉางอันเอาไว้โดยแทบไม่ได้คิดเลยด้วยซ้ำ
ของเหลวที่ร้อนระอุสาดกระเซ็นลงบนใบหน้าของซูฉางอันเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็พบว่าที่หน้าอกของชายตรงหน้ามีาแซึ่งมีขนาดใหญ่จนน่าหวาดผวาอยู่หลายแห่งเลย
เขาพอจะเดาออกว่าตอนนี้แผ่นหลังของฉู่ซีฟงต้องมีกริชปักอยู่เต็มไปหมดแน่
“ผู้าุโฉู่!!!”เขาร้องะโด้วยเสียงดังสนั่นแต่เสียงที่เปล่งออกมากลับถูกเสียงฟ้าร้องดังกลบลงไปจนหมดและในตอนนั้นเองที่น้ำตาพากันพรั่งพรูออกมาจากดวงตา แล้วไหลอาบใบหน้าของเขา
มือหยาบของคนตรงหน้าถูกยื่นเข้ามาเช็ดน้ำตาที่หางตาให้เขาอย่างอ่อนโยน
ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงคลุมเครือเพราะเืที่อัดแน่นอยู่ในปาก...
“อย่าห่วงไปเลย ข้าจะพาเ้ากลับบ้านเอง”
เสียงนั้นแ่เบาจนแทบจะไม่ได้ยินแต่ก็ให้ความรู้สึกมั่นคงไม่ต่างไปจากขุนเขาเลย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้