“นี่...” นาทีนี้ทุกคนต่างตาแข็งทื่อและดูไม่อยากจะเชื่อสายตา พลังมิติ พวกเขาััได้ถึงพลังมิติบนร่างอี้ชิง!
เป็ไปได้อย่างไร? อี้ชิงอยู่ขั้นรวมชี่จะมีพลังมิติได้อย่างไร? ในใจของผู้คนเต็มไปด้วยความสงสัย แม้แต่อี้ชิงที่หลบการโจมตีได้ ยังฉงนงงงวย และพึมพำกับตัวเองว่าตนโชคดียิ่งนักที่ยังไม่ตาย
“ไยต้องรีบฆ่าแกงกันด้วยเล่า!” ขณะที่ผู้คนกำลังสงสัยกันอยู่นั้น จู่ ๆ มีเสียงหนึ่งดังมาจากฟากฟ้า เข้ามาในหูของเหล่าผู้คน ทำให้พวกเขาตาเผยประกายแหลมคม
เย่เฟิงแหงนหน้ามองฟ้าด้วยสีหน้าเย็นเยียบ เสื้อคลุมเปื้อนเื ดวงตายังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า “ตอนที่ฟู่เจินลอบโจมตี แล้วร่วมมือกับอี้ชิงเพื่อจัดการข้า เหตุใดท่านถึงไม่ปรากฏตัว?”
ไม่มีใครตอบคำถามของเขา หลังจากเสียงนั้นดังกึกก้องก็จางหายไป สีหน้าของเย่เฟิงต้องเย็นเยือกขึ้นกว่าเดิม เื่เดินมาถึงจุดนี้ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร ตอนที่หอกตัดิญญานั้นกำลังจะฆ่าอี้ชิง เป็คนของวังเทพโอสถที่แทรกแซงเข้ามา ใช้กฎของแดนลับที่ควบคุมช่วยอี้ชิงให้หนีออกไป!
ยอดเขาเทพโอสถที่โลกภายนอก ผู้าุโระดับสูงคนหนึ่งของวังเทพโอสถกำลังถืออาวุธชิ้นหนึ่งอยู่ในมือ ซึ่งเป็อย่างที่เย่เฟิงคาดการณ์ไว้เช่นนั้น ผู้าุโคนนี้ถูกฟู่หยางบงการและใช้อาวุธชิ้นนี้ช่วยอี้ชิง
ทุกคนต่างทราบกันดีว่าอี้ชิงเป็ผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 3 ในรายนามเสินเจียงแห่งสำนักศึกษาเสินเจียง มากพร์ ได้รับความสำคัญจากสำนักศึกษา มีฐานะไม่ธรรมดา หากอี้ชิงตกตายในแดนลับยอดเขาเทพโอสถ วังเทพโอสถก็จะต้องรับเพลิงพิโรธของสำนักศึกษาเสินเจียงเป็แน่ ในฐานะบุคคลระดับสูงของวังเทพโอสถ พวกเขาย่อมไม่้าให้มันเกิดขึ้น
แสงคมกริบปะทุออกจากดวงตาของฟู่หยาง เขาไม่คาดคิดว่าพลังของเย่เฟิงจะสามารถเอาชนะอี้ชิงได้
ในแดนลับ บรรยากาศเงียบกริบ เหล่าผู้คนต่างมองเย่เฟิงไม่วางตาพลางใจเต้นระรัว ชายหนุ่มผู้ไร้เทียมทานถือกำเนิดขึ้นแล้ว เขาใช้พลังขั้นบ่มเพาะกายาเอาชนะอี้ชิงที่อยู่ขั้นรวมชี่ ทั้งยังมีโอกาสสองครั้งที่จะฆ่าอีกฝ่าย แต่ถูกโลกภายนอกแทรกแซงเสียก่อนจนสุดท้ายเขาก็ฆ่าอี้ชิงไม่สำเร็จ
ขณะนั้นเย่เฟิงแหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสีหน้าเหยียดหยาม ก่อนกล่าวว่า “แดนลับยอดเขาเทพโอสถ ช่างน่าขันสิ้นดี!”
แม้เป็ประโยคที่เรียบง่าย แต่กลับเต็มไปด้วยความดูถูก เขาเย่เฟิงเข้าสู่แดนลับยอดเขาเทพโอสถด้วยทัศนคติที่ยุติธรรมและเป็กลาง แต่ในความเป็จริงเขากลับไม่ได้รับความยุติธรรม
แดนมรดกปรากฏ เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ต่างแย่งชิงมรดกสูงสุด เขาเย่เฟิงก็ใช้พลังขั้นบ่มเพาะกายาเข้าแย่งชิงกับคนเ่าั้ จนกระทั่งได้ต่อสู้กับอี้ชิง เดิมทีเขาชนะอีกฝ่ายได้แล้ว แต่กลับถูกขัดขวางถึงสองครา แต่สิ่งที่ทำให้เย่เฟิงโมโหที่สุดคือ โอกาสครั้งที่สองในการฆ่าอี้ชิงนั้น กลับเป็วังเทพโอสถที่เข้ามาแทรกแซง ทำให้แดนลับแห่งนี้สูญเสียความหมายของมันไป
ความยุติธรรม? แน่นอนว่าในโลกแห่งการบ่มเพาะไม่มีความยุติธรรมอยู่จริง ๆ อี้ชิงเป็อัจฉริยะอันดับที่ 3 ในรายนามเสินเจียงแห่งสำนักศึกษาเสินเจียง เมื่อตกอยู่ในอันตราย วังเทพโอสถก็ย่อมออกโรงปกป้อง
ในทางกลับกัน เย่เฟิงเจอกับการลอบโจมตีของฟู่เจินและการโจมตีของอี้ชิงกลับไม่มีใครเหลียวแล ซึ่งมีเหตุผลเดียวเท่านั้น นั่นก็คือเย่เฟิงไม่สำคัญพอที่จะทำให้วังเทพโอสถสนใจ แม้จะถูกลอบโจมตี แต่ก็ได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็ธรรม ตายก็คือตาย ใครเล่าจะออกโรงปกป้องคนไร้นามเพียงคนเดียว?
ในโลกแห่งความเป็จริง มันโหดร้ายเป็อย่างมาก มีเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีความยุติธรรม หากแต่ไร้ความแข็งแกร่ง ก็อย่าถามหาความยุติธรรม
ในเมื่อวังเทพโอสถเป็คนแหกกฎแดนลับก่อน เช่นนั้นเขาเย่เฟิงก็ไม่มีอะไรให้ต้องเกรงใจอีกต่อไป จากนั้นเห็นเย่เฟิงเดินออกมา ทุกย่างก้าวของเขาล้วนแฝงด้วยท่วงทำนองพิเศษและหนักแน่น ฝ่ากำแพงหลายชั้น ก่อนจะไปเยือนแดนมรดกที่ฟู่เจินอยู่ พร้อมสายตาเย็นะเืตวัดมองฟู่เจิน
“หมอนี่...” ผู้คนเห็นฉากนี้ก็อดใจเต้นถี่เร็วไม่ได้ และคาดเดาว่าเย่เฟิงจะทำอะไร
เมื่อฟู่เจินััสายตาอาฆาตของเย่เฟิงได้ก็ตัวสั่นสะท้านชั่วขณะ ความหวาดกลัวปรากฏในส่วนลึกของดวงตา เย่เฟิงชนะอี้ชิง แล้วเขาจะใช่คู่ต่อสู้ของเย่เฟิงหรือ?
“เ้าจะทำอะไร?” ฟู่เจินเผยสีหน้าบูดเบี้ยว ก่อนหน้านี้เขาพยายามฆ่าเย่เฟิงอย่างสุดกำลัง แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว บัดนี้เย่เฟิงมาหาถึงที่แล้ว เขากลับมือไม้อ่อนไปหมด
“เ้าลืมสิ่งที่เ้าทำกับข้าเมื่อสักครู่ไปแล้วหรือ?” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น เพียงประโยคเดียวก็ทำให้ฟู่เจินรู้สึกหนาวเหน็บจากก้นบึ้งจิติญญา เป็ความหนาวที่เย็นเยือกสุดขีด
“ทางที่ดีเ้าอย่ามาก่อความวุ่นวาย ข้าเป็ศิษย์วังเทพโอสถ หากเ้าทำอะไรข้า วังเทพโอสถไม่มีทางปล่อยเ้าไปแน่!” ฟู่เจินหวาดกลัวความแข็งแกร่งของเย่เฟิง จึงใช้วังเทพโอสถมาขู่เย่เฟิง
“ทำอะไรไว้ก็ต้องรับผิดชอบเองสิ หรือเ้าไม่กล้ายอมรับกับสิ่งที่เ้าทำไว้? ก่อนหน้านี้เ้าทำตัวอวดดีไม่เห็นหัวใคร บัดนี้กลับใช้สำนักของเ้ามาขู่ข้า น่าเวทนายิ่งนัก!” เย่เฟิงเห็นท่าทีอ่อนปวกเปียกของฟู่เจินก็เหยียดยิ้มอย่างเ็า เขาเดินก้าวเข้าไปใกล้ฟู่เจินมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ฟู่เจินเผยหน้าเขียว
“สวะ เ้าอย่าบีบบังคับข้าจะดีกว่า!” ฟู่เจินกล่าวเสียงเย็น แต่น้ำเสียงดูไม่แข็งกร้าวขนาดนั้น เพราะว่าในสายตาเขา ความแข็งแกร่งของเย่เฟิงทำให้ความมั่นใจของเขามลายหายไป
“เ้ามันสมควรตาย!” เย่เฟิงแสยะยิ้มพร้อมเดินออกมาอีกก้าว ทันใดนั้นรังสีหมัดถูกปล่อยออกไป การโจมตีนี้คือความไร้ปรานี เย่เฟิงใช้พลังที่แกร่งที่สุด ทั้งยังมีอำนาจฟ้าดินรายล้อมรังสีหมัด และอัดแน่นไปด้วยพลังสังหารอันน่าสะพรึงกลัว
ฟู่เจินเผยสีหน้าเย็นเยียบ พลันิญญาาเตาหม้อปรากฏที่ด้านหลัง ก่อนจะปล่อยฝ่ามือเพลิงออกไป เข้าปะทะกับหมัดของเย่เฟิง เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว คลื่นทำลายล้างแพร่กระจายทั่วฟ้าดิน
ภายใต้การโจมตีนี้ ฟู่เจินถูกซัดกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว แขนสั่นระริกเล็กน้อย แต่เขาเพิ่งตั้งตัวได้ก็เห็นการโจมตีที่บ้าระห่ำพุ่งมาอีกครั้ง เย่เฟิงไม่ปล่อยให้เขาได้พักหายใจแม้เสี้ยววินาที
ฟู่เจินยกมือขึ้นต้าน พร้อมเปลวไฟพุ่งออกไป แต่กลับทำอะไรเย่เฟิงไม่ได้แม้แต่นิดเดียว นี่ทำให้ฟู่เจินสูญสิ้นความเชื่อมั่นจนหมดสิ้น
การโจมตีของเย่เฟิงทรงพลังขึ้นเรื่อย ๆ ก็ยิ่งทำให้สีหน้าของฟู่เจินดูน่าเกลียด ตัวสั่นสะท้านไร้กำลังต่อต้าน อวัยวะภายในได้รับความเสียหายหนักจนอยากพ่นเืออกมา แต่เขากลับกลืนมันลงคอไป
“ข้าจะแสดงให้เ้าเห็นถึงเปลวไฟที่แท้จริง!” เย่เฟิงกล่าว จากนั้นเปลวไฟลุกโชนขึ้นที่ฝ่ามือของเขา เปลวไฟนี้รุนแรงมาก ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นฉับพลัน
“ไป!” เย่เฟิงกล่าวเสียงดัง เปลวไฟลูกนั้นพุ่งเข้าหาฟู่เจิน เมื่อฟู่เจินรับรู้ได้ถึงความน่าหวาดกลัวของเปลวไฟนั่นก็เบิกตากว้าง ก่อนจะใช้ฝ่ามือเปลวไฟต่อต้าน
ผู้คนพบว่า เปลวไฟของฟู่เจินดูอ่อนหัดมากเมื่อเผชิญหน้ากับเปลวไฟของเย่เฟิง มันถูกกลืนกินในพริบตา จากนั้นเปลวไฟที่น่าสะพรึงกลัวนั่นปีนป่ายไปตามร่างกายของฟู่เจิน ทำให้ฟู่เจินหน้าถอดสี ส่งเสียงร้องอย่างโหยหวน พร้อมดิ้นทุรนทุรายบนพื้นด้วยความเ็ป
“ไม่นึกว่าเย่เฟิงคนนี้จะมีพลังธาตุไฟที่รุนแรงเพียงนี้ ทั้งยังทรงพลังมากอีกด้วย ทำเปลวไฟของฟู่เจินดูเปราะบางไปเลย!” ฉากนี้ทำให้หลาย ๆ คนตกตะลึง และต้องทำความรู้จักกับความแข็งแกร่งของเย่เฟิงใหม่
“ท่านพี่!” เสียงดังขึ้นท่ามกลางฝูงชนอย่างร้อนใจ สีหน้าของฟู่หยิงซีดเซียว นางเห็นพี่ชายตนเ็ปเช่นนั้นก็พลอยทำให้นางเ็ปไปด้วย และนึกเสียใจกับการกระทำที่ดูถูกเย่เฟิงในตอนนั้น หากไม่ไปดูถูกเหยียดหยามเย่เฟิง บางทีเื่ในวันนี้ก็อาจจะไม่เกิดขึ้นก็เป็ได้
เปลวไฟยังคงลุกโชนอย่างบ้าคลั่ง เสียงโหยหวนดังออกจากปากของฟู่เจินไม่หยุด เขาดิ้นทุรนทุรายเช่นนั้นขณะเปลวไฟแผดเผาร่าง
ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างต้องใหวาดกลัวและรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ ราวกับว่าพวกเขากำลังทุกข์ทรมานกับความเ็ปเช่นนั้น
ยอดเขาเทพโอสถที่โลกภายนอก เหล่าผู้าุโระดับสูงวังเทพโอสถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับตาตัวเอง แต่มีหลายคนเบือนสายตาหนีเพราะทนดูไม่ได้
“สวะ ไม่นึกว่าจะกล้าทำกับลูกข้าเช่นนี้ วันนี้ข้าฟู่หยางต้องฆ่าเ้าให้จงได้!” ฟู่หยางะเิโทสะพร้อมทุบโต๊ะหินตรงหน้าแตกกระจาย เพลิงพิโรธปะทุออกจากร่าง ในดวงตาคู่นั้นยังเต็มไปด้วยจิตสังหารแรงกล้า นั่นคือบุตรชายของเขา แต่เวลานี้กำลังทุกข์ทรมานกับความเ็ปจากการถูกเปลวไฟคลอก แล้วเขาจะทนได้อย่างไร?
“เร็ว รีบใช้อาวุธมิติช่วยฟู่เจินเร็ว ไม่งั้นคงช่วยฟู่เจินไว้ไม่ได้!” จี๋เหยียนะโบอกผู้าุโคนนั้นที่อยู่ใกล้ ๆ ซึ่งเป็คนที่ช่วยอี้ชิงไว้
“อาวุธมิติสามารถใช้ได้วันละหนึ่งครั้ง ตอนนี้ข้าช่วยอะไรไม่ได้แล้ว!” ผู้าุโคนนั้นกล่าว ฟู่หยางและจี๋เหยียนได้ยินเช่นนั้นก็เผยหน้าเขียว ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยเพลิงโทสะขณะมองบุตรชายตนที่กำลังทรมานอย่างเ็ป แต่กลับทำอะไรไม่ได้
เซี่ยชิงซานแสยะยิ้มด้วยความดูถูก ฟู่หยางและฟู่เจินชอบรังแกผู้อื่น บางทีนี่อาจเป็สิ่งที่พวกเขาสมควรได้รับ
ในแดนลับ ทุกคนเริ่มชินชา การถูกไฟคลอกเช่นนี้ก็คือผลของการที่ฟู่เจินไปยั่วยุเย่เฟิง
“ฟู่เจินล่วงเกินใต้เท้า แต่ในนามของวังเทพโอสถข้าขอให้ใต้เท้าโปรดปล่อยเขาเถอะ เช่นนั้นวังเทพโอสถข้าจะซาบซึ้งใจเป็อย่างมาก!” ขณะนั้นมีเสียงดังมาจากฟากฟ้า เข้าปกคลุมดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลในพริบตา ทำให้ทุกคนในที่แห่งนี้ได้ยินอย่างชัดเจน
“บุคคลระดับสูงของวังเทพโอสถออกหน้าเพื่อขอชีวิตฟู่เจินงั้นหรือ ไม่รู้ว่าเย่เฟิงจะเลือกอย่างไร!” ผู้คนคิดในใจขณะมองเย่เฟิง
“ปล่อยเขางั้นหรือ?” เย่เฟิงแสยะยิ้ม “ก่อนหน้านี้ คนผู้นี้ดูแคลนข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ลอบโจมตีตอนที่ข้าสู้กับคนอื่น แล้วพวกท่านวังเทพโอสถหายหัวไปอยู่ที่ใด? บัดนี้เขาพ่ายแพ้ให้กับข้า พอเขาตกอยู่ในอันตราย วังเทพโอสถก็ออกหน้าเร็วเชียว ทั้งยังใช้คำพูดง่าย ๆ ให้ข้าปล่อยเขา เป็ไปได้หรือ?”
ทุกคนได้ยินเช่นนั้นต่างก็ใจเต้นระรัว บุคคลระดับสูงของวังเทพโอสถออกโรงขอให้ปล่อยตัวคน แต่ชายผู้นี้ไม่ให้เกียรติแม้แต่น้อย เขาคิดจะต่อต้านวังเทพโอสถอย่างนั้นหรือ
“เช่นนั้นใต้เท้า้าอะไร? หากอยากได้สิ่งใดบอกมาได้เลย วังเทพโอสถข้าจะพยายามหามาให้เ้าอย่างสุดกำลัง” ผู้าุโคนนั้นกล่าว
“ในสายตาข้า ไม่มีเงื่อนไขใดสำคัญไปกว่าชีวิตของเขา วันนี้ข้าต้องให้เขาชดใช้กับสิ่งที่ทำลงไปให้จงได้!” เย่เฟิงกล่าวเสียงกร้าว
“ปล่อยพี่ชายข้า แล้วข้าจะพิจารณาคบค้าสมาคมกับเ้า คิดว่าไง?” ขณะนั้นฟู่หยิงพูดโพล่งออกมา พร้อมแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นในเสน่ห์ของตน นางเป็ถึงหญิงงามแห่งเมืองหลวง มีบุรุษนับไม่ถ้วนไล่ตามนาง ไม่ว่าเดินไปทางไหนก็ล้วนเป็จุดสนใจของเหล่าผู้คน ดังนั้นเื่บุรุษ นางจึงมั่นใจเป็อย่างมาก บัดนี้นางเสนอเงื่อนไขเช่นนี้ เชื่อว่าเย่เฟิงคงปฏิเสธได้ยาก
ผู้คนได้ยินคำพูดของฟู่หยิงต่างประหลาดใจกันไม่น้อย จากนั้นพวกเขามองเย่เฟิงด้วยสายตาอิจฉาริษยา พลางคิดในใจ “มีหญิงงามมาพูดเช่นนี้ วาสนาของชายผู้นี้ไม่ธรรมดาเสียจริง!”
“ครั้งนี้เย่เฟิงต้องตอบรับและปล่อยตัวคนเป็แน่ มีหญิงงามอย่างฟู่หยิงให้เงื่อนไขเช่นนี้ เย่เฟิงจะปฏิเสธได้หรือ?” มีคนหนึ่งกล่าว คนอื่น ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย ส่วนฟู่หยิงได้ยินคำพูดของคนผู้นั้นก็ยิ่งเชื่อมั่นกว่าเดิม หากนางเป็ฝ่ายเข้าหาชายใดก่อน ชายผู้นั้นจะปฏิเสธได้หรือ
“เ้านับเป็สิ่งใด คิดว่าตัวเองเป็ใคร? คิดจะคบค้าสมาคมกับข้า เ้ามันไม่คู่ควร!” ในขณะที่ผู้คนคิดว่าเย่เฟิงจะต้องตอบตกลง จู่ ๆ เย่เฟิงก็พูดขึ้นมาและต้องทำให้พวกเขาใกันถ้วนหน้า
“เ้า...” สีหน้าอันเชื่อมั่นของฟู่หยิงแข็งทื่อกะทันหัน มองเย่เฟิงไม่วางตาพลางในดวงตาแฝงด้วยความโกรธและความเย็นเยือก นึกไม่ถึงว่าเย่เฟิงจะปฏิเสธข้อเสนอของนางอย่างไม่ลังเล คำพูดจาอันคมกริบนั่นทำนางหน้าร้อนผ่าว
“ผู้หญิงอย่างเ้าไม่มีสิทธิ์มาพูดกับข้า ไปให้พ้น!” เย่เฟิงี้เีที่จะสนใจอีกฝ่าย จึงด่าทอไปเช่นนั้น
แม้เขาเย่เฟิงจะไม่ใช่คนสูงศักดิ์ แต่เขามีศักดิ์ศรีของตัวเอง ไม่ใช่ว่าผู้หญิงประเภทไหนจะทำให้เขาสนใจได้ ยิ่งผู้หญิงเย่อหยิ่งอย่างฟู่หยิงก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกรังเกียจ
ฟู่หยิงหน้าซีดเผือด ไม่เคยมีใครด่าทอนางเช่นนี้มาก่อน ทว่าเย่เฟิงด่าทอนางต่อหน้าผู้คนมากมาย แล้วจะไม่ทำให้นางขายหน้าได้อย่างไร?