ชิงเฮ่อหยุนสามารถยึดครอง และกลายเป็เ้าชีวิตของทุกคนที่นี่ได้ เพราะชิงเฮ่อหยุนเป็ลูกศิษย์ของนักบวชรุ่นก่อน สามารถขับไล่งูพิษได้ ดังนั้นชาวบ้านที่นี่ถึงได้เคารพเขาราวกับเทพเ้า เต็มใจให้เขาหลอกใช้ แต่ตอนนี้ชิงเฮ่อหยุนกลับกำลังโดนกองทัพงูฉีกร่าง แต่สำหรับชาวบ้านที่พบเห็น ชิงเฮ่อหยุนถูกลงโทษจากเ้าป่าเ้าเขา! เพราะชิงเฮ่อหยุนอกตัญญูฆ่าอาจารย์ตัวเอง ทำให้เ้าป่าเ้าเขาโกรธ ฟ้าดินจึงลงโทษ ดังนั้นถึงได้รับการลงโทษแบบนี้!
ขนาดคนที่ไม่เชื่อว่าเ้าป่าเ้าเขามีจริง เห็นเหตุการณ์ที่น่าขนลุกนี้ ยืนแทบไม้ไหว แต่กลับไม่กล้ามีปัญหากับฉินหลาง อยู่ต่อหน้ากองทัพงู และกองทัพแมลงที่น่ากลัวขนาดนี้ ปืนล่าสัตว์จะทำอะไรได้ อีกอย่างตอนนี้คนยังส่วนมากยังจับปืนไม่อยู่ด้วยซ้ำ
เวลานี้ฉินหลางเรียก ‘แปดอรหันต์’ ออกมาแล้วบอกกับพวกเขาว่า “ั้แ่นี้ต่อไป จะไม่มีแก๊งชิงหวนอีกแล้ว! ถ้าพวกนายยังทำชั่วต่อ ชิงเฮ่อหยุนก็คือจุดจบของพวกนาย! ฉันไม่ได้มาที่นี่ เพื่อแย่งชิงหมู่บ้านของพวกนาย ต่อไปพวกนายยังอาศัยอยู่ที่นี่ได้เหมือนเดิม แต่ต้องจำไว้ว่า ถ้าทำเื่เลวไว้เยอะสักวันจะต้องตายเพราะมัน!”
จากนั้นฉินหลางเดินไปทางประตูหมู่บ้าน
ฉินหลางผิวปากเป็เสียงประหลาดอีกครั้ง กองทัพงูพิษและกองทัพแมลงพิษ ก็ตามฉินหลางออกไปทางประตูหมู่บ้าน
ภาพนี้น่ากลัวมากเกินไปจริงๆ!
สำหรับคนส่วนมากในหมู่บ้านนี้ ฉากนี้คงจะเป็ภาพติดตาไปตลอดชีวิต
ค่ำคืนนี้จะต้องกลายเป็เื่เล่าของพวกเขาแน่นอน หรืออาจกลายเป็ตำนานเลยก็ได้
เมื่อฉินหลางพากองทัพงูพิษและกองทัพแมลงพิษออกจากหมู่บ้านแล้ว เหลือไว้เพียงโครงกระดูกของชิงเฮ่อหยุนเท่านั้น
ผู้สูงอายุในหมู่บ้านมองตามฉินหลางกับกองทัพงู และกองทัพแมลงจนลับตา ผู้สูงอายุพวกนี้ทำท่าแปลกๆ พร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย จากนั้นเอากะโหลกแพะมาแขวนไว้บนประตู นั่นเป็พิธีที่นักบวชชนเผ่าใช้บูชาเ้าป่าเ้าเขา เมื่อก่อน วัยรุ่นในหมู่บ้านไม่เชื่อพิธีบูชาเ้าป่าเ้าเขาของผู้สูงอายุในหมู่บ้าน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ เด็กหนุ่มคนนี้กลับทำให้พวกเขาเคารพเ้าป่าเ้าเขามากขึ้น
ตอนนี้วัยรุ่นในหมู่บ้านรู้แล้ว สิ่งที่ผู้สูงอายุในหมู่บ้านเกรงกลัวไม่ใช่เด็กหนุ่มคนเมื่อกี้ แต่เป็พลังอำนาจของ ‘เ้าป่าเ้าเขา’ ที่พวกเขาอาศัยอยู่มากกว่า พลังอำนาจนี้ทำให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองเป็เพียงฝุ่นผง!
ฉินหลางออกจากหมู่บ้าน เขาไม่ได้รีบลงดอย ตรงกันข้ามกันกลับเดินขึ้นไปบนยอดดอย
ชิงเฮ่อหยุนถูกฆ่า หลังจากตัดเนื้อร้ายของสังคมนี้ออกไปแล้ว ฉินหลางสบายใจขึ้นไม่น้อย อยู่ดีๆ ก็นึกอยากขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดดอย
แม้ดอยไป๋ผินจะไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวของอำเภอหนานผิง ด้วยความที่ดอยไป๋ผินยังไม่มีผู้บุกเบิก ดังนั้นพืชพันธุ์ต่างๆ ยังไม่ถูกทำลาย สำหรับฉินหลางแล้ว ก็คือที่ที่บรรยากาศดีมากที่สุด
ฉินหลางค่อยๆ เดินขึ้นดอยไปตามทางเล็กๆ เมื่อทางทิศตะวันออกค่อยๆ สว่าง ในที่สุดฉินหลางก็เดินขึ้นมาถึงยอดดอย
บนยอดดอยไป๋ผิน ยอดเขาสูงชัน บนยอดเขามีหินขาวก้อนใหญ่สูงกว่า 10 เมตร ราวกับเป็โล่ขนาดใหญ่ ดังนั้นดอยนี้ถึงได้ชื่อว่าดอยไป๋ผิน
เวลานี้ฉินหลางยืนอยู่ด้านล่างก้อนหินขาว อยู่ภายใต้แสงสีทอง สะท้อนกับก้อนหินสีขาว ส่องแสงแวววาวเล็กน้อย ทะเลหมอกเคลื่อนที่ไปมา ราวกับคลื่นในทะเล ทำให้รู้สึกปลอดโปร่ง โล่งสบาย สวยราวกับภาพวาด
“ใคร!”
ในตอนนี้เอง อยู่ดีๆ ฉินหลางก็รู้สึกว่ามีอันตรายมาจาก้า เหนือหัวของเขา เขาจึงรีบเงยหน้าขึ้นไปดูหินขาว แววตาคมเฉียบราวกับกระบี่
“ศิษย์รัก ต้องเป็อาจารย์อยู่แล้วสิ!”
เสียงของตาเฒ่าพิษดังมาจากยอดหินขาว ฟังจากเสียงแล้ว วันนี้ตาเฒ่าพิษอารมณ์ดีมาก อาจจะเป็เพราะฉินหลางทำภารกิจที่เขามอบหมายไว้สำเร็จ
แม้รู้ว่าเป็ตาเฒ่าพิษ แต่ฉินหลางก็ยังไม่หยุดจ้องยอดหินขาว เพราะเขาถูกท่าทางของตาเฒ่าพิษดึงดูดไว้ เพราะตอนนี้ตาเฒ่าพิษเกาะอยู่บนก้อนหินขาว กลับหัวลงมาด้านล่าง พร้อมกับยกขาข้างหนึ่งตวัดกลับลงมา ค่อยๆ คลานลงมาช้าๆ ราวกับแมงป่องที่มีชีวิตชีวา
ปีศาจแมงป่อง!
ก้อนหินขาวบนยอดดอยไป๋ผิน ผ่านลมผ่านฝนมาเป็เวลานาน จนตอนนี้เรียบ ลื่นและเงางามมาก ฉินหลางคิดว่าต่อให้เป็แมงป่องจริงๆ ก็คงไม่สามารถคลานบนนั้นได้ เพราะบนนั้นลื่นมาก พวกมันทรงตัวอยู่บนนั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ตาเฒ่าพิษกลับปีนอยู่บนนั้นได้อย่างมั่นคงและเงียบกริบ ไม่มีเสียงเลยแม้แต่นิดเดียว ดังนั้นตาเฒ่าพิษอยู่บนนั้นมานานแค่ไหน ฉินหลางไม่อาจรู้ได้เลย
ฉินหลางรู้ว่า ตอนนี้ตาเฒ่าพิษกำลังสอนวรยุทธ์เขา ดังนั้นจึงตั้งใจดูอย่างชัดเจน และละเอียดมากๆ นอกจากจะจำท่าทางของตาเฒ่าพิษจนขึ้นใจแล้ว ยังทำความเข้าใจจิตของกระบวนท่าและความเร้นลับของมัน
ตาเฒ่าพิษเคยบอกว่า วรยุทธ์อาศัยการเลียนแบบสามส่วน อีกเจ็ดส่วนนั้นมาจากการวิเคราะห์ ทำความเข้าใจ และประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ชาวยุทธ์จำนวนมากที่หยุดอยู่ในขั้น ‘กระบวนท่า’ ไม่สามารถก้าวไปได้อีก เพราะพวกเขาเลียนแบบเพียงอย่างเดียว ไม่รู้จักประยุกต์ใช้ ดังนั้นเรียนกระบวนท่าไป ก็ไม่ต่างอะไรจากการร่ายรำ ดูสวยงาม แต่ใช้งานจริงไม่ได้!
ตาเฒ่าพิษรู้ว่าฉินหลางกำลังเรียนรู้และทำความเข้าใจวรยุทธ์ที่ตนกำลังสอน ดังนั้นเขาจึงเคลื่อนไหวช้ามาก สูงเพียง 10 กว่าเมตร ถ้าเขาจะลงมาจริงๆ ชั่วพริบตาเดียวเขาก็ลงมาถึงแล้ว แต่เขากลับใช้เวลาไปเกือบ 2 นาที
จากการสังเกตของฉินหลาง ตาเฒ่าพิษเข้าใจวิชาแมงป่องจนถึงขั้นสูงสุดแล้ว ตอนนี้วิชา ‘แมงป่องปีนย้อนกำแพง’ ที่ตาเฒ่าพิษกำลังสาธิตให้ดู นอกจากเขาจะสามารถปีนขึ้น ลงกำแพงหินลื่นๆ ได้อย่างง่ายดายแล้ว แขนทั้งสองข้าง รวมทั้งขาของตาเฒ่าพิษสามารถยกขึ้นมา ‘จู่โจมคู่ต่อสู้’ ได้ตลอดเวลา ราวกับปีศาจแมงป่องที่พร้อมจะกวาดล้างทุกอย่างที่ขวางหน้า!
เมื่อคลานลงมาใกล้จะถึงพื้นแล้ว จู่ๆ ตาเฒ่าพิษก็กระโจนลงมาจากก้อนหิน ราวกับแมงป่องกระโจนใส่เหยื่อ พร้อมกับตวัดขาข้างที่ลอยอยู่ในอากาศ—
เปรี๊ยะ!
ขานี้ของตาเฒ่าพิษออกตัวแรงจนเกิดเสียงไผ่แตก ราวกับว่าเขาฟาดอากาศจนแตกกระจาย! ฉินหลางรู้อยู่แล้วว่าตาเฒ่าพิษมีวรยุทธ์ล้ำเลิศ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังตกตะลึงอยู่ดี
แม้จะเป็ท่าแมงป่องปีนกลับกำแพง และท่าแมงป่องตวัดหางเหมือนกัน แต่ตาเฒ่าพิษเป็คนใช้สองท่านี้ กลับเป็อีกระดับ ทำให้ฉินหลางรู้สึกนับถือ และเอาตาเฒ่าพิษเป็แบบอย่างมากๆ
วิชาแมงป่องของตาเฒ่าพิษ นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่สมบูรณ์แล้ว ยังเก่งมากกว่าด้วย ต้องยอมรับว่า ฉินหลางเป็คนใช้ท่านี้มีความมั่นคง และกระฉับกระเฉงน้อยกว่าตาเฒ่าพิษ เพราะวิชาแมงป่องของตาเฒ่าพิษคล่องแคล่วมากกว่าแมงป่องจริงๆ ซะอีก ดังนั้นฉินหลางถึงได้บอกว่าตาเฒ่าพาเป็คนละระดับกับตน
“เป็ไงบ้าง?” ตาเฒ่าพิษถามฉินหลาง
“เทียบกับผมเหรอ!” คำตอบของฉินหลางค่อนข้างรัดกุม
“พูดพล่อยๆ!” ตาเฒ่าพิษสบถ “ทำความเข้าใจกับมันดีๆ ”
“ได้ประโยชน์ไม่น้อยเลยครับ ไหนๆ อาจารย์ก็อารมณ์ดีแบบนี้แล้ว สอนกระบวนท่าอื่นบ้างได้ไหมครับ?” ฉินหลางพูดเอาใจตาเฒ่าพิษเล็กน้อย หวังว่าตาเฒ่าพิษจะสอนกระบวนท่าอื่น
แต่ตาเฒ่าพิษกลับไม่หลงกล จ้องฉินหลางตาเขม็ง “โลภมากกินเยอะจะย่อยไม่ทัน!”
“แต่ผมก็ยังอยากเรียนให้มากกว่านี้ เมื่อกี้ผมเพิ่งสู้กับชิงเฮ่อหยุน ไม่รู้ว่าอาจารย์ได้ดูรึเปล่า วรยุทธ์ของเ้าหมอนั่นฝึกจนสำเร็จขั้น “เปลี่ยนแปลงรูปร่างตามกระบวนท่า” แล้ว ผมเกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้ว! ถึงผมแพ้ก็ไม่เป็ไร แต่ถ้าใครมารู้เข้าว่าผู้สืบทอดของอาจารย์แพ้ให้เ้าหมอนั่น อาจารย์ไม่ขายหน้ามากแย่เลยเหรอครับ?” ฉินหลางใช้วิธีท้าทายตาเฒ่าพิษ เพราะเขาคิดว่าการเชิญมีประโยชน์ไม่เท่าการท้าทาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้