บทที่ 114 สองดาวมหาลัย คู่หูดูโอ้
เวลาไหลผ่านไปเรื่อยๆ
เย่จื่อเฉินนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้านตระกูลฟู่ โดยที่ตรงหน้าของเขามีขวดน้ำเต้าสีเขียววางเอาไว้
“คุณมาขอยาวิเศษไปให้ปู่คุณไม่ใช่หรือไง ผมก็ไม่เคยเห็นปู่ของคุณด้วยสิ คุณเอาเหล้าในขวดน้ำเต้านี้กลับไปให้เขาดื่มก็แล้วกัน”
ตงฟางเหวินอี้หยิบขวดน้ำเต้ามาเปิดฝา กลิ่นเหล้าหอมกรุ่นคละคลุ้งไปทั่วห้องนั่งเล่นทันที
เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วปิดฝาเอาไว้แน่น
“คุณชายเย่อยากได้อะไรจากฉัน?”
“คุณไม่สงสัยเลยเหรอว่าของที่ผมให้คุณไป มันมีประโยชน์หรือเปล่า?”
ตงฟางเหวินอี้ไม่พูดอะไร แต่กลับคุยเื่ข้อตกลงเลย ซึ่งทำให้เย่จื่อเฉินค่อนข้างประหลาดใจ
“คนอย่างผมเกลียดคนมาวางอำนาจใส่ที่สุด บางทีเหล้านี้อาจจะทำร้ายปู่ของพวกคุณก็ได้”
ดวงตาทั้งสองข้างของตงฟางเหวินอี้เยือกเย็นราวกับอสรพิษทันที เขาเม้มปากก่อนจะวางขวดน้ำเต้าลงบนโต๊ะ
“คุณชายเย่เป็คนฉลาด ไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ อีกอย่างโอกาสที่เราจะได้ร่วมงานกันในอนาคตก็มีอยู่มาก”
เ้าหมอนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ
เย่จื่อเฉินไหวไหล่
เย่จื่อเฉินสงบสติอารมณ์ ก่อนจะล้วงเอาบุหรี่จากกระเป๋าออกมาจุดให้ตัวเอง แล้วพูดขึ้นเบาๆ
“ผม้าข้อมูลของฮ่าวเหวินกับไป๋ต้าไห่ พวกเขาสองคนมีอะไรเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า”
“ฉลาด!”
ตงฟางเหวินอี้ดีดนิ้ว แล้วเม้มปากยิ้ม
“ตอนนี้ไป๋ต้าไห่ตกอยู่ในการควบคุมของฮ่าวเหวิน หรือจะพูดให้ถูกก็คือเขาเป็สุนัขรับใช้ของฮ่าวเหวิน ส่วนฮ่าวเหวินยังมีคนอยู่เหนือเขาอีก”
“ใครที่อยู่เหนือเขา?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” ตงฟางเหวินอี้ไหวไหล่พูด “ตระกูลตงฟางของฉันก็เหมือนตระกูลเซียวนั่นแหละที่ต่างก็ทำธุรกิจ ความลับบางอย่างก็ตรวจสอบไม่ได้ เบาะแสที่ฉันพอจะให้นายได้ก็คือภรรยาและลูกสาวของไป๋ต้าไห่ล้วนอยู่ในกำมือฮ่าวเหวิน พวกเขากำลังสมคบคิดกันที่จะทำให้คุณต้องเจอกับปัญหาใหญ่”
“แค่เจอปัญหาใหญ่เหรอ?”
เย่จื่อเฉินคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าไป๋ต้าไห่กับฮ่าวเหวินต้องเป็พวกเดียวกัน
เื่ที่พวกเขาสองคนสมคบคิดกันต้องมีอะไรให้ใแน่นอน
แต่ไม่คิดเลยว่าตงฟางเหวินอี้จะบอกแค่ว่าทำให้เขาหัวหมุน
“ทำให้คุณชายเย่หัวหมุนได้ก็เก่งมากแล้ว หรือคนอย่างคุณชายเย่จะปล่อยให้พวกเขาปั่นหัวเล่นได้ล่ะ?”
ตอนที่ตงฟางเหวินอี้พูดประโยคนี้ ดวงตาของเขาก็ฉายความนัยแฝงออกมาด้วย
ราวกับว่าเขารู้ที่มาที่ไปของเย่จื่อเฉิน จึงมีความมั่นใจแฝงอยู่ในน้ำเสียงจางๆ
สถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่ว่าเพิ่งเจอเป็ครั้งแรก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเห็นว่าตนเองเป็คนอีกแบบหนึ่งไปเสียแล้ว
คนพวกนั้นมหัศจรรย์มาก เหมือนกับเขาที่มีลูกเล่นมากมายไปหมด
แต่ว่า คนพวกนั้นเป็ใครกันแน่
ไม่รู้ว่าในอนาคตตนเองจะพบเจอกับคนพวกนั้นหรือเปล่า
แต่ในเมื่อตงฟางเหวินอี้เข้าใจผิด ก็ให้เขาเข้าใจผิดต่อไป ถึงยังไงมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร
“คุณชายใหญ่ตงฟางรู้ก็ดีแล้ว แต่ทางพวกผมไม่ชอบคนปากมาก คุณชายใหญ่ตงฟางน่าจะรู้นะว่าต้องทำยังไง”
ได้ยินแบบนั้น ความตื่นเต้นก็ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเรียบนิ่งของตงฟางเหวินอี้ทันที
คิดไม่ถึงเลยว่าเย่จื่อเฉินจะเป็คนที่นั่นจริงๆ
แต่ทำไมคนจากที่นั่นถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะ ไม่ใช่ว่ามีกฎกำหนดไว้ว่าคนจากที่แห่งนั้นไม่สามารถเข้าและออกโลกมนุษย์ได้ตามใจชอบหรอกเหรอ
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาจะมีปัญหากับคนคนนี้ไม่ได้
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว” ท่าทางของตงฟางเหวินอี้อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ตระกูลตงฟางของเขามีชื่อเสียงและอำนาจในด้านการทำธุรกิจ แม้แต่ในเมืองหลวงก็ยังที่ดินอยู่หนึ่งในสามส่วน
แต่เมื่อเทียบกับคนในสถานที่แห่งนั้นแล้ว เทียบไม่ได้แม้แต่กับสุนัขตัวเดียว
“บอกมาเถอะ ตกลงว่าฮ่าวเหวินกับไป๋ต้าไห่สมคบคิดจะทำอะไรกันแน่?”
เมื่อออกมาจากบ้านตระกูลฟู่ เย่จื่อเฉินก็ขอบคุณและปฏิเสธของตอบแทนที่ตงฟางเหวินอี้มอบให้ ก่อนจะโบกรถแท็กซี่ขึ้นไปเพียงลำพัง
“เหวินอี้ เด็กคนนั้น…”
ฟู่หงที่ยืนอยู่ภายในห้องนั่งเล่นพูดขึ้น ตงฟางเหวินอี้ก็รีบห้ามเขาเอาไว้ก่อน
“คุณอาครับ เื่แบบนี้คุณอาอย่าเที่ยวพูดไปทั่วจะดีกว่าครับ ตัวตนของเขาแม้แต่ตระกูลตงฟางของเราก็ทำอะไรเขาไม่ได้ ถ้าพูดจาไม่น่าฟัง บริษัทของคุณอาถ้าคุณชายเย่คิดจะทำอะไรมันขึ้นมา เขาสามารถทำให้คุณอาล่มจมได้ตลอดเวลาเลยนะครับ”
“อะไรนะ?”
ตงฟางหยุนที่ได้ยินก็รีบปรี่เข้ามา ตงฟางเหวินอี้พยักหน้ารับ
“เขาเป็คนจากที่แห่งนั้น”
สิ้นเสียง สีหน้าของตงฟางหยุนก็เปลี่ยนไปทันที
เมื่อคลาสวิชาบังคับสิ้นสุดลง เย่จื่อเฉินที่นั่งอยู่อย่างหมดเรี่ยวแรงก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างกับได้กินยาคลายเส้น
พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นซุนอี้เกอกำลังลุกออกจากที่นั่งพอดี
“ซุน…”
เดิมทีว่าจะทักทายหัวหน้าห้องสักหน่อย แต่อีกฝ่ายกลับรีบวิ่งออกจากห้องไปอย่างลนลาน หลังจากที่เห็นเขา
ไม่รู้ว่าทำไม ถึงได้รู้สึกเหมือนว่า่นี้ซุนอี้เกอจงใจหลบหน้าเขา
ซึ่งทำให้เขางงไปนิดหน่อย
ดูเหมือนว่าเขาก็ไม่ได้ไปทำอะไรหัวหน้าห้องนะ ทำไมถึงได้เอาแต่หลบหน้าเขา
“เย่จื่อเฉิน”
“อาเสี่ย”
ในขณะที่เย่จื่อเฉินกำลังมึนงงอยู่นั้น เสียงเรียกประสานเสียงกันก็ดังขึ้นที่หน้าประตู
พอหันไปก็เห็นซูเหยียนกับเซี่ยเขอเข่อยืนโบกมือให้เขาอยู่ด้วยกัน เย่จื่อเฉินเดินเข้าไปหาทั้งสองคน ท่ามกลางสายตาอิจฉาของผู้ชายในคลาส
“ทำไมพวกเธอสองคนถึงได้มาด้วยกันล่ะ?”
สีหน้าของเย่จื่อเฉินมีแต่ความกระอักกระอ่วน ผู้หญิงสองคนนี้รู้กันแล้วว่าอีกฝ่ายชอบตน
มาหาเขาพร้อมกันแบบนี้ บรรยากาศระหว่างทั้งสามคนก็เลยแปลกๆ นิดหน่อย
“พวกฉันสองคนมาด้วยกันไม่ได้เหรอ?”
ดวงตาคู่สวยของซูเหยียนเก็บความรู้สึกเอาไว้ไม่มิด เธอที่ได้เดินข้ามอุปสรรคในใจมาแล้วนั้น ไม่สนใจแล้วว่าเซี่ยเขอเข่อจะชอบเย่จื่อเฉินหรือเปล่า
แต่เธอก็ชอบมองท่าทางที่โดนบีบบังคับให้ยอมรับของเขา ที่สำคัญไปกว่านั้นคือให้เขาจำเอาไว้
ว่าอย่าไปนอกใจเธอข้างนอก
เซี่ยเขอเข่อเองก็ยู่ปากเล็กขึ้น แล้วพูดเสียงห้วน
“ฉันกับซูซูมาหานายด้วยกัน แล้วนายไม่พอใจเหรอ?”
...
ไม่รู้ว่าทำไม เย่จื่อเฉินถึงได้รู้สึกว่าหญิงสาวสองคนนี้เหมือนเตรียมพร้อมจะมาที่นี่อยู่แล้ว
ทำอะไรไม่ได้ แถมยังหลบไม่ได้อีก
“เอ่อ…แม่หญิงทั้งสองมาหากระผม มีอะไรให้กระผมรับใช้หรือขอรับ? ถ้าหากไม่มีธุระสำคัญอะไร ถ้าอย่างนั้นกระผมขอตัวก่อนนะครับ?”
สิ้นเสียง เย่จื่อเฉินก็หันหลังจะวิ่งหนีไป
ซูเหยียนเอื้อมมือไปคว้าคอเสื้อเขาเอาไว้ ก่อนยิ้มอย่างนึกสนุก
“รีบร้อนขนาดนี้ จะไปไหนเหรอ?”
“แหะๆ”
เมื่อเห็นว่าหนีไม่ได้ เย่จื่อเฉินก็หันกลับมาถูมือพร้อมกับส่งยิ้มแห้ง
“ก่อนหน้านี้ฉันจัดการเื่เปิดซูเปอร์มาร์เก็ตไง เธอก็รู้นี่ว่าซูอี้อวิ๋นหาที่ให้ฉัน ฉันยังอยู่ใน่สร้างธุรกิจ เธอไม่คิดว่าฉันควรจะกลับไปดูบ่อยๆ เหรอ?”
“งั้นเหรอ?” ซูเหยียนยิ้มด้วยใบหน้านึกสนุก ดวงตาคู่สวยมองเซี่ยเขอเข่อที่อยู่ข้างหลังอย่างมีความนัย “จริงเหรอ?”
“ก็จริงน่ะสิ”
“อ๋อ งั้นนายก็รีบไปซูเปอร์มาร์เก็ตเถอะ”
ซูเหยียนปล่อยคอเสื้อของเย่จื่อเฉินด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะคล้องแขนเซี่ยเขอเข่อเอาไว้แล้วพูดขึ้น
“เราไปกันเถอะเขอเข่อ อย่าถ่วงเวลาการสร้างธุรกิจของเขาเลย”
“อาเสี่ยยังจะสร้างธุรกิจอีกเหรอเนี่ย!”
“ก็ใช่น่ะสิ เขาก็บอกอยู่ไม่ใช่เหรอว่าจะสร้างธุรกิจ”
“ฉันนึกว่าเขาโกหกเราซะอีก ซูซู เธอคิดว่าไง”
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ว่าฉันไม่กล้าพูด”
ผู้หญิงสองคนนี้พูดโต้ตอบกันกลับไปกลับมาเป็ลูกคู่ ส่วนเย่จื่อเฉินก็เริ่มจะโมโหกับสองคนนี้ขึ้นมาจริงๆ จึงเท้าเอวถามกลับไป
“เธอสองคนจะทำอะไร ก็พูดออกมาตรงๆ เลยสิ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้