การโจมตีเพียงครั้งเดียวสามารถทำให้สัตว์อสูรระดับสองขั้นสูงสุดกระเด็นไปไกลหลายสิบวา ทุกคนต่างตกตะลึงกับพลังของถังเหล่ย
ต้องมีความแข็งแกร่งมากเพียงใด!
จากนั้นจระเข้ทะเลทรายก็พุ่งกลับมาด้วยความโกรธ ผู้คนแตกฮือไปคนละทิศคนละทาง พวกเขาไม่อาจหยุดจระเข้ทะเลทรายได้ ถ้าถูกจระเข้ทะเลทรายตัวนี้ทำร้ายจะกลายเป็ความสูญเสียที่ไม่อาจเรียกคืนได้
ผู้นำซางเองก็เป็ผู้ชำนาญยุทธ์ขั้นหนึ่ง แม้ว่าส่วนตัวเขาจะเคยพบเจอจระเข้ทะเลทรายอยู่บ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้เขากลับก้าวขาไม่ออก ความลังเลเพียงชั่วครู่ทำให้เขาสูญเสียโอกาสหลบหนีไปแล้ว จระเข้ทะเลทรายใกล้ประชิดตัวเขาพร้อมกับอ้าปากที่เต็มไปด้วยเืกว้างหวังจะกลืนกินผู้นำซางเข้าไปในคำเดียว
ทันใดนั้นมีเงาร่างหนึ่งพุ่งลงมาจาก้าราวกับเป็นักรบ์ เขาโจมตีเข้าที่ศีรษะของจระเข้ทะเลทรายอย่างรุนแรง บดขยี้ศีรษะของมันจนแหลกละเอียด ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจจระเข้ทะเลทรายที่กำลังดิ้นพล่านอยู่บนพื้นก็แน่นิ่ง ส่งผลให้ผู้คนที่อยู่ในบริเวณคลายความหวาดกลัวพร้อมกับมองร่างที่สง่างามซึ่งยืนอยู่บนศีรษะของจระเข้ทะเลทราย
ในขณะที่ถังเหล่ยพุ่งเข้ามาโจมตีจระเข้ทะเลทราย ผ้าที่ปกปิดใบหน้าของเขาก็หลุดออก แสงสว่างจากกองไฟทำให้ผู้คนได้เห็นใบหน้าอันอ่อนเยาว์ของถังเหล่ย สิ่งที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงคือ เด็กหนุ่มคนนี้สามารถสังหารสัตว์อสูรระดับสองขั้นสูงสุดด้วยการโจมตีเพียงไม่กี่ครั้ง
ถังเหล่ยเริ่มคุ้นเคยกับการใช้กริชสีเงินมากขึ้นเรื่อยๆ เดิมทีเขายังคิดว่าอัญมณีบนกริชสามารถใช้ได้ไม่กี่ครั้งเท่านั้น อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านการใช้งานมาหลายครั้งในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาประเมินกริชเล่มนี้ต่ำเกินไป
ในขณะนี้ถังเหล่ยพบว่ากริชสีเงินซ่อนค่ายกลเอาไว้ภายใน ค่ายกลนี้สามารถดูดซับพลังิญญาจากโลกภายนอกเพื่อเพิ่มพลังให้อัญมณีบนกริชได้อีกด้วย
เมื่อชาติก่อนถังเหล่ยเป็เพียงนักปรุงยา เขาจึงไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับอาวุธมากนัก อย่างไรก็ตามเขารู้ดีว่ากริชสีเงินที่หลินเนี่ยนมอบให้เขาต้องมีความพิเศษไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน นี่เป็อาวุธที่ใช่ว่าใครจะได้ง่ายๆ
หลังจากที่ถังเหล่ยะโลงจากศีรษะของจระเข้ทะเลทราย เขาก็พบว่าสายตาของผู้นำกลุ่มชายฉกรรจ์จ้องมองมาจากระยะไกลนั้นแฝงความรู้สึกเ็าเล็กน้อย เขาดึงผ้าปิดหน้าที่หลุดออกเมื่อครู่กลับมาปิดหน้าอีกครั้ง
“คาดไม่ถึงว่าพลังของน้องชายจะแข็งแกร่งเช่นนี้ เหตุใดเมื่อครู่เ้าถึงไม่ช่วยพี่น้องของข้า?”
ผู้นำกลุ่มชายฉกรรจ์เดินไปด้านข้างถังเหล่ย และกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงดุร้าย ในขณะที่ผู้นำซางสั่งการคนอื่นๆ ในกลุ่มการค้าให้จัดระเบียบสินค้าและเก็บกวาดซากศพของงูทะเลทราย
“ไม่อยากช่วย” ถังเหล่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า
ถึงแม้จะมีแค่สามคำแต่กลับทำให้กลุ่มของชายฉกรรจ์ะเิอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมาทันที ชายฉกรรจ์สามคนที่ยืนอยู่ด้านหลังผู้นำของพวกเขาถืออาวุธไว้ในมือ พวกเขาแสดงออกว่าพร้อมโจมตีอยู่ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตามหากต้องต่อสู้กันจริงๆ ถังเหล่ยสามารถสังหารชายฉกรรจ์ทั้งสี่คนได้ในไม่กี่ลมหายใจ
“ทุกคนอย่าทะเลาะกันเลย พวกเราเพิ่งถูกสัตว์อสูรโจมตี ไม่แน่อาจจะยังมีสัตว์อสูรที่จ้องเล่นงานอยู่อีก” ผู้นำซางก้าวออกมาแก้ไขสถานการณ์ด้วยความร้อนใจ เขายืนอยู่ระหว่างถังเหล่ยกับกลุ่มชายฉกรรจ์
ภายในขบวนลำเลียงสินค้ามีผู้ฝึกตนอยู่ไม่น้อย หากลุ่มชายฉกรรจ์ที่มีเพียงสี่คนคิดจะต่อสู้กับผู้ฝึกตนที่อยู่ในขบวนลำเลียงสินค้าโดยมีถังเหล่ยร่วมด้วย นั่นคือการรนหาที่ตายอย่างแท้จริง
“ระวังตัวเอาไว้ให้ดี!” ผู้นำกลุ่มชายฉกรรจ์กล่าวอย่างเ็าก่อนจะหันหลังจากไปพร้อมกับพี่น้องของเขา
“สหายน้อยขอบคุณที่ช่วยเหลือ!” ทันทีที่กลุ่มชายฉกรรจ์จากไป ผู้นำซางก็กล่าวกับถังเหล่ยพร้อมกับโค้งคำนับเพื่อแสดงความขอบคุณ
“ผู้นำซาง นี่คือสิ่งที่ข้าควรทำ ผู้นำซางให้ข้าเข้าร่วมขบวนลำเลียงสินค้ามาด้วย ข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณผู้นำซาง!” ถังเหล่ยพยุงผู้นำซางให้ลุกขึ้น ถังเหล่ยค่อนข้างรู้สึกดีกับผู้นำซางคนนี้
เหตุผลหลักที่ถังเหล่ยช่วยชีวิตของผู้นำซางเอาไว้ก็คือ มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถนำทางไปจนถึงอีกฟากของทะเลทรายได้
ผู้นำซางยิ้มก่อนจะยืดกายขึ้น เขามองถังเหล่ยพร้อมพยักหน้าและกล่าวว่า
“คาดไม่ถึงว่าเ้าจะเก่งกาจขนาดนี้ เื้ัของเ้าคงเป็มหาอำนาจชั้นนำของจักรวรรดิสินะ แต่ข้าขอเตือนเ้าไว้ก่อนในโลกใบนี้เ้าไม่สามารถไว้ใจใครได้ เ้าต้องระวังตัวไว้ให้ดี”
แม้ว่าพลังที่ถังเหล่ยแสดงออกมาเมื่อครู่จะไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้ แต่ผู้นำซางก็อยากจะเตือนสติของถังเหล่ยเอาไว้
“ผู้นำซางไม่ต้องกังวลข้าเข้าใจเกี่ยวกับเื่นี้ดี หากมีคน้าจะหาเื่ข้า ข้าก็ต้องแสดงความเสียใจแทนพวกเขาด้วย” ถังเหล่ยกล่าวโดยไม่แยแส
“โอ้ มีแก่นอสูรด้วย!”
ขณะที่ถังเหล่ยกับผู้นำซางกำลังพูดคุยกัน ก็มีเสียงะโด้วยความใดังมาจากระยะไกล
หลังจากที่ถังเหล่ยสังหารจระเข้ทะเลทราย เขาไม่ได้ตรวจสอบศีรษะของมันว่ามีแก่นอสูรหรือไม่ แต่หลังจากที่ผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ทำธุระเสร็จพวกเขาจึงพากันผ่าศีรษะของจระเข้ทะเลทราย ทันใดนั้นก็มีผู้ชำนาญยุทธ์คนหนึ่งถือแก่นอสูรวิ่งมาหาถังเหล่ย
“สหายน้อยขอบคุณที่ช่วยชีวิตพวกเรา” ถังเหล่ยพยักหน้าและรับแก่นอสูรจากผู้ชำนาญยุทธ์คนนั้น
แม้ว่าในแหวนมิติของถังเหล่ยจะมีแก่นอสูรระดับสองอยู่ไม่น้อยแต่เขาก็ไม่ได้รังเกียจที่จะรับมันเอาไว้
ในเวลาต่อมาสมาชิกภายในขบวนลำเลียงสินค้าจึงเริ่มเก็บของที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ มีคนตายทั้งหมดสองคนคือผู้ฝึกตนคนหนึ่งซึ่งเป็สมาชิกภายในขบวนลำเลียงสินค้า และสมาชิกของกลุ่มชายฉกรรจ์
อีกด้านชายฉกรรจ์ทั้งสี่คนนั่งล้อมวงกันและจ้องมองถังเหล่ยอย่างเ็า
“พี่ใหญ่จะลงมือหรือไม่ เป็เพียงเด็กน้อยคนหนึ่งแต่ช่างหยิ่งผยองเหลือจะทน” ชายฉกรรจ์ระดับผู้ชำนาญยุทธ์ขั้นสี่คนหนึ่งกล่าวเสียงทุ้มต่ำ
กลุ่มของชายฉกรรจ์ทำเื่เลวร้ายในจักรวรรดิเทียนอวี่มามากมาย พวกเขาจึงหนีตามขบวนลำเลียงสินค้าออกจากจักรวรรดิเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกจับ
“ไม่ต้องรีบร้อน เราต้องวางแผนอย่างรอบคอบ หากเราคิดจะสังหารไอ้หนูนั่น เราต้องสังหารผู้นำซางด้วย” ผู้นำกลุ่มชายฉกรรจ์กล่าวอย่างชั่วร้ายและยังกล่าวต่อไปว่า
“แผนของข้าคือ ฆ่าผู้ฝึกตนให้หมด แล้วเราก็เอาสินค้าในขบวนไปขาย”
เดิมทีพวกเขาก็ทำแต่เื่ชั่วร้ายอยู่แล้ว ในขณะนี้พวกเขาอยู่นอกจักรวรรดิเทียนอวี่ยิ่งไม่ต้องคำนึงหรือเกรงกลัวสิ่งใด
จักรวรรดิซือฉีขึ้นชื่อเื่ความวุ่นวาย ขั้วอำนาจต่างๆ ต่อสู้กันเอง ขั้วอำนาจใหญ่กลืนกินขั้วอำนาจเล็กอย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งเชื้อพระวงศ์ของจักรวรรดิซือฉีก็แบ่งเป็หลายฝ่าย ดังนั้นย่อมไม่มีใครสนใจการกระทำของพวกเขา
“ทำตามแผนของพี่ใหญ่ เมื่อสำเร็จพวกเราจะเสพสุขกับเงินที่ได้มา”
……….