ต่อจากนั้นมู่อวิ๋นจิ่นลุกมานั่งบนเตียง ยกมือโอบขา จนกระทั่งได้ยินคนบนกำแพงะโจากไป นางจึงจุดโคมไฟให้สว่างทั่วห้อง
มู่อวิ๋นจิ่นไม่มีอารมณ์อยากหลับอีกต่อไปแล้ว นางยกมือกุมขมับ นึกไม่ถึงว่าจะมีคนโง่เขลาใช้แผนการชั่วร้ายนี้เล่นงานนาง
……
ในเช้าวันถัดมา มู่อวิ๋นจิ่นขอบตาจึงดำเป็วงกว้าง เนื่องจากอดหลับอดนอนมาทั้งคืน พอก้าวออกจากประตูแสงแดดที่จ้าก็แยงตา จนนางรีบวิ่งไปที่ศาลาพักงีบอยู่ในนั้น
จื่อเซียงแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น จึงถามขึ้นอย่างอดเสียมิได้ “คุณหนู เหตุใดไม่นอนบนเตียงอ่อนนุ่ม วิ่งมาหลับตรงนี้ทำไมเ้าคะ?”
“ห้องของข้าสกปรก เ้าให้บ่าวใช้ไปทำความสะอาดทั้งห้องให้ทั่ว” มู่อวิ๋นจิ่นสั่งการ
จื่อเซียงจึงเรียกบ่าวใช้ไปจัดการตามที่มู่อวิ๋นจิ่นสั่ง
บ่าวใช้หลายคนได้ฟังก็รีบวิ่งเข้าไปทำความสะอาดทันที
ส่วนมู่อวิ๋นจิ่นในเวลานี้ก็หาวหลายครั้ง จนปิดตาอิงกับเสาศาลา
“คุณหนู เมื่อวานนี้ไม่ได้ทานอาหารเย็น วันนี้บ่าวจะไปจัดอาหารเช้ามาให้ดีไหมเ้าคะ?” จื่อเซียงถามขึ้น
มู่อวิ๋นจิ่นส่ายหน้าพร้อมกับโบกมือปฏิเสธ
จื่อเซียงจึงไม่ว่าอะไร เดินไปหยิบพัดมาพัดให้มู่อวิ๋นจิ่น
……
เมื่อฉู่ลี่เดินกลับเข้าจวนมา เห็นแม่นมเสิ่นยุ่งอยู่ที่ห้องโถงด้านหน้า จึงถามขึ้นว่า “มู่อวิ๋นจิ่นอยู่ไหน?”
แม่นมเสิ่นสะดุ้งโหยง นึกไม่ถึงว่าฉู่ลี่จะกลับมาก่อน จึงตอบกลับเสียงอ่อมแอ่ม “น่าจะยังไม่ตื่นเพคะ เพราะจื่อเซียงยังไม่มาเอาอาหารเช้า เมื่อคืนพระชายาก็ไม่ได้ทานอาหารเย็น สงสัยคงจะเหน็ดเหนื่อยเพคะ”
ฉู่ลี่สายตานิ่งงัน พยักหน้ารับรู้แล้วเดินจากไป
พอเดินมาที่เรือนลี่เฉวียน เห็นประตู หน้าต่างห้องมู่อวิ๋นจิ่นเปิดออก พร้อมกับบ่าวใช้ทำความสะอาด จึงมองเข้าไปก็ไม่พบมู่อวิ๋นจิ่น
ติงเซี่ยนยืนยิ้มอยู่ข้างหลังฉู่ลี่ ด้วยเห็นองค์ชายกวักมือเรียกบ่าวใช้ที่ทำความสะอาดมาถาม “พระชายาอยู่ไหน?”
บ่าวใช้คนนั้นรีบทำความเคารพ ก้มหน้าก้มตา “พระชายาสั่งให้พวกบ่าวมาทำความสะอาดห้อง ส่วนพระชายาอยู่สวนบุปผาในศาลาเพคะ”
“เฮ้อ ฤดูร้อนก็ผ่านไปแล้วนี่หน่า ทำไมห้องขององค์ชายกับพระชายาถึงมีแมลงด้วย” บ่าวใช้ที่ปัดกวาดพื้นพึมพำอยู่ด้านใน
พอเงยหน้าขึ้นเห็นฉู่ลี่ยืนอยู่ที่ลาน จึงใตัวสั่น รีบวิ่งเข้ามาทำความเคารพ
“เ้าว่ามีแมลง?” ฉู่ลี่ถามเสียงเ็า
บ่าวใช้ได้ยินตัวสั่นระริก รีบเปิดที่โกยขยะให้ฉู่ลี่ดู “เป็แมลงสองตัวนี้ บ่าวมิทราบว่าเป็ชนิดใดเพคะ”
ฉู่ลี่ปรายตามองแมลงสองตัวที่ตาย จากนั้นรีบวิ่งออกจากเรือนลี่เฉวียนปานสายลม
……
ทางด้านจื่อเซียงที่ช่วยมู่อวิ๋นจิ่นพัดลมอยู่นั้น อยากจะช่วยมู่อวิ๋นจิ่นรินน้ำ แต่ว่ากาน้ำกลับหมดเสียแล้ว
จื่อเซียงจึงวางพัดในมือ ถือกาน้ำชา เดินไปที่ห้องครัว
ฉู่ลี่มาถึงศาลาเห็นมู่อวิ๋นจิ่นกำลังพิงเสาหลับตาสนิท สีหน้าซีดขาวดูโทรมไปหมด
“มู่อวิ๋นจิ่น! มู่อวิ๋นจิ่น!” ฉู่ลี่รีบวิ่งไปจับไหล่ของนางเขย่าหลายครั้ง จนไม่ทันสังเกตว่าเรียกจนเสียงแหบแห้ง
แต่ว่ามู่อวิ๋นจิ่นกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับแต่อย่างใด
ฉู่ลี่พลันเกิดความร้อนรุ่มใจเป็ที่สุด เมื่อก่อนมู่อวิ๋นจิ่นมักถือตัวและวางท่า มาเวลานี้นางกลับมีความสำคัญต่อใจของฉู่ลี่ขึ้นมาเมื่อใดมิทราบได้
“อวิ๋นจิ่น……” ฉู่ลี่เห็นนางไม่ตอบสนองยิ่งตะเบงเสียงดังขึ้น ยกมือขึ้นลูบแก้มของนางอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร
ติงเซี่ยนทีวิ่งตามมาทีหลังถึงกับตะลึงอ้าปากกับภาพเบื้องหน้า ด้วยั้แ่ที่เขาติดตามฉู่ลี่มา ไม่เคยเห็นองค์ชายลนลานทำอะไรไม่ถูกมาก่อน
ท่าทางในตอนนี้ เห็นได้ชัดเจนเหมือนกำลังจะสูญเสียสิ่งอันเป็ที่รักไป
“แฮะ แฮะ……” เสียงไอค่อยๆ ดังขึ้นมาช้าๆ
มู่อวิ๋นจิ่นที่หลับลึกลืมตาขึ้นอย่างงงงวย ด้วยนั่งพิงเสาจนปวดตัวไปหมดแล้ว
ภาพแรกหลังลืมตาขึ้นมาเห็นฉู่ลี่สีหน้าเป็กังวล หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อที่แตกพล่าน สายตาเปี่ยมด้วยความลนลาน
“เป็เ้านี่เอง” มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยขึ้นหลังจากงีบหลับ เพราะเหมือนได้ยินเสียงคนะโเรียกชื่อนาง
ฉู่ลี่เม้มปากแน่น ถอนหายใจอย่างโล่งอก หลับตาและเอ่ยถามเสียงอ่อนโยน “เ้าเป็ยังไงบ้าง?”
“ง่วงเหลือเกิน……” มู่อวิ๋นจิ่นยกมือขึ้นมาปิดปากที่หาวอีกครั้ง
มู่อวิ๋นจิ่นอยากจะงีบหลับอีกหน่อย จึงเอนตัวไปที่เสา แต่ยังไม่ทันจะถึง กลับถูกดึงเข้าไปในอ้อมอก ความง่วงที่มีมลายหายไปไม่น้อย
ฉู่ลี่ดึงมู่อวิ๋นจิ่นเข้ามาสวมกอดในอ้อมอกด้วยแรงที่มีทั้งหมด เมื่อเห็นนางไม่เป็อะไร ค่อยโล่งใจและต่อว่านางอย่างโมโห
“มู่อวิ๋นจิ่น เ้านี่มันโง่เขลาเสียเหลือเกิน!!!”
ใบหน้าของมู่อวิ๋นจิ่นแนบอยู่ที่ทรวงอกของฉู่ลี่ จนได้ยินเสียงเต้นระรัวที่เร็วขึ้นของเขา ในหัวของนางกลับว่างเปล่า เพราะยังปะติดปะต่อเื่ที่เกิดขึ้นไม่ได้
ทว่าในใจของนางกลับรู้สึกถึงความหอมหวาน นางยกมือโอบเอวของฉู่ลี่เอาไว้ เพื่อฟังเสียงเต้นหัวใจของเขาอีกพักใหญ่ ที่แท้นี่สินะ ที่เรียกว่าความรู้สึกปลอดภัย
ฉู่ลี่รับรู้ถึงมือของมู่อวิ๋นจิ่นที่โอบเอวไว้ ความรู้สึกที่ปกติไม่ชอบให้ใครถูกเนื้อต้องตัว กลับหายไปในเวลานี้
แววตาของนางดูอ่อนโยนขึ้นมาก
จื่อเซียงที่ถือกาน้ำชากลับมากำลังจะร้องด้วยความใ ด้านติงเซี่ยนรีบยกมือขึ้นปิดปากนางทันที
นี่มัน… ช่างเหนือความคาดหมายอะไรเช่นนี้!!!
……
เวลาล่วงเลยมาจนถึงยามอู่สือ[1]
บรรดาบ่าวใช้ทุกคนต่างััได้ถึงมื้ออาหารเที่ยงที่พิเศษในวันนี้ สีหน้ามู่อวิ๋นจิ่นแดงระเรื่ออยู่ตลอด เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทานอาหาร สลับกับแอบมองฉู่ลี่เป็ระยะ โดยมิกล้าสบตาโดยตรง
สีหน้าฉู่ลี่เองก็ดูเก้อเขินทำตัวไม่ถูก เอาแต่ก้มหน้าทานอาหาร ไม่พูดไม่จา และมีบางครั้งที่สายตาของทั้งสอง บังเอิญสบตากันเป็ครั้งคราว
ภายในห้องอาหารดูเหมือนมีคลื่นใต้น้ำเกิดขึ้นแล้ว
จนกระทั่งรับประทานอาหารเรียบร้อย มู่อวิ๋นจิ่นก็เดินกลับเรือนลี่เฉวียนพบห้องถูกทำความสะอาดสะอ้านแล้ว
มู่อวิ๋นจิ่นยืนอยู่หน้าประตู เอ่ยเสียงนิ่งๆ ขึ้น “เมื่อคืนกลางดึกห้องของข้ามีแมลงคู่หนึ่งเข้ามา หากทายไม่ผิด คงเป็กู่ฉง[2]ที่มีบันทึกในตำรา……”
หลังจากที่มู่อวิ๋นจิ่นเล่าจบก็สังเกตแววตาของฉู่ลี่อยู่ตลอด หากฉู่ลี่รู้เข้าว่าฉินมู่เยว่เป็คนนำกู่ฉงกลับมาจากชายแดนเพื่อจัดการมู่อวิ๋นจิ่น เขาจะมีปฏิกิริยาเช่นไร?
จะเลือกเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ หรือว่าจะเลือกชำระแค้นให้แทน?
ฉู่ลี่สายตาแน่นิ่ง หลังจากได้ยินคำว่า ‘กู่ฉง’ จากนั้นยื่นมือลูบแก้มนาง พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “เปิ่นหวงจื่อจะช่วยจัดการเื่นี้ให้เ้าแทน!”
บัดนี้ภายในใจของมู่อวิ๋นจิ่นกลับสงบลง และยิ้มมุมปาก “อย่างนั้นข้าจะรอฟังข่าวดีจากเ้า”
“อืม” ฉู่ลี่ยิ้มมุมปากเช่นกัน
……
จากนั้นมู่อวิ๋นจิ่นก็เดินเข้าไปนั่งเก้าอี้โยกเยกในห้อง มองบนหลังคา พร้อมกับภาพในหัวที่อยู่ในอ้อมกอดของฉู่ลี่ จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขึ้นมา
พอนางได้สติ ยกมือขึ้นลูบแก้มทั้งสองข้างที่ร้อนจี๋ พร้อมกับต่อว่าตนเองที่คิดเพ้อเจ้อบ้าบออะไรเช่นนี้
“คุณหนู……” จื่อเซียงเอ่ยเรียกจากด้านนอก
“เข้ามาได้”
จื่อเซียงเปิดประตูเข้ามา ยกชุดที่พับเรียบร้อยจัดเข้าตู้เสื้อผ้า จากนั้นหันมาอมยิ้มให้มู่อวิ๋นจิ่น “่นี้คุณหนูกับองค์ชายหก สนิทสนมชิดเชื้อกว่าเมื่อก่อนมากเหลือเกินเ้าค่ะ”
“มีที่ไหนกัน เ้าอย่าพูดเพ้อเจ้อไปเรื่อยเปื่อย” มู่อวิ๋นจิ่นยกมือชี้ไปที่จื่อเซียงด้วยสีหน้าไม่เป็ธรรมชาติ
จื่อเซียงหัวเราะคิกคัก “คุณหนูอายแล้วสิเ้าค่ะ”
“ข้าอายที่ไหนกัน! เ้าบ่าวตัวดี เ้าหาเื่ให้ข้าลงโทษใช่ไหมเนี่ย?” มู่อวิ๋นจิ่นแสร้งทำเป็ยกไม้ยกมือเหมือนจะตี
จื่อเซียงไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน กลับหัวเราะอย่างเ้าเล่ห์ “ฮ่าๆๆๆ คุณหนูอายแล้ว บ่าวติดตามรับใช้คุณหนูมาหลายปี นี่เป็ครั้งแรกที่เห็นคุณหนูเป็อย่างนี้เ้าค่ะ”
“เ้านี่มันหาเื่ให้ข้าลงโทษ มานี่เลย ข้าจะตีเ้าสักหน่อย!”
“ฮ่าๆๆๆ คุณหนูไม่ตีบ่าวหรอกเ้าค่ะ”
ภายในห้องเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะคิกคักสนุกสนาน ส่วนโต๊ะหินด้านนอกก็ไม่แพ้กัน
“องค์ชาย กระผมเคยคิดอยู่หลายต่อหลายครั้ง ว่าสตรีข้างกายองค์ชายจะเป็คุณหนูฉิน หรือองค์หญิงอาณาจักรไหนกันแน่ แต่ไม่นึกไม่ฝันมาก่อน ว่าจะเป็คุณหนูสามมู่ ชีวิตของคนเรา่คาดเดาสิ่งใดไม่ได้เลยพ่ะย่ะค่ะ” ติงเซี่ยนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยความในใจ
สายตาเ็าจับจ้องมาที่ติงเซี่ยนทันที “ถ้าเ้าว่างมากเกินไปละก็ จงรีบไปทำเื่นั้นให้เสร็จก่อนกำหนด!”
ติงเซี่ยนยกมือขึ้นปิดปาก “กระผมคิดขึ้นมาได้ว่ามีเื่ที่ยังทำไม่เรียบร้อย กระผมขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
สิ้นเสียง ติงเซี่ยนรีบวิ่งหน้าตั้งไปทำอย่างอื่น
“รอก่อน” ฉู่ลี่เรียกติงเซี่ยนที่หยุดยืนหน้าเรือนลี่เฉวียนไว้
“เ้าไปสืบมาสิ เมื่อคืนใครเป็คนปล่อยกู่ฉงมา” ฉู่ลี่เอ่ยปากสั่ง
ติงเซี่ยนยกมือประสานรับคำ ก่อนเอ่ยอย่างกระอักกระอ่วน “หากกู่ฉงเป็ฝีมือของคุณหนูฉินละพ่ะย่ะค่ะ?”
“ในตอนนี้มีหลายเื่ที่จำเป็ต้องใช้นางทำอยู่นะพ่ะย่ะค่ะ” ติงเซี่ยนถามอย่างลังเล
ฉู่ลี่หรี่ตาลง ตบโต๊ะขึ้น ย้ำด้วยเสียงดุดัน “แล้วจะทำไมละ?”
ติงเซี่ยนพลันเข้าใจฉู่ลี่อย่างชัดเจน จึงรวบรวมความกล้าเสริมขึ้นอีกประโยค “องค์ชาย หากคนเรามีความรักขึ้น จะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ให้สงบนิ่งได้ดังเดิมนะพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากนั้นฉู่ลี่ก็รีบออกไปอย่างรวดเร็ว
ฉู่ลี่ยกน้ำชาขึ้นจิบ ฟังเสียงหัวเราะหัวร่อจากห้องมู่อวิ๋นจิ่น สายตาที่ดุดันแปรเปลี่ยนเป็ผ่อนคลายลงมาก
[1] ยามอู่สือ คือ ่เวลาั้แ่ 11.00-13.00 น.
[2] กู่ฉง เป็ สัตว์พิษที่ผ่านพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ โดยนำแมลง สัตว์เลื้อยคลานต่างๆ ใส่ภาชนะแล้วปล่อยให้กัดกินกันเอง โดยตัวที่เหลือรอดมาได้ นับว่ามีพิษร้ายแรงที่สุด ซึ่งจะนำมาใช้วางพิษสังหารคนหรือใช้ถอนพิษก็ได้