เหลยอวี๊เฟิงเองก็แอบลอบยิ้ม แคว้นเล็กๆอย่างแคว้นป่ายฮวานี้หาได้อยู่ในสายตาของเขาไม่ คนที่เขาอยากได้ จะต้องเอามาให้ได้
แน่นอนว่าฮวาหรูเสวี่ยเองก็เข้าใจถึงจุดนี้แต่ว่านางยังไม่อยากเอาไพ่ไม้ตายของตนเองแสดงออกมาให้คนเห็นเร็วถึงเพียงนี้นางยังอยากจะอยู่ดูว่าเซียวซู่ซู่ผู้นี้จะมีความสามารถถึงเพียงใด
ถ้าหากมีเพียงแค่ความสามารถทางการแสดงฝีมือเช่นนี้นางก็สามารถหักห้ามใจยกนางให้ผู้อื่นได้
งานชมดอกฉยงฮวาได้กลายเป็งานเลี้ยงสำหรับเซียวซู่ซู่เพียงคนเดียวแล้วตอนนี้ผู้ที่มาร่วมงานล้วนเฝ้ารอการแสดงของนางล้วนเฝ้ารอความประหลาดใจที่นางจะนำมาให้กับพวกเขา หลังจากที่นางลงจากเวที หนุ่มสาวที่จะต้องขึ้นเวทีหยกขาวต่อก็มีสีหน้าซีดขาวเป็ที่เรียบร้อยแล้ว
เพราะฉะนั้น ตอนนี้เซียวซู่ซู่กำลังได้รับความสนใจจากท่านอ๋ององค์ชายและขุนนางยศสูงจำนวนมาก ซ้ำยังรวมไปถึงรัชทายาทจากทั้งสองแคว้นและองค์ชายผู้เป็ที่โปรดปรานของแคว้นหนึ่งอีกด้วย แต่ว่าเหนือกว่าสิ่งเ่าั้คือสายตาอิจฉาริษยาที่ส่งมาจากคนหนุ่มสาวทั้งหลายในงาน
ทว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนไม่อยู่ในสายตาของเซียวซู่ซู่ นางเดินมาถึงจุดนี้แล้วมีเพียงแต่ต้องเดินต่อไปเท่านั้น
นางมิได้รู้สึกเสียใจกับการที่ทำให้ตนเองโดดเด่นเป็ที่จับตามองเพราะว่าชาตินี้นางจะต้องมีชีวิตอย่างโดดเด่นเป็สง่าสามารถมีพลังอำนาจอยู่ในกำมือของตนเอง และตอนนี้เป็เพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
วันนั้นจวนสกุลเซียวได้จัดงานเลี้ยงใหญ่โตทั้งหมดนั้นก็เพียงเพื่อฉลองชื่อเสียงอันเลื่องลือเป็ที่ประจักษ์ของเซียวซู่ซู่ และเซียวซู่ซู่เองก็ร่วมฉลองกับคนในครอบครัวอย่างมีความสุขมิได้มีท่าทีถ่อมตนหรือหยิ่งทะนงทั้งสิ้น
การแข่งขันประเภทที่สี่คือฝีมือการวาดภาพ
“วันนี้ข้าก็ยังคงตั้งตารอดูการแสดงของนางเช่นเคย”สวี่เว่ยหรานยังคงสวมใส่เสื้อขาวสะอาดบริสุทธิ์ไม่มีสิ่งใดแปดเปื้อน พร้อมท่วงท่าที่สง่างามเปี่ยมเสน่ห์
แต่ในประกายในดวงตากลับสะท้อนความคิดที่แฝงอยู่ในใจของเขาออกมา เขากำลังพินิจพิจารณาดูเซียวซู่ซู่และยังได้สั่งคนออกไปตรวจสอบเื่ราวเกี่ยวกับนาง เขาอยากจะรู้เสียจริงว่านางผู้ที่เพิ่งฟื้นขึ้นมานี้ เหตุใดถึงได้มีความสามารถที่เก่งกาจเหนือผู้คนได้
“ได้ยินมาว่ามีคนคิดอยากจะท้าทายนางอยู่”บุรุษชุดดำที่อยู่ด้านข้างสวี่เว่ยหรานเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มจางๆ “หลายวันมานี้ชื่อเสียงของนางโด่งดังเกินไปแล้ว”
“พี่เฮ้อคงมิรู้ว่านิสัยพื้นเดิมของหนานเจียงเป็พวกเปิดกว้างมาโดยตลอดเื่เช่นนี้ถือเป็สิ่งที่ปกติเป็อย่างมาก” สวี่เว่ยหรานส่ายศีรษะก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างมิถือเป็เื่ใหญ่อันใด
คนที่อยู่ข้างกายเขาก็คือประมุขหอเงาคมเฮ้ออี้เทียน
ตอนแรกเขาได้นำนักฆ่าจำนวนมากบุกเข้าสังหารจวนอ๋องติ้งเป่ยโหวแต่สุดท้ายกลับต้องจากไปด้วยความโกรธแค้น
ั้แ่สมรภูมิครั้งนั้นชื่อเสียงของเขาที่ต้าเยียนก็พังยับเยินไม่มีชิ้นดีเพราะไร้ซึ่งหนทางอื่นทำให้เขาต้องเคลื่อนย้ายหอเงาคมมาที่หนานเจียง
เมื่อมาถึงหนานเจียง เขาก็ได้รับความชื่นชมและดูแลเป็อย่างดีจากรัชทายาทแคว้นโยวเจิ้นสวี่เว่ยหราน กลายเป็ข้ารับใช้ภายใต้องค์รัชทายาท
แน่นอนว่า ในทางเปิดเผยนั้นไม่มีผู้ใดรู้ถึงฐานะที่แท้จริงของเฮ้ออี้เทียนเขามีตัวตนอยู่ในฐานะองครักษ์ข้างกายของรัชทายาทแคว้นโยวเจิ้นเท่านั้น
หอเงาคมของเขาได้ทำงานลับๆให้แก่สวี่เว่ยหราน และในขณะที่คนทั้งสองกำลังพูดคุยกันก็มีหญิงสาวกว่าสิบคนเดินขึ้นไปบนเวทีหยกขาวหนึ่งในนั้นก็คือเซียวซู่ซู่
ไม่ว่านางจะแต่งตัวเรียบง่ายไม่โดดเด่นสักเพียงใดแต่แค่เพียงมองผ่านๆ ก็สามารถมองเห็นนางได้โดยทันทีเพราะว่านางมีบารมีที่สูงส่งเหนือผู้คนแผ่ออกมา
“ฮวาเชียนจือ...”เฮ้ออี้เทียนตื่นใพลางะโออกมาเสียงต่ำ
ทำให้คนรอบข้างมองเขาด้วยสายตาไม่สบอารมณ์
สวี่เว่ยหรานเองก็หันไปมองทางสตรีที่เฮ้ออี้เทียนนั้นมองอยู่ดวงตาของเขาก็มีประกายปรากฏขึ้นแม้ว่าฮวาเชียนจือจะไม่ได้มีบารมีที่สง่างามดุจเซียวซู่ซู่และไม่มีรูปโฉมที่งามสะกดสายตาผู้คนเช่นเซียวซู่ซู่แต่นางก็จัดว่าเป็สาวงามเปี่ยมเสน่ห์ผู้หนึ่งของแผ่นดิน
“ฮวาเชียนจือ...แซ่ฮวานี้ถือเป็แซ่ประจำแคว้นมิใช่หรือ”สวี่เว่ยหรานมองไปที่เฮ้ออี้เทียนด้วยสีหน้าเรียบนิ่งพลางเอ่ยออกมาเบาๆ
“ใช่แล้ว”เฮ้ออี้เทียนเหมือนจะนึกอะไรออกมาได้พลางยกมือขึ้นลูบคางของตัวเองเบาๆ “ถ้าเป็เช่นนั้น...ก็แสดงว่านางคือธิดาของฮ่องเต้หญิง...แต่ว่าทำไมหลายปีมานี้ นางถึงได้อาศัยอยู่ที่จวนอ๋องติ้งเป่ยโหว...”
เพียงประโยคเดียวก็จุดประกายในดวงตาทั้งสองของสวี่เว่ยหรานขึ้น “เ้าหมายความว่า ฮ่องเต้หญิงเกี่ยวข้องกับอ๋องติ้งเป่ยโหว...”
เพียงชั่วพริบตาเดียวก็มีเื่ให้ต้องตกตะลึงไม่น้อย
อำนาจของอ๋องติ้งเป่ยโหวนั้นไม่มีผู้ใดบนแผ่นดินนี้ไม่รู้ ต่อให้อยู่ที่หนานเจียงพวกเขาก็รู้ว่าการมีตัวตนของเขาเป็ดุจเทพแห่งาก็มิปาน และในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันสาวงามบนเวทีก็ได้เริ่มฝนหมึก ลงมือวาดภาพกันแล้ว
เสียงด้านล่างเวทีนั้นเบามากแน่นอนว่าคนที่ทุกคนให้ความสนใจที่สุดยังคงเป็เซียวซู่ซู่
เซียวซู่ซู่นั้นมิได้รับเสียงโห่ร้องชื่นชมดั่งเช่นการแข่งขันสามประเภทก่อนหน้านี้แต่กลับวาดภาพดอกโบตั๋นที่มีคะแนนเสมอกับภาพของฮวาเชียนจือ
การปรากฏตัวของฮวาเชียนจือทำให้เซียวซู่ซู่ตกตะลึงไม่น้อยแต่นางกลับไม่ได้แสดงท่าทีอันใดออกมา
ในตอนที่เซียวซู่ซู่ก้าวเท้าขึ้นเวทีหยกขาวเมื่อแหงนหน้าขึ้นมองก็พบว่าสตรีที่สวมชุดสีแดงสดที่ยืนอยู่ข้างตนคือฮวาเชียนจือนางยังคงมีท่าทีหยิ่งยโส สายตาไม่มีผู้ใดเช่นเคย มีเพียงแววตาคู่นั้นที่แฝงด้วยความโศกเศร้าเล็กน้อย
เซียวซู่ซู่อยากจะรู้จริงๆว่างานแต่งงานของนางเป็เช่นใดบ้าง?
เช่นนั้น การที่นางปรากฏตัวที่นี่ก็แสดงว่าม่อเวิ่นเฉินก็ต้องปรากฎตัวด้วยเช่นกันใช่หรือไม่
เมื่อคิดว่าถึงตรงนี้มือของนางก็สั่นออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่ ทำให้ภาพดอกโบตั๋นมีจุดบกพร่องเล็กน้อยมิอาจคว้าชัยชนะได้เหมือนดั่งครั้งก่อน
แต่ก็ยังคงทำให้คนที่อยู่โดยรอบรู้สึกชื่นชมออกมาจากใจจริงภาพโบตั๋นภาพนั้นวาดด้วยฝีมือประณีต แฝงด้วยจิติญญาของดอกไม้ลายเส้นพลิ้วไหวละเอียดอ่อน เป็ผลงานชั้นเยี่ยมทำให้ดอกโบตั๋นในภาพดูเหมือนดอกโบตั๋นที่เบ่งบานในทุ่งดอกไม้จริงๆ หาใช่แค่ภาพวาด
และภาพวาดของฮวาเชียนจือคือภาพวาดของสาวงามกำลังเล่นน้ำลายเส้นพลิ้วไหลดุจมีชีวิต ทุกรายละเอียดถูกวาดออกมาอย่างไม่ขาดหายทำให้ภาพดูงดงามราวกับมีชีวิตอีกทั้งรูปแบบของภาพวาดนี้ยังต้องใช้ฝีมือเป็อย่างมากซ้ำยังยากที่จะวาดให้งดงามได้ถึงเพียงนี้
สี่วันมานี้ หญิงอัจฉริยะที่ถูกผู้คนของหนานเจียงเอ่ยชมไม่ขาดปากก็ได้ถูกฮวาเชียนจือที่พึ่งปรากฏตัวเอาชนะไปได้นี่ก็ทำให้คนที่อยู่ในงานรู้สึกแปลกใจมิน้อย อีกทั้งพวกเขายังเริ่มคาดเดากันต่างๆนาๆ ว่าสตรีที่เพิ่งปรากฏตัวผู้นี้เป็ใครกันแน่
อีกทั้งนางยังนั่งอยู่ด้านข้างของฮ่องเต้หญิงฮวาหรูเสวี่ยอีกด้วย ดูจากรูปโฉมของนางแล้วช่างละม้ายคล้ายกับองค์ชายเพียงผู้เดียวของแคว้นป่ายฮวา
แน่นอนว่า ั้แ่ฮวาเชียนจือปรากฎตัวฮวาเชียนเย่ก็สำรวมตัวขึ้นมากตำแหน่งทีนั่งของเขาก็ห่างจากฮ่องเต้หญิงฮวาหรูเสวี่ยไกลกว่าเดิมไม่น้อย ทั่วทั้งร่างเขาแผ่ไอแห่งความขุ่นมัวและเยือกเย็นออกมาทำให้ผู้คนไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ และก็ทำให้ผู้คนไม่คิดที่จะเข้าใกล้ด้วย
เซียวซู่ซู่นั้นรู้ถึงฐานะของฮวาเชียนจือมาั้แ่แรกแล้วเพียงแต่ว่าการปรากฏตัวของฮวาเชียนจือทำให้นางใไม่น้อย แต่ที่มากกว่านั้นคือความเกลียดแค้น แน่นอนว่าคนที่นางเกลียดแค้นมากกว่านั้นคือม่อเวิ่นเฉิน บางที อาจเป็เพราะยิ่งรักมากเท่าใดก็ยิ่งเกลียดมากเท่านั้นกระมัง
“ฮวาเชียนจือ”
ป๋ายหลี่ม่อเองก็เอ่ยคำสามคำนั้นออกมาซ้ำๆ เบาๆแซ่ฮวา ทุกคนล้วนรู้กันว่าแซ่นั้นเป็แซ่ของแคว้นป่ายฮวาและการที่ฮวาเชียนจืออยู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นนั้นหมายความว่าอย่างไรทุกคนเองก็ย่อมจะเข้าใจ
หลายปีมานี้การแก่งแย่งชิงดีในวังหลวงมีมาไม่หยุดหย่อน เพียงเพราะฮวาหรูเสวี่ยไม่มีธิดา เช่นนั้น ตอนนี้ฮวาเชียนจือยืนอยู่ตรงนี้แล้วอีกทั้งยังทำตัวโดดเด่นสะดุดตาผู้คนเช่นนี้ นี่ก็ถือเป็การประกาศแล้วว่าผู้ที่จะมารับตำแหน่งผู้ดูแลแคว้นป่ายฮวาในอนาคตนั้นมีตัวตนมาโดยตลอด
แน่นอนว่า สายตาของคนส่วนมากยิ่งหันไปจับจ้องทางด้านฮวาเชียนเย่
แม้ว่าเขาจะเป็บุรุษแต่ว่าแคว้นโยวเจิ้นและแคว้นอ้าวอวิ๋นก็ล้วนให้ความสนใจในตัวเขาไม่ว่าจะเป็การใช้แผนการหรือว่าการลงมือดำเนินการ ใช้วิธีชั่วร้ายก็ยากที่จะมีใครมาเป็คู่ต่อสู้ของเขาได้ การมีอยู่ของเขาทำให้แคว้นทั้งสองรู้สึกหวั่นระแวงอยู่ไม่น้อย แต่ตอนนี้ ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปแล้ว
“ดูเหมือนว่าแคว้นป่ายฮวาจะมีละครสนุกให้ดูเสียแล้ว” หนานกงม่อเองก็ยิ้มออกมาแต่รอยยิ้มของเขากลับดูไม่ค่อยหวังดีเท่าใดนักสำหรับแคว้นที่เห็นสตรีสูงส่งกว่าบุรุษนั้น พวกเขามิเคยรู้สึกเห็นดีเห็นงามด้วยมาโดยตลอด
ถ้าหากมิใช่เพราะรากฐานที่มั่นคงที่ทางบรรพบุรุษสร้างมาและการควบคุมของวังคลื่นจันทราแล้วแคว้นป่ายฮวาก็ไม่มีทางจะอยู่ยืนหยัดได้ถึงหนึ่งพันปีนี้อย่างแน่นอน
“อืมฮวาเชียนจือผู้นี้ก็ไม่ใช่คนที่จะรับมือได้โดยง่าย เกรงว่าจะต้องยากลำบากไม่น้อย”แต่ป๋ายหลี่ม่อกลับหันไปมองทางเซียวซู่ซู่ดูสีหน้าที่ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็สงบนิ่งของนาง ความรู้สึกนับถือในใจก็ค่อยๆเพิ่มมากขึ้น
สี่วันมานี้ เขากำลังอยู่ในอารมณ์ที่ขุ่นมัวเสมอเพราะเขารู้สึกว่าการที่เซียวซู่ซู่สามารถมีชื่อเสียงโด่งดังได้ก็เป็เพราะว่านางเปลี่ยนจากสตรีปัญญาอ่อนกลายเป็หญิงอัจฉริยะมากความสามารถ แต่ตอนนี้ เขารู้สึกจริงๆแล้วว่าสตรีเช่นนี้ ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็ล้วนโดดเด่นเป็สง่า นางเกิดมาก็เพื่อเป็เหมือนสมบัติล้ำค่าที่ผู้คนต้องชื่นชม
หนานกงม่อหรี่ตาลงเล็กน้อย “ทว่า ควรจะตรวจสอบเสียหน่อย เกี่ยวกับอดีตทั้งหมดของนาง”
คนที่อยู่ในงานผู้ที่รู้จักฮวาเชียนจือดีที่สุดนั้นมีเพียงเซียวซู่ซู่และเหลยอวี๊เฟิงเพราะฉะนั้นคนทั้งสองถึงได้มีท่าทีสงบนิ่งที่สุด
แน่นอนว่าในใจของเซียวซู่ซู่ก็ยังคงมีคำถามดูจากการแต่งตัวของฮวาเชียนจือแล้ว ไม่เหมือนกับสตรีที่ออกเรือนแล้ว เช่นนั้น...
เซียวซู่ซู่ส่ายศีรษะก่อนจะยิ้มเย้ยหยันตัวเอง นางกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ต่อให้ฮวาเชียนจือไม่อาจแต่งงานกับม่อเวิ่นเฉินได้แล้วจะอย่างไรทุกอย่างก็ไม่เกี่ยวข้องกับนางอยู่ดี
“ซู่ซู่...เ้าไม่สบายหรือ?”มิรู้ว่าฮูหยินเฒ่าเดินมาั้แ่เมื่อไหร่นางมองไปที่เซียวซู่ซู่พลางยกมือขึ้นตบลงบนไหล่ของเซียวซู่ซู่เบาๆ
วันนี้เซียวซู่ซู่ดูไม่ค่อยเหมือนเช่นปกติเท่าใดนักคนอื่นดูไม่ออก แต่ความเปลี่ยนแปลงแม้เพียงน้อยนิดของเซียวซู่ซู่ก็ไม่อาจรอดพ้นจากสายตาของฮูหยินเฒ่าไปได้