เจียงหงหย่วนขี่เกวียนออกไปจากบ้านตระกูลหวาง หวางกุ้ยเซียงกระทืบเท้าไปด้วย ด่าหวางฟู่กุ้ยไปด้วย “เอ้อร์เกอทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร เหตุใดไม่ให้ข้าไปด้วย? ข้าต้องเข้าตำบลไปส่งงานปักนะ!”
หวางฟู่กุ้ยทำตาเขม็งใส่หวางกุ้ยเซียง “เ้าเขลาหรือ หากเจียงต้าเกออยากให้ผู้อื่นไปด้วย ให้ข้าเป็คนขับก็จบแล้ว เหตุใดจะต้องยืมเกวียนไป?”
หวางกุ้ยเซียงงุนงง “หมายความว่าอย่างไร?”
หวางฟู่กุ้ยกุมขมับ “ไอ๊หยา น้องสาวซื่อบื้อของข้า เ้าซื่อบื้อเช่นนี้ วันหน้าแต่งไปอยู่บ้านแม่ยายจะทำอย่างไร?”
หวางกุ้ยเซียงถ่มน้ำลายใส่หวางฟู่กุ้ยด้วยความดูถูก “ไสหัวไปไกลๆ เลย ผู้ใดจะไปฉลาดเหมือนเ้าล่ะ ฉลาดจนอายุปูนนี้แล้วยังไม่แต่งภรรยา”
“เหอะ ที่ข้ายังไม่แต่งภรรยาเพราะมาตรฐานสูงต่างหาก ซื่อบื้อเช่นเ้ามากกว่าที่ควรระวังจะขายไม่ออก!”
“หวางฟู่กุ้ย พูดเช่นนี้อยากตายใช่หรือไม่!” หวางกุ้ยเซียงคว้าไม้กวาดที่มุมกำแพงมาฟาดใส่หวางฟู่กุ้ย หลิวซื่อรีบเข้ามาห้ามเมื่อเห็นเหตุการณ์ “ไอ๊หยา บรรพบุรุษน้อยของข้า สามีภรรยาบ้านอื่นเข้าอำเภอกัน แต่พวกเ้ามาทะเลาะกระไรกันที่นี่? ยังไม่รีบหยุดอีก!”
“ท่านแม่ เอ้อร์เกอรังแกข้า” หวางกุ้ยเซียงโยนไม้กวาดแล้วหันไปฟ้องหลิวซื่อ หลิวซื่อทำตาเขม็งใส่นางก่อนที่จะหันไปด่าหวางฟู่กุ้ย “เ้าเป็เช่นนี้ไง มีกระไรไม่รู้จักคุยกันดีๆ เก่งแต่โต้เถียง มิน่าเล่าถึงไม่มีภรรยา!”
หวางฟู่กุ้ย “…”
นี่ใช่แม่แท้ๆ จริงหรือไม่!
“ท่านแม่ ข้าจะขึ้นเขาไปเก็บไม้แล้ว!” หวางฟู่กุ้ยวิ่งออกไป ขืนยังไม่วิ่งอีกคงถูกบ่นต่อ
เจียงหงหย่วนไม่รู้เลยว่าการยืมเกวียนของตัวเองจะทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ที่บ้านตระกูลหวาง
ตอนนี้เขากำลังเก็บเกวียนให้สะอาด นำเสื่อมาปูลงไป พับผ้านวมเป็ชั้นๆ ให้หลินหวั่นชิวรองนั่ง
คำพูดของเขาคือ หากก้นหลินหวั่นชิวกระเทือนจนพัง เขาจะขาดทุน
หลินหวั่นชิวได้แต่อดกลั้นกับคำพูดหยาบคายของเขา ความจริงหากตัดนิสัยที่ชอบพูดจาไม่ดีออกไป บุรุษผู้นี้ก็ถือว่ารอบคอบและเอาใจใส่
“เอาเงินไปมากหน่อย ครั้งนี้พวกเราจะซื้อของกลับมาให้มาก” เจียงหงหย่วนพูดกับหลินหวั่นชิว เขาเสี่ยงชีวิตหาเงินเพื่อกระไร ก็เพื่อให้ภรรยาตัวน้อยได้สุขสบายไม่ใช่หรือ
อาการของเหล่าเอ้อร์ดูจะดีขึ้นทุกวัน วันหน้าคงจะจ่ายค่ายาน้อยลง
“ข้าเอามาร้อยตำลึง” หลินหวั่นชิวตอบ เจียงหงหย่วนพยักหน้าแล้วไม่พูดสิ่งใดอีก อุ้มหลินหวั่นชิวขึ้นเกวียน
ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจหรือไม่ ฝ่ามือโตปัดผ่านหน้าอกอันนุ่มนิ่มของนางตอนทำเสร็จ
เจียงหงหย่วนขึ้นนั่งบนเกวียน สะบัดแส้ใส่ก้นวัว เกวียนเริ่มเคลื่อนที่ เขาแอบยกมือขึ้นดมที่ปลายจมูก
หอม
“หย่วนเกอ พวกเราแวะในตำบลก่อนเถิด ข้าจะเอาหนังสือไปส่ง” หลินหวั่นชิวพูด
บ้านตระกูลเจียงไม่มีที่นา งานในบ้านมีเจียงหงหนิงเป็คนทำ หลินหวั่นชิวอยู่ว่างทั้งวันไม่มีสิ่งใดทำ นางจึงใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการคัดหนังสือ
“อืม ได้!” เจียงหงหย่วนตอบตกลง เกวียนวัวช้าเกินไป เขาเริ่มคิดแล้วว่าควรซื้อรถล่อดีหรือไม่
ยุคนี้ม้าหาซื้อยาก แต่ลากับล่อยังพอหาซื้อง่ายอยู่
อีกอย่าง ราคาของล่อก็ถูกกว่าม้า
“ภรรยาจ๋า พวกเราซื้อรถล่อสักคันเถิด” ซื้อรถหรือเกวียนเป็ค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ เจียงหงหย่วนอยากปรึกษากับหลินหวั่นชิวเสียก่อน
อย่างไรเขาเพิ่งมอบเงินให้นางได้ไม่นาน ตอนนี้กลับจะนำออกมาใช้เสียแล้ว
“ได้” หลินหวั่นชิวตอบตกลงทันที วันหน้าเจียงหงหย่วนต้องทำงานในบ่อนที่อำเภอ เจียงหงหนิงต้องไปเรียนในอำเภอ นางอยากหาเงินให้มากขึ้นเช่นกัน วางแผนว่าจะทำการค้า ต้องเดินทางไปข้างนอกอยู่บ่อยๆ ดังนั้นมีรถล่อติดบ้านไว้น่าจะสะดวกกว่า ต่อให้เจียงหงหย่วนไม่พูดเื่นี้ นางก็จะเสนออยู่แล้ว
การตอบตกลงในทันทีของนางถูกเจียงหงหย่วนมองว่าภรรยาตัวน้อยให้ความสำคัญกับเขาเป็หลัก ดีใจจนเกือบฮัมเพลงออกมา
มาถึงตำบล หลินหวั่นชิวนำหนังสือไปส่งที่ร้านก่อน หนังสือเก้าเล่ม สี่สิบห้าตำลึงเงิน รวมกับเงินมัดจำที่เ้าของร้านคืนให้ ได้มาทั้งหมดห้าสิบห้าตำลึง
เถ้าแก่หลิว “สะใภ้เจียง ข้าจะส่งหนังสือนี่ไปที่อำเภอดูก่อน หากเถ้าแก่ใหญ่ถูกใจค่อยให้ท่านคัดเพิ่มอีก ไม่ทราบว่าต้นเดือนหน้าเ้าจะมาอีกรอบได้หรือไม่?”
หลินหวั่นชิวยิ้มตอบ “ได้”
นางถามต่อว่า “จริงสิเถ้าแก่ ยังมีหนังสือของจอมยุทธ์พเนจรอยู่หรือไม่?”
เถ้าแก่หลิวตอบ “ไม่มีแล้ว อย่างไรกัน ท่านชอบหรือ? เช่นนั้นครั้งหน้าข้าจะเก็บไว้ให้”
“เช่นนั้นคงต้องขอบคุณท่านมากแล้ว! จริงสิ ที่นี่มีตำราแพทย์หรือไม่? ขายอย่างไร?” หลินหวั่นชิวขอบคุณแล้วถือโอกาสถามราคาของตำราแพทย์
“ไม่มี ตำราเช่นนั้นมีขายแต่ในร้านหนังสือที่อำเภอ แต่มีไม่มาก ราคาแพงเช่นกัน ราคาเล่มละสิบตำลึงเงินเป็อย่างน้อย”
ตำราแพทย์ราคาแพงเช่นนี้ เริ่มต้นที่สิบตำลึง ราคาสูงจนหลินหวั่นชิวตกตะลึง
“ได้ ข้าจะลองไปดูในอำเภอ”
“สะใภ้น้อยตระกูลเจียง เหตุใดเ้าถึงซื้อตำราแพทย์หรือ? มีคนที่บ้านจะเรียนแพทย์หรือไม่? ข้าจะบอกกระไรให้ หากจะเรียนแพทย์ ลำพังแค่อ่านตำราอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเรียนกับอาจารย์ด้วย” เถ้าแก่หลิวแนะนำ
หลินหวั่นชิวรู้ว่าเขาหวังดี มิเช่นนั้นใครจะมาสนใจเื่ของผู้อื่นกัน “น้องสามีที่บ้านข้าอยากเรียนแพทย์ วางแผนว่าจะลองศึกษาตำราดูเสียก่อน เช่นนี้แล้วเวลาไปกราบท่านอาจารย์จะได้ไม่ถึงกับไม่รู้เื่กระไรเลย”
“เช่นนั้นก็ดี น้องสามีเ้าเป็เด็กเอาการเอางาน” เถ้าแก่หลิวชม
หลินหวั่นชิวนึกเื่สถานศึกษาขึ้นมาได้ ไปสอบถามในอำเภอก็เริ่มไม่ถูก ไม่สู้ถามเถ้าแก่หลิวไปเลยเสียดีกว่า โดยพื้นฐานแล้วลูกค้าที่ร้านก็มีแต่บัณฑิต น่าจะพอรู้เื่สถานศึกษาอยู่บ้าง “จริงสิ ข้าขอถามกระไรหน่อยเ้าค่ะเถ้าแก่ ท่านพอจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานศึกษาในอำเภอหรือไม่? ข้ามีน้องสามีอีกคนที่ถึงวัยเริ่มเรียนแล้ว ไม่อยากให้เขาหน่วงเหนี่ยวเสียเวลา”
“ในอำเภอมีสถานศึกษาสองที่ ที่หนึ่งชื่อสถานศึกษาชิงซง อีกที่ชื่อสถานศึกษาจิ่วไท่ ท่านอาจารย์ที่สถานศึกษาชิงซงเป็จวี่เหริน ค่าเรียนไม่แพง เก็บปีละห้าตำลึง ค่าหอพักและค่ากินคิดแยกต่างหาก แต่กระนั้นก็ถือว่าไม่แพงอยู่ดี แต่สถานศึกษาแห่งนี้เข้าเรียนยาก ต้องสอบผ่านจึงจะเข้าเรียนได้ ส่วนท่านอาจารย์ที่สถานศึกษาจิ่วไท่เป็จวี่เหรินเช่นกัน แต่ที่นี่คิดค่าเรียนปีละยี่สิบตำลึง ขอเพียงมีเงินจ่ายก็เข้าไปเรียนได้หมด นักเรียนส่วนใหญ่มาจากครอบครัวร่ำรวย”
เถ้าแก่หลิวบอกข้อมูลเพียงคร่าวๆ ส่วนเื่ที่ว่าอาจารย์คนไหนดีกว่ากัน…สถานศึกษาทั้งสองต่างก็เป็ลูกค้าของร้านหนังสือพวกเขา ไม่อาจแสดงความเห็น
หลินหวั่นชิวเข้าใจแล้ว รู้สึกว่าที่หนึ่งเป็สถานศึกษาของคนธรรมดา อีกที่เป็สถานศึกษาของคนรวย
ด่านธรณีประตูของสถานศึกษาคนธรรมดาคือความรู้ ส่วนของคนรวยคือเงิน
หลินหวั่นชิวรู้แล้วว่าควรทำอย่างไร แต่เจียงหงหนิงจะเรียนที่ใดต้องถามความเห็นเขากับเจียงหงหย่วนเสียก่อน
“ขอบคุณท่านมาก ข้าขอตัวก่อน เดือนหน้าข้าจะมาใหม่” หลินหวั่นชิวออกจากร้านหนังสือ เจียงหงหย่วนที่รออยู่ด้านนอกช่วยประคองนางขึ้นเกวียน “เหตุใดใช้เวลานานเช่นนี้ เถ้าแก่ไม่ยอมจ่ายเงินดีๆ หรือ?”
หลินหวั่นชิวเห็นเขาทำท่าจะช่วยออกหน้าแทนตัวเองก็กลัวเขาจะทำให้เถ้าแก่กลัว รีบพูดว่า “ไม่ใช่ ข้าแค่อยู่ถามเื่สถานศึกษาในอำเภอ เข้าอำเภอแล้วพวกเราจะได้ไม่คลำมั่วเหมือนคนตาบอด”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้