การมาของเฉินเหยียนเบี่ยงเบนความอิจฉาที่หลิ่วจิ้งมีต่อจิ่นเส้อไปชั่วขณะ
“ตอนเช้ามีคนมาส่งอาหารให้เ้าแล้วหรือไม่?” หลิ่วจิ้งสะกดความประหลาดใจที่มีต่อเฉินเหยียนเอาไว้ก่อนนางยังมีเวลาทำความรู้จักเขาให้ดีๆ อีกมาก เื่เร่งด่วนในยามนี้คือต้องให้เฉินเหยียนยอมเปิดใจและใช้ชีวิตเช่นคนทั่วไป
“อืม” เฉินเหยียนตอบเสียงบางเบาจนแทบไม่ได้ยินแต่ก็นับว่าส่งเสียงแล้ว
“พวกเราไปเดินเล่นกัน ข้าเองก็ยังไม่เคยเดินเล่นในนี้มาก่อน เ้าไปเดินดูกับข้าให้ทั่วกันเถิด”
หลิ่วจิ้งอยากรู้เหลือเกินว่าจิ่นเส้อเป็สตรีเช่นใดจึงทำให้หั่วอี้ยกเรือนเดี่ยวเช่นนี้ให้นางได้ที่นี่มีพื้นที่ต่างจากเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยินใหญ่ไม่มากนักส่วนเรือนของอาหนูยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง แม้จะแยกออกมาเป็สัดส่วนแต่ก็เล็กกว่านี้มาก
เรือนมู่หยวนแห่งนี้นับว่ามีความเป็สัดส่วนอย่างมาก ถึงจะเป็บริเวณหนึ่งภายในจวนแม่ทัพแต่ก็แยกตัวออกมาจากเรือนอื่นมีความสงบท่ามกลางความพลุกพล่าน ทั้งเงียบสงบและสง่างาม
หลิ่วจิ้งเดินไปอย่างไม่มีจุดหมาย ทันใดนั้นก็มีเสียง ‘จ๋อม’ ดึงดูดความสนใจของนางนางหันหน้าไปตามเสียงทะเลสาบที่ขุดขึ้นมาเต็มไปด้วยดอกบัวบานสะพรั่งปรากฏต่อสายตาของหลิ่วจิ้ง
นางตะลึงมองดอกบัวเต็มสระที่มีทั้งสีแดง สีชมพู และสีขาวละลานตานึกไม่ถึงว่าดอกบัวที่ไม่มีคนดูแลรักษาแห่งนี้ นอกจากจะไม่เหี่ยวเฉากลับเติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก
‘จ๋อม’ เสียงน้ำกระเด็นดังขึ้นอีกหนครานี้หลิ่วจิ้งมองเห็นชัดเจนแล้วว่าเป็ปลาตัวใหญ่ตัวหนึ่งกำลังว่ายเล่นอยู่ในสระเสียงน้ำดังจ๋อมนั่นเป็มันทำให้เกิดขึ้น
หลิ่วจิ้งเห็นเช่นนี้ก็ตื่นเต้นยินดีนัก “เฉินเหยียนมาดูเร็วในสระบัวมีปลาตั้งหลายตัว”
หลิ่วจิ้งยกชายกระโปรงขึ้นวิ่งออกไปยืนเกาะดูอยู่ที่ราวบนตลิ่ง
เฉินเหยียนคอยตามอยู่ข้างหลังหลิ่วจิ้งเงียบๆนึกไม่ถึงว่าฮูหยินก็มียามที่นิสัยเหมือนเด็กเช่นนี้ใจเขาไม่ต่อต้านจะสมาคมกับหลิ่วจิ้งมากมายนักอีกแล้ว
เขาลังเลพักใหญ่จึงค่อยเอ่ยกับหลิ่วจิ้งว่า “ฮูหยิน ระวังว่าราวไม่ได้บำรุงรักษามานานปีดูภายนอกยังอยู่ดีไม่บุบสลาย แต่ข้างในอาจถูกแมลงกัดกินจนกลวงก็เป็ได้”
หลิ่วจิ้งกำลังคิดว่าจะโน้มตัวลงไปเด็ดดอกบัวสักสองสามดอก หลังได้ยินคำของเฉินเหยียนนางจึงหยุดนิ่งเสียค่อยๆ ถอยออกมาสองก้าวอย่างระมัดระวัง
เฉินเหยียนเม้มมุมปากน้อยๆ เมื่อเห็นว่าหลิ่วจิ้งเข้าใจสิ่งที่เขาพูดดูไปแล้วฮูหยินผู้นี้ก็ไม่ได้อายุมากเท่าใด เหตุใดจึงมาเป็ฮูหยินแม่ทัพได้
หลิ่วจิ้งเต็มไปด้วยความสงสัยในตัวเขาและเขาเองก็สงสัยสิ่งที่หลิ่วจิ้งเคยประสบมามากเอาการเช่นกันประสบการณ์หลายปีมานี้ทำให้เขากลายเป็คนที่ไม่ยอมเชื่อใจใครอีกแล้วรวมทั้งคนที่ดีต่อเขาด้วย เฉินเหยียนไม่อาจมองออกว่าคนเ่าั้ดีต่อเขาจริงๆหรือเพราะมีเป้าหมายอื่นใดทว่าเมื่อวันนี้ได้เห็นหลิ่วจิ้งในมุมที่เปิดเผยตรงไปตรงมา ไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ๆเขาก็เกิดความรู้สึกว่าอยากจะลองเชื่อนางดูสักหน
หลิ่วจิ้งออกมาไกลจากราวตลิ่ง เดินมานั่งลงบนหินกลมที่อยู่ข้างๆนางกวักมือเรียกเฉินเหยียน “มานั่งนี่สักพัก พวกเรามาคุยกัน”
นั่นอย่างไร ฮูหยินคงจะบอกกับข้าว่าเหตุใดจึงใจดีรับข้าเอาไว้กระมังเฉินเหยียนแอบคิดอยู่ในใจ เขาเองก็หวังจะได้รู้ความคิดอ่านของหลิ่วจิ้งเช่นกัน จะเป็หรือตายก็ยังดีกว่าอยู่อย่างไม่รู้ชัดไม่รู้แจ้งเช่นนี้
ตอนมาถึงเรือนมู่หยวนเมื่อคืนนั้นท้องฟ้าไร้ดวงดาว เขาเองก็ไม่กล้าออกไปเดินส่งเดชวันนี้อาศัยว่าฟ้าสว่างแล้ว เขาก็เดินดูเรือนมู่หยวนทั้งหน้าทั้งหลังรอบหนึ่งดูเดินกลับไม่เป็ไร แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงก็คือที่นี่หาใช่ที่ที่บ่าวจะมาอยู่แต่เป็เรือนของเ้านาย เขาไม่เชื่อว่าตนจะโชคดีถึงเพียงนี้ที่จู่ๆไม่มีเหตุผลใดก็ได้มาอาศัยอยู่ในเรือนซึ่งมีแค่เหล่าเ้านายเท่านั้นจะเข้ามาอยู่ได้
ฉะนั้นฮูหยินจะต้องมีแผนการใดกับเขาเพียงแต่เขายังไม่รู้ว่าฮูหยินมีแผนใดเท่านั้น เขาทำตามคำสั่งของหลิ่วจิ้งด้วยการเดินมาใกล้ๆแต่กลับไม่ทำตามที่นางบอกว่าให้นั่ง เพียงยืนอยู่ข้างๆ เท่านั้น
หลิ่วจิ้งเองก็ไม่อยากไปปั้นโคลนให้ขึ้นรูป [1] กับเขามากนัก เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมนั่งก็ปล่อยให้ยืนไปเสียไม่ได้เอ่ยย้ำคำใดอีก
“เฉินเหยียน ข้าเกลี้ยกล่อมท่านแม่ทัพเรียบร้อยแล้วว่าให้เ้าอยู่ที่เรือนมู่หยวนแห่งนี้ไปชั่วคราวให้รักษาแผลบนตัวจนหายก่อนและข้าก็สั่งพวกบ่าวแล้วว่าให้ส่งอาหารมาให้เ้าวันละสามมื้อ หากไม่มีเื่ใหญ่ใดเ้าก็พยายามอย่าไปที่เรือนหลัก ให้คิดเสียว่าเ้าจำเป็ต้องพักรักษาตัวอย่างสงบเพื่อรักษาาแบนตัวรักษาแผลหายแล้วค่อยว่ากัน”
หลิ่วจิ้งพูดจบก็หันไปมองเฉินเหยียน เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดอีกแล้วนางต้องแอบถอนใจอยู่ในใจ
“เ้าคงแปลกใจมากว่าเหตุใดข้าจึงช่วยเ้าเ้าคงไม่รู้ว่าข้าเป็องค์หญิงต้าเว่ยที่มาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์จับพลัดจับผลูได้มาเป็ฮูหยินของแม่ทัพ ดูเผินๆ แล้วมีหน้ามีตานักหนาแต่ความจริงแล้วกลับมีวิกฤตอยู่ทุกด้าน ข้า้ากำลังที่เป็ของข้าเองและนี่ก็คือเหตุผลที่ข้าช่วยเ้ากลับมา ไม่รู้ว่าเ้าจะยอมให้ข้าใช้สอยหรือไม่ข้าจะพูดตามตรง ว่าที่ข้าช่วยเ้ากลับมาก็เพราะ้าใช้ประโยชน์จากเ้าใช้เ้ามาเป็ทัพหน้าสู้ศึกให้ข้า”
ครั้งนี้หลิ่วจิ้งพูดอย่างชัดเจนตรงไปตรงมานักหากเป็คนที่จิตใจไม่แข็งแกร่งแต่เพียงน้อยก็คงจะชักสีหน้าให้แล้ว
เฉินเหยียนก็ไม่ยกเว้น ที่แท้ก็มีแผนการกับเขาจริงๆ เพียงแต่เมื่อเขาฟังจบกลับไม่ได้โมโหโกรธานี่ไม่นับว่าเป็การใช้ประโยชน์ เพราะนี่เป็การเผชิญหน้ากันอย่างเปิดเผยอย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความไม่ชัดเจน
“เ้ายังคงเลือกจะไปได้ทุกเมื่อ ข้าให้คำมั่นกับเ้า ไม่ว่ายามใดหากเ้าอยากไปข้าจะไม่รั้งตัวเ้าไว้ ข้ายอมสูญเสียคนที่จะมาเป็มือเท้าให้ข้า ดีกว่าเก็บคนที่มีใจเป็อื่นเอาไว้ทำให้การใหญ่ของข้าเสียหาย” หลิ่วจิ้งตัดสินใจจะพูดให้ชัดเจน นอกจากให้หนทางถอยแก่เฉินเหยียนแล้วก็ยังให้เขาไม่ต้องมีภาระในใจด้วย
จิตใต้สำนึกของหลิ่วจิ้งบอกว่าเฉินเหยียนเป็คนที่มีภูมิหลังไม่มีทางเป็แค่ทาสราคะธรรมดาๆ คนหนึ่งที่บังเอิญตกอยู่ในมือผู้มีอำนาจเท่านั้น
พูดจนถึงขั้นนี้แล้วหลิ่วจิ้งคิดว่าเฉินเหยียนน่าจะเข้าใจความหมายของตน จึงไม่อธิบายให้มากความอีก นางช้อนตาขึ้นมองดอกบัวตรงหน้าดอกบัวที่ไร้คนบำรุงรักษาและปลาตัวโตในสระเหล่านี้อดทนจนพ้นผ่านเหมันต์โหดวสันต์เหี้ยมมาได้ และกลับเติบโตอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้นนางเองก็หวังว่านางจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตนานาไปได้อย่างปลอดภัย จากนั้นจะได้ล้างหนี้เืให้คนในครอบครัวเสียที
เวลานี้นางมิได้ขาดเหลือเงินทองอีกแล้ว ขาดก็เพียงคนที่จะใช้การได้
ในระหว่างที่หลิ่วจิ้งกำลังคิดอยู่ นางก็ได้ยินเสียงของเฉินเหยียนเอ่ยว่า“แล้วแต่ฮูหยินบัญชา”
คำพูดของเฉินเหยียนยังคงง่ายๆ ชัดเจนเช่นเดิมแต่แค่คำไม่กี่คำนี้ก็เพียงพอแล้วหลิ่วจิ้งรู้ว่าเฉินเหยียนจะเป็คนแรกที่เป็ของนางอย่างจริงแท้
“ในจวนแม่ทัพแห่งนี้ มีฮูหยินผู้เฒ่าเป็ผู้ปกครองจวนสตรีที่ท่านแม่ทัพเก็บเอาไว้ในจวนตอนนี้มีฮูหยินใหญ่และฮูหยินรอง ยามนี้ฮูหยินใหญ่กำลังตั้งครรภ์…”
หลิ่วจิ้งเล่าข้อมูลต่างๆภายในจวนแม่ทัพที่นางรู้ให้เฉินเหยียนฟังอย่างละเอียดในขณะที่ยังไม่อาจตรวจสอบเื้ัที่แท้จริงของเฉินเหยียนได้นางจะยังไม่เล่าเื่ที่นางเป็องค์หญิงตัวปลอมและความแค้นของครอบครัวนางให้เฉินเหยียนฟังนอกจากนี้แล้ว หากสามารถบอกได้นางก็หวังจะให้เฉินเหยียนได้รู้ในเร็ววันเพื่อจะได้เตรียมการรับมือเอาไว้ให้ดี
เฉินเหยียนฟังอยู่เงียบๆ ไม่พูดแทรกแม้แต่คำเดียว หลิ่วจิ้งพูดจบเขาก็พอจะรู้สถานการณ์ของอีกฝ่ายแล้วนั่นคือองค์หญิงผู้หนึ่งที่เดินทางไกลจากต่างแคว้นเพื่อมาแต่งงานถูกกษัตริย์แห่งชางอี้มองเห็นเป็ของรางวัลให้เหล่าขุนนางประลองชิงตัวไปตามใจสุดท้ายหั่วอี้ได้ตัวนางมา นาง้ามีความสามารถที่จะปกป้องตนเองได้บ้างจึงช่วยเขามาเพื่อดึงเขาเข้ามาร่วมเป็กำลังของนาง
“รายละเอียดคร่าวๆ ก็เป็ดังนี้ เ้าจะยอมอยู่หรือไม่ หากไม่ยอมเช่นนั้นก็รอให้าแของเ้าหายดีก่อน เ้าก็สามารถเลือกจะไปได้”หลิ่วจิ้งลุกขึ้น จับจ้องไปที่เฉินเหยียน
เฉินเหยียนไม่เพียงไม่หลบสายตาหลิ่วจิ้ง แต่ยังมองกลับมาเขาจ้องตาหลิ่วจิ้งพลางเอ่ยออกมาทีละคำๆ ว่า “ข้า ยอม อยู่”
หลิ่วจิ้งยิ้มเบิกบานด้วยความสบายใจหนทางในภายภาคหน้านางยังมองไม่เห็นปลายทางแต่อย่างน้อยทุกก้าวที่ก้าวเดินไปในตอนนี้ก็กำลังค่อยๆ มุ่งหน้าไปยังเป้าหมายของนางและเป้าหมายนั้นกำลังเป็รูปเป็ร่างขึ้นมาแล้ว
_____________________________
เชิงอรรถ
[1] ปั้นโคลนให้ขึ้นรูป หมายถึง ตีกรอบ วางระเบียบอย่างเคร่งครัดไม่ผ่อนปรน
