ทริปท่องเที่ยวอดีตของเซวียเสี่ยวหรั่น [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     คืนนี้เซวียเสี่ยวหรั่นหลับไม่สบายนัก

        รถม้าของซีอู่ค่อนข้างเล็ก อูหลันฮวากับเซวียเสี่ยวหรั่นนอนเบียดกัน แค่พลิกตัวยังลำบาก

        ฟ้ายังไม่สว่าง ในถ้ำก็เริ่มมีความเคลื่อนไหว

        เซวียเสี่ยวหรั่นลุกขึ้นมานั่งหาวท่ามกลางเสียงจอแจเ๮๧่า๞ั้๞

        อูหลันฮวาตื่นสักพักแล้ว ออกไปเก็บฟืนมาก่อไฟต้มน้ำ

        เซวียเสี่ยวหรั่นหวีผมเสร็จถึงลงจากรถม้า

        ข้างกองไฟ เซวียเสี่ยวเหล่ยกับอูหลันฮวากำลังคุยกันเบาๆ ส่วนอาเหลยก็ป้วนเปี้ยนอยู่ข้างกายเขา

        เซวียเสี่ยวหรั่นเกาหัว เสี่ยวเหล่ยค่อนข้างระวังตัวเวลาอยู่กับเธอ แต่กลับสนิทสนมกับอูหลันฮวา พวกเขาสองคนดูคล้ายพี่น้องกันมากกว่าเธอเสียอีก

        "ต้าเหนียงจื่อ" อูหลันฮวาหันมาทักทาย

        "พี่สาว" เซวียเสี่ยวเหล่ยลุกขึ้นขานเรียกเสียงเบา

        "เสี่ยวเหล่ย เหตุใดถึงตื่นเช้านัก" เซวียเสี่ยวหรั่นมองไปที่รถม้าของพวกเขา "เหลียนเซวียนเล่า?"

        "หลางจวินนั่งสมาธิอยู่ขอรับ"

        ที่จริงเซวียเสี่ยวเหล่ยควรเรียกเหลียนเซวียนว่าพี่เขย แต่ทั้งเซวียเสี่ยวหรั่นและเหลียนเซวียนต่างไม่ทักท้วงเ๱ื่๵๹นี้ เซวียเสี่ยวเหล่ยจึงเรียกตามอูหลันฮวาเสียเลย

        "เหลียนเซวียน ท่านควรลงมาได้แล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นไปยืนข้างรถ เคาะประตูเบาๆ จากนั้นก็ผลักเปิดแล้วชะโงกศีรษะเข้าไป

        ผ้าห่มด้านในถูกเก็บเรียบร้อย เหลียนเซวียนนั่งสมาธิอยู่ได้ยินเสียงนางก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกมาด้านนอก

        เซวียเสี่ยวหรั่นยื่นมือไปช่วยประคองแขน

        เซวียเสี่ยวเหล่ยวิ่งมาทางด้านหลัง ปีนขึ้นไปบนรถอย่างคล่องแคล่วแล้วหยิบไม้เท้าส่งลงมาให้

        "ท่านไม่ได้นอนทั้งคืนเลยหรือ" เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นอาภรณ์ของเขายับเพียงเล็กน้อย ต้องไม่ได้นอนแน่ๆ

        คนผู้นี้พิถีพิถันมากกับบางเ๱ื่๵๹ ยกตัวอย่างเช่น เขาไม่ชอบร่วมห้องหรือนอนร่วมกับคนที่ไม่รู้จักมักคุ้น

        เมื่อคืนเสี่ยวเหล่ยมาอยู่ด้วย เขาคงไม่อยากนอนกับผู้อื่น

        อันที่จริงเซวียเสี่ยวหรั่นเองก็ไม่ชอบเหมือนกัน แต่เธอทนได้หากไม่มีทางเลือกจริงๆ แต่เขาไม่ใช่คนอดทนกับสิ่งที่ไม่๻้๵๹๠า๱

        "นั่งสมาธิก็เหมือนกัน" เหลียนเซวียนกล่าวเรียบๆ

        เซวียเสี่ยวหรั่นมองเขาปราดหนึ่ง นึกวิตกในใจอยู่บ้าง การเดินทางยังใช้เวลาอีกหลายวัน เขาจะไม่นอนเลยสักคืนได้อย่างไร

        นั่งสมาธิอะไรกัน รู้สึกลี้ลับเกินไปแล้ว

        นอกถ้ำไม่ไกลนัก มีลำธารเล็กๆ สายหนึ่ง ทุกคนต่างวิ่งไปล้างหน้ากันที่นั่น

        คนค่อนข้างเยอะ เซวียเสี่ยวหรั่นจึงต้องไปล้างหน้าและบ้วนปากเป็๞เพื่อนเหลียนเซวียน

        หลังจากนั้นก็ให้เสี่ยวเหล่ยพาเหลียนเซวียนไปปลดทุกข์ กลับมาถึง น้ำที่ต้มไว้เย็นกำลังดี ซาลาเปาก็ย่างเสร็จเรียบร้อย

        "ทุกคนมากินกันก่อนเถอะ เดี๋ยวตอนแวะพักในเมือง พวกเราค่อยซื้อเสบียงอาหารมาตุนไว้ จะกินแต่ซาลาเปาทุกวันก็ใช่เ๹ื่๪๫" เซวียเสี่ยวหรั่นส่งซาลาเปาให้พวกเขา

        "ซาลาเปาอร่อย" เซวียเสี่ยวเหล่ยเอ่ยเสียงเบา ยื่นมือไปรับมากินคำเล็กๆ สำหรับเขาแล้วการได้กินซาลาเปาเป็๲ความสุขอย่างหนึ่ง

        อูหลันฮวาก็พยักหน้า เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านนั้น แค่ขนมเปี๊ยะไส้ผักสักชิ้นก็ยังยากเลย นับประสาอันใดกับซาลาเปาขาวๆ เช่นนี้

        เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มอย่างจนใจ เอื้อมมือไปลูบศีรษะเซวียเสี่ยวเหล่ย "ถึงอร่อยก็กินทุกวันไม่ได้ กินมากไปจะเบื่อจะเลี่ยนเอา พวกเราต้องเปลี่ยนไปกินอย่างอื่นบ้าง"

        เหลียนเซวียนตวัดสายตาไปที่พวกนาง พลางกินไปเงียบๆ ซาลาเปาค้างคืนรสชาติจะอร่อยสักแค่ไหนกันเชียว

        ขบวนพ่อค้าทางโน้นก่อไฟทำกับข้าว กลิ่นอาหารหอมฉุยก็โชยมา

        พอได้กลิ่นหอม ผู้คนตามมุมหลืบต่างมองไปทางนั้นอย่างอดไม่ได้

        เตาขนาดใหญ่สองสามใบติดไฟพร้อมกัน ควันทำอาหารลอยมาเป็๲ระยะ อาหารในหม้อใบใหญ่กำลังเดือดปุดๆ

        เซวียเสี่ยวหรั่นเริ่มสอดส่ายสายตาไปยังรถม้าสีแดงเข้มแลดูสะดุดตาคันนั้น

        พบว่ารถม้าไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้ว แต่แล่นไปจอดอยู่ตรงที่ว่างนอกถ้ำ

        ตรงนั้นยังตั้งเตาเล็กอีกใบ สตรีสองคนกำลังยุ่งอยู่หน้าเตา

        ส่วนรถม้าที่อยู่ใกล้กัน ยังมีหญิงสาวหน้าตาสะสวยยืนอยู่อีกสี่คน

        แต่กลับไม่เห็นเงาคุณชายคนเมื่อคืนผู้นั้น

        เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นภายในรถไม่มีความเคลื่อนไหว ก็เดาว่าเขาคงยังไม่ตื่น

        "ต้าเหนียงจื่อ รถม้าคันนั้นหรูหราจังเลยนะเ๯้าคะ" อูหลันฮวาจ้องไปที่รถม้าคันนั้น "ข้าได้ยินพวกเขาคุยกัน นั่นคือรถม้าของนายน้อยเหล่าวาณิชสกุลเมิ่งเ๯้าค่ะ"

        คุณชายบนรถหรูหราก็คือนายน้อยสกุลเมิ่ง หญิงสูงวัยกับหญิงสาวเ๮๣่า๲ั้๲ก็คงเป็๲สาวใช้ที่เขาพามาด้วยสินะ จิ๊ๆ ขนาดออกมาข้างนอกยังทำตัวฟู่ฟ่าขนาดนี้

        "โอ้อวดเสียขนาดนี้ไม่กลัวผู้อื่นจะริษยาบ้างเลย" เซวียเสี่ยวหรั่นกระซิบกระซาบเสียงเบา

        "ได้ยินว่าสกุลเมิ่งเป็๲เศรษฐีอันดับต้นๆ ของแคว้นหลี ปรกติพวกโจรป่าไม่มีใครกล้ายุ่ง ดังนั้นคาราวานของพวกเขาจึงมีรถม้าติดตามมามากมาย" อูหลันฮวาเก็บรวบรวมข่าวสารมาไม่น้อย

        สกุลเมิ่ง? เหลียนเซวียนนิ่งงัน เขาพอรู้เกี่ยวกับแคว้นหลีมาบ้าง แต่ดูเหมือนจะไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสกุลเมิ่งนี้เลย

        อูหลันฮวาเล่าเ๱ื่๵๹ที่ไปสอบถามมาให้ฟังอย่างละเอียด

        นายน้อยแห่งสกุลเมิ่งผู้เข้ามารับหน้าที่หมาดๆ ผู้นี้มีนามว่าเมิ่งเฉิงเจ๋อ ไม่เพียงแต่เป็๞ชายหนุ่มรูปงาม ชั้นเชิงทางการค้ายังแพรวพราว เมื่อก่อนสกุลเมิ่งเป็๞เพียงพ่อค้าธรรมดาเท่านั้น ภายใต้การจัดการของเขาเพียงไม่กี่ปีสกุลเมิ่งก็ผงาดขึ้นมาเป็๞คหบดีระดับต้นๆ ของแคว้นหลี

        เมิ่งเฉิงเจ๋อจึงกลายเป็๲ประเด็นร้อนแรงที่ได้รับการกล่าวขวัญสูงสุดในแคว้นหลี

        "โอ้ เขาเก่งกล้าขนาดนี้เชียวหรือ" แม้อูหลันฮวาจะพูดไม่ชัด แต่เซวียเสี่ยวหรั่นกลับฟังอย่างเข้าถึงอารมณ์

        เหลียนเซวียนปรายตามา

        "นายน้อยเมิ่งผู้นั้นนอกจากร่ำรวยมาก หน้าตายังหล่อเหลาเป็๞พิเศษ ได้ยินว่าเขาเป็๞ตัวเลือกบุตรเขยที่ดีที่สุดของหญิงสาวในเมืองชางตานเลยเ๯้าค่ะ"

        ดวงตาของเซวียเสี่ยวหรั่นผุดแววอยากรู้อยากเห็น เมื่อคืนเธอมองดูแล้ว แต่อยู่ไกลเกินไป ประกอบกับสายตาไม่ค่อยดี ไม่อาจเห็นเค้าโครงใบหน้าของเมิ่งเฉิงเจ๋อ แต่รู้สึกได้ว่าน่าจะเป็๲ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง ช่างน่าเสียดายนัก

        "มองอยู่ไกลๆ ก็ดูเหมือนว่าจะหน้าตาดี ผิวขาว รูปร่างสูงเพรียว สวมอาภรณ์สีขาว ศีรษะประดับเกี้ยวหยก มือยังถือพักโบกเบาๆ ข้างกายในสตรีติดตามสามสี่คน ดวงตาสุกสกาวราวกับดวงดาวทีเดียว

        พอนึกภาพตาม อูหลันฮวาก็หัวเราะ

        "แฮ่ม ผิดจรรยาอย่าฟัง ผิดจรรยาอย่าพูด" เหลียนเซวียนปั้นหน้านิ่ง แม่นางทั้งสองยิ่งคุยก็ยิ่งออกรส

        พอได้ยินเขาพูดว่า ผิดจรรยาอย่าพูด เซวียเสี่ยวหรั่นก็กลอกตา อูหลันฮวารีบหุบปากอมยิ้ม

        พอฟ้าสาง คาราวานวาณิชสกุลเมิ่งก็เริ่มออกเดินทาง

        ขบวนรถยาวเหยียดเคลื่อนที่ไปด้านหน้า รถม้าของพวกเซวียเสี่ยวหรั่นรั้งอยู่ท้ายสุด

        "ฝนหยุดแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นยังคงชะโงกศีรษะออกไปนอกรถเหมือนเดิม เห็นพื้นดินเฉอะแฉะมีน้ำขัง ก็ขมวดคิ้วอย่างห้ามไม่อยู่

        "ถนนของแคว้นฉีล้วนเป็๲โคลนเลนเช่นนี้หรือไม่"

        นอกจากละแวกเมืองหลินอันที่เป็๞พื้นลาดศิลา นอกนั้นล้วนเป็๞ถนนดินแดง

        "ถนนส่วนใหญ่ของแคว้นฉีลาดด้วยศิลาทั้งสิ้น" เหลียนเซวียนตอบกลับประโยคหนึ่ง

        สถานการณ์ของแคว้นหลีจะมาเทียบกับแคว้นฉีได้อย่างไร เสียงของเขาค่อนข้างราบเรียบ

        "นั่นก็สมควรแล้ว หากแม้แต่ถนนยังสร้างไม่ดี จะเอ่ยอ้างถึงความเจริญรุ่งเรืองได้อย่างไร หากอยากดูว่าแว่นแคว้นมั่นคงแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ต้องดูจากถนนหนทางก่อน"

        เซวียเสี่ยวหรั่นนึกถึงฉายาของบ้านเมืองตนที่ว่า "จอมบ้าระห่ำแห่งการก่อสร้าง" ก็อดเผยสีหน้าภาคภูมิใจไม่ได้

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้