เสี่ยวสยาใจนตัวสั่นเทิ้ม คนขาพิการแซ่หลิวอายุสามสิบแล้ว เพราะขาไม่อำนวย แถมหน้าตายังอัปลักษณ์ เลยแต่งภรรยาไม่ได้มาตลอด ปีนี้จึงหักใจมอบเงินสินสอดมากขึ้น เพื่อซื้อภรรยากลับบ้าน
“แม่…” อยู่ๆ เจิ้งสยาก็เรียกมารดาเสียงแ่เบา เธอรวบรวมความกล้าแล้วบอกว่า “ทำไมเจิ้งหยวนยอมแต่งกับสกุลเฝิงล่ะ? เธอหาคนรักในเมืองได้แล้วนะ”
ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งตกตะลึง “แกพูดอะไร?”
เจิ้งสยากระซิบต่อ “ฉันได้ยินเจิ้งเจวียนบอก เธอบอกว่าพี่หาคนในเมืองมาเป็คู่ครองได้แล้ว”
เื่นี้เจิ้งเจวียนไม่ได้ตั้งใจป่าวประกาศให้พี่ และไม่ได้บอกเจิ้งสยาตามตรง มีวันหนึ่งเจิ้งสยาไปเก็บหญ้าเลี้ยงหมูบนเขา บังเอิญได้ยินเจิ้งเจวียนพูดคุยกับคนอื่นพอดี เด็กสาวคนหนึ่งหัวเราะเยาะเจิ้งเจวียน บอกว่าพี่สาวเธอนิสัยแย่ขนาดนั้น หากสกุลเฝิงถอนหมั้นไม่อยากแต่งขึ้นมาพี่สาวเธอจะทำอย่างไร? เจิ้ง
เจวียนโกรธจัด บอกว่าพี่สาวเธอไม่อาลัยสกุลเฝิงหรอก พี่ได้คนในเมืองมาเป็คู่รักแล้ว
เจิ้งสยาจดจำเื่นี้ไว้ในใจมาโดยตลอด ภายหลังอยู่ๆ แม่บอกว่าเจิ้งหยวนอาจไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของสกุลเฝิง อยากให้เจิ้งหยวนยกงานแต่งให้ เลยนึกถึงเื่นี้ขึ้นมากะทันหัน เธออายุยี่สิบกว่าปีแล้ว นอกจากสกุลเฝิง เธอน่าจะแต่งเข้าสกุลดีๆ ไม่ได้แล้ว สกุลเฝิงจึงกลายเป็ความหวังสุดท้ายของเธอ เธอต้องคว้าไว้ให้มั่น
ขอโทษนะ เ้าตัวขอโทษเจิ้งหยวนในใจเงียบๆ แม้เจิ้งหยวนจะได้ได้เกี่ยวดองกับสกุลเฝิง ก็ยังมีงานแต่งที่ดีกว่านี้ แต่หากเธอไม่ได้แต่งกับสกุลเฝิง ก็ได้แต่แต่งงานกับคนพิการแซ่หลิว เธอต้องขอโทษด้วยจริงๆ
ความคิดที่ล้มเลิกไปแล้วของป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งจุดประกายขึ้นมาอีกครั้ง เธอถามลังเล “แกพูดจริงเหรอ? มีเื่แบบนี้อยู่ด้วย?”
เจิ้งสยาพยักหน้ายืนยันช้าๆ แล้วเอ่ยเสียงกล้าๆ กลัวๆ “เจิ้งเจวียน
บอกเอง น่าจะไม่ผิดนะคะ?”
เจิ้งเทียนหู่เคาะชามเรียกร้องความสนใจจากคนอื่น เขาทำหน้าเหมือนชี้แนะเื่สำคัญระดับชาติ ก่อนเชิดคางน้อยๆ แล้วพูด “จริงหรือเท็จ พรุ่งนี้ฉันไปสืบในเมืองก็พอแล้วนี่?”
ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งถามบ้าง “แกจะไปสืบที่ไหน?” ในอำเภอกว้างใหญ่เสียขนาดนั้น จะไปหาคนจากไหนกันเล่า?
เจิ้งเทียนหู่กลอกตาพลางใคร่ครวญ ก่อนพูดว่า “ออกจะง่าย วันไหนเธอไปอำเภอ ฉันแค่ตามดูข้างหลังก็หมดเื่ เธอออกเดตก็ต้องไปเจอใครสักคนแน่นอนนี่?”
กองหยางหลิวห่างจากอำเภอจินสุ่ยนิดเดียว ด้วยตั้งอยู่ข้างอำเภอเมือง เดินจากบ้านเจิ้งไปอำเภอใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น หากขี่จักรยาน ก็แค่ไม่กี่สิบนาที บ้านเจิ้งไม่มีจักรยาน กระทั่งพี่สะใภ้ไปกลุ่มเย็บปักยังต้องเดิน ดังนั้นเจิ้งหยวนจึงต้องเดินเท้าเข้าตัวอำเภอด้วย
่ฤดูร้อนอันอบอ้าว เจิ้งหยวนเลือกออกจากบ้านั้แ่แปดโมงเช้า และจงใจเดินใต้ร่มเงาไม้ตลอดทาง ทว่าเดินอยู่ดีๆ ก็รู้สึกผิดปกติ เหมือนจะมีคนแอบมองข้างหลัง
หากเป็ชาติก่อน เจิ้งหยวนคงสงสัยแล้วว่ามีใครคิดอยากลักพาตัวเรียกค่าไถ่เธอหรือเปล่า แต่ชาตินี้เธอยากจน ใครจะมาปล้นเธอกัน? ยิ่งกว่านั้นเธอหน้าตาดี คนที่เห็นก็อดมองไม่ได้ ส่วนใหญ่ไม่มีเจตนาร้ายอันใด เธอชินแล้ว
เธอจับหมวกฟางบนศีรษะ รีบเดินจ้ำหลายก้าวแล้วหันกลับไปมองกะทันหัน บนถนนลูกรังท่ามกลางแสงแดดแผดเผา ผู้คนต่างสัญจรอย่างเร่งรีบ ดูอลหม่านวุ่นวาย แต่ไม่มีสิ่งใดน่าหวาดระแวง เธอจึงค่อยผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้