หากเขาเสแสร้งล่ะ แต่อย่างไรจี๋โม่หานก็เป็จิ้งจอกเฒ่า ย่อมมีความสามารถในการเบี่ยงเบนบทสนทนาสูง หรือไม่ก็ตอบกลับแบบขอไปที พูดอยู่นานแต่ก็จับใจความสำคัญไม่ได้
ซูิเยว่ถึงกับเหนื่อยใจ นางพูดจนคอแห้งไปหมดแล้ว แต่จี๋โม่หานผู้นี้ก็ยังพูดวนไปวนมาไม่หยุด
นางยกน้ำชาบนโต๊ะขึ้นมาดื่มจนหมดก่อนจะถอนหายใจ นางตัดสินใจจะถามขึ้นอีกครั้ง หากถามแล้วไม่ได้อะไรกลับมาจริงๆ ก็คงขอตัวกลับก่อน ทว่าประตูก็ถูกเคาะดังขัดจังหวะ
ครู่ต่อมาเสียงของหลิงชวนก็ดังมาจากด้านนอกประตู “องค์ชายสาม จื๋อหลันพาหมอเฉินกลับมาแล้วขอรับ”
ซูิเยว่ยังอ้าปากค้างอยู่ครึ่งหนึ่ง คำพูดติดอยู่ที่ริมฝีปากก่อนจะกลืนกลับไป แววตามองไปทางใบหน้าจี๋โม่หานทันที
จี๋โม่หานขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ซูิเยว่รู้สึกว่าเขาดูไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย
“อา...ฮะๆ” ซูิเยว่หัวเราะเสียงแห้งสองที พอรู้ตัวว่าดึกขนาดนี้แล้วจะไปรบกวนเขาอีกก็ไม่ค่อยดีเท่าไร เื่บางเื่ค่อยมาถามวันหลังก็ได้ “เช่นนั้น หม่อมฉันไม่มีอะไรแล้ว ขอ....”
“ไม่เป็อะไร ไม่ได้รบกวน” จี๋โม่หานพูดตัดบทนางที่ยังพูดไม่ทันจบแล้วก็เอ่ยเสียงดัง “เข้ามา”
“ไม่ใช่เพคะ หม่อมฉัน....” เดิมทีซูิเยว่จะลุกขึ้นยืนแล้ว แต่ตอนนี้นางกลับอยู่ในท่าจะนั่งก็ไม่นั่งจะยืนก็ไม่ยืน นางอยากจะทูลลา แต่อาจเป็จี๋โม่หานที่เข้าใจความหมายของนางผิดไป “องค์ชายสาม ในเมื่อมีแขกมาเยี่ยม เช่นนั้นหม่อมฉัน...”
“เปิ่นหวังบอกว่าไม่เป็ไร เ้านั่งไปก็พอ”
นางยังพูดไม่ทันจบก็ถูกจี๋โม่หานตัดบทอีกครั้ง
ซูิเยว่ขมวดคิ้วอ้าปากค้าง ฮึดฮัดอยู่หนึ่งวินาทีก่อนจะนั่งลงไป นางไม่ค่อยเข้าใจจี๋โม่หานเท่าไรว่าเขาไม่เข้าใจความหมายของนางหรือมีเป้าหมายอื่นกันแน่
ทว่าไม่รอให้นางได้คิดอย่างละเอียด ประตูเรือนก็ถูกผลักออก คนที่เดินนำเข้ามาเป็บุรุษตัวสูง ด้านหลังมีบุรุษวัยกลางคนอายุครึ่งร้อยหนึ่งคนพร้อมกับลูกน้องคนอื่นๆ ข้างกายของจี๋โม่หานตามหลังมา
สายตาของซูิเยว่กวาดมองใบหน้าของบุรุษที่เดินนำมา คนคนนี้นางเพิ่งเคยเห็นเขาอยู่ข้างกายจี๋โม่หานครั้งแรก เขาคงจะเป็จื๋อหลันที่พวกเขาเพิ่งพูดกัน
ทางด้านนางที่กำลังมองพิจารณาอยู่นั้น สายตาของจื๋อหลันเองก็มองซูิเยว่ด้วยเช่นกัน แต่แค่ครู่เดียวก็ดึงสายตากลับมา ต่อมาเขาก็คุกเข่าลงตรงหน้าจี๋โม่หาน “กระหม่อมจื๋อหลันถวายบังคมองค์ชายสามพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงของจี๋โม่หานกลับมาเ็าเหมือนเดิม “ลุกขึ้นเถิด”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายสาม”
หลิงชวน จิ่งฉือ และิจิ่วสามคนนั้นพอเข้ามาในห้องก็มองไปทางซูิเยว่ สายตาเ่าั้แฝงไปด้วยความหมายที่ไม่อาจบรรยาย ซูิเยว่ถึงกับสมองขาวโพลน
จื๋อหลันยืนขึ้นถอยหลังไปด้านข้างเผยให้เห็นเฉินอวี้เหอที่อยู่ด้านหลัง “องค์ชายสาม ท่านนี้คือหมอเฉิน เฉินอวี้เหอพ่ะย่ะค่ะ”
จี๋โม่หานไม่ได้เอ่ยอะไร ใบหน้าเองก็ไม่ปรากฎอารมณ์ใดใด
ภายในห้องเงียบกริบ เฉินอวี้เหอก้าวขาเข้ามาหนึ่งก้าวและพูด “ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายสาม”
ถึงแม้เขาจะพูดเช่นนั้น แต่น้ำเสียงกลับไม่ได้ให้เกียรติเลยสักครึ่งเดียว กลับกันยังแฝงไปด้วยความเย่อหยิ่ง
อุณหภูมิภายในห้องก็พลันลดลงทันที จู่ๆ ก็รู้สึกหนาวขึ้นมา
พวกหลิงชวนขมวดคิ้วไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
แววตาเรียบเฉยของซูิเยว่กวาดมองไปรอบห้อง นางที่เป็คนนอกไม่อาจพูดอะไรได้ ทำได้แค่มองอยู่เงียบๆ แต่ดูจากสีหน้าแล้ว หมอเฉินคนนี้เหมือนจะเย่อหยิ่งและไม่ประจบสอพลอ
ถึงแม้จะเป็เช่นนี้ แต่คนอื่นๆ ก็ต่างไม่พูดอะไร คิดไปแล้วหมอเฉินคนนี้ก็คงมาเพื่อรักษาอาการป่วยของจี๋โม่หาน
ภายในห้องเงียบไปอีกครั้ง พอเฉินอวี้เหอพูดจบแล้วไม่มีใครตอบกลับ สีหน้าก็ย่ำแย่เล็กน้อย
ตอนที่ซูิเยว่คิดว่าจี๋โม่หานคงไม่คิดจะตอบแล้ว ตอนนี้เองเขาก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่เร่งร้อน น้ำเสียงแฝงความเย็นะเืไว้เล็กน้อย “ไม่ต้อง”
เฉินอวี้เหอรู้สึกถึงความไม่พอใจจากน้ำเสียงของจี๋โม่หาน สีหน้าจึงแข็งค้างไป ต่อมาก็คิดอะไรได้อารมณ์บนใบหน้าจึงกลับมาเป็เหมือนเดิม
สุดท้ายก็เป็หลิงชวนที่เสนอตัวออกมาคลี่คลายบรรยากาศ “เชิญหมอเฉินนั่งเถิด”
เฉินอวี้เหอสะบัดแขนเสื้ออย่างแรงแล้วเดินไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้าง
หลิงชวนมองจี๋โม่หานแล้วพูด “องค์ชายสามพ่ะย่ะค่ะ หมอเฉินมาเพื่อรักษาดวงตาให้กับองค์ชายสามพ่ะย่ะค่ะ”
ซูิเยว่ยกแก้วชาขึ้นมาจิบ เป็อย่างที่คิดไว้ ถึงว่าทำไมหมอเฉินคนนี้ถึงได้ไม่มีท่าทีหวาดกลัวต่อจี๋โม่หานเลยสักนิด
ทางด้านเฉินอวี้เหอก็พูดต่อ “เป้าหมายที่กระหม่อมมาในครั้งนี้ไม่ต้องพูดกันให้มากความ ดวงตาขององค์ชายสามทิ้งเวลามานานขนาดนี้ จะสามารถรักษาได้หรือไม่นั้นกระหม่อมจะต้องตรวจสอบก่อน อีกอย่างสมุนไพรที่จำเป็ต่างๆ กับค่าใช้จ่ายก็คงจะขาดไม่ได้”
ใบหน้าของหลายคนในห้องเผยความดีใจออกมา มีเพียงจี๋โม่หานที่มีสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนกับไม่ได้ยินอย่างไรอย่างนั้น
“เื่นี้แน่นอนอยู่แล้ว” หลิงชวนพูดทันที “หมอเฉินไม่ต้องกังวลใจไปหรอก หาก้าอะไร ท่านแค่บอกพวกเราก็พอ”
ถึงแม้เฉินอวี้เหอจะพูดเช่นนี้ แต่ก็ไม่ได้ยืนอยู่ข้างกายจี๋โม่หานเพื่อตรวจดวงตา เขายังคงนั่งอยู่ที่เดิมด้วยท่าทางสบายๆ พร้อมยกมือขึ้นมาลูบเคราของตัวเองช้าๆ
หลิงชวนขมวดคิ้ว “หมอเฉินคิดว่าอย่างไรหรือ?”
เฉินอวี้เหอมองไปทางเขาแล้วไม่ได้อธิบายอะไร แต่หลิงชวนก็เข้าใจทันที มือที่วางบนกระบี่ก็กำแน่นขึ้นมา น้ำเสียงก็เ็าขึ้น “เช่นนั้นหมอเฉินเสนอราคามาเถิด”
เฉินอวี้เหอหัวเราะออกมา “เื่นี้หรือ พวกเ้าเองก็รู้ ดวงตาขององค์ชายสามนั้นค่อนข้างตึงมือ จะต้องสูญเสียแรงกายแรงใจไปมาก.....”
“อย่าพูดไร้สาระ เสนอราคามาตรงๆ” จื๋อหลันที่อยู่ด้านข้างทนต่อไปไม่ไหวจึงเอ่ยตัดบทเฉินอวี้เหอ
สีหน้าของเฉินอวี้เหอแข็งค้างไป เก็บรอยยิ้มบนใบหน้าลงแล้วยื่นห้านิ้วออกมา
“ห้าแสน?” จิ่งฉือขมวดคิ้วกล่าว
เฉินอวี้เหอมองเขาแล้วส่ายหน้า “ห้าล้าน”
ภายในห้องเงียบลงทันที
ซูิเยว่ที่กำลังดื่มน้ำชาอยู่ พอได้ยินราคาที่เฉินอวี้เหอเสนอมาก็แทบจะพ่นน้ำชาออกมา นางยกมือขึ้นปิดปากไอ จี๋โม่หานหันตามเสียงมาหาแล้วพูดเสียงเบา “ไม่เป็อะไรใช่หรือไม่?”
ซูิเยว่ชะงักไปแล้วรีบส่ายหน้า แต่นางก็นึกขึ้นได้ว่าจี๋โม่หานมองไม่เห็นจึงเอ่ยอธิบายออกไป “ไม่เป็ไร ไม่เป็ไรเพคะ”
เฉินอวี้เหอตอนนี้ก็เป็สิงโตอ้าปากกว้าง ห้าแสนก็พอไหว แต่นี่ห้าล้าน ช่างกล้าหาญเสียจริง ไม่ดูเลยว่าอีกฝ่ายเป็ใคร กับจี๋โม่หานก็ยังกล้าเ้าเล่ห์ใส่ ซูิเยว่นับถือความกล้าของเฉินอวี้เหอนัก
หลังจากผ่านมาเนิ่นนาน หลิงชวนก็เอ่ยปากออกมาก่อน “ได้ ขอแค่หมอเฉินรักษาอาการขององค์ชายสามของพวกเราได้ ไม่ว่าท่าน้าอะไรข้าก็จะตกลง”
ซูิเยว่ตะลึงตาค้างไปเล็กน้อย นางมองหลิงชวนสลับกับจี๋โม่หานอีกครั้ง ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้เอ่ยปากห้ามแต่อย่างใด
เมื่อเฉินอวี้เหอพอใจแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปข้างกายจี๋โม่หาน “เช่นนั้นกระหม่อมจะตรวจดวงตาขององค์ชายสามก่อนพ่ะย่ะค่ะ” เขายืนห่างจากจี๋โม่หานไม่ถึงครึ่งชุ่น ร่างเอนไปด้านหน้า พูดไปก็ยื่นมือไปััดวงตาของจี๋โม่หาน
ใบหน้าของจี๋โม่หานปรากฏความไม่พอใจออกมา ตอนที่มือของเฉินอวี้เหอจะแตะดวงตาของเขา มือทั้งสองข้างของจี๋โม่หานที่วางอยู่ตรงที่วางมือก็สร้างระยะห่างระหว่างเขากับเฉินอวี้เหอ ทั้งตัวและรถเข็นไถลไปด้านหลังหนึ่งชุ่น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้