เฉิงชิงเข้าร่วมการสอบระดับเมือง ผู้ที่คอยติดตามนางมีอยู่ไม่น้อยเลย
ไม่ต้องเอ่ยถึงคนในครอบครัวและบ้านห้า ในอำเภอหนานอี๋ เศรษฐีเฒ่าเหอก็ติดตามข่าวของนางอย่างใกล้ชิด การสอบระดับเมืองสนามที่หนึ่ง เฉิงชิงสอบได้อันดับที่หนึ่งอีกแล้ว เศรษฐีเฒ่าเหอกล่าวทันทีว่าเฉิงชิงยังจะสามารถได้ตำแหน่ง ‘บัณฑิตอั้นโส่วประจำเมือง’ อีก เหอหว่านมึนงง
“ยังมีสนามที่สองและสนามที่สามนะเ้าคะ ท่านปู่ท่านมั่นใจขนาดนี้ได้อย่างไร?”
“เ้านี่นะ รอดูไปเถอะ ข้าเคยตัดสินผิดตอนไหน!”
ที่จริงแล้วเหอหว่านก็รู้สึกว่าเฉิงชิงได้ตำแหน่ง ‘บัณฑิตอั้นโส่วประจำเมือง’ อีกก็ไม่เลวทีเดียว ปากกลับไม่ยอมรับ นิสัยของแม่นางน้อยมักจะมีความอึดอัดใจอยู่หลายส่วน ยามเฉิงชิงอยู่ในสถานการณ์ได้เปรียบ นางไม่มีทางกล่าวถ้อยคำประจบ เมื่อเฉิงชิงอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ผู้อื่นมีอคติต่อเฉิงชิง เหอหว่านก็โต้แย้งในจิตใต้สำนึก
การประกาศรายชื่อในการสอบระดับเมืองสนามที่สองได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน
เฉิงชิงไม่ใช่อันดับหนึ่ง!
เหอหว่านกังวลใจจนกินไม่ลง ทั้งยังบ่นระบายกับสาวใช้ข้างกาย กล่าวว่าผู้คุมสอบของการสอบระดับเมืองตาไร้แววนัก
ใช่แล้ว สตรีเมื่อเติบใหญ่ก็ควรออกเรือน เศรษฐีเฒ่าเหอตั้งใจว่าพอเฉิงชิงสอบผ่านการสอบระดับสำนักศึกษาแล้ว จะเปิดประเด็นเื่นี้ ต้องจับตาดูให้ดี ตัวเลือกหลานเขยไม่รีบจัดการไว้เสียเนิ่นๆ ในอนาคตถูกคนคว้าไป จะมาเสียดายทีหลังก็สายไปเสียแล้ว
ทางด้านบ้านรองนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าจูและเหอหว่านตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เหอหว่านบ่นเป็การส่วนตัวว่าผู้คุมสอบตาไม่มีแวว ฮูหยินผู้เฒ่าจูกลับแค้นที่ไม่อาจมอบซองแดงซองโตให้แก่ผู้คุมสอบ
รับปากกับเฉิงจือซวี่แล้วว่าจะไม่ไปหาเื่เฉิงชิงอีก ไม่ได้หมายความว่าฮูหยินผู้เฒ่าจูจะยินดีที่ได้เห็นเฉิงชิงมีความสามารถรอบด้าน
หากตัวเฉิงชิงไม่พยายามเอง ก็ไม่อาจโทษมาถึงนางกระมัง?
ฮูหยินผู้เฒ่าจูกระตือรือร้นที่จะได้เห็นเฉิงชิงล้มเหลวในการสอบระดับเมือง ยินดีสุดขีดจนอดไม่ได้ที่จะเรียก “แม่นมโจว” ทำให้เหล่าสาวใช้ที่รับใช้ห้องหลักต่างหวาดกลัวไม่กล้าตอบรับ ฮูหยินผู้เฒ่าจูเองก็ได้สติกลับมาแล้ว——แม่นมโจวไม่อยู่รับใช้ข้างกายนางแล้ว เมื่อตระหนักถึงข้อนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าจูจึงหมดอาลัยตายอยากจากการสูญเสีย
คนประเภทนางไม่มีทางวิจารณ์ตนเอง ทั้งหมดจึงกล่าวโทษว่าเป็เพราะเฉิงชิง
หากเฉิงชิงไม่บีบคั้นคน บ้านรองก็ไม่อาจร้อนใจลงโทษแม่นมโจวเช่นนั้น
ทั้งหมดเป็ความผิดของเ้าลูกสุนัขนั่น!
ฮูหยินผู้เฒ่าจูเรียกนางจงสะใภ้ใหญ่ให้เข้ามา “ปีนี้บ้านรองไม่มีผู้ใดสอบ ข้าได้ยินว่าเหิงเกอของบ้านใหญ่กำลังเข้าร่วมการสอบระดับเมือง เหิงเกอเอ๋อร์มิใช่ว่าสอบผ่านสองสนามแล้วหรือ? เ้าเร่งเตรียมของขวัญแสดงความยินดีไว้แต่เนิ่นๆ เสีย รอเหิงเกอเอ๋อร์ผ่านการสอบระดับเมืองแล้วก็ส่งไป”
ผ่านการสอบระดับเมืองก็เป็บัณฑิตถงเซิงแล้ว
ไม่ว่าอายุเท่าไร อยู่ด้านนอกเดินไปไหน ผู้อื่นล้วนปฏิบัติอย่างกระตือรือร้นอยู่บ้าง
เหมือนเฉิงกุยที่ยังเป็เด็กหนุ่มก็สอบได้เป็บัณฑิตซิ่วไฉแล้ว เป็เื่ปกติของตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ แต่เมื่ออยู่ในตระกูลเล็ก บุรุษที่เป็บัณฑิตซิ่วไฉก็สามารถเป็ประมุขของที่บ้านได้แล้ว!
ตระกูลเฉิงบุ๋นเฟื่องฟู สอบผ่านถงเซิงแล้ว ญาติมิตรที่รู้จักกันมานานเลี่ยงไม่ได้ ต้องแสดงความยินดีสักหนึ่งฉาก ถือเป็การแสดงออกของคนในตระกูลเอง
ในเมื่อนางจงต้องอาศัยอยู่ในหนานอี๋อีกนาน ต้องรู้จักจัดการควบคุมการหุงหาอาหารในบ้านรอง ไมตรีไปมาหาสู่เหล่านี้มีแบบแผนมาช้านาน ไม่ต้องให้นางจูกล่าวเตือน นางจงเองก็สามารถเตรียมของขวัญตามแบบแผนได้
ตามความคิดของนางจง ไม่เพียงแค่เฉิงเหิง เฉิงชิงเองก็ควรมีของขวัญแสดงความยินดีด้วย
แต่แม่สามีตั้งใจเรียกนางมากำชับหนึ่งรอบ ้าเพิ่มมูลค่าให้แก่ของขวัญแสดงความยินดีของเฉิงเหิง แต่กลับขี้เหนียวกับเฉิงชิง?
รังเกียจที่ภายนอกพูดกันไม่พอหรือ
นางจงอดไม่ได้บ่นกับน้องสะใภ้ “พอท่านแม่ป่วยแล้วนิสัยก็ยิ่งลำเอียงผิดเพี้ยนไปแล้ว เื่ของแม่นมโจวส่งผลกระทบแค่ไหน พวกเราต้องทุ่มเทลงแรงไปมากน้อยเพียงใดเพื่อปิดข่าวลือเ่าั้? ท่านแม่บุ่มบ่ามเช่นนี้ ไม่ได้คิดแทนบุตรหลานในตระกูลแม้แต่น้อย”
ที่อยู่ไกลไม่พูดถึง กล่าวถึงเฉิงกุย ปีนี้ก็จะอายุเต็มสิบห้าปีแล้ว นางจงมองหาการแต่งงานให้บุตรชายแล้ว
หากเลือกลูกสะใภ้ที่น่าพึงพอใจในทุกด้านได้แล้ว ทางฝ่ายหญิงก็จะส่งคนมาหนานอี๋เพื่อสอบถาม บ้านรองมีธรรมเนียมตระกูลเช่นนี้ ไหนเลยจะยอมให้แต่งบุตรสาวเข้ามา!
ภรรยาของเฉิงจือซู่นางหวงและนางจงเองก็ไม่ได้เข้ากันได้จริงๆ สะใภ้ทั้งสองั้แ่แต่งเข้าบ้านรองก็มีบางครั้งที่แข่งขันกัน เฉิงจือซวี่และเฉิงจือซู่สองพี่น้องอายุห่างกันไม่มากนัก ระยะเวลาแต่งงานก็ห่างกันเพียงหนึ่งปี นางหวงและนางจงมักจะเปรียบเทียบกันว่าผู้ใดจะตั้งท้องก่อนมาโดยตลอด ผู้ใดจะให้กำเนิดบุตรชายก่อน แต่นางจงมีโชคมากกว่านิดหน่อย ไม่เพียงสามีที่แต่งด้วยจะมีอนาคตไกลกว่า ทั้งยังคว้าการให้กำเนิดหลานชายคนโตของบ้านรองนำหน้า
นางหวงตามหลังในทุกด้าน
เวลาผ่านไป นางหวงตระหนักได้ว่าต้องพึ่งพานางจง สามีภรรยาถึงจะมีชีวิตที่ดีขึ้น ด้านหนึ่งลอบไม่พอใจ ต่อหน้าปรองดองแต่ในใจไม่ปรองดองด้วย
นางจง้ากล่าวอย่างอื่นอีก นางหวงก็ได้แต่ดีใจในความทุกข์ของผู้อื่น หวังว่านางจงอยู่ต่อหน้าแม่สามีจะทุกข์ให้มาก มีเพียงเื่การแต่งงานของบุตรชายหญิงที่พวกนางจะยืนอยู่ฝ่ายเดียวกัน
บุตรคนแรกของนางจงเป็บุตรชาย แต่บุตรคนแรกของนางหวงเป็บุตรสาว อายุน้อยกว่าเฉิงกุยสองปี บัดนี้ก็ถึงวัยต้องหารือเื่แต่งงานแล้ว
หากเื่แต่งงานของเฉิงกุยได้รับผลกระทบ บุตรสาวคนโตของนางหวงก็จะได้รับผลกระทบที่ใหญ่ขึ้นเช่นกัน
เฉิงกุยดีร้ายอย่างไรก็มีบิดาเป็เ้าเมือง คนมีความเพียร อายุสิบห้าก็สอบผ่านได้เป็บัณฑิตซิ่วไฉแล้ว แล้วบุตรสาวคนโตของนางหวงเล่ามีสิ่งใด?
คนเรามักจะเรียกร้องจากสตรีมากมาย ข้อจำกัดในการแต่งงานก็มากกว่าบุรุษ
หากบุรุษมีคุณวุฒิแล้ว สามารถพึ่งสิ่งนี้ปีนขึ้นไปหาการแต่งงานที่ดีได้ เงื่อนไขครอบครัวฝ่ายหญิงมีหลายระดับมากกว่าครอบครัวฝ่ายชาย บัณฑิตจ้วงหยวนที่ตกยากสามารถแต่งงานกับองค์หญิง บัณฑิตจวี่เหรินหนุ่มแต่งงานกับบุตรสาวของขุนนางใหญ่ก็ไม่ใช่เื่แปลก
แต่หากเปลี่ยนเป็สตรี เพราะไม่เหมือนกับบุรุษที่สามารถสอบเข้ารับราชการเป็ขุนนางได้ มาตรฐานการตัดสินของคนเราก็จะค่อนข้างจำกัด เงื่อนไขของแม่นางน้อยผู้หนึ่งจะโดดเด่นหรือไม่ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวแม่นางน้อยเอง แต่ดูที่พื้นเพตระกูลมากกว่า ดูอนาคตของบิดาและพี่ชาย ดูธรรมเนียมตระกูล… คิดแล้วนางหวงพลันหลั่งเหงื่อเย็น
“พี่สะใภ้รอง พวกเราไม่อาจทำตามอารมณ์ของท่านแม่ได้ แม่นมชรานั่นตายไปก็ไม่น่าเสียดาย แต่ทำร้ายจวนของเราอย่างน่าอนาถ บัดนี้ครอบครัวที่ส่งเทียบเชิญพวกเราไปร่วมงานเลี้ยงก็น้อยลงไปเกินครึ่ง ไม่รู้มีดวงตากี่คู่คอยมองว่าพวกเราจะดำเนินการอย่างไร เฉิงชิงสามารถไม่สนิทใกล้ชิดกับบ้านรองได้ แต่พวกเราไม่อาจเสียมารยาท!”
นางจงเองก็คิดเช่นนี้
ข่าวลือภายนอกเ่าั้ไม่น่าฟังอย่างมาก นางจงปวดใจแทนบุตรชาย นางไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อเฉิงชิงซึ่งเป็ตัวต้นเื่ทั้งหมดนี้ แต่นางมีเหตุมีผลกว่าฮูหยินผู้เฒ่าจู รู้จักควบคุมตนเองมากกว่า
นางยินดีทำทุกเื่ที่เป็ประโยชน์ต่อเฉิงกุย
เพียงเตรียมของขวัญแสดงความยินดีหนึ่งชิ้น บ้านรองคนเยอะกิจการมาก จึงไม่ขาดเงินเล็กน้อยเหล่านี้
เฉิงชิงไม่รับก็ไม่เป็ไร เพียงนางมีท่าทียืนกรานชัดเจน ให้คนนอกปรับความประทับใจต่อบ้านรองก็ได้แล้ว
ส่วนตำแหน่งอั้นโส่วประจำเมือง… เฉิงชิงสามารถสอบได้ตำแหน่งบัณฑิตอั้นโส่วประจำเมือง นั่นก็เป็ความสามารถของตัวเฉิงชิงเอง นางจงไม่มีทางเลอะเลือนถึงขนาดยื่นมือไปทำลาย ในอนาคต ผู้ที่เข้าร่วมการสอบระดับมณฑลและเมืองหลวงร่วมกับเฉิงกุยมากมายถึงเพียงนั้น ถ้านางต้องยื่นมือจัดการทีละคน จะต้องยุ่งวุ่นวายเพียงใด!
ไม่มีเฉิงชิงก็ยังมีผู้อื่น
ที่สำคัญไม่ใช่ว่าเฉิงชิงสอบระดับเมืองครั้งนี้เป็อย่างไร แต่เป็บุตรชายแท้ๆ ของนาง ในอนาคตผลสอบของเฉิงกุยจะเป็อย่างไร!
เฉิงชิงไม่รู้เลยว่าการสอบระดับเมืองของตนยังไม่ทันเสร็จ ก็ได้ก่อคลื่นลมฝนมากมายแล้ว
อารมณ์ของนางไม่ได้รับผลกระทบ ยังเข้าร่วมการสอบระดับเมืองสนามสุดท้ายด้วยจิตใจปกติ
สนามแรกสอบเติมคำจากคัมภีร์ พื้นฐานของนางอัดแน่นพึ่งพาได้ ดังนั้นจึงได้อันดับหนึ่ง
สนามที่สองสอบเรียงความ วาทศิลป์ของนางโดดเด่นไม่พอ จึงไม่ได้อันดับหนึ่ง
สนามที่สามสอบบทความวิพากษ์การเมือง หรือก็คือแิทางการเมือง เหตุการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน… เอ่ยตามความจริง ศิษย์อายุน้อยที่อุดอู้ร่ำเรียนอย่างหนักในห้องกลุ่มหนึ่ง ไม่ทำงานหาเงิน ไม่ถ่องแท้ความเป็อยู่ของผู้คน จะมีความเข้าใจในแิทางการเมือง เข้าใจต่อเหตุการณ์บ้านเมืองที่เป็ประโยชน์มากน้อยเท่าไรกันเชียว?
กระดาษคำตอบส่วนใหญ่ ครึ่งบนเขียนชมเชยโดยใช้วาทศิลป์งดงาม แล้วจึงกล่าวความเข้าใจของตนเองอย่างผิวเผิน เต็มไปด้วยน้ำ ส่วนเนื้อหาภายในที่แท้จริงมีเพียงไม่กี่ประโยค
ในสถานการณ์เช่นนี้ เมื่อผู้คุมสอบที่ตรวจกระดาษข้อสอบ เห็นคำตอบแผ่นหนึ่งใช้ถ้อยคำเรียบง่ายตรงประเด็น ลำดับการเขียนชัดเจน ยังมีความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันบ้าง ยากที่จะเลี่ยงจึงแสดงตัวอย่างให้ดูรอบหนึ่ง อ่านและส่งต่อแค่ในบรรดาสหายร่วมงานไม่พอ ยังนำกระดาษข้อสอบแผ่นนี้ไปมอบให้หัวหน้าผู้คุมสอบของการสอบระดับเมือง เ้าเมืองอวี๋
“ใต้เท้าเชิญดูกระดาษข้อสอบแผ่นนี้ขอรับ!”
