ตอนที่ 63 อยากช่วยแต่ช่วยไม่ได้
ชั่วพริบตาเดียวเวลาผันผ่านไปแล้วสามวันเต็ม กระทั่งถึงวันแต่งงานของมู่อวิ๋นหาน
มู่อวิ๋นจิ่นลืมตาตื่นขึ้นั้แ่เช้าและแต่งตัวเกล้าผมอย่างประณีตเป็พิเศษ
เมื่อเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นให้จื่อเซียงไปหยิบของขวัญแสดงความยินดี จากนั้นก็เดินออกจากห้องนอน
เมื่อก้าวเท้าออกมาก็เห็นติงเซี่ยนมายืนอยู่หน้าห้องฉู่ลี่แล้ว
มู่อวิ๋นจิ่นเดินผ่านห้องของฉู่ลี่แอบชำเลืองตามองเข้าไปในห้องที่แง้มประตูอยู่ เห็นเขาสวมอาภรณ์สีม่วงกับมงกุฎหยกด้วยความสง่างาม
“เ้าจะไปไหน?” ฉู่ลี่เอ่ยถามขึ้น
มู่อวิ๋นจิ่นเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “วันนี้เป็วันแต่งงานของพี่ชาย ข้าต้องไปจวนอัครมหาเสนาบดีมู่”
“แล้วเ้าล่ะ?” มู่อวิ๋นจิ่นถามกลับฉู่ลี่ไป
ฉู่ลี่เผยอมุมปาก “ราชครูจ้วงเชิญข้าไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนสกุลจ้วง”
“แบบนี้นี่เอง ช่างประจวบเหมาะจริงเชียว พวกเราไปร่วมงานแต่งเดียวกัน อย่างนั้นขอตัวก่อน มู่อวิ๋นจิ่นอมยิ้มและเดินออกจากเรือนลี่เฉวียนไป
ติงเซี่ยนที่ยืนมองอยู่หน้าประตูแอบสัพยอกขึ้นมา “องค์ชายช่างใส่ใจพระชายาเหลือเกินพ่ะย่ะค่ะ”
“ตอนนี้นางแต่งเข้าจวนของข้า ทุกสายตาจึงจับจ้องมาที่นาง ในฐานะที่นางเป็คนในปกครองของข้าแล้ว ความปลอดภัยของนางนั้น ข้าต้องดูแลนางอย่างเต็มความสามารถ” ฉู่ลี่ตอบกลับ
ติงเซี่ยนพยักหน้างก ๆ แอบยิ้มอยู่ในใจ “นี่เป็ครั้งแรกที่เห็นองค์ชายพูดเยอะขนาดนี้พ่ะย่ะค่ะ”
…
เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นเดินทางไปถึงจวนอัครมหาเสนาบดีมู่ ก็เห็นว่าหน้าประตูจวนประดับตกแต่งด้วยสีแดงแห่งความเป็มงคล แเื่จำนวนไม่น้อยต่างนั่งตามที่ที่จัดไว้ ภายในห้องโถงรับรองต่างเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยอย่างยินดีปรีดา
มู่อวิ๋นจิ่นก้าวข้ามประตูจวนเข้าไป อัครมหาเสนาบดีมู่และลัวหนิงอวี่ก็ออกมาต้อนรับขับสู้ “คารวะพระชายาหก”
“ท่านพ่อและซานเหนียงไม่ต้องมากพิธี ตามสบายเถอะ วันนี้ลูกกลับมาร่วมแสดงความยินดีกับพี่ใหญ่ในฐานะบุตรสาว มิใช่ในฐานะพระชายาหก” มู่อวิ๋นจิ่นกล่าวด้วยเสียงเรียบ
อัครมหาเสนาบดีมู่และลัวหนิงอวี่จึงหยักหน้ารับ
จากนั้นบรรดาใต้เท้าที่มีชื่อเสียงต่างมาถึงจวน ส่งยิ้มพูดกับอัครมหาเสนาบดีมู่ “่นี้จวนอัครมหาเสนาบดีมู่มีเื่น่ายินดีมาก กระผมขอแสดงความยินดีกับท่านด้วย”
“ใต้เท้าหลี่ไม่ต้องเกรงใจ บุตรสาวของท่านใกล้เข้าถึงพิธีวัยปักปิ่นแล้ว ถึงตอนนั้นกระผมก็จะไปดื่มสุราแสดงความยินดีเช่นกัน” อัครเสนาบดีตอบด้วยความยิ้มแย้ม
“ท่านอัครเสนาบดีมู่พูดขนาดนี้แล้ว กระผมจะเชิญท่านเป็คนแรกเลย”
บรรดาใต้เท้าสนทนาทักท่านกับพอหอมปากหอมคอแล้ว ก็ต่างพากันเดินเข้าไปในห้องโถงที่มีเสียงสนทนาอย่างคึกคัก มู่อวิ๋นจิ่นกวาดสายตามองไปรอบ ๆ จึงเห็นเ้าบ่าวมู่อวิ๋นหานสวมอาภรณ์สีแดงเดินออกมา
ทันทีที่มู่อวิ๋นหานเห็นมู่อวิ๋นจิ่นนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ก่อนที่จะเดินเข้ามาแล้วก้มหน้ากระซิบกระซาบ “อวิ๋นจิ่นมาถึงแล้ว”
“ใช่แล้ว นี่ท่านพี่กำลังจะไปสู่ขอใช่หรือไม่?” มู่อวิ๋นจิ่นถามขึ้น
มู่อวิ๋นหานพยักหน้ารับและพูดบางอย่างกับมู่อวิ๋นจิ่นอีกสองสามประโยค ก่อนจะหัวเราะชอบใจออกมา “เอาล่ะ ได้เวลามงคลแล้วที่จะต้องไปสู่ขอเ้าสาว”
หลังจากสิ้นเสียง บรรดาเเขกเหรื่อก็เดินตามมู่อวิ๋นหานออกไป
มู่อวิ๋นจิ่นเห็นภาพเบื้องหน้าก็ได้แต่เบะปาก นึกถึงภาพตอนที่นางแต่งงานกับฉู่ลี่ เป็นางที่ต้องไปจวนเพื่อไปสู่ขอองค์ชายหกเอง
แต่โชคดีเหลือเกินที่องค์ชายหกไม่ได้ทรมานหรือกลั้นแกล้งนางแต่อย่างใด ดังนั้นก็พอลบล้างเื่ที่นางต้องแบกหน้าไปจวนของฝ่ายชายได้บ้าง
หลังจากที่ขบวนสู่ขอเดินออกไปหมดแล้ว จวนอัครเสนาบดีมู่กลับอยู่ในความเงียบสงบอีกครั้ง
“โอ้โห พี่สามกลับมาแล้ว” เสียงกู่ร้องของน้องห้ามู่เซี่ยโหรวดังขึ้น
มู่อวิ๋นจิ่นหันกลับไปมองตามเสียง เห็นมู่เซี่ยโหรวสวมชุดสีชมพู ดูท่าทางเรียบร้อย เดินเข้ามาทำความเคารพที่เบื้องหน้า
ด้านหลังของมู่เซี่ยโหรว มองเห็นน้องสี่มู่หลิงจูที่เดินออกมาจากเรือนด้านหลังพอดี และเมื่อนางเห็นมู่อวิ๋นจิ่นที่ห้องโถงก็ถึงกับชะงักงัน
จากนั้นมู่หลิงจูค่อย ๆ ก้าวเดินเข้ามาเบื้องหน้าทำความเคารพ “คารวะพระชายาหก”
“ตามสบายเถอะ” มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยเสียงเรียบ
“ขอบพระทัยพระชายาหก” มู่หลิงจูตอบขอบคุณ จากนั้นเงยหน้าขึ้นพูดต่อว่า “ท่านกับข้าก็เป็พี่น้องท้องเดียวกัน อีกอย่างวันนี้เป็วันมงคลของพี่ใหญ่อีก เช่นนั้นน้องจะเรียกท่านว่าพี่สาวได้หรือไม่?”
มู่อวิ๋นจิ่นแอบเม้มปากเบา ๆ “ดูท่าหลายเดือนมานี้ น้องสาวของพี่คนนี้จะเลิกถือทิฐิแล้ว”
“ก็ใช่นะสิท่านพี่ ทุกอย่างเป็เพราะท่านพี่มอบให้กับน้อง เหตุใดวันนี้ท่านพี่มาคนเดียวเล่า? องค์ชายหกมิได้มาด้วยกันหรือ?” มู่หลิงจูถามขึ้นอย่างใคร่รู้
“น้องสาวช่างระลึกนึกถึงสามีของพี่ดีจริงเชียว!” มู่อวิ๋นจิ่นตั้งใจเหน็บด้วยคำว่า “สามี”
ทางมู่หลิงจูถึงกับหน้าซีดในฉับพลัน รีบแสร้งยิ้มออกมา “ท่านพี่ก็พูดไปเรื่อย บัดนี้องค์ชายหกเป็พี่เขยของหลิงจูไปแล้ว หลิงจูเพียงแค่ไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบเพียงเท่านั้นเอง”
“องค์ชายหกไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนสกุลจ้วง” มู่อวิ๋นจิ่นเดินไปหาเก้าอี้นั่ง แล้วรินน้ำชาใส่ถ้วยยกขึ้นจิบอย่างช้า ๆ
มู่เซี่ยโหรวที่แม้อายุจะน้อย แต่สามารถมองดูสถานการณ์ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
เมื่อก่อนในจวนอัครเสนาบดีมู่ พี่สาวของมู่เซี่ยโหรวทั้งสองคนนั้น คนหนึ่งเป็ที่รัก ทะนุถนอมดั่งไข่มุกล้ำค่าส่วนอีกคนกลับเป็ที่น่าอับอาย จนอยากเหยียบให้จมธรณีให้หายวับไป
มาบัดนี้ ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ทุกอย่างกลับตาลปัตรเป็คนละเื่ไปหมดแล้ว
ตอนนี้พี่สามนั่งจิบน้ำชาอย่างสบายอกสบายใจ ดูไม่เหมือนกับคนขี้ขลาดไร้ความสามารถเหมือนเมื่อก่อน
“พี่สามทานของว่างเถอะ” มู่เซี่ยโหรวถือของว่างที่จัดวางอย่างประณีตยื่นให้มู่อวิ๋นจิ่น
มู่อวิ๋นจิ่นหันไปยิ้มให้มู่เซี่ยโหรว “ขอบใจน้องห้า”
จากนั้นนางหยิบของว่างขึ้นมากัดคำเล็ก ๆ อย่างผู้ได้รับการฝึกมาเป็อย่างดี
กระทั่งเวลาล่วงเลยไปกว่าหนึ่งชั่วยาม ด้านนอกมีเสียงประทัดดังขึ้น บรรดาแเื่ต่างทยอยพากันวิ่งออกไปที่หน้าประตูใหญ่
เห็นทีมู่อวิ๋นหานที่ไปสู่ขอกลับมาแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นจึงรีบลุกขึ้นด้วยความสงสัย เพื่อเดินไปดูหน้าคุณหนูจ้วงว่าเป็อย่างไร
ไม่นานนักมู่อวิ๋นหานได้อุ้มจ้วงอวี้เหยียนเข้ามาในห้องโถง
เมื่อเห็นเหตุการณ์นั้น มู่อวิ๋นจิ่นก็กลับขมวดคิ้วเข้าหากัน
…
หลังจากเสร็จพิธี มู่อวิ๋นหานได้อุ้มจ้วงอวี้เหยียนเข้าไปเรือนด้านหลัง ส่วนแเื่ถูกจัดให้นั่งตามโต๊ะที่จัดเตรียมไว้
ทั้งมู่อวิ๋นจิ่น มู่เซี่ยโหรวก็พากันเข้าไปนั่งโต๊ะที่จัดไว้ ส่วนอัครมหาเสนาบดีมู่กับลัวหนิงอวี่ก็ยุ่งอยู่กับการรับรองแขก จนไม่มีเวลาสนใจบุตรสาว
มู่หลิงจูนั่งลงที่โต๊ะ ทำท่าทำทางลังเลใจ ก่อนจะเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก “ท่านพี่ หลิงจูอยากจะขอร้องท่านพี่ช่วยเหลือสักเื่หนึ่งจะได้ไหม?”
“ช่วยเื่อะไร?” มู่อวิ๋นจิ่นชำเลืองด้วยหางตา
มู่หลิงจูเม้มปากแน่น “ั้แ่ที่เกิดเื่กับท่านแม่ คนตระกูลมู่ต่างอยากลบชื่อหลิงจูออกจากตระกูล และไม่ให้หลิงจูเข้าห้องศาลบรรพชน”
“หลิงจูขอร้องวิงวอนท่านพ่อหลายต่อหลายครั้ง แต่ท่านพ่อมิยอมออกหน้าให้ ดังนั้นอยากให้ท่านพี่ใช้ฐานะของพระชายาหกออกหน้าให้เสียหน่อย”
พอได้ยินว่าต้องพัวพันถึงคนในตระกูล มู่อวิ๋นจิ่นกลับแสยะยิ้มออกมา “พี่เองก็อยากช่วย ทว่าจนปัญญาเนี่ยนะสิ”
…
หลังจากงานเลี้ยงฉลองแต่งงานผ่านพ้นเป็ที่เรียบร้อยใน่บ่าย มู่อวิ๋นจิ่นก็ขอตัวกลับจวนองค์ชายหกในทันที
ในระหว่างทางกลับ มู่อวิ๋นจิ่นไม่ได้ขึ้นรถม้า แต่กลับเดินทอดน่องผ่านตลาดอย่างสบายใจ “จื่อเซียง เ้าว่าวันนี้ปฏิกิริยาท่าทางของมู่หลิงจูเป็อย่างไร?” มู่อวิ๋นจิ่นถามขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
จื่อเซียงอึ้งไปชั่วขณะ และเลิกคิ้วด้วยความใ “นิสัยคุณหนูสี่ดูเปลี่ยนไปมากทีเดียว ทั้งยังปฏิบัติต่อคุณหนูอย่างนอบน้อม แต่บ่าวคิดว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล ทว่าไม่รู้จะอธิบายออกมาอย่างไรเ้าค่ะ”
“ที่แท้เ้าก็คิดเหมือนข้านี่เอง” มู่อวิ๋นจิ่นหัวเราะเสียงเบา
“บ่าวโง่เขลา มิกล้าคิดอะไรมากไปกว่านี้เ้าค่ะ” จื่อเซียงตอบเสียงอ่อย
เมื่อนายบ่าวคู่นี้เดินทางกลับมาถึงจวนองค์ชายหกแล้ว ก็เห็นแม่นมเสิ่นกำลังนั่งปักผ้าเช็ดหน้าอยู่ที่สวนดอกไม้ ทันทีที่นางเห็นมู่อวิ๋นจิ่นก็รีบ ะโลุกขึ้นทันใด
“พระชายากลับมาแต่หัววันเลยนะเ้าคะ” แม่นมเสิ่นเอ่ย
มู่อวิ๋นจิ่นได้แต่พยักหน้าและยิ้มรับ
“องค์ชายหกได้เดินทางออกไปข้างนอกเช่นกัน ไม่รู้ว่าจะเดินทางกลับมาเมื่อใด แต่ไหนแต่ไรมาองค์ชายไม่เคยไปงานเลี้ยงของทั้งองค์หญิงองค์ชาย รวมทั้งขุนนางน้อยใหญ่ แต่เพราะราชครูจ้วงเป็อาจารย์ขององค์ชายที่ได้รับความเคารพอย่างมาก องค์ชายจึงต้องให้เกียรติไปร่วมงาน” แม่นมเสิ่นเล่าให้ฟัง
เมื่อได้ยินดังนั้น ทางด้านมู่อวิ๋นจิ่นก็ได้แต่ยิ้มเพียงเล็กน้อย
“เอ่อ นี่ก็ใกล้วันที่เจ็ดแล้ว ของขวัญวันเกิดขององค์ชายหกนั้น พระชายาได้ตระเตรียมเรียบร้อยหรือยังเ้าคะ?” แม่นมเสิ่นพรวดถามขึ้น
พอเอ่ยถึงของขวัญวันเกิด แม่นมเสิ่นก็ยกมือขึ้นตีหัวตัวเอง สองวันมานี้นางลืมเื่นี้ไปสนิท
“ข้าจำได้อยู่ เดี๋ยวจะกลับไปเตรียมนี่แหละ” มู่อวิ๋นจิ่นตอบกลับ
หลังสิ้นเสียง มู่อวิ๋นจิ่นก็ได้เดินกลับไปที่เรือนลี่เฉวียน
พอกลับมาถึง นางก็นั่งลงบนเก้าอี้หินในห้อง ยกมือขึ้นเกาหัวไปมาอย่างครุ่นคิดว่าจะเลือกสิ่งใดเป็ของขวัญดี
“คุณหนู วันนั้นแม่นมเสิ่นเกริ่นเป็แนวทางไว้แล้ว หาก้าแสดงถึงความจริงใจ บ่าวคิดว่าคุณหนูน่าจะเย็บถุงหอมให้กับองค์ชายหกด้วยมือตัวเองดีหรือไม่เ้าคะ?” จื่อเซียงแนะนำขึ้นมา
พอได้ยินคำว่าถุงหอม มู่อวิ๋นจิ่นกลับขมวดคิ้วเข้าหากัน ยกมือขึ้นปฏิเสธ “ของแบบนั้นซับซ้อน ไม่เหมาะที่ข้าจะทำหรอก”
“เช่นนั้นบ่าวก็คิดอะไรไม่ออกแล้วเ้าค่ะ แต่เมื่อไม่นานมานี้บ่าวได้ยินคนพูดกันว่า หากสตรีจะมอบของขวัญโดยปกติแล้วมักจะเย็บถุงหอมด้วยตัวเอง” จื่อเซียงเล่าสิ่งที่ได้ยินได้ฟังออกมา
มู่อวิ๋นจิ่นยังได้ยินคำว่า “ทำด้วยมือตนเอง” ในคำพูดของจื่อเซียง
ใช่แล้ว ของที่ทำด้วยมือนั้นมักแสดงถึงความจริงใจที่มีให้ แต่ในตอนนี้จะทำสิ่งใดให้กับฉู่ลี่ดี?
มู่อวิ๋นจิ่นครุ่นคิด กวาดสายตาไปรอบ ๆ เมื่อเห็นโคมไฟที่หน้าประตูวางเรียงรายเป็แถว ๆ ทันใดนั้นนางเหมือนจะคิดสิ่งใดได้ขึ้นมาบ้างแล้ว
“จื่อเซียงเดี๋ยววันที่หกเมื่อไหร่ เ้าไปเตรียมหูหลัวปัว*ไว้ให้ข้าจำนวนหนึ่ง”
(*หมายถึง แครอท)
จื่อเซียงงงงวยกับสิ่งที่มู่อวิ๋นจิ่น้าใช้เป็ของขวัญ แต่กระนั้นทำได้เพียงแค่พยักหน้ารับ
ในระหว่างที่นายบ่าวคู่นี้สนทนากันไปเรื่อยเปื่อย ฉู่ลี่ในชุดสีม่วงได้เดินเข้ามาในเรือนลี่เฉวียน และนั่งเก้าอี้หินฟังอยู่ข้างหลัง
ติงเซี่ยนได้เดินตามหลังฉู่ลี่เข้ามา พลางเอ่ยขึ้นว่า “พระชายากลับมาเร็วจริงขอรับ”
“อืม กลับมาเร็วกว่าพวกเ้าเมื่อครู่นี้เอง” มู่อวิ๋นจิ่นตอบ
จากนั้นจื่อเซียงและติงเซี่ยนได้ขอตัวไปด้านนอก ภายในห้องจึงเหลือเพียงฉู่ลี่และมู่อวิ๋นจิ่นเพียงสองคน
“วันนี้ตอนกลางคืน เ้าไปวัดสุ่ยอวิ๋นกับข้าด้วย” ฉู่ลี่ขยับเข้ามาพูดใกล้ ๆ
พอได้ยินชื่อวัดสุ่ยอวิ๋น นางจึงเอ่ยถามฉู่ลี่ว่า “ไปทำอะไรที่นั่น?” แม้ภายในใจของมู่อวิ๋นจิ่นนั้นไม่มีความปรารถนาที่จะไปเหยียบที่นั่นอีก
“ทำธุระ” ฉู่ลี่ตอบเสียงเรียบ
มู่อวิ๋นจิ่นเลิกคิ้วอย่างสงสัย “ทำไมต้องเลือกไปตอนกลางคืนด้วย?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้