หัวใจของหลินกู๋หยู่เต้นแรงจนนางไม่กล้ามองไปที่ฉือหาง นางพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหายใจให้โล่งสบาย
"นอนเถอะ!" ฉือหางเอ่ยตอบด้วยเสียงอู้อี้
ไม่นานถัดจากนั้น ทุกคนในห้องก็ผล็อยหลับไป
ด้านนอกพระจันทร์ส่องแสงจ้า เงาของต้นไม้เป็ริ้วด่างตกลงบนพื้นดูเงียบเหงามาก
หลินกู๋หยู่สะลึมสะลือ เหมือนได้ยินเสียงร้องไห้
มันเป็เสียงลวงหูหรือไม่?
หลินกู๋หยู่พยายามเบิกตาทั้งสองข้าง ยังไม่ทันได้หาวจบ เสียงร้องไห้นั้นก็สมจริงยิ่งกว่าเดิม
“พี่ฉือหาง” หลินกู๋หยู่รีบผลักร่างของฉือหาง เรียกเบาๆ “ตื่นเร็วเข้า!”
เมื่อถูกหลินกู๋หยู่เขย่า ฉือหางมองนางอย่างง่วงงุนในความมืด ก่อนที่เขาจะพูด เขาก็ได้ยินหลินกู๋หยู่พูดว่า "เ้าลุกขึ้นไปดูสิ ดูเหมือนโต้ซาจะร้องไห้แล้ว"
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด ในที่สุดฉือหางก็ตั้งสติ
หลินกู๋หยู่เฝ้าดูฉือหางลุกจากเตียง สวมรองเท้าและจุดตะเกียง ฉวยโอกาสนี้รีบสวมชุดนอน กอดผ้านวมแล้วลุกขึ้นนั่ง "เขาเป็อะไรหรือ?"
ฉือหางนั่งอยู่ข้างเตียงเล็กๆ ของโต้ซา เห็นเขาหน้าแดงก่ำจากการร้องไห้คล้ายกับในตอนบ่าย จึงรีบปลุกโต้ซา "ข้าเดาว่าเขาคงจะฝันร้าย"
"ยกเขามานอนที่นี่เถอะ" หลินกู๋หยู่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม สูดอากาศพลางพูดกับฉือหางที่อยู่ข้างๆ
แม้ว่าโต้ซาจะตื่นอยู่ แต่กระนั้นก็ยังคงร้องไห้ ใบหน้าและลำคอของเขาแดงไปหมด
“ข้าไม่เคยเห็นเขาร้องไห้หนักขนาดนี้มาก่อน” ฉือหางรู้สึกเศร้าใจมาก เขานำเด็กน้อยและผ้านวมไปที่เตียงใหญ่ของพวกเขา
หลินกู๋หยู่รีบนอนลง ปล่อยให้ฉือหางวางโต้ซาลงบนเตียง เมื่อมองดูรูปร่างของโต้ซา นางก็หยิบผ้าขนหนูข้างๆ มาเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าด้วยความเห็นใจ
“เป็ไปได้หรือไม่ว่าเ้าใกลัวมากจริงๆ?” หลินกู๋หยู่มองไปที่โต้ซาอย่างเป็กังวล จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองฉือหางที่ยืนอยู่บนพื้น “ไม่หนาวหรือ มานอนเร็วๆ อย่าแช่แข็งอยู่ตรงนั้นเลย"
ฉือหางเปล่งเสียง "อื้ม" ถอดรองเท้าแล้วขึ้นเตียงโดยตรง
โต้ซานอนอยู่ระหว่างพวกเขาสองคน มือเล็กๆ ของเขาเช็ดใบหน้าของตนเองอย่างแรง ยังคงร้องไห้ต่อไป
“ไม่ร้องไห้นะ ไม่ร้องไห้!” หลินกู๋หยู่มองไปที่รูปลักษณ์ของโต้ซา ขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “โต้ซาเป็เด็กดี สิ่งที่น่ารักที่สุดไม่ใช่การร้องไห้”
หลินกู๋หยู่ไม่เคยดูแลเด็กมาก่อน พอเด็กร้องไห้เช่นนี้นางก็กังวลระคนกระวนกระวาย
ฉือหางเป็ชายหนุ่มร่างใหญ่ ในวันโดยปกติเขาไม่ค่อยได้ดูแลเด็กมากนัก
"ท่านแม่~" โต้ซาหันกลับมาด้วยเสียงอันอ่อนแรงแ่เบา โอบลำคอของหลินกู๋หยู่ แล้วขยับร่างเล็กๆ ไปที่ด้านข้างของหลินกู๋หยู่
หลินกู๋หยู่รีบกอดโต้ซา กระซิบเบาๆ ว่า "อย่าร้องไห้เลย โต้ซาเป็เด็กดีที่สุด!"
จากเสียงร้องไห้โฮในตอนเริ่มต้นไปจนถึงเสียงสะอื้นเบาๆ ในภายหลัง โต้ซาสงบลงในที่สุด
เด็กน้อยหลับไปหลังจากร้องไห้จนเหนื่อยอ่อน
รอให้โต้ซาหลับไป หลินกู๋หยู่ก็ลอบหาว พูดกับฉือหางที่อยู่ข้างๆ "เป่าไฟแล้วนอนกันเถอะ!"
ในห้องมืดลงแล้ว ฉือหางคุ้นชินกับการอยากกอดหลินกู๋หยู่ แต่โต้ซาอยู่ระหว่างพวกเขาทั้งสองคน ดังนั้นเขาจึงได้แต่ถอนมือออกด้วยความลำบากใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น เ้าซาลาเปาตัวน้อยเป็คนแรกที่ตื่นขึ้น
ด้วยถูกล้อมรอบด้วยสภาพแวดล้อมใหม่ เ้าซาลาเปาตัวน้อยค่อนข้างไม่คุ้นเคย เบิกสายตามองไปรอบๆ ด้วยดวงตาที่กลมโต ใบหน้าที่เขาโปรดปรานก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างไม่สิ้นสุดต่อหน้าเขา
“ท่านแม่?” โต้ซาเปล่งเสียงเรียกอย่างระมัดระวัง
หลินกู๋หยู่ไม่ตอบสนอง
โต้ซาหันกลับมาอย่างระมัดระวัง มองไปที่ฉือหางที่กำลังนอนหลับด้วยใบหน้าที่ตึงเครียด จึงอ้าปากเรียกอย่างลองเชิง "ท่านพ่อ?"
ฉือหางยกมือขึ้นเหยียดแขนออก วางมือลงบนร่างของหลินกู๋หยู่ โอบกอดทั้งสองคนทันที
โต้ซานอนราบ หันไปมองทางซ้ายที หันไปมองทางขวาที เหยียดนิ้วมือออกนับนิ้วกลางอากาศ
ท้องฟ้าค่อยๆ สว่างขึ้นทีละน้อย ฉือหางตื่นขึ้นด้วยความงุนงง เขาดึงมือออกจากเอวของหลินกู๋หยู่
“ท่านพ่อ!” โต้ซาะโเบาๆ จ้องมองไปที่ฉือหางด้วยดวงตาสีเข้มคู่หนึ่ง
ผิวหน้าของโต้ซาดีกว่าเมื่อวานมาก เขายกมือขึ้นและแตะที่ศีรษะของโต้ซาสองสามครั้งขณะลดเสียงลง "เ้าตื่นเช้ามาก!"
ปากเล็กๆ ของโต้ซาอดไม่ได้ที่จะแยกออก ดวงตาของเขากลายเป็รูปทรงจันทร์เสี้ยว
ฉือหางทำท่าบอกเป็นัยให้เงียบ ก่อนที่จะพูดด้วยเสียงที่คนสองคนได้ยินเท่านั้น "แม่ของเ้ายังไม่ตื่น"
ทันใดนั้น โต้ซาก็เอามือเล็กๆ ของตนเองปิดปาก ดวงตาของเขาเบิกกว้างแล้วพยักหน้าอย่างแรง
ฉือหางลุกขึ้นโดยพยายามทำเสียงให้เบา พลันรู้สึกหนาวเล็กน้อย
หลังจากล้างตัวแล้ว ฉือหางก็รีบจุดไฟเพื่อต้มน้ำร้อน
เมื่อหลินกู๋หยู่ตื่นขึ้น เตียงก็ร้อนแล้ว
"ท่านแม่!" โต้ซาะโเสียงดังเมื่อเห็นหลินกู๋หยู่ลืมตาขึ้น!
หลินกู๋หยู่ใทันที มองไปที่รอยยิ้มสดใสของโต้ซา เห็นว่าใบหน้าของเขาที่แดงและบวมเป่งเมื่อวานนี้ดีขึ้นมาก
“ตื่นเร็วนัก!” ขณะที่หลินกู๋หยู่พูด นางก็ลุกขึ้นนั่งเข้าใกล้หน้าผากของโต้ซา ประทับจูบเด็กน้อยเบาๆ นางรู้สึกดีขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“ตอนที่ข้าตื่น เขาตื่นแล้ว” ฉือหางพูดพร้อมกับเดินมาจากเตา “วันนี้อากาศเย็น อีกสักพักเมื่อห้องอุ่นขึ้นแล้ว เ้าค่อยตื่นอีกที”
“ตกลง” หลินกู๋หยู่มองไปที่ฉือหางด้วยรอยยิ้มราวกับดอกไม้ผลิบาน รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่ง
อาจเป็เพราะว่าเด็กนั้นขี้ลืมง่ายมาก เมื่อวานร้องไห้งอแง แต่วันนี้ดูเหมือนไม่เป็ไรแล้ว
“อีกสักพักค่อยต้มไข่” หลินกู๋หยู่มองหน้าโต้ซา แล้วพูดเบาๆ ว่า “เด็กเล็กเอาไข่ถูที่หน้า แล้วอาการบวมบนใบหน้าก็จะหายไป”
ฉือหางล้างไข่ให้สะอาด แล้วใส่ลงในหม้อน้ำร้อน จากนั้นเดินไปที่เตียง ถอดรองเท้า แล้วนั่งลงข้างๆ "เตียงนี้อุ่นจริงๆ"
“มันก็แน่นอนอยู่แล้ว” หลินกู๋หยู่พูดอย่างภาคภูมิใจ เอื้อมมือไปแตะเตียง “ในอนาคต ฤดูหนาวจะหนาวมาก ดังนั้นจึงสามารถมาอยู่บนเตียงได้”
“อืมๆๆ” โต้ซาพยักหน้าอย่างตื่นเต้น ไม่ว่าหลินกู๋หยู่จะพูดอะไรก็ตาม
หลินกู๋หยู่สวมเสื้อคลุมช่วยโต้ซาแต่งตัว จากนั้นหันหลังให้โต้ซาและฉือหาง นางแอบแต่งตัวใต้ผ้าห่ม
หลังจากต้มไข่จนสุกแล้ว หลินกู๋หยู่ก็ปอกไข่ร้อนๆ จากนั้นห่อด้วยผ้าหนาหนึ่งชั้น แล้วคลึงบนใบหน้าของโต้ซาอย่างระมัดระวัง
“ยังเจ็บอยู่หรือไม่?” หลินกู๋หยู่เอ่ยถามด้วยความลำบากใจ เด็กคนนี้ยังเล็กมาก ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะใจร้ายใจดำขนาดไหนถึงได้ตบตีแรงขนาดนี้ได้ลงคอ
โต้ซามุ่ยริมฝีปาก ดวงตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำ มองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยความน้อยใจ
“ไม่เจ็บแล้ว!” หลินกู๋หยู่ทนต่อความน่ารักของโต้ซาไม่ได้ หัวใจของนางก็อ่อนยวบลง ยกมือขึ้นััใบหน้าข้างที่ไม่บวมนั้น เกลี้ยกล่อมเขาด้วยรอยยิ้มไปพลาง
ผิวของเด็กนั้นนุ่มสบายมือมาก
ที่บ้านเหลือฟืนไม่มากนัก หลินกู๋หยู่มองไปที่ฟืนที่กระจัดกระจาย ดวงตาของนางกลอกอย่างขี้เล่น "พี่ฉือหาง หรือว่าพวกเราจะใช้เงินรับซื้อไม้ฟืนดี?"
การแสดงออกบนใบหน้าของฉือหางหยุดชะงักชั่วคราว เขาพูดอย่างลังเลว่า "อากาศใน่นี้ยังไม่หนาวถึงเพียงนั้น ข้าไปเก็บฟืนเองก็ได้แล้ว"
ในความเป็จริง ข้างนอกไม่ได้หนาวเกินกว่าที่จะเคลื่อนไหวได้ หลินกู๋หยู่ทอดถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้เล็กน้อย ถ้าพวกเขาสองคนเก็บฟืนทุกวันใน่เวลานี้ อย่างไรก็ไม่เพียงพอสำหรับฤดูหนาวนี้
“โต้ซาอยากไปหรือไม่?” หลินกู๋หยู่ยื่นมือออกไปเพื่อดูว่าหน้าของโต้ซาดีขึ้นมาก จากนั้นจึงหยิบไข่ที่คลึงอยู่บนหน้าออก
"อืม"
หลินกู๋หยู่คิดเกี่ยวกับเื่นี้แล้วว่า หากยังไม่เพียงพอใช้ ก็แค่ซื้อฟืนบางส่วนก็ได้แล้ว
ในความทรงจำของร่างเดิม ในฤดูหนาว ท้องฟ้าจะปกคลุมไปด้วยเกล็ดหิมะ บนพื้นปกคลุมด้วยน้ำแข็ง ผู้คนจะต้องเดินอย่างระมัดระวัง หากไม่ระวังอาจจะล้มได้
ความร้อนในฤดูร้อนไม่ถึงกับฆ่าคนได้ แต่ฤดูหนาวสามารถแช่แข็งผู้คนถึงตายได้อย่างแน่นอน หลินกู๋หยู่จะไม่ปฏิบัติตัวไม่ดีต่อตนเองอย่างแน่นอน
โต้ซาสวมหมวกบนศีรษะและถุงมือ เหลือเพียงดวงตากลมโตคู่หนึ่งที่มองออกไป
หลินกู๋หยู่คล้ายกับโต้ซา ยกเว้นดวงตาคู่หนึ่งที่เปิดออก อย่างอื่นทั้งหมดถูกห่อเอาไว้ด้านใน
เดิมทีนางบอกให้ฉือหางห่อตัวไว้แน่น ยกเว้นผ้าพันคอที่เกินมา เขาไม่้าสวมถุงมือที่มือ
พวกเขาต่างแบกตะกร้าไม้ไผ่ใบหนึ่งพลางเดินไปทีู่เา
ในตะกร้าไม้ไผ่ของฉือหางยังมีขวานอยู่หนึ่งเล่ม
่นี้อากาศหนาวแล้ว ยังมีสัตว์ป่าออกมาหาอาหารอีก ูเานี้อันตรายเกินไปจริงๆ
ด้วยพละกำลังมหาศาลของฉือหาง เขาวางตะกร้าไม้ไผ่ไว้ด้านข้างแล้วสับไม้ฟืน ส่วนหลินกู๋หยู่และโต้ซาหยิบฟืนขึ้นมาใส่ลงในตะกร้าไม้ไผ่
เมื่อกลับไปตอนเที่ยง ก็เห็นซ่งซื่อยืนตัวสั่นอยู่ที่ประตูจากระยะไกล
“พี่สะใภ้ใหญ่” ฉือหางทักทายเบาๆ
“พี่สะใภ้ใหญ่ เข้ามาเร็ว ข้างนอกอากาศหนาวมาก” หลินกู๋หยู่พูดแล้วเอื้อมมือไปเปิดประตู
ซ่งซื่อเอามือป้องปากของนางแล้วหายใจเข้าลึกๆ สูดจมูกแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "เมื่อวานพี่ชายของเ้าบอกว่าบ้านของพวกเ้าทำเตียงเตาอะไรนั้น จึงให้ข้ามาถามว่าอุ่นหรือไม่?"
"มันค่อนข้างอบอุ่น" หลินกู๋หยู่เปิดประตู และเชิญซ่งซื่อเข้ามาด้วยรอยยิ้ม "เดิมข้าอยากจะบอกพวกพี่แล้ว แต่ว่าที่บ้านไม่มีฟืน ดังนั้นพวกเราจึงขึ้นไปบนูเาก่อน"
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งซื่อก็เป็ประกายสดใส เมื่อติดตามเข้าไปในบ้าน นางก็รู้สึกว่าห้องนี้อบอุ่นจริงๆ
“เตายังจุดไฟทิ้งไว้ด้วยหรือ?” ซ่งซื่อถามอย่างสงสัย นางคิดในใจว่าทำเช่นนี้จะเป็การเสียฟืนไปเสียเปล่า
หลินกู๋หยู่ก้มลงเดินไปที่ด้านหน้าเตา ปรับเล็กน้อย เปลวไฟกองเล็กๆ ค่อยๆ ขยายใหญ่ ทำให้อากาศภายในห้องอุ่นขึ้น “ไม่ได้ดับไฟ ไม่เช่นนั้นจะต้องใช้เวลาสักพักกว่าห้องจะอุ่น”
เมื่อได้ฟังดังนั้น ซ่งซื่อก็เดินไปที่เตียงเล็กของโต้ซา ยื่นมือไปััเตียง ดูเหมือนจะไม่รู้สึกอะไร
"ตอนนี้เพิ่งจะก่อไฟ จะต้องใช้เวลาสักครู่ถึงจะอุ่นขึ้น" หลินกู๋หยู่หันศีรษะของนางมองไปที่ดวงตาที่เป็ประกายสดใสของซ่งซื่อ ซึ่งกำลังจับจ้องไปที่ชิ้นเนื้อสองสามชิ้นและไข่ในตะกร้า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้