เล่มที่ 10 บทที่ 277 วิถีกระบี่
“ในตอนนั้น เหมือนจะเห็นใบหน้าอสูรขนาดใหญ่ค่อยๆจมหายลงไปใต้ทะเลลึก หากเดาไม่ผิดละก็ นั่นคงจะเป็อสุรกายกุ่ยตี้...”
หลินเฟยได้ยินดังนั้นก็ชะงักลงไปชั่วครู่ ‘ใบหน้าอสูรขนาดใหญ่งั้นหรือ?’
‘ดูท่าจะเป็อสุรกายกุ่ยตี้ตนนั้น...’
หลินเฟยยิ้มน้อยๆออกมา โดยไม่พูดอะไรอีก แต่กลับเป็จิงต้าไห่ที่เอ่ยออกมาด้วยความกระดากอาย
“พูดไปก็ขายหน้าตัวเอง แม้ข้าจะบรรลุขั้นจิงตัวด้วยสิ่งของนอกกาย แต่หลายปีมานี้ก็ถือว่ามีความรู้กว้างขวางพอสมควร ดังนั้นตอนที่เห็นเหล่าอสุรกายแตกสลายไปเพราะลำแสงโคมเขียวนั่น ข้าเองก็ใไม่น้อยเลย ตอนนั้นในหัวถึงกับขาวโพลนไปหมด เอาแต่คิดหนีตายอย่างเดียวโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น ทว่าพออยู่ต่อหน้าพลังที่ร้ายกาจราวกับพลังจากฟ้าดินแล้ว ความสามารถแค่นี้จึงถือว่าอ่อนด้อยมาก ต่อให้ทุ่มพลังปราณทั้งหมดที่มี ก็ยังไม่สามารถพาร่างตนเองให้ไปถึงฝั่งได้...”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ?...”
“เมื่อพลังปราณแห้งเหือดหมด ข้าก็ร่วงลงสู่ทะเลอสูร จากนั้นก็ไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว และหลังจากตื่นขึ้นมาก็พบว่าทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด ทะเลอสูรก็แห้งเหือดสิ้น ตอนหลังพอเห็นหุบเขาสูงนี่ ก็เลยลองมาเสี่ยงดวงดูเสียหน่อย...”
หลินเฟยได้ยินเช่นนั้น ก็นิ่งเงียบไม่เอ่ยอะไร ทว่ากลับขมวดคิ้วแน่น เพราะเื่ที่จิงต้าไห่พบเจอมานั้น คล้ายคลึงกับตนเองมาก สิ่งเดียวที่แตกต่างกันก็คือจิงต้าไห่เห็นโคมเขียวนั่น แต่ตนเองกลับยังไม่เห็น...
เกรงว่าโคมเขียวดวงนั้นจะต้องเป็สิ่งที่ปีศาจร่วนสือพูดไว้เป็แน่...
แต่จากที่เล่ามาแล้ว โคมเขียวดวงนั้นสามารถสาดส่องจนเหล่าอสุรกายมากมายแตกสลายได้ แม้แต่าาอสุรกายกุ่ยตี้ที่อยู่ใต้ทะเลลึกยังไม่กล้าต่อกรด้วยซ้ำ...
หากเื่ทั้งหมดเป็ความจริงละก็...
พลังของโคมไฟนั่น จะต้องร้ายกาจถึงขั้นล่มฟ้าล่มปฐีได้เลยทีเดียว เช่นนั้นจะต้องไม่ใช่แค่ศาสตราวุธทั่วไปแน่นอน ดีไม่ดีอาจจะเป็สิ่งของขั้นเซียนเทียนเลยก็ได้...
แต่ว่า...
ปีศาจร่วนสือกลับพูดออกมาอย่างง่ายดายว่าเพียงดับโคมไฟนั่น ก็สามารถเอาชิ้นส่วนประตูมิติออกมาจากโลงศพหินได้...
‘ดับโคมเขียวงั้นหรือ?’
หลินเฟยอดที่จะลูบจมูกตนเองไม่ได้ เพราะลำแสงของโคมถึงกับทำลายอสุรกายจำนวนมากให้แตกสลายได้ภายในพริบตา แถมาาอสุรกายกุ่ยตี้ยังต้องถอยร่นไม่กล้าแสดงตัวออกมา ‘สิ่งของระดับนี้ เกรงว่าจะต้องทำลายด้วยชีวิตกระมัง?’
‘นี่มันหลอกลวงกันชัดๆ’
แม้ตอนแรกหลินเฟยจะไม่เชื่อคำพูดของปีศาจร่วนสือ แต่อีกฝ่ายกลับหลอกกันขนาดนี้ หลินเฟยเองจึงรู้สึกไม่พอใจเป็อย่างมาก ในใจก็พลางคิดว่าหากกลับไปได้ละก็ จะต้องไปคุยให้รู้เื่...
“จริงสิ...” หลังจากครุ่นคิดอีกชั่วครู่ หลินเฟยก็จ้องมองจิงต้าไห่ ก่อนจะเอ่ยถามออกมา
“หลังจากนี้เ้าจะไปไหนต่อหรือ?”
“ข้าว่าจะขึ้นไปทางเหนือดูหน่อย ประมาณสามวันก่อนข้าพบเบาะแสของคนในสำนัก ดูเหมือนพวกเขาจะไปทางเหนือกัน ข้าจึงแกะรอยมาตลอดทาง กระทั่งเจอเ้ากับเว่ยจงซูเข้านี่แหละ...”
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว” หลินเฟยพยักหน้ารับน้อยๆ ขณะที่กำลังจะกล่าวอำลา ก็พลันนึกเื่บางอย่างขึ้นมาได้ จึงกล่าวออกมา
“จริงสิ ถ้าเจอคนที่มีปลาั์สีเขียวละก็ ฝากบอกทีว่าข้าขึ้นเขาไปแล้ว”
“ได้เลย”
จากนั้นทั้งคู่ก็แยกจากกัน จิงต้าไห่มุ่งไปทางเหนือ ส่วนหลินเฟยก็มุ่งหน้าขึ้นเขาตามเดิม
อาจเป็เพราะก่อนหน้าใช้โชควาสนาดีไปจนหมด ถึงขนาดทำให้เจอดอกจื่อถานม่วงได้ บัดนี้จึงไม่พบของดีอะไรอีกเลย แม้จะพบเจอพืชพันธุ์ประหลาดมากมาย แต่กลับไม่พบเจอสมุนไพรล้ำค่าอย่างดอกจื่อถานม่วงอีกแล้ว...
และก็เป็เช่นนี้ไปตลอดทาง กระทั่งในคืนหนึ่ง ขณะที่หลินเฟยกำลังจะพักผ่อนเพื่อเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น อยู่ดีๆเ้าตัวก็นึกถึงอักษรภาพขึ้นมา
“ยอดเคล็ดวิชากระบี่อย่างนั้นหรือ” หลินเฟยนั่งอยู่ข้างกองไฟ ก่อนจะนำอักษรภาพออกมา...
‘หากเดาไม่ผิดละก็ เว่ยจงซูเองก็น่าจะรู้ว่าอักษรภาพนี้ไม่ธรรมดา ไม่อย่างนั้นคงไม่เก็บรักษาไว้รวมกับเหล่าเคล็ดวิชาของสำนักศึกษาลิ่วเยิ่น...’
แต่คิดว่าเว่ยจงซูคงไม่รู้วิธีการบำเพ็ญ ไม่เช่นนั้นคงไม่ถูกปราณกระบี่สะบั้นจนห้วงมิติแห่งความเป็ตายแตกออกได้ง่ายดายแบบนี้
เพราะนี่เป็เคล็ดวิชาที่หลินปั้นหูยังยกย่องว่าเป็ยอดเคล็ดวิชากระบี่...
จริงๆแล้วก็ไม่ใช่แค่เว่ยจงซูคนเดียวเท่านั้นที่ไม่รู้เื่นี้...
เพราะหลังจากอักษรภาพนี้กระจัดกระจายขาดหายไป มีคนจำนวนไม่น้อยเคยได้รับมันมาก่อน แต่กลับไม่มีใครสามารถเข้าใจเคล็ดวิชาที่ซุกซ่อนอยู่ได้เลย แม้แต่หลินปั้นหูก็ยังเคยพูดว่าอักษรภาพนี้น่าจะเป็ขั้นเซียนเทียนด้วยซ้ำ เมื่อมันกระจัดกระจายไม่สมบูรณ์เช่นนี้ จึงทำให้ตกจากขั้นเซียนเทียนกลายเป็ขั้นโฮ่วเทียนแทน ต่อให้มีคนเข้าใจเคล็ดวิชาที่ซ่อนอยู่ ก็เข้าใจได้เพียงเปลือกนอกเท่านั้น ไม่ได้เข้าถึงแก่นอย่างแท้จริง...
หลินเฟยถึงขนาดถามเื่นี้กับหลินปั้นหูโดยเฉพาะ “หากมีวันใดที่ใครสักคนรวบรวมอักษรภาพนี้ได้ครบ เช่นนั้นก็จะเกิดสุดยอดเคล็ดวิชาใช่หรือไม่?”
เมื่อหลินปั้นหูได้ยินคำถามนั้น ก็กลับหัวเราะน้อยๆออกมา โดยไม่ได้เอ่ยตอบอะไร แต่ถามกลับว่า “ของที่หายไปแล้วมีสิทธิ์กลับคืนมาด้วยงั้นหรือ?”
เมื่อรำลึกถึงความหลังกลับไป หลินเฟยก็รู้สึกเลื่อนลอยไปชั่วขณะ เป็นานกว่าจะยกยิ้มออกมา...
“ดูท่าศิษย์พี่หลินเองก็คิดไม่ถึงว่าพันปีผ่านไป จะมีคนสำเร็จเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่ เช่นนั้นก็สามารถบงการให้เกิดเคล็ดวิชากระบี่นับหมื่นนับพันได้ เคล็ดวิชากระบี่ที่กระจัดกระจายนั้น ก็จะกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง...”
เมื่อสิ้นเสียง หลินเฟยก็กระแอมแ่เบา ก่อนเริ่มโคจรเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่ทันที ทันใดนั้นจิติญญาที่ผ่านเคราะห์มิ่งหุนทั้งสามด่านก็สำแดงพลังออกมา จนกลายเป็ลำแสงกระบี่ที่เจิดจ้า...
ภายใต้แสงที่สาดส่องออกมา ก็ทำให้เห็นลำแสงที่สว่างไสวเป็พิเศษอยู่ห้าสาย...
ปราณกระบี่ไท่อี๋กลายสภาพเป็ัสีทอง ดูศักดิ์สิทธิ์เป็อย่างมาก ปราณกระบี่ซีรื่อเองก็กลายเป็ดวงตะวันที่แสนร้อนแรง ภายในนั้นยังมีนกจิงอูสามขาอยู่ตัวหนึ่ง มันกำลังส่งเสียงร้องก้องกังวาน จากนั้นปราณกระบี่อิ๋นเหวินก็กลายเป็สัตว์อสูรปิงหลีน้ำแข็งที่เต็มไปด้วยกระแสไอเย็นเสียดกระดูก ปราณกระบี่เหล่ยยวี่กลายเป็อสรพิษสีทอง รวมถึงรอบด้านยังมีสายฟ้าสว่างวาบออกมาเป็ระยะอีกด้วย ส่วนปราณกระบี่ทงโยวก็กลายเป็เงาดำเลือนราง ดูลึกลับเป็อย่างมาก...
ปราณกระบี่ทั้งห้าล้วนเกิดจากรากฐานของหลินเฟยทั้งสิ้น...
จึงถือว่าสำแดงรากฐานบำเพ็ญตนเองออกมาทั้งหมดแล้ว...
“ข้าอยากรู้นักว่าเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่ของข้าจะล่อเ้าออกมาได้หรือไม่!”
เมื่อพูดจบ หลินเฟยก็ไม่ลังเลแต่อย่างใด เขารีบโคจรเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่จูเทียนจนถึงขีดสุด ทันใดนั้นปราณกระบี่ทั้งห้าก็พวยพุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้า กลายเป็ลำแสงสูงนับพันจ้าง เมื่อกวาดตามองไปก็เห็นเป็ลำแสงมากมายปกคลุมไปทั่วทั้งเชิงเขา ดูระยิบระยับไม่น้อยเลย หากคนที่ไม่รู้ละก็ อาจจะเข้าใจผิดคิดว่าศาสตราวุธล้ำค่ากำลังถือกำเนิดอยู่ก็เป็ได้...
ในที่สุด...
ขณะที่ลำแสงกระบี่พุ่งสูงขึ้นพันจ้างนั้น อักษรภาพที่แน่นิ่งอยู่ข้างกายก็พลันขยับขึ้นมา...
ทั้งที่ตอนแรกยังเป็เพียงแสงริบหรี่ปรากฏขึ้นเลือนราง...
ทว่าเพียงครู่เดียวเท่านั้น...
วิถีกระบี่ที่ซ่อนอยู่ก็ปรากฏออกมา จากนั้นก็มีกระแสคมกริบแรงกล้าแพร่กระจายออกมาราวกับยอดกระบี่กำลังจะออกจากฝัก!
พริบตาถัดมาก็เกิดเสียงะเิดังสนั่นขึ้น...
อักษรภาพก็สั่นไหวในทันที...
ก่อนจะมีลำแสงมากมายสาดส่องออกมาจากภาพ ซึ่งแสงเ่าั้ทอประกายเจิดจรัสราวกับทางช้างเผือก ไม่นานก็ดูดกลืนลำแสงกระบี่ที่สูงนับพันจ้างห้าสายเข้าไปทันที...
---------------------------------------------------------------------------------------------------------