จ้าวเถี่ยจู้ทานอาหารมื้อนี้อย่างมีความสุขเหลือเกินพวกเขาทานกับข้าวบนโต๊ะจนไม่เหลือเลยสักจานเขาไม่คิดเลยว่าเฉินหลิงชานจะทานได้มากขนาดนี้ ทานได้หมดทุกอย่างไม่เลือกเลยสักนิด แบบนี้แหละสเปกเลย เขาคิดอย่างมีความสุข
หลังจากทานข้าวเสร็จ เขาก็คิดจะชวนเฉินหลิงชานไปหากิจกรรมทำด้วยกันต่อแต่เนื่องจากเธอมีธุระ เขาจึงได้แต่คิดว่าช่างมันเถอะก่อนจะแยกกันเขาก็ทำหน้าหนาขอเบอร์เธอเพื่อที่ครั้งหน้าจะได้นัดมาฝึกเพลงหมัดมวยด้วยกัน
จ้าวเถี่ยจู้กัดไม้จิ้มฟันเดินไปตามถนนพร้อมกับนึกว่าเหมือนเขาจะลืมอะไรไปอย่างแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเื่อะไร จนเขาเดินมาถึงหน้าบ้านเห็นทางเข้าบ้านที่ว่างเปล่า จึงนึกขึ้นมาได้ว่า เขาลืมซ่อมประตูนั่นเองเขาส่ายหัวไปมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ สงสัยคงต้องเข้าไปดูในอินเทอร์เน็ตว่ามีบริการติดตั้งประตูให้ที่บ้านไหม
จ้าวเถี่ยจู้กลับมาถึงบ้านตอนเที่ยง เขาเดินสำรวจไปรอบๆบ้านก็ไม่พบแม้แต่เงาของซูเยี่ยนนี สงสัยเธอคงจะไปทำงานแล้วล่ะมั้งคิดได้ดังนั้นเขาจึงเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง เขาเพิ่งจะเปิดโน้ตบุ๊กตอนที่มีเสียงวีดีโอคอลเข้ามาจากโปรแกรมคิวคิวสีหน้าเขาเริ่มเคร่งเครียดและกำลังจะกดปิด แต่กลับมีข้อความเด้งขึ้นมาก่อนว่าลองปิดดูสิ แล้วนายจะเสียใจ
เขากดรับสายอย่างไม่สบายใจนักผ่านไปสักพักหน้าจอจึงปรากฎให้เห็นภาพสาวสวยชาวต่างชาติที่มีผมสีทองตาสีเขียวคนหนึ่งซึ่งสวมแค่เสื้อกล้ามรัดรูปจนหน้าอกที่ใหญ่เกินตัวแทบจะทะลักออกมาและถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าตรงกลางหน้าอกมีตุ่มเล็กๆสีชมพูสองตุ่มดันเนื้อผ้าขึ้นมาให้เห็นแบบจางๆ อีกด้วย นี่เธอกล้าไม่ใส่เสื้อในงั้นเหรอ! ช่างเร้าอารมณ์จริงๆ
“ไฮ โม่วอิ่ง” สาวสวยต่างชาติทักทายเขาผ่านหน้าจอทุกคนคงจะคิดว่าตอนนี้เขาจะต้องกลายร่างเป็หมาป่าหิวโซไปแล้วแน่ๆแต่เพียงแค่เห็นหน้าอีกฝ่ายเท่านั้นแหละ บอกได้คำเดียวเลยว่าหมดอารมณ์สำหรับเขาแล้วสาวสวยตรงหน้าก็เปรียบเหมือนอากาศธาตุที่มองไม่เห็นเท่านั้น
“นี่โม่วอิ่ง อย่าทำหน้าแบบนั้นทุกครั้งที่เจอกันสิ ฉันปวดใจนะ” สาวสวยชาวต่างชาติต่อว่าอย่างไม่จริงจังนัก
“พอเถอะ อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ทำตัวเป็เด็กๆไปได้แล้วอีกอย่างบนโลกนี้มีใครทำให้เธอเ็ปได้ด้วยเหรอ” เขาแกล้งว่า สาวสวยชาวต่างชาติคนนี้เป็หนึ่งในนักฆ่าในตำนานเช่นเดียวกันกับเขามีชื่อว่า อันฉีเอ่อร์ เธอสามารถฆ่าคนได้ทุกวิธีและมีหลายตัวตนจนไม่รู้ว่าตัวตนไหนคือตัวตนที่แท้จริงตัวตนที่เขาเห็นตอนนี้ก็เช่นกัน คงจะเป็หนึ่งในหลายๆ ตัวตนของเธอไม่แน่ว่าอีกสักพักเธออาจจะกลายเป็หนุ่มรัสเซียก็เป็ได้ ไม่กี่เดือนก่อนพวกเขาปลอมตัวเป็ทหารรับจ้างอยู่ทีมเดียวกันซึ่งตอนนั้นต่างฝ่ายต่างก็ช่วยเหลือกัน พวกเขาจึงผูกพันกันนับั้แ่นั้นมา
“นายนี่นิสัยไม่ดีเลย ไม่เจอกันตั้งนาน ไม่คิดถึงกันเลยเหรอ” อันฉีเอ่อร์ใช้ลิ้นเลียที่ริมฝีปากของตนเพื่อพยายามดึงดูดความสนใจ
“ไม่ ตอนนี้ผมไม่รับงานแล้ว เธอโทรมาทำไม” เขาคลึงขมับอย่างอ่อนใจ
“ฉันเพิ่งไปได้ยินข่าวหนึ่งมา ถ้านายรู้ล่ะก็ ต้องดีใจมากแน่ๆแล้วฉันก็อดใจไม่ไหวอยากบอกให้นายรู้จะแย่แต่ติดที่นายทำตัวเ็ากับฉันแบบนี้น่ะสิ...” อันฉีเอ่อร์พูดด้วยท่าทางน้อยอกน้อยใจ
“รีบบอกเถอะ จะได้รีบไปนอนต่อ”
“นายจูบฉันผ่านหน้าจอก่อนสิ แล้วฉันจะบอก” เขาอดขนลุกกับท่าทางออดอ้อนของเธอไม่ได้
“รีบบอกมาเถอะ เธอก็รู้ว่าความอดทนผมมันต่ำแค่ไหน” เขาหลับตาอย่างพยายามอดกลั้นอารมณ์ “นายนี่ไม่มีอารมณ์ขันเลย รอเดี๋ยวนะ ขอฉันหยิบของก่อน” เธอพูดจบก็ปีนขึ้นไปบนเตียงที่อยู่ด้านหลังจากหน้าจอจะเห็นว่าเธอสวมกระโปรงสั้นมาก เมื่อเธอโน้มตัวลงก็ทำให้เขามองเห็นกางเกงชั้นในลายลูกไม้สีดำที่สวมอยู่อย่างชัดเจน
“นางจิ้งจอกเอ้ย...” เขาถอนใจกับท่าทางของอันฉีเอ่อร์ที่พยายามจะยั่วเขานี่ถ้าเขาไม่เคยร่วมเป็ร่วมตายจนสนิทกันขนาดนี้ล่ะก็ มันคงจะได้ผลอยู่หรอกแต่พอคิดถึงพวกผู้ชายที่โดนเธอฆ่าตาย เขาก็อดตัวสั่นด้วยความกลัวไม่ได้
สักพักอันฉีเอ่อร์ก็เหมือนจะหาของที่้าเจอแล้วจึงหันกลับมาที่หน้าจอเหมือนเดิมพร้อมกับดึงรูปๆ หนึ่งขึ้นมาให้เขาดู “นายรู้จักคนๆ นี้ใช่ไหม”
เพียงแค่เห็นรูป แววตาของจ้าวเถี่ยจู้ก็เปลี่ยนเป็ดุดันอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งมีออร่าแห่งการฆ่าฟันออกมาจากตัวเขาอีกด้วย ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วจนอันฉีเอ่อร์ที่อยู่อีกฝากของหน้าจอยังรู้สึกได้ “เป็อะไรเนี่ย ฉันในะ”
“เขาอยู่ที่ไหน” แววตาของเขากลับมาเป็ปกติและสงบนิ่งเช่นเดิมเหมือนแววตาเมื่อครู่เป็เพียงภาพลวงตาเท่านั้น แต่ภายใต้แววตาเช่นนี้กลับซ่อนความบ้าคลั่งไว้ภายใน
“ตอนนี้อยู่ที่เมืองฝูเจี้ยน น่าจะเมืองเดียวกับนาย เขาถูกเชิญไปเป็แขกในงานประชุมสุดยอดทางเศรษฐกิจที่ปีนี้เมืองฝูเจี้ยงเป็เ้าภาพน่ะ”
“งานประชุมสุดยอดทางเศรษฐกิจ? เข้าใจแล้ว ครั้งนี้ถือว่าผมติดหนี้เธอครั้งหนึ่ง” เขาอดรู้สึกซาบซึ้งกับข่าวที่อันฉีเอ่อร์เพิ่งบอกไม่ได้
“ฉันบอกไว้ก่อนนะว่าครั้งนี้เขาจ้างฉันกับพรรคพวกอีกห้าคนไว้คอยดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง นายก็รู้ความสามารถของทีมฉันดี เพราะฉะนั้นไม่แน่ว่าครั้งนี้ความสามารถในการล่องหนของนายอาจจะไม่ได้ผลฉันขอเตือนนะว่าคิดให้ดีก่อนที่จะลงมือ” ที่เธอรู้ว่าเขาสามารถล่องหนได้เป็เพราะว่าครั้งหนึ่งเคยร่วมงานกันแล้วเธอบังเอิญไปเห็นเข้าพอดี
“ผมไม่ทำอะไรโดยไม่คิดหรอก” เขาไม่รอให้อีกฝ่ายตอบกลับมาก็รีบชิงวางสายก่อน
งานประชุมสุดยอดทางเศรษฐกิจงั้นเหรอ? เหมือนจะจัดหลังจากนี้อีกครึ่งเดือนจ้าวเถี่ยจู้คิดคำนวณเวลาอยู่ในใจ
พระเ้าช่างเมตตาเขาจริงๆ ในที่สุดหลีเทียนเฟิงก็โผล่หัวออกมาแล้วรอก่อนเถอะ เขาต้องแก้แค้นให้ได้ เขาคิดพร้อมกับลูบกำไลหินที่ข้อมือตนเบาๆ ด้วยแววตาเศร้าสร้อย
ทันใดนั้นเสียงของซูเยี่ยนนีก็ดังแทรกเข้ามาในโสตประสาทเขา “จ้าวเถี่ยจู้ ทำไมประตูยังซ่อมไม่เสร็จอีก นี่นายตั้งใจจะโกงเงิน 4,000 ของฉันงั้นเหรอ”
“ผมดูเหมือนคนที่ชอบโกงเงินหรือไง คุณดูถูกผมเกินไปแล้วผมจะฟ้องว่าคุณใส่ร้ายผม ให้คุณชดใช้ให้กับความรู้สึกที่เสียไปของผม” จ้าวเถี่ยจู้ปรับสีหน้าและแววตาที่โศกเศร้าให้กลับมาเป็ปกติเช่นเดิมก่อนจะเดินออกจากห้องพร้อมกับกำไลข้อมือที่สีค่อยๆจางลงแล้วหายไปในที่สุด
นอกจากล่องหนได้แล้วเขายังมีความพิเศษอีกอย่างนั้นก็คือเขาสามารถทำให้สิ่งของที่ัักับตัวเขาหายไปได้
ทุกๆ คนล้วนมีเื่ที่ไม่อยากจะนึกถึง จ้าวเถี่ยจู้ก็เหมือนกันถ้าจะให้เขานึกถึงเื่ที่ทำให้เขาต้องเ็ป เขายอมตายเสียยังดีกว่าและก็ั้แ่นั้นเป็ต้นมาเขาก็มีความแค้นที่ฝังลึกเข้าไปในกระดูกเป็แรงผลักดันให้เขากลายเป็นักฆ่าที่มีสมญานามว่าโม่วอิ่งเขาฆ่าแค่เฉพาะคนที่สมควรถูกฆ่า ผ่านไปไม่กี่เดือนชื่อโม่วอิ่งก็เป็ที่รู้จักในโลกมืด