“ท่านตี้เลี่ย ท่านเข้าไปไม่ได้!”
ด้านนอกของูเาซวงเฟิง ทหารหลายคนกำลังโน้มน้าวตี้เลี่ยให้รออยู่ด้านนอก จนกว่าจะได้รับคำสั่งจากตี้เหยียน แต่ตี้เลี่ยไม่ได้สนใจทหารตัวเล็กๆ เหล่านี้เลยแม้แต่น้อย
ในเวลาเดียวกันกองทหารด้านหลังของตี้เลี่ยเริ่มกระจายตัวออกไป พวกเขามีท่าทีราวกับว่าจะล้อมกองทัพของตี้เหยียนเอาไว้
ด้านข้างตี้เลี่ย ชิงจือขี่สัตว์อสูรรูปร่างคล้ายกับกวางที่มีเขาขนาดใหญ่อยู่บนศีรษะ กำลังจ้องมองปราณโลหิตที่ปกคลุมูเาซวงเฟิง
“ดูท่าในูเาซวงเฟิงจะมีความลับยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่จริงๆ ด้วย ปราณสังหารเหล่านี้สะสมมาเป็เวลานานหลายปี ราวกับว่าข้างในเคยเป็สนามรบมาก่อน!” ชิงจือมองรอบด้าน กล่าวอย่างราบเรียบ
“ที่ท่านชิงจือกล่าวก็มีเหตุผล หากในนั้นเป็สนามรบโบราณจริงๆ ไม่แน่ว่าอาจจะมีสมบัติอยู่ก็ได้!” ตี้เลี่ยหัวเราะเสียงดัง
จากนั้นตี้เลี่ยก็ขี่สัตว์อสูรพุ่งเข้าไปโดยไม่สนใจทหารตี้เหยียนด้านหน้าแม้แต่น้อย พวกเขาทำได้เพียงโน้มน้าวอย่างระมัดระวัง ไม่กล้าเสียมารยาทกับตี้เลี่ย ถึงอย่างไรตี้เลี่ยก็เป็ถึงอ๋องผู้โเี้ที่ขึ้นชื่อของจักรวรรดิซือฉี ทหารอย่างพวกเขาหากเสียมารยาทอาจจะถูกสังหารได้
“รีบเข้าไปในูเารายงานท่านตี้เหยียนเร็ว!”
แม่ทัพของกลุ่มทหารสั่งการทหารนายหนึ่ง เื่มาถึงขั้นนี้แล้วมีเพียงตี้เหยียนเท่านั้นที่จะสามารถหยุดการกระทำของอีกฝ่ายได้
“ว่าอย่างไรนะ เ้าตี้เหยียนเข้าไปแล้วหรือ? จะปล่อยให้มันกวาดเอาสมบัติไปแต่เพียงผู้เดียวไม่ได้!”
เมื่อตี้เลี่ยได้ยินคำพูดของทหารที่อยู่ด้านข้างจึงตัดสินใจขี่สัตว์อสูรเข้าไปในูเาทันที ทหารที่อยู่ด้านหน้าหลบไม่ทันจึงถูกพุ่งชน ถึงแม้จะไม่ได้รับาเ็ แต่ก็ทำให้ทหารผู้นั้นเสียหน้าเป็อย่างมาก
“ตี้เลี่ย! เ้าช่างอาจหาญยิ่งนัก กล้ามาหยิ่งผยองต่อหน้าข้าอย่างนั้นหรือ?” ขณะที่ทหารเ่าั้กำลังหงุดหงิด เสียงดังกังวานเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
ทันใดนั้นก็ปรากฏเปลวเพลิงดวงหนึ่งพุ่งลงมาจากท้องฟ้า ปรากฏเป็ร่างของตี้เหยียน ร่างของเขายังคงถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง และถือดาบขนาดใหญ่อยู่ในมือ ราวกับว่าหากอีกฝ่ายคิดจะต่อต้านก็จะลงมือทันที
“เหอะ เลิกพูดไร้สาระแล้วพาคนของเ้ากลับไปซะ ที่แห่งนี้ข้าจะเป็คนดูแลเอง!” ตี้เลี่ยก็ไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว
ความขัดแย้งของเขาทั้งสองไม่ใช่เื่ที่เพิ่งเกิดขึ้นวันสองวัน ทั้งสองฝ่ายล้วน้าจะจัดการซึ่งกันและกันมาโดยตลอด แต่อำนาจและความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายไม่ได้แตกต่างกัน ดังนั้นสถานการณ์ในตอนนี้จึงไม่สามารถชี้ขาดได้ว่าฝ่ายใดคือฝ่ายที่แข็งแกร่งกว่า
การแย่งชิงสมบัติในครั้งนี้จะเป็ศึกตัดสินของพวกเขาทั้งสอง หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถกวาดเอาสมบัติภายในูเาซวงเฟิงกลับไปได้ จะส่งผลให้อำนาจและความแข็งแกร่งของตนเพิ่มขึ้น และท้ายที่สุดก็จะสามารถจัดการกับอีกฝ่ายได้ในอนาคต
“ทิ้งไว้ให้เ้าดูแลอย่างนั้นหรือ? ข้าก็อยากจะรู้ว่าเ้าจะกล้าก้าวเข้ามาในเขตูเาแห่งนี้หรือไม่?!”
เดิมทีตี้เหยียนไม่ใช่คนที่ยอมอ่อนข้อโดยเฉพาะกับตี้เลี่ย เขาจึงกล่าวออกไปอย่างไม่แยแส ดาบเพลิงขนาดใหญ่ในมือถูกชูขึ้นฟ้าทันที ทันใดนั้นดาบในมือก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วและมีความยาวมากกว่าห้าสิบวา
จากนั้นทั้งกองทัพของตี้เหยียนก็มีท่าทีพร้อมรบทันที กองทัพของตี้เลี่ยเมื่อเห็นกองทัพตี้เหยียนตั้งท่าแล้วก็หยุดเดินหน้าทันที หากพวกเขาเดินต่อไปจะต้องเกิดการปะทะอย่างแน่นอน
ต้องรู้ว่าหากเกิดการต่อสู้ในครั้งนี้จะไม่ใช่การต่อสู้ธรรมดา พวกเขาทั้งสองฝ่ายต่างเป็ตัวแทนของขุมกำลังที่ทรงพลังที่สุดในจักรวรรดิซือฉี ถ้ามีการต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆ ไฟาต้องลุกลามไปทั่วจักรวรรดิซือฉีอย่างแน่นอน
ตี้เลี่ยกับตี้เหยียนต่อสู้กันมาหลายปีแล้ว พวกเขาทั้งสองปะทะกันไม่หยุดหย่อน แต่การปะทะของพวกเขาล้วนเป็การต่อสู้เล็กๆ เท่านั้น ยังไม่สามารถใช้คำว่าาได้ ถึงอย่างไรกองทัพที่ทั้งสองควบคุมอยู่ล้วนเป็กองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรวรรดิซือฉี หากเกิดการต่อสู้ระหว่างสองกองทัพขึ้นจะทำให้จักรวรรดิซือฉีอ่อนแอลงมาก อาจจะทำให้จักรวรรดิอื่นแทรกซึมเข้ามาได้ง่ายๆ
“ฮ่าๆๆๆ ความจริงแล้วข้ากับเลี่ยอ๋องเพียงแค่สงสัยเท่านั้น หากท่านไม่พอใจ เราเข้าไปสำรวจภายในูเาพร้อมกันจะดีกว่า ให้มันรู้ไปพร้อมๆ กันเลยว่าภายในูเาแห่งนี้มีความลับอะไรซ่อนอยู่ พวกเราไม่จำเป็ต้องทำให้เื่บานปลายเช่นนี้!”
ทันทีที่ชิงจือเห็นท่าทางของตี้เหยียนก็รีบกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม อย่างไรก็ตามต่อให้พวกเขาสองฝ่ายต่อสู้กันจริงๆ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับชิงจือผู้นี้ และโอกาสที่ตี้เหยียนจะลงมือสังหารชิงจือก็น้อยมาก
ความจริงแล้วหากเกิดการต่อสู้ระหว่างตี้เลี่ยและตี้เหยียน ชิงจือจะไม่มีโอกาสได้ค้นหาความลับที่ซ่อนอยู่ภายในูเาซวงเฟิงอีกต่อไป
“ที่แท้ก็คือท่านชิงจือนี่เอง เหตุใดท่านไม่เสพสุขอยู่จักรวรรดิอวิ๋นซ่าง วิ่งมายังสถานที่แร้นแค้นอย่างจักรวรรดิซือฉีเพราะเหตุใดกัน? อีกอย่างพื้นที่แห่งนี้คือจักรวรรดิซือฉีของข้า การสำรวจคงไม่ใช่เื่ที่ท่านจะสอดมือเข้ามาไม่ใช่หรือ?”
ใบหน้าของตี้เหยียนเผยรอยยิ้ม แต่กลับกล่าวออกไปตรงๆ เขารู้ว่าชิงจือผู้นี้คือศิษย์ของเหอชิง ถึงแม้เหอชิงจะมีอำนาจในโลกตงฮวงมากเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถเข้ามายุ่งกับจักรวรรดิซือฉีได้ ดังนั้นตี้เหยียนจึงไม่ได้หวาดกลัวอีกฝ่ายแต่อย่างใด
“เ้า!”
ใบหน้าของชิงจือเผยความโกรธออกมา เื้ัอันยิ่งใหญ่ของเขาบวกกับสถานะนักปรุงยาระดับห้า เมื่อเขาไปที่ใดก็เป็ที่ต้อนรับ แม้แต่ยอดฝีมือระดับราชันยุทธ์ก็ต้องยิ้มต้อนรับให้กับเขา
แต่ในเวลานี้ตี้เหยียนผู้นี้กลับกล้ากล่าววาจาโอหังกับเขา!
แต่ไม่นานความโกรธของชิงจือก็หายไปเขาไม่ใช่คนโง่ ที่นี่คือจักรวรรดิซือฉีถ้าเขาจะแตกหักกับตี้เหยียนจริงๆ จุดจบของเขาจะต้องไม่ดีอย่างแน่นอน
“เหตุใดเ้าจึงกล้ากล่าวกับท่านชิงจือเช่นนี้!” ตี้เลี่ยที่อยู่ด้านข้างกลับไม่สามารถข่มความโกรธที่อยู่ภายในใจได้อีกต่อไป
เดิมทีตี้เลี่ยจะให้เกียรติชิงจือค่อนข้างมาก เขาต้อนรับเสมือนแขกผู้มีเกียรติมาโดยตลอด แต่การปฏิบัติของตี้เหยียนในเวลานี้จะถือว่าเป็การไว้หน้าเขาได้อย่างไร?
“ข้าคิดอย่างไรข้าก็กล่าวออกมาอย่างนั้น ที่นี่คือจักรวรรดิซือฉี ไม่ใช่จักรวรรดิลอยฟ้าอวิ๋นซ่าง ที่นี่คนนอกไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่ง!” ตี้เหยียนกล่าวอย่างเ็า
“วันนี้ข้าจะสั่งสอนเ้าให้รู้จักที่ต่ำที่สูง!” ตี้เลี่ยทนไม่ไหวแล้ว แม้แต่เคราก็เริ่มมีเปลวเพลิงลุกไหม้ เขาคว้าขวานที่อยู่ด้านหลังออกมา ขวานขนาดใหญ่ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงอันร้อนแรง
อย่างไรก็ตามทั้งตี้เลี่ยและตี้เหยียนมีระดับพลังความแข็งแกร่งเท่าเทียมกัน พวกเขาทั้งสองล้วนเป็ยอดฝีมือระดับราชันยุทธ์ขั้นที่หนึ่ง และทั้งสองคนยังมีระดับิญญายุทธ์เท่าเทียมกันอีกด้วย นี่คือเหตุผลสำคัญที่ไม่อาจตัดสินได้ว่าในพวกเขาทั้งสองผู้ใดแข็งแกร่งกว่ากัน
ตี้เลี่ยะโไปบนท้องฟ้า จากนั้นร่างกายก็ขยายใหญ่ขึ้นพร้อมกับเปลวเพลิงที่ปกคลุมไปทั่วร่าง ท้ายที่สุดเขากลายเป็ั์เพลิงสูงหลายสิบวา เขายกขวานขนาดใหญ่สองเล่มขึ้นมาและโจมตีไปยังอีกฝ่ายโดยตรง
ตี้เหยียนไม่ได้หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ปีกเพลิงด้านหลังโบกสะบัดหลบการโจมตีของอีกฝ่ายทันที จากนั้นร่ายรำดาบเพลิง แทงไปยังศีรษะของอีกฝ่ายเช่นกัน
ทั้งสองคนล้วนเป็ธาตุไฟด้วยกันทั้งคู่ แต่ความแตกต่างอยู่ที่วิธีการเท่านั้น ตี้เลี่ยมีความป่าเถื่อนและดุร้าย ส่วนตี้เหยียนมีความว่องไวและไหวพริบ
อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งสองคนต่างรู้ฝีมือของอีกฝ่ายดี นี่คือเหตุผลสำคัญที่ไม่สามารถบอกได้ว่าใครจะแพ้หรือชนะในเวลาอันสั้นนี้ ในเวลาเดียวกันทหารที่ยืนอยู่โดยรอบก็ถอยออกจากกัน เว้นพื้นที่กว้างสำหรับผู้นำทั้งสอง
“พวกโง่!” ชิงจือส่ายหัว สายตาเย้ยหยันจ้องมองไปยังตี้เหยียนและตี้เลี่ย ูเาซวงเฟิงตั้งอยู่เบื้องหน้าแท้ๆ ผู้นำสองคนกลับเลือกที่จะต่อสู้กัน พวกเขาทั้งสองไม่อาจเจรจากันได้จริงๆ
ขณะที่สองคนกำลังต่อสู้กัน ทันใดนั้นหมอกสีเืที่ปกคลุมูเาซวงเฟิงก็เปิดออกกะทันหัน
แรงกดดันมากมหาศาลพุ่งลงมาจากท้องฟ้า!
เมื่อััได้ถึงแรงกดดันสีหน้าของตี้เหยียนและตี้เลี่ยก็เปลี่ยนไปอย่างมาก การต่อสู้หยุดชะงักลงทันที
“าาตงมีคำสั่งให้นำทุกสิ่งที่อยู่ในูเาแห่งนี้กลับไปที่จักรวรรดิลอยฟ้าอวิ๋นซ่าง ห้ามผู้ใดขัดขืนเด็ดขาด!”
เสียงดังกล่าวะเืไปทั่วฟ้าดิน ลมหายใจต่อมาก็ปรากฏบุรุษสวมชุดเกราะสีทอง ด้านหลังของเขามีปีกสีทองโบกสะบัดอยู่ หลังจากนั้นร่างดังกล่าวก็ร่อนลงมาจากช่องว่างของหมอกสีเื
……