“รีบนอน พรุ่งนี้ยังต้องไปดูบ้านอีก” เจียงหงหย่วนรวบตัวหลินหวั่นชิวอย่างวางอำนาจ กุมมือทั้งสองของนางแน่น
“ข้าอุ่นมือให้ มีแผลเปื่อยจากอากาศหนาวขึ้นมาคงต้องรักษาอีก” ขณะที่พูดก็ยกขาทับใส่ เท้าโตของเขาถูกับเท้าของหลิวหวั่นชิว ถูไปด้วย พูดไปด้วยว่า “เท้าก็เย็นเช่นกัน สตรีเท้าเย็นมีลูกยาก”
หลินหวั่นชิว “…”
ยังดีที่นางชินกับฝีปากบุรุษผู้นี้เสียแล้ว มิเช่นนั้นคงได้โมโหตายเป็แน่
อาจเพราะถูกบุรุษผู้นี้กอดอย่างอบอุ่นและแแ่ ทำให้หลินหวั่นชิวผล็อยหลับอย่างรวดเร็ว
เจียงหงหย่วนอุ่นมือกับเท้าให้นางเสร็จก็เคลื่อนมือไปส่วนอื่น บีบหมั่นโถวนุ่มนิ่มเบาๆ สูดกลิ่นภรรยาตัวน้อยด้วยความพึงพอใจแล้วผล็อยหลับไป
หลินหวั่นชิวถูกปลุกให้ตื่นเพราะร้อน บุรุษด้านข้างเป็เหมือนเตาไฟแต่ก็ยังจะกอดนางแน่นเช่นนี้
ทว่านางตื่นแล้วกลับต้องรู้สึกกระอักกระอ่วนยิ่งนัก มือข้างหนึ่งของบุรุษหนุ่มวางอยู่บนหน้าอกของนาง เอวด้านหลังถูกบางอย่างที่ตื่นขึ้นกั้นไว้ ทำเอานางไม่กล้าขยับเขยื้อน กลัวจะยิ่งเดือดร้อนไปกันใหญ่
จนปัญญา นางได้แต่หลับตาแสร้งทำเป็หลับ หวังว่าเจียงหงหย่วนจะรีบตื่นโดยเร็ว เขาตื่นแล้วนางค่อยตื่น เช่นนี้จะได้ไม่ต้องกระอักกระอ่วน
นางเพิ่งหลับตาลง เจียงหงหย่วนก็ลืมตาขึ้น เขายิ้มได้ใจ ลมหายใจหนักขึ้น ทั้งยังแสร้งทำเป็กรน
เขายกขาพาดบนตัวหลินหวั่นชิว พี่น้องที่ตื่นขึ้นเจอตำแหน่งที่เหมาะสมเช่นกัน ร้องอาละวาดผ่านเสื้อผ้า
มือออกแรงบีบเบาๆ ความเคลื่อนไหวนี้ทำให้ใจหลินหวั่นชิวปั่นป่วนไปหมด ร่างกายอ่อนระทวย
มารดามันเถิด นางทนการยั่วเย้าไม่ได้จริงๆ
ร่างกายราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน
หลินหวั่นชิวกัดริมฝีปากแน่น กลัวตัวเองหลุดส่งเสียงร้อง นางไม่กล้าขยับ อั้นจนทรมาน
ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
โชคดีที่ผ่านไปไม่นาน เขาก็ปล่อยนางแล้ว พลิกตัวหันหลังให้นางหลับไป
หลินหวั่นชิวถึงกลับตบหน้าอกถอนหายใจด้วยความโล่งอก
นางลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบที่สุด กลัวเจียงหงหย่วนจะตื่น
แต่เจียงหงหย่วนนอนอยู่ฝั่งนอกของเตียง ตัวเขาสูงใหญ่ หากหลินหวั่นชิวจะลงจากเตียงก็มีแต่ต้องก้าวข้ามเขาเท่านั้น
แม้จะดูเสียมารยาทมาก แต่นางไม่มีเวลามาสนใจแล้ว
คาดไม่ถึงว่านางเพิ่งยกเท้าข้ามไป บุรุษที่นอนบนเตียงจะพลิกตัวอีกครั้ง
หลินหวั่นชิวทรงตัวไม่อยู่และล้มลงนั่งบนตัวเจียงหงหย่วน!
ทั้งยังนั่งลงบนตำแหน่งนั้นพอดี
เอ่อ…
สบเข้ากับดวงตางัวเงียกับสีหน้าแปลกประหลาดของเจียงหงหย่วน…นางจะเป็บ้าแล้ว
“อยากได้หรือ?” เจียงหงหย่วนจับตัวหลินหวั่นชิวที่คิดจะลุกขึ้น ออกแรงแค่เบาๆ หลินหวั่นชิวก็ล้มลงในอ้อมอกเขาเสียแล้ว
ความรู้สึกที่สำลีนุ่มนิ่มสองก้อนกดลงบนหน้าอกช่างสุดยอดเหลือเกิน แต่หลินหวั่นชิวไม่ได้สบายด้วย อกเ้าหมอนี่แข็งดั่งเหล็ก ชนจนหน้าอกนางเจ็บแทบตาย
โอ๊ย…
อยากใช้มือนวดจริงๆ เจ็บจนน้ำตาไหลแล้ว
เจียงหงหย่วนเห็นหลินหวั่นชิวหน้าเปลี่ยนสี ดวงตาดอกท้อมีน้ำตารื้นก็รีบถามขึ้น “เป็กระไรไป?”
“เจ็บหน้าอก” หลินหวั่นชิวตอบตามสัญชาตญาณ แต่แล้วก็ต้องรู้สึกเสียใจทันทีที่ตอบเช่นนั้น
“ข้านวดให้” บุรุษหนุ่มลุกขึ้นนั่งทันที รวบหลินหวั่นชิวไว้ในอ้อมกอดแล้วใช้มือหนานวดหน้าอกให้นางอย่างเที่ยงตรงและโปร่งใส
“อ่อนแอ!” ทั้งที่ในใจดีใจดั่งดอกไม้บาน แต่ปากกลับพูดเหมือนไม่ชอบใจนัก
หลินหวั่นชิว “…”
เขานวดแล้วยิ่งเจ็บ!
“อยากได้ก็บอก คราวหลังอย่าใจร้อนเช่นนี้อีก” เจียงหงหย่วนเสริมอีกประโยค
หลินหวั่นชิวไม่อยากคุยกับเขาแล้ว พยายามดิ้นออกไป ครั้งนี้เจียงหงหย่วนยอมปล่อยนาง คนเราต้องรู้จักตักตวงเท่าที่ทำได้
“เ้าอยู่ในนี้ไปเสียก่อน ข้าจะไปเรียกให้เสี่ยวเอ้อร์ยกน้ำร้อนขึ้นมา” เจียงหงหย่วนใส่เสื้อผ้าด้วยความรวดเร็วเสร็จก็ยกน้ำที่ใช้อาบเมื่อคืนออกไปด้านนอก ขณะเดียวกันก็เรียกให้เสี่ยวเอ้อร์ยกน้ำร้อนกับมื้อเช้าขึ้นมาด้วย
ทั้งสองกินข้าวเช้า คนกลางที่เจียงหงหย่วนนัดไว้น่าจะใกล้มาถึงแล้วเช่นกัน
“เจียงเหยีย ไท่ไท่[1] ข้าหาบ้านมาให้สามหลัง สองที่มีหนึ่งลาน[2] อีกหนึ่งที่มีสองลาน แบบหนึ่งลานมีหน้าร้านหนึ่งที่ แบบสองลานมีหน้าร้านสองที่ขอรับ”
“แบบมีหน้าร้านคิดค่าเช่าอย่างไร?” หลินหวั่นชิวได้ยินว่ามีหน้าร้านก็สนใจ เดิมทีนางก็อยากทำการค้าเล็กๆ น้อยๆ อยู่แล้ว แทนที่จะไปเช่าร้านแยก สู้เช่าบ้านแบบมีหน้าร้านไปเลยเสียดีกว่า
“แบบหนึ่งลานปีละสิบแปดตำลึงเงิน แบบสองลานปีละสี่สิบตำลึงเงิน แบบไม่มีหน้าร้านปีละหกตำลึงเงินขอรับ”
บ้านในอำเภอไม่ได้แพงมาก ปกติบ้านแบบหนึ่งลาน แค่มีเงินแปดสิบตำลึงเงินก็ซื้อได้แล้ว ส่วนแบบสองลานก็ร้อยตำลึง แต่บ้านที่มีหน้าร้านจะแพงกว่ามาก บ้านสองลานที่มีหน้าร้านขนาดใหญ่สองที่ต้องมีราคาสามร้อยกว่าถึงสี่ร้อยเป็อย่างน้อย
แต่แน่นอนว่าราคาบ้านก็ขึ้นอยู่กับทำเลด้วยเช่นกัน ทำเลดีย่อมไม่ใช่ราคาเท่านี้
“ได้ พวกเราลองไปดูกันก่อน ไปดูแบบหนึ่งลานที่มีหน้าร้านก่อนค่อยดูแบบสองร้าน” เจียงหงหย่วนพูด
“แบบหนึ่งลานอยู่ที่ตรอกถงหลัว อยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกล เลี้ยวตรงหัวมุมก็ถึง คนที่อยู่ในตรอกถงหลัวเป็คนเฒ่าคนแก่ คนจึงไม่พลุกพล่านมากนัก…”
คนกลางนำทางไปด้วย แนะนำทั้งคู่ไปด้วย
มาถึงที่หมาย หลินหวั่นชิวมองคนที่เดินผ่านไปมาบนท้องถนนกับดูว่าบนถนนมีสิ่งใดขายบ้าง
“เ้าของบ้านหลังนี้เป็บัณฑิต อยู่กับแม่ที่เป็แม่ม่าย ลูกชายสอบได้ขั้นซิ่วไฉจึงจะพาแม่ไปอยู่เมืองเอกประจำมณฑลด้วย บ้านหลังนี้ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ พวกเขาตัดใจขายไม่ลงจึงเปิดให้เช่า ก่อนหน้านี้แม่ของซิ่วไฉก็ใช้หน้าร้านนี้มาเปิดน้ำเต้าหู้กับขนมแป้งทอด กิจการดีมาก หาเงินส่งลูกชายเรียนได้ก็ด้วยวิธีนี้ขอรับ…”
ภายในบ้านสะอาดสะอ้านดีแต่เล็กไปหน่อย หน้าร้านก็เล็กเช่นกัน อย่างมากแค่ห้าถึงหกตารางเมตร ลานด้านในใหญ่ประมาณสิบตารางเมตร เรือนประธานสามห้อง เรือนข้างสองห้อง นอกจากนี้ก็ไม่มีกระไรแล้ว
และเรือนประธานสามห้องก็ไม่ได้ใหญ่ หลินหวั่นชิวดูแล้วไม่ถูกใจ ครอบครัวพวกนางยังมีเด็กอีกสองคน บ้านนี้ถูกก็จริงแต่เล็กเกินไป
ในเมืองต่างจากชนบท ไม่ว่าจะในสมัยโบราณหรือยุคปัจจุบัน ถึงบ้านในชนบทจะแย่แค่ไหนก็มีพื้นที่มาก ส่วนบ้านในเมือง…เล็กราวกับกรงนกพิราบ
“ไปดูแบบสองลานเถิด” เจียงหงหย่วนไม่ถูกใจหลังนี้เช่นกัน
เชิงอรรถ
[1] ไท่ไท่(太太) คำเรียกสตรีที่แต่งงานแล้วด้วยความยกย่อง
[2] ลาน(进) ในที่นี้จะหมายถึงบ้านแบบจีนทั้งหลังที่มีอาคารประกอบกันโดยมีลานกลางบ้าน เช่น บ้านแบบห้าลานจะเป็การพูดถึงบ้านแบบมีลานบ้านที่นำมาประกอบซ้อนกันห้าชั้นลึกเข้าไปดังตัวอย่างในภาพ

