เยี่ยซีไม่ได้ลงไปตรงที่นั่งด้านล่าง แต่นางเดินไปเข้าห้องรับรองพิเศษที่อยู่อีกทางหนึ่ง
“ไปเอาชามู่อวินเซียนที่ดีที่สุดของที่นี่มา ไม่มีอะไรแล้วพวกเ้าไปเถอะ”
ชายแก่คนหนึ่งโบกมือให้พวกพนักงาน แล้วก็ปิดประตู จากนั้นก็หันมายิ้มให้เยี่ยซีแล้วพูดว่า “คุณหนูเยี่ย เชิญขอรับ”
เยี่ยซีนั่งลงบนเก้าอี้หนังที่อ่อนนุ่ม นางเอนตัวลงไปด้านหลัง ยกขาอันเรียวยาวไขว้ขึ้นมา แล้วพูดกับชายแก่ที่พูดจานอบน้อมกับนางว่า “จ้าวเหล่า เ้าแน่ใจนะว่าวันนี้มีเงินทุนมามากพอน่ะ?”
“คุณหนูโปรดวางใจ วันนี้องค์ชายเก้าออกไปฝึกยุทธ์ เลยไม่สะดวกมาฉลองวันเกิดกับคุณหนู แต่องค์ชายเก้าได้สั่งกำชับเอาไว้แล้วว่า ในบรรดาสินค้าที่ออกประมูลทั้งสิบหกชิ้นของสมาคมใต้หล้าในวันนี้ ของที่มีมูลค่าที่สุดคือชิ้นที่สิบสามกระบี่ศาสตราอู๋จิ่งระดับเจ็ด ไม่ว่าต้องใช้เงินมากแค่ไหนก็จะต้องประมูลมาให้ท่านให้ได้ คุณหนูโปรดวางใจได้” จ้าวเหล่าโค้งคำนับแล้วพูดอย่างนอบน้อม
จ้าวเหล่าเป็พ่อบ้านคนสนิทขององค์ชายเก้า อาณาจักรพลังของเขาแตะขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่แปดระดับประสานเป็หนึ่งแล้ว ถือว่าเป็บุคคลที่มีชื่อเสียง มีหน้ามีตาของราชวงศ์ต้าิคนหนึ่ง
แต่ถึงแม้จะเป็เช่นนั้น เวลาอยู่ต่อหน้าเยี่ยซีเขาก็ยังต้องก้มหน้าอ่อนข้อให้
ที่ผ่านมา เยี่ยซีก็เป็ผู้หญิงที่มีพร์และมีหน้าตาที่งดงามมากอยู่แล้ว ถึงแม้อายุจะยังน้อยแต่ก็สามารถมีอาณาจักรพลังแตะขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เจ็ดระดับหลอมความเป็เทพได้ นางมีอนาคตไกลอย่างประเมินมิได้เลย
แล้วตอนนี้สถานะของนางก็ยิ่งพิเศษมากขึ้นไปอีก นางคือผู้หญิงที่องค์ชายเก้าถูกใจ!
หลังจากการประมูลของชิ้นแล้วชิ้นเล่าผ่านไป ในที่สุดก็มาถึงการประมูลของชิ้นที่สิบสาม
สินค้าที่นำมาประมูลนั่นก็คือกระบี่ศาสตราอู๋จิ่งระดับเจ็ด เป็กระบี่ที่มีความแหลมคมมาก หากได้เคล็ดวิชากระบี่ที่แข็งแกร่งมาช่วยเสริม หรือสามารถฟันศาสตราในระดับเดียวกันให้หักได้ บวกกับร่างกายที่พลิ้วไหว เวลาที่ใช้กระบี่ก็จะยิ่งรวดเร็วว่องไวไปถึงระดับที่ไร้เงาไร้ร่างได้เลย!
เมื่อสินค้าชิ้นนี้ถูกนำออกมาประมูล ทุกคนต่างแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่ง แต่ในที่สุดก็ถูกเยี่ยซีชิงไปได้ในราคาสองร้อยสามสิบล้านเหรียญหยกดำ
“คุณหนูเยี่ย ท่านยังอยากจะดูต่อไหม? หากไม่แล้ว ข้าจะไปส่งท่าน” จ้าวเหล่าเห็นว่าซื้อกระบี่มาได้แล้วก็เลยเอ่ยปากถามเยี่ยซี
เยี่ยซีพยักหน้าและกำลังคิดว่าจะกลับทันที แต่ก็ถูกคำพูดของพิธีกรสาวบนลานประมูลดึงดูดเอาไว้
“ต่อไปจะเป็การประมูลสินค้าชิ้นที่สิบสี่ เป็สินค้าที่เพิ่งเข้ามาใหม่ไม่นานมานี้”
พิธีกรสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน “สินค้าชิ้นนี้คือไข่มุกอักขระจำกัดสิบครั้งที่หาได้ยาก นักตีราคาของเราได้ทำการยืนยันแล้ว ด้านในมีลายเส้นอักขระระดับกลางชั้นยอดแฝงอยู่ด้วย”
“มันมีชื่อว่าค่ายกละเิเพลิง ขอแค่ปล่อยพลังลมปราณที่มากพอและท่องคาถาของมันได้คล่องแคล่ว ก็จะสามารถใช้ลายเส้นอักขระนี้ได้ หลังจากสะสมพลังเพียงพอในระยะเวลาสั้นๆ ก็จะสามารถปล่อยพลังเผาผลาญในขอบเขตที่รุนแรงออกมาได้ มันมีอานุภาพที่สูงมาก แต่เพราะระดับยังไม่สูงเท่ากระบี่อู๋จิ่ง ดังนั้นเราจึงเริ่มประมูลกันที่แปดแสนเหรียญหยกดำ แต่เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพของมันแล้ว มันสูงกว่ากระบี่อู๋จิ่งอย่างแน่นอน”
พอแนะนำถึงตรงนี้ ทุกคนที่อยู่ในลานด้านล่างก็แทบคลั่ง
ค่ายกละเิเพลิงเป็ลายเส้นอักขระชั้นยอดระดับกลาง หากระดับสูงเกินไป ก็อาจไม่มีใครฝึกใช้งานได้ แต่หากระดับต่ำเกินไป อานุภาพก็จะไม่พอ แต่ค่ายกละเิเพลิงกลับมีระดับที่พอเหมาะและมีอานุภาพที่สูง เหมาะสมกับคนที่เข้ามาร่วมประมูลสินค้าในครั้งนี้อย่างมาก
“ข้าประมูลที่หนึ่งล้าน” มีคนยกมือแล้วพูด
“หนึ่งล้านสองแสน!”
“หนึ่งล้านสามแสน!”
ผู้คนด้านล่างประมูลราคากันไม่หยุด จนกระทั่งมีผู้นำตระกูลใหญ่คนหนึ่งะโราคาขึ้นมาว่าสองล้านแปดแสนเหรียญหยกดำ ทุกคนถึงได้เงียบไปกันหมด ดูท่ากำลังทรัพย์ของพวกเขาคงไม่สามารถซื้อค่ายกละเิเพลิงอานุภาพสูงจำกัดสิบครั้งนี้ได้
“จ้าวเหล่า ประมูลราคาไปที่สามล้านเหรียญหยกดำ” เยี่ยซีจ้องไปที่ไข่มุกอักขระสิบเอ็ดเม็ดในกล่องนั้นแบบไม่กะพริบตา น้ำเสียงของนางดูตื่นเต้นมาก
ลายเส้นอักขระเป็ของที่หาได้ยากมาก แล้วยังเป็ค่ายกละเิเพลิงซึ่งเป็ค่ายกลการโจมตีชั้นยอดระดับกลางแบบนี้ด้วย
ไม่ว่าอย่างไร วันนี้เยี่ยซีก็จะต้องได้มันมาให้ได้!
“คุณหนูเยี่ย ...”
จ้าวเหล่าสีหน้าลำบากใจมาก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าค่ายกละเิเพลิงนั้นเป็ของที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาใหม่ ถึงแม้เขาจะยอมรับว่ามันมีมูลค่าสูงกว่ากระบี่อู๋จิ่ง แต่สามล้านเหรียญหยกดำมันก็แพงเกินไป!
เยี่ยซีขมวดคิ้ว “ทำไม? เสียดายเงินหรือ? หรือองค์ชายเก้าคิดว่า ข้ามีค่าสู้เงินสามล้านเหรียญหยกดำนี่ยังไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ใช่แบบนั้นเลยคุณหนู เพียงแต่ก่อนหน้านี้องค์ชายรองรับปากจะมอบกระบี่อู๋จิ่งให้กับท่าน ... อีกอย่าง องค์ชายเองก็ได้เหมาภัตตาคารหอเฟิงหลินเอาไว้แล้วด้วย อาหารสุราเลิศรสครบทุกอย่าง เพื่อเป็การขอโทษที่เขาไม่สามารถมาเป็เพื่อนท่านได้ในวันนี้แล้ว” จ้าวเหล่าอธิบายอย่างละเอียด
“ไม่มีความจริงใจเลยสักนิด”
เยี่ยซีพูดว่า “ข้าไม่สน วันนี้ข้าจะต้องได้ค่ายกละเิเพลิงนั่นให้ได้ หากเขาจ่ายไม่ไหว ต่อไปก็ไม่ต้องมาหาข้าอีก”
จ้าวเหล่าคิดในใจว่า ‘คุณหนูเยี่ยซีนี่เอาใจยากจริง แต่ใครบอกให้นางทั้งฉลาดหน้าตาดี แล้วองค์ชายเก้ายังถูกใจอีก ... ช่างเถอะ กลับไปค่อยรายงานองค์ชายอีกที เขาคงไม่ว่าอะไร เพราะเยี่ยซีเองก็เหมาะสมคู่ควรที่จะใช้ลายเส้นอักขระที่แข็งแกร่งแบบนี้’
สุดท้าย จ้าวเหล่าก็ยกป้ายประมูลขึ้นอย่างลำบากใจ เขากำหมัดแน่นแล้วะโไปอย่างปวดใจว่า “สามล้าน” ในที่สุดก็ได้ค่ายกละเิเพลิงนี้มาจนได้
จ้าวเหล่าถึงกับปาดเหงื่อ แต่ก็ฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “คุณหนูเยี่ย คราวนี้เราประมูลได้มาทั้งกระบี่อู๋จิ่งกับค่ายกละเิเพลิง คงช่วยท่านได้มากเลย หากภายในสามเดือนท่านสามารถฝึกใช้งานมันได้อย่างคล่องแคล่ว ตำแหน่งอันดับหนึ่งในงานประลองของราชสำนักครั้งนี้ ต้องเป็ของท่านแน่นอน”
สามอัจฉริยะปีศาจของราชสำนักต้าิจะไม่เข้าร่วมงานประลองนี้ เพราะอย่างไรก็ต้องได้สามอันดับแรกอยู่แล้ว ถ้าเป็อย่างนั้นมันจะไม่สนุก สู้เก็บเอาไว้ให้คนอื่นน่าจะดีกว่า
เยี่ยซีถือเป็ยอดฝีมือขั้นสูงรุ่นใหม่ ซึ่งตอนนี้มีอาณาจักรพลังขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เจ็ดระดับหลอมความเป็เทพแล้ว นางหวังว่าจะได้อันดับที่หนึ่งในการประลองยุทธ์ครั้งนี้
หลังจากนั้นไม่นาน หลี่หย่าก็เอาข่าวดีในการประมูลขายมาบอกิอวี่ ิอวี่คิดไม่ถึงเลยว่าลายเส้นอักขระที่เขาร่างขึ้นมาครั้งแรกมันจะทำเงินให้เขาได้มากแบบนี้
หลี่หย่าเอ่ยปากถามไปว่า “นายท่าน คนที่ซื้อของของท่านไปเมื่อครู่บอกว่าชื่นชมในตัวท่านมาก อยากจะพบท่านสักครั้ง แต่หากว่าท่านไม่สะดวกให้พบ ข้าจะไปปฏิเสธให้เ้าค่ะ”
“ให้พบก็ได้” ิอวี่พูด เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าใครกันนะที่มีกำลังทรัพย์มากขนาดนี้
ระหว่างที่ิอวี่กำลังคิด หญิงสาวหน้าตางดงามผิวพรรณผ่องใสก็เดินมา
ิอวี่มองแวบเดียวก็รู้ทันทีว่านางคือเยี่ยซี!
คิดไม่ถึงเลยว่า จะเป็เ้าที่มอบเงินสามล้านเหรียญหยกดำเป็ของขวัญใหญ่ให้กับข้า ... แต่ว่าเ้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่ากำลังเอาเงินสามล้านเหรียญหยกดำมอบให้กับคนที่เ้าดูถูกเหยียดหยามที่สุดกันล่ะ?
ิอวี่จำได้ทันทีว่าคือเยี่ยซี แม้ในใจของเขาจะรู้สึกประหลาดใจมากเหมือนกัน แต่ภายนอกของเขาก็ยังคงนิ่งอยู่ แล้วก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมด้วยท่าทางเรียบเฉย
เยี่ยซีเห็นท่าทางสุขุมนิ่งเฉยของิอวี่ ก็เกิดความรู้สึกนับถือเลื่อมใส นางโค้งคำนับให้กับิอวี่ แล้วยื่นมืออันเรียวงามขอนางออกไป แล้วพูดว่า “ท่านไต้ซือ ข้าชื่อเยี่ยซี เป็เกียรติอย่างยิ่งที่ได้รู้จักท่าน หวังว่าต่อไปท่านคงจะร่ายอักขระที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ออกมาอีกนะ”
เห็นิอวี่ไม่ได้คิดอยากจะจับมือนาง เยี่ยซีก็รู้สึกเขิน จึงเก็บมือกลับมา
ิอวี่กดเสียงให้ต่ำลงแล้วพูดว่า “ค่ายกละเิเพลิงมีอานุภาพการโจมตีที่รุนแรงมาก จะต้องใช้เฉพาะในยามจำเป็คับขันเท่านั้น อีกทั้งเ้าเองก็อย่าเพิ่งดีใจเร็วเกินไป เพราะการท่องคาถาเปิดใช้งานลายเส้นอักขระนี้ไม่ใช่เื่ง่าย มันมีความอัศจรรย์ที่เ้าต้องไปศึกษาด้วยตัวของเ้าเอง”
“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านไต้ซือ” เยี่ยซีรู้สึกยินดีมาก ยอดคนลึกลับเช่นนี้ยอมพูดกับนาง แสดงว่าเขาไม่ได้รังเกียจนาง
เยี่ยซีพูดว่า “ท่านไต้ซืออาจจะพอได้ยินชื่อเสียงของข้าในเมืองหลวงอยู่บ้าง ไม่ทราบว่าด้วยพร์ของข้านั้น พอจะเป็ศิษย์ของท่าน และสามารถกลายเป็นักร่างอักขระได้หรือไม่?”
หากเยี่ยซีกลายเป็นักร่างอักขระจะเป็เื่ที่เป็เกียรติสูงส่งอย่างมาก มันเป็สัญลักษณ์ของตำแหน่ง ฐานะ ทรัพย์สิน และการยอมรับในเื่ของความสามารถและพร์!
“ก็พอใช้ได้ ในภายภาคหน้าหากข้าสนใจ ข้าจะไปหาเ้าก็แล้วกันนะ”
ิอวี่ทำเสียงเข้มแล้วพูดว่า “แต่จำเอาไว้ให้ดีล่ะ จงอย่าได้ทระนงตัว มันทำให้เ้าประสบความสำเร็จได้ มันก็ทำร้ายเ้าได้เช่นกัน เ้าไปได้แล้ว”
“เ้าค่ะ”
เยี่ยซีจากไปด้วยความนอบน้อม ในใจของนางดีใจแทบเป็บ้า นักร่างอักขระที่หาได้ยากมากคนหนึ่งพูดกับนางว่า “พอใช้ได้” มันถือเป็คำชมที่ยิ่งใหญ่มาก อีกทั้งเื่ที่เขากำชับในตอนสุดท้าย ฟังเหมือนว่าเขากำลังเป็ห่วงนางอยู่
‘ไม่แน่ว่าสักวันหนึ่ง ข้าอาจจะได้กลายเป็ศิษย์ของท่านไต้ซือก็ได้’ เยี่ยซีจินตนาการฝันหวานไปไกล
หลังจากที่เยี่ยซีกลับไปแล้ว ิอวี่เองก็ไม่ได้อยู่ต่อ เขารีบกลับเหมือนกัน
หลังจากหักค่าใช้จ่ายให้กับสมาคมใต้หล้า ิอวี่เหลือเงินสองล้านเก้าแสนเหรียญหยกดำ เขารีบนำมันเก็บเข้าถุงมิติพื้นที่ แล้วก็กลับวังหลวงทันที
ิอวี่ครุ่นคิดมาตลอดทาง
วันนี้ที่เยี่ยซีมาทำให้เขารู้สึกแปลกใจมาก หากภายในระยะเวลาสั้นๆ ต่อจากนี้ เขาเอาลายเส้นอักขระไปประมูลขายอีกแล้วเยี่ยซีมาเจอเข้า เขาอาจจะหลุดอะไรออกไปก็ได้ ดังนั้นิอวี่ก็เลยคิดว่าไว้อีกสักระยะจึงค่อยเอาไปประมูลขายใหม่
ิอวี่คิดไปด้วย และเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในตรอก แล้วก็กลับตำหนักลั่วฮวา
แต่ว่า ตอนที่ิอวี่มาถึงตำหนักลั่วฮวาก็ต้องหยุดชะงักทันที เพราะเขาพบว่าประตูสีแดงบานใหญ่ของตำหนักลั่วฮวาเหมือนถูกคนทำลาย แล้วภายในตำหนักก็มีเสียงร้องไห้ดังขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น?”
ิอวี่เกิดความรู้สึกใจไม่ดีขึ้นมา เขาผลักประตูใหญ่เข้าไปในตำหนักลั่วฮวา แต่กลับเห็นว่าบรรยากาศภายในตำหนักนั้นตึงเครียดมาก
บ่าวไพร่หลายคนกำลังก้มหน้าเก็บกวาดเศษไม้ด้วยท่าทางหดหู่ ส่วนอีกหลายคนกำลังช่วยกันเช็ดเืและทำความสะอาดาแ ส่วนหยางเสวี่ยหรงนั่งอยู่ที่โต๊ะหิน มือซ้ายของนางวางอยู่บนตัก ส่วนมือขวากำลังเช็ดน้ำตาที่อาบหน้าอยู่
“ท่านแม่!”
เห็นหยางเสวี่ยหรงร้องไห้ ิอวี่ก็หัวเสียทันที เขารีบวิ่งไปหานาง แล้วพบว่ามือซ้ายของหยางเสวี่ยหรงนั้นมีเืออก เขารีบถามทันทีว่า “ท่านแม่ ใครทำอะไรท่าน บอกข้ามา ใครกล้ารังแกท่านแบบนี้!”
หยางเสวี่ยหรงสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของเขา ท่าทางของิอวี่แปรเปลี่ยนเป็ดุดันในทันที
แต่หยางเสวี่ยหรงกลับส่ายหน้า ไม่พูดอะไรเลย
กลับเป็สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า “องค์ชาย ก่อนหน้านี้ไม่นาน หลิวกงกงของตำหนักอวี้เต๋อพาองครักษ์มากลุ่มหนึ่ง บอกว่าเช้าวันนี้เกิดถูกใจเสี่ยวซวงที่กำลังไปตักน้ำเข้า เลยจะมาพาเสี่ยวซวงไปถวายให้กับองค์ชายสิบสามที่ตำหนักอวี้เต๋อ”
“แต่เสี่ยวซวงไม่ยอม หลิวกงกงก็เลยสั่งให้คนชิงตัวนางไป พระสนมจึงเข้าไปห้ามปราม แต่กลับถูกหลิวกงกงผลักจนล้มลงกับพื้น องค์ชาย ... พวกเขาตั้งใจเล่นงานตำหนักลั่วฮวาของเราชัดๆ เลยนะคะ องค์ชายสิบสาม ...”
“ปึ้ง!”
สาวใช้ยังพูดไม่ทันจบ ิอวี่ก็ตบโต๊ะหินจนแตก ทำให้ทุกคนใกันหมด
หลังจากนั้น ิอวี่ก็ออกจากตำหนักลั่วฮวาไปอย่างรวดเร็วราวกับพายุ ทิ้งให้ทุกคนตกตะลึงกันอยู่ที่เดิม
องค์ชายมีพลังกับความเร็วแบบนี้ั้แ่เมื่อไหร่กัน? หรือว่า ... เขากลายเป็ผู้ฝึกยุทธ์ไปแล้วจริง ๆ !
……
ตำหนักอวี้เต๋อ
ิอวี่ไปปรากฏตัวอยู่หน้าประตูใหญ่สีแดงทอง ทหารองครักษ์สองคนเหมือนรู้อยู่แล้วว่าิอวี่จะมา พวกเขาตะคอกเสียงดังว่า “เ้าคนไม่เอาไหน ตอนนี้ในตำหนักขององค์ชายสิบสามกำลังทำเื่สำคัญอยู่ เ้าไปรอด้านนอกก่อนเลยไป”
แต่ิอวี่กลับค่อยๆ เดินไปที่หน้าประตู ไม่ได้สนใจทหารองครักษ์สองคนนั้นเลย
“เ้ากล้าหรือ”
ทหารองครักษ์สองคนกำลังจะเข้าขวางิอวี่ เขาจึงชกหมัดคู่ออกไปทันที ทหารสองคนนั้นก็เหมือนถูกยิงด้วยะุ กระดูกแตกร้าวละเอียดไปหมด
องครักษ์สองคนนี้มีอาณาจักรพลังขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่สองระดับเสริมเอ็น แต่กลับเอาิอวี่ไม่อยู่ พวกเขาไม่กล้าพูดอะไรอีกเลย ทำได้แค่มองไปที่ิอวี่ที่เดินผ่านหน้าพวกเขาไปด้วยความตกตะลึง
ิอวี่ยกข้าขึ้นมาข้างหนึ่ง แล้วก็ถีบประตูของตำหนักอวี้เต๋อจนเละ จากนั้นก็เดินเข้าไปในตำหนัก เขามองเห็นหลิวกงกง แล้วก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่กำลังมองมาที่เขาอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ิอวี่ เ้าบังอาจเกินไปแล้วนะ”
ใบหน้าของหลิวกงกงที่ยังไม่หายบวมนั้นขมวดย่น เดิมเขาก็เฝ้าต้นไม้รอกระต่ายอยู่แล้ว นั่นคือรอให้ิอวี่มา แต่ที่คิดไม่ถึงก็คือิอวี่กลับถีบประตูตำหนักจนเละ เสียงที่ดังสนั่นเมื่อครู่ทำให้หัวใจเขาแทบหลุดออกมา
แต่เมื่อเป็แบบนี้ มันยิ่งเข้าทางของหลิวกงกงพอดี
ตอนที่ิอวี่ออกจากวังไปนั้นหลิวกงกงไปเห็นเข้าพอดี พอกลับมาที่ตำหนักอวี้เต๋อก็ฉวยโอกาสที่พระสนมหลี่ไม่อยู่ เสนอแผนการไปจับเสี่ยวซวงมา ขอแค่ิอวี่บุกมาที่ตำหนักอวี้เต๋อ ก็จะกลายเป็อ้อยเข้าปากช้างทันที
“เกิดอะไรขึ้น?”
ในเวลานี้เอง ประตูเรือนด้านซ้ายของตำหนักก็เปิดออก องค์ชายสิบสามิเฟิงก็ใเพราะเสียงดังสนั่นนั่น เขารีบสวมชุดสีขาวบางเดินออกมา ก็ได้เห็นประตูใหญ่ที่ถูกทำลาย พร้อมกับิอวี่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย
“สุนัขอย่างเ้าเป็คนทำอย่างนั้นหรือ?” ิเฟิงชี้ไปที่หน้าประตูใหญ่ แล้วจ้องถามไปที่ิอวี่
เขาคิดไม่ถึงว่าิอวี่จะกล้าโอหังได้ขนาดนี้ เขากล้าถีบประตูใหญ่ของตำหนักอวี้เต๋อแล้วเข้ามาอวดดีถึงด้านใน ชักจะกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!
ในเวลานี้ เสี่ยวซวงที่อยู่ในเรือนห้องนอนก็ร้องไห้แล้ววิ่งออกมาหาิอวี่ ดวงตาของนางแดงก่ำ ใช้มือเช็ดเืที่ริมฝีปาก แล้วเอามือปิดไปที่หน้าอกเพื่อปกปิดผิวขาวๆ ที่โผล่ออกมาเพราะเสื้อผ้าถูกฉีกขาดหลุดลุ่ย
หากไม่ใช่เพราะิอวี่มาได้ทันเวลา เสี่ยวซวงคงถูกิเฟิงข่มขืนไปแล้ว
ิอวี่ถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วคลุมให้กับเสี่ยวซวง จากนั้นก็หันไปพูดกับิเฟิงว่า “องค์ชายสิบสาม ข้าคิดว่าประโยคพวกนี้ข้าน่าจะเป็คนถามเ้ามากกว่า เื่ของเสี่ยวซวง สุนัขอย่างเ้าเป็คนทำใช่ไหม?”
“เ้า!”
ไม่ใช่แค่ิเฟิง คนในตำหนักอวี้เต๋อทั้งหมดเหมือนได้เปิดโลกใหม่ จะต้องมีความกล้าแบบไหนกันเชียว ถึงได้ทำให้คนไม่เอาไหนคนนี้พูดอะไรแบบนี้ออกมาได้?
แต่ว่าทุกคนก็เริ่มสนุก เริ่มมีความคิดอยากจะดูเื่สนุกๆ เลยมองไปที่ิอวี่ด้วยความสนใจ
หลิวกงกงยิ้มด้วยท่าทางเหี้ยมโหด เขาจะดูสิว่าิอวี่จะถูกเขาเล่นงานอย่างไร
“ิอวี่เอ้ยิอวี่”
ในเวลานี้ิเฟิงไม่โกรธ แต่กลับยิ้ม “พี่จะสอนอะไรเ้าอย่างหนึ่งนะ ทำอะไรก็ทำให้มันเจียมตัวหน่อย เื่อะไรที่ไม่ได้อยู่ในขอบเขตความสามารถของตัวเองก็อย่าไปยุ่ง ไม่งั้นไฟมันจะลามไปที่ตัวเอง เมื่อถึงเวลานั้นมันจะทำร้ายตัวเ้าเองนะ”
และในเวลาเดียวกันหลิวกงกงก็ตะคอกขึ้นมาว่า “ิอวี่ เ้าบุกเข้ามาในตำหนักอวี้เต๋อ ทำลายประตูตำหนัก ไม่เห็นกฎเกณฑ์วังหลวงอยู่ในสายตา ข้าจะลงโทษเ้าตามกฎของตำหนักอวี้เต๋อเ้าจะได้จำให้ขึ้นใจ ส่วนสาวใช้เสี่ยวซวง กล้าขัดรับสั่งขององค์ชายสิบสาม มีโทษร้ายแรงเช่นกัน”
“ทหาร! ตัดเอ็นร้อยหวายขององค์ชายสิบเจ็ดกับสาวใช้นี่ ให้พวกเขาคุกเข่าโขกศีรษะรับผิดให้กับองค์ชายสิบสามของเรา”
เมื่อพูดจบ ทหารองครักษ์สิบกว่าคนก็ชักดาบออกมาแล้วเดินมาหาิอวี่ พวกเขาเป็ทหารองครักษ์มีฝีมือของตำหนักอวี้เต๋อ แต่ละคนมีอาณาจักรพลังขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่สามระดับชุบกระดูก มีความสามารถที่แข็งแกร่งมาก
เมื่อััได้ว่ากำลังจะมีอันตรายถึงชีวิต เสี่ยวซวงก็รีบหลบไปด้านหลังของิอวี่ นางร้องไห้สะอื้นตัวสั่นแล้วพูดว่า “องค์ชาย ทำอย่างไรดี ... ข้ากลัว ...”
ิอวี่คลุมเสื้อให้เสี่ยวซวงแน่นๆ เขายิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็ไร ข้าอยู่นี่ทั้งคน”
จากนั้นเขาก็หันหลัง ท่าทางของเขาดูเืเย็น กระบี่สีเืเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นมาในมือ จากนั้นเขาก็เดินตรงไปยังทหารองครักษ์สิบคนนั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้