บทที่ 6: กับดักศุลกากรและรหัสลับ 4421
ท่าเรือคลองเตย ยามบ่ายที่แดดร้อนระอุ
เสียงเครนยกตู้คอนเทนเนอร์ดังสนั่นหวั่นไหว ตัดกับเสียงะโโหวกเหวกของกรรมกรแบกหาม
ฉันยืนเหงื่อตกอยู่หน้าเคาน์เตอร์ของบริษัทชิปปิ้ง (ตัวแทนออกของ) รายหนึ่งที่พ่อเคยใช้บริการมานาน บรรยากาศในออฟฟิศเต็มไปด้วยควันบุหรี่และเสียงพิมพ์ดีด
"เสียใจด้วยนะน้องบัว"
'ศักดา' ชิปปิ้งหนุ่มลูกพี่ลูกน้องห่างๆ ของแม่ ที่มีแววตาเ้าเล่ห์เหมือนงูพิษ วางปึกเอกสารลงบนเคาน์เตอร์ดัง ปึก
"พี่พยายามคุยกับนายตรวจแล้ว แต่เขาไม่ปล่อยตู้ เขาบอกว่าไม้สักเป็ 'สินค้าควบคุม' ต้องมีใบอนุญาตจากกรมป่าไม้ (ใบเบิกทางไม้) ซึ่ง... โรงงานลุงชัยไม่มี"
ศักดาแสยะยิ้มที่ดูเสแสร้ง "ตู้คงขึ้นเรือรอบนี้ไม่ทันแล้วล่ะ ต้องรอตรวจสอบอีกอย่างน้อย 2 อาทิตย์... ซึ่งก็คงเลยกำหนดส่งของลูกค้าใช่ไหม?"
พ่อหน้าซีดเผือด เข่าทรุดแทบจะลมจับ "โธ่... ไอ้ศักดิ์ ช่วยลุงหน่อยเถอะ ถ้าตู้ไม่ไปวันนี้ ลุงโดนปรับอ่วมแน่ๆ"
"ช่วยไม่ได้จริงๆ ลุง กฎก็คือกฎ" ศักดายักไหล่ แอบส่งสายตาเยาะเย้ยมาทางฉัน ฉันรู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่เื่บังเอิญ 'เฮียเส็ง' คู่แข่งทางธุรกิจคงยัดเงินมันมาเพื่อสกัดขาเราไม่ให้ส่งออกได้
ฉันสูดหายใจลึก เดินเบียดพ่อเข้าไปหยิบเอกสาร "ใบขนสินค้าขาออก" (Export Declaration) ที่ศักดาทำเื่ยื่นกรมศุลกากรขึ้นมาดู
สายตาของอดีตเทรดเดอร์กวาดมองตัวเลขและรหัสยิบย่อยอย่างรวดเร็ว... แล้วฉันก็เจอ "ะเิ" ที่มันวางไว้
"พี่ศักดา..." ฉันพูดเสียงเย็น "พี่จบชิปปิ้งมากี่ปีแล้ว?"
"ก็นานแล้ว... ทำไม?" ศักดาเลิกคิ้ว
ฉันชี้ไปที่ช่อง พิกัดศุลกากร (HS Code) บนเอกสาร
"พี่ใส่พิกัด 4403 ลงไปทำไม?"
ศักดาหน้ากระตุกไปวูบหนึ่ง "ก็... ก็ไม้สักไง ไม้ท่อน ก็ต้อง 4403"
"ตลกแล้วพี่" ฉันตบโต๊ะดัง ปัง! จนคนทั้งออฟฟิศหันมามอง "4403 มันคือ 'ไม้ท่อนที่ยังไม่ได้แปรรูป' (Wood in the rough) ซึ่งเป็สินค้าควบคุมเข้มงวด ต้องมีใบเบิกทางไม้ถูกต้อง... แต่ของที่อยู่ในตู้คอนเทนเนอร์นั่น มันคือ 'ที่รองแก้ว' ที่ผ่านการขัด การเคลือบ และขึ้นรูปสำเร็จแล้ว!"
ฉันคว้าปากกาแดงบนโต๊ะมาวงกลมรหัสที่ผิด แล้วเขียนรหัสใหม่ตัวเบ้อเริ่มลงไป
"ของพวกนี้ต้องสำแดงเป็ 4419 (Tableware and kitchenware of wood) หรือ 4421 (Other articles of wood) ซึ่งเป็ 'สิ่งประดิษฐ์สำเร็จรูป'... และตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ สิ่งประดิษฐ์จากไม้เศษ ไม่ต้องใช้ใบเบิกทางไม้ส่งออก!"
ศักดาหน้าซีด "ก...ก็พี่มองว่ามันคล้ายไม้ท่อน นายตรวจเขาก็ต้องสงสัย..."
"ไม่ต้องมาอ้างนายตรวจ!" ฉันสวนกลับทันควัน "ฉันเพิ่งเช็กระเบียบศุลกากรฉบับล่าสุดเมื่อคืน ของพิกัด 4419/4421 เสียอากรขาออก 0% และไม่ต้องขอใบอนุญาตป่าไม้ พี่จงใจใส่พิกัดผิดเพื่อให้ระบบล็อกตู้เข้า Red Line (เปิดตรวจ) ใช่ไหม?"
ฉันหันไปหาพ่อ "พ่อ... ศักดามันไม่ได้ช่วยเรา มันกำลังวางยาเรา ถ้าตู้โดนเปิดตรวจเพราะพิกัดผิด นอกจากจะตกเรือแล้ว เรายังจะโดนข้อหา 'สำแดงเท็จ' อีกกระทง"
"ไอ้ศักดิ์! มึงทำกับกูแบบนี้ได้ยังไง!" พ่อโกรธจนตัวสั่น ง้างมือจะตบ
"หยุดก่อนพ่อ!" ฉันห้ามพ่อไว้ "ตบมันไปก็ไม่ได้ทำให้ตู้ขึ้นเรือทัน... เวลา Closing Time (เวลารับตู้สุดท้าย) คือ 5 โมงเย็น ตอนนี้บ่าย 2... เรายังพอมีเวลา"
ฉันหันกลับมาจ้องหน้าศักดา แววตาแข็งกร้าว
"พี่มีทางเลือก 2 ทาง... หนึ่ง แก้ไขใบขนสินค้าเดี๋ยวนี้ เปลี่ยนพิกัดเป็ 4421 แล้วทำเื่ 'ขอผ่อนผันแก้ไขบัญชีราคาสินค้า' ยื่นให้นายตรวจหน้าท่าเซ็นปล่อยของทันที"
"มันไม่ทันหรอก..." ศักดาอึกอัก "นายตรวจเขี้ยวจะตาย ใครจะกล้า..."
"งั้นทางที่สอง" ฉันงัดไม้ตายออกมา "ฉันจะโทรหา 'คุณวิชัย' ผู้จัดการสายเรือ Maersk Line ประจำประเทศไทย ฉันรู้ว่าพี่แอบกินหัวคิวค่าระวางเรือกับลูกค้ามาหลายเ้า ถ้าฉันเอาหลักฐานบิลค่าเรือที่พี่บวกเพิ่มไปให้เขาดู... อนาคตชิปปิ้งของพี่ จบเห่แน่"
ความจริงฉันไม่รู้จักคุณวิชัยเป็การส่วนตัวหรอก แต่รินลดาจำข้อมูลจากข่าวแวดวงโลจิสติกส์ได้แม่นยำ และรู้จุดอ่อนของพวกกินหัวคิวดี
ศักดาหน้าถอดสี เหงื่อแตกพลั่ก มือไม้สั่น
"อย...อย่า... น้องบัว พี่ขอโทษ พี่จะรีบแก้ให้เดี๋ยวนี้!"
ศักดารีบคว้าเอกสารไปพิมพ์ดีดใหม่ มือสั่นจนพิมพ์ผิดพิมพ์ถูก ฉันต้องไปยืนกำกับข้างหลัง
"ช่อง Description เขียนว่า 'Teak Wood Coaster Set - Handcraft' ... แนบ Invoice ตัวจริงเข้าไป ... แล้วทำหนังสือชี้แจงระบุอ้างอิง 'พ.ร.บ. ป่าไม้ มาตรา 39/1 เื่สิ่งประดิษฐ์' แนบไปด้วย!"
ฉันรัวคำสั่งภาษากฎหมายและเทคนิคศุลกากรที่แม่นยำยิ่งกว่าเ้าหน้าที่ จนศักดาได้แต่ก้มหน้าทำตามอย่างหวาดกลัว
...
16.45 น. (15 นาทีก่อนปิดรับตู้)
เสียงวิทยุสื่อสารดังขึ้น
"เครน 4 ยกตู้ TGHU889201 ลงเรือได้... เอกสารผ่านเรียบร้อย"
ฉันเข่าอ่อนทรุดลงนั่งกับเก้าอี้หน้าท่าเรือ มองดูตู้คอนเทนเนอร์เหล็กสีน้ำเงินที่มีโลโก้สินค้าของเราแปะอยู่ ค่อยๆ ลอยขึ้นฟ้าไปวางบนเรือเดินสมุทรลำั์
"ทำได้แล้ว..." พ่อเดินเข้ามากอดฉัน น้ำตาคลอเบ้า "ถ้าไม่มีเอ็ง พ่อคงหมดตัวไปแล้วบัว"
ฉันยิ้มอย่างอ่อนล้า แต่ในใจลิงโลด
ด่านแรกผ่านไปแล้ว... สินค้าล็อตแรกสู่ลอนดอน ออกเดินทางสำเร็จ
"เก่งนี่..."
เสียงทุ้มลึกดังมาจากด้านหลัง
ฉันหันขวับไปมอง เห็น 'กรณ์' ยืนพิงรถเบนซ์อยู่ไม่ไกล เขาถอดสูทออกเหลือแต่เสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขน ในมือถือแก้วกาแฟเย็น
"คุณมาทำอะไรที่นี่?" ฉันถามอย่างระแวง
"ผมก็ต้องมาดูสิว่าเงินลงทุนของผมจะลอยลงทะเลหรือเปล่า" กรณ์เดินเข้ามาหยุดตรงหน้าฉัน ยื่นแก้วกาแฟเย็นอีกแก้วที่ถือมาด้วยให้ "เอ้า... เลี้ยง ฉลองที่โชว์ภูมิสอนมวยชิปปิ้งซะหน้าหงาย ผมยืนดูอยู่ในออฟฟิศนายท่าเมื่อกี้... ไม่เลวเลยสำหรับลูกสาวเ้าของโรงงานไม้"
ฉันรับแก้วกาแฟมา ความเย็นของมันทำให้สดชื่นขึ้น
"ขอบคุณค่ะ... แต่คราวหน้าอย่าแค่ยืนดูสิคะ ช่วยลงมาลุยด้วยก็ได้"
กรณ์หัวเราะในลำคอ แววตาที่มองฉันมีความชื่นชมเจืออยู่จางๆ
"ผมเป็เ้าหนี้นะครับคุณบัว... หน้าที่ผมคือรอรับเงิน ไม่ใช่ลงแรง... แต่เอาเถอะ ครั้งนี้ถือว่าคุณสอบผ่าน"
เขาขยับแว่นสายตา แล้วพูดทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"เตรียมตัวให้ดีล่ะ... เงินงวดแรกโอนมาจากลอนดอนเมื่อไหร่ ผมจะมาทวงดอกเบี้ยทันที... และระวังตัวด้วย ศัตรูของคุณคงไม่หยุดแค่นี้แน่"
รถเบนซ์ของเขาแล่นออกไปอีกครั้ง
ฉันกำแก้วกาแฟแน่น... ใช่ เกมนี้เพิ่งเริ่ม พวกเฮียเส็งและคนที่อยู่เื้ัศักดาต้องแค้นแน่ที่แผนล่ม
แต่รินลดาคนนี้... ไม่เคยกลัวาธุรกิจอยู่แล้ว!
