บทที่ 49 ขนช่วยชีวิตของซุนหงอคง
สีหน้าของหลิวฉิงผิดปกติมากยิ่งขึ้น เธอจ้องมองเย่จื่อเฉินเขม็ง
แล้วก็ยังกำชับเขาว่าให้จัดการธุระให้เสร็จ ถึงได้กลับเข้าไปในเนตรั
เย่จื่อเฉินแค่รู้สึกว่าหลิวฉิงดูแปลกไป แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
ในเวลาเดียวกัน ที่บ้านตระกูลซู ณ เมืองปิงเฉิง
"พ่อ สภาพร่างกายของพ่อไม่เหมาะที่จะก่อเื่วุ่นวายแบบนี้แล้วนะครับ"
ซูฉีหู่นั่งขมวดคิ้วมุ่นอยู่บนโซฟา มองดูคุณตาซูที่กอดขวดน้ำเต้าแน่นไม่คลายมือ
"ร่างกายของฉัน ฉันรู้ดีที่สุด เหล้านี่ฉันกินแล้วมีแต่จะดีกับร่างกายฉันไม่มีโทษ"
"พ่อทำแบบนี้ไม่ได้นะ..."
"อย่ามาพูดมาก ฉันกับแกใครแก่กว่ากัน!"
ชายชรายืดตัวตรง ซูฉีหู่อ่อนใจไปทันที ก่อนจะผายมือออกแล้วพูด
"พ่อ ผมทำเพราะหวังดีกับพ่อนะ"
"เหอะ อย่ามาพูดอะไรที่มันไร้ประโยชน์แบบนั้นกับฉัน เหล้าขวดนี้ฉันจะเก็บเอาไว้"
ซูฉีหู่มองดูชายชราที่ไม่ยอมท่าเดียวก็มีสีหน้าอ่อนใจทันที เนิ่นนานเขาถึงได้ถอนหายใจยาวแล้วพูด
"โอเคครับ แล้วแต่พ่อ แต่พ่อห้ามดื่มเยอะเด็ดขาด ร่างกายของพ่อดื่มเหล้ามากไม่ได้แล้ว"
เมื่อชายชราเห็นว่าซูฉีหู่ยอมแล้วจึงได้เผยรอยยิ้มพอใจออกมา แล้วพยักหน้าก่อนจะพูด
"เื่นี้ฉันรู้ดี ฉันยังอยากมีชีวิตอยู่จนถึงวันที่หลานสาวสุดที่รักของฉันแต่งงาน"
ซูฉีหู่พยักหน้าเล็กน้อย และแล้วชายชราก็ได้เอาขวดน้ำเต้าวางไว้ข้างกาย แล้วจึงยื่นหน้าเข้าไปถาม
"แกคิดว่าเด็กนั่นเป็ไง?"
"คนไหน?" ซูฉีหู่ทำหน้าสงสัย
"ก็เด็กที่ช่วยฉันกับเสี่ยวเหยียนนั่นไง" ชายชราเตือนขึ้น
"ก็ไม่ยังไงนี่ครับ" ซูฉีหู่ส่ายหน้า แต่พอเห็นสีหน้าที่บึ้งตึงนั้นของชายชราเขาก็อึ้งไปแล้วจึงพูด "พ่อครับ นี่พ่อคงไม่ได้คิดจะให้ซูเหยียนคบกับคนแบบนั้นหรอกนะครับ ผมบอกพ่อไว้เลยนะว่าผมไม่ยอมเด็ดขาด!"
"ทำไมแกถึงไม่ยอม เสี่ยวเย่เป็เด็กดีจะตาย ทำไม หรือว่าแกอยากใช้เสี่ยวเหยียนเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง?"
ชายชราถลึงตาโต แต่ครั้งนี้ซูฉีหู่กลับไม่มีทีท่าว่าจะยอมอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย
"พ่อครับ เื่นี้มันเป็ไปไม่ได้อยู่แล้ว ถึงต่อให้ผมไม่ให้ซูเหยียนแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ผมก็ไม่ให้เขาตกไปอยู่ในมือของคนแบบนั้นหรอก"
"งั้นก็แปลว่าแกคิด?"
"ไม่ต้องสนใจหรอกว่าผมจะคิดหรือไม่ได้คิด ผมบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้!"
สิ้นเสียง ซูฉีหู่ก็หันหลังเดินออกไปทันที
ซูเหยียนเดินลงมาจากชั้นสอง บทสนทนาระหว่างชายชรากับซูฉีหู่เมื่อครู่นี้เธอได้ยินหมดแล้ว
"ปู่คะ พ่อจะให้หนูแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองจริงๆ เหรอคะ? หนูไม่อยากแต่ง หนูไม่เคยเห็นคนพวกนั้น พูดแค่ประโยคเดียวก็ตัดสินให้หนูใช้ชีวิตที่เหลือกับพวกเขาแล้ว หนูไม่อยากมีชีวิตแบบนั้น"
เมื่อเห็นสีหน้าหม่นหมองของหลานสาวสุดที่รัก ชายชราจึงยกมือขึ้นลูบหัวเธอ
"ปู่ไม่มีทางให้หลานกลายเป็เหยื่อหรอกนะ อีกอย่างพ่อของหลานเขาก็ทำเื่แบบนั้นไม่ได้หรอก"
"แต่เมื่อกี้ที่พ่อพูด..."
"พ่อเขาโกรธตาน่ะ" ชายชรายิ้มเล็กน้อย แล้วมองขวดน้ำเต้าสีเขียวที่อยู่ด้านข้าง "หลานไม่อยากแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง แล้วถ้าให้หลานคบกับเสี่ยวเย่ล่ะ หลานคิดว่าไง?"
"หนู..." ซูเหยียนลังเลอยู่นาน แล้วถึงได้พึมพำออกมา "หนูไม่ได้รังเกียจเขาค่ะ"
"ไม่รังเกียจก็แปลว่าชอบสินะ" ชายชรายิ้มร่า แล้วยกขวดน้ำเต้าสีเขียวขึ้นมา "โอเค กลับไปพักผ่อนเถอะ เื่ที่เหลือเดี๋ยวปู่เป็คนจัดการเอง"
ติ๊ง!
ติ๊ง!
ติ๊ง!
ฝันที่แสนหวานถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงข้อความในวีแชท เย่จื่อเฉินคลำหาโทรศัพท์ด้วยอาการสะลึมสะลือ
ั้แ่ที่พาผีสาวหลิวฉิงกลับมาด้วย เธอก็จะะโปลุกเขาตอนเจ็ดโมงเช้าทุกวัน
ตรงเวลายิ่งกว่านาฬิกาปลุกเสียอีก
การที่หลิวฉิงไม่ะโปลุกเขาในวันนี้ไม่ใช่เื่ง่าย แต่โทรศัพท์กลับดังขึ้นมาเฉยเลย
เมื่อคลำเจอโทรศัพท์ ก็กดเปิดหน้าจอ
ให้ตายสิ มิน่าล่ะหลิวฉิงถึงได้ไม่ะโปลุกเขา นี่มันเพิ่งจะหกโมงครึ่งเอง
ใครประสาทส่งข้อความมาหาเขาั้แ่เช้าขนาดนี้
เย่จื่อเฉินที่ดวงตาพร่าเลือนอยู่มองโทรศัพท์เล็กน้อย...
"ในที่สุดก็กลับมาได้สักที ซุนหงอคงของฉัน"
ความง่วงหายไปเป็ปลิดทิ้ง
เย่จื่อเฉินกลืนน้ำลายแล้วลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียง จากนั้นก็กดเปิดแชทของซุนหงอคง
าาวานร : ฮ่าฮ่า กลับมาแล้ว!
าาวานร : ครั้งนี้ทำเอาข้าเหนื่อยจนหมดแรงเลย
เหนื่อยจนหมดแรง?
ออกไปทำงานเหรอ?
เย่จื่อเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงลองส่งข้อความไป
"ท่านซุนหงอคงไปทำงานที่ไหนมาเหรอ?"
ติ๊ง!
ตอบกลับมาทันที
าาวานร : เ้าก็น่าจะรู้นะ เซียนอย่างเราไม่เหมือนกับมนุษย์ เรามีชีวิตเป็ะ ่นี้ประชากรของ์มีจำนวนเพิ่มขึ้น องค์เง็กเซียนฮ่องเต้จึงส่งข้าไปกวาดล้างพวกป่าเถื่อนที่อยู่โดยรอบและทำการขยายอาณาเขต
ที่หายไปตั้งนานก็เพราะไปแย่งที่ทางมาเองหรอกเหรอ
เย่จื่อเฉินยิ้มอยู่ในใจ แล้วจึงชวนคุยเล่น
เย่จื่อเฉิน : ไปกำจัดพวกป่าเถื่อนต้องไปกันหมดเลยเหรอ ดูเหมือนข้าจะเห็นเหล่าสหายเซียนคนอื่นจะไม่ได้ไปกันนะ
าาวานร: เฮ้ แค่กวาดล้างพวกป่าเถื่อนต้องใช้คนเยอะขนาดนั้นด้วยหรือไง ข้าคนเดียวไปกับกระบองทองก็พอแล้ว จริงสิ ตอนนั้นยี่หนึงจินกุนก็ยังแย่งงานนี้กับข้า เลยโดนข้าตีจนน่วม
พรูดดด!
มิน่าล่ะ่นี้ยี่หนึงจินกุนถึงได้ไม่ทักมาหาเขาเลย ดูท่าว่าคงจะโดนาาวานรทำร้ายจนต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่บ้านเป็แน่
แต่ไม่ว่ายังไง ยี่หนึงจินกุนก็ได้ร่วมสาบานเป็พี่น้องกับเขาไปแล้วเขาจึงรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง
แต่ในใจของเย่จื่อเฉินก็ยังอยากร่วมสาบานกับซุนหงอคงด้วย
ขนาดยี่หนึงจินกุนยังโดนต่อย แบบนี้แสดงว่าซุนหงอคงต้องเป็ลูกพี่ใหญ่บน์แน่นอน!
คนแบบนี้ต้องตีสนิทเข้าไว้
ถูมือไปมา เย่จื่อเฉินหาของอยู่ในห้อง ประจวบเหมาะกับมีบะหมี่ที่เมื่อวานจูอิ๋นไป่กินตอนเล่นเกมเหลืออยู่หนึ่งถ้วยพอดี
สแกน
กดส่ง
ติ๊ง!
าาวานรได้รับอั่งเปาของคุณแล้ว
าาวานร : ฮ่าฮ่า สิ่งนี้คือสมบัติอันใดอีกแล้ว
เย่จื่อเฉิน : นี่เป็สิ่งที่่นี้ข้าน้อยได้กำไรมาจากแดนลึกลับ ท่านเหน็ดเหนื่อยจากการที่ต้องไปกวาดล้างพวกป่าเถื่อน ข้าน้อยก็ไม่มีสิ่งใดจะให้ท่าน มีเพียงบะหมี่ถ้วยเดียวในการแสดงความจริงใจ
าาวานร : บะหมี่?
เย่จื่อเฉินใจเต้นตึกตัก
เผลอพูดชื่อมันออกไปโดยไม่ได้ระวังตัว แต่ก็ไม่เป็ไร เขายังสามารถกลับลำได้
เย่จื่อเฉิน : นี่เป็ชื่อที่ข้าคิดขึ้นมาเอง เรียกว่าบะหมี่
เย่จื่อเฉินได้ปลูกฝังความรู้ทางทฤษฎีมากมายให้กับาาวานร เขารู้จักนิสัยของาาวานรดี ความรู้แบบนี้สำหรับเขาแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับที่พระถังซัมจั๋งท่องคัมภีร์
าาวานร : โอเค บอกข้ามาว่ามันกินยังไง
เย่จื่อเฉิน : ต้มในน้ำร้อน
าาวานร : ได้เลย ข้าเข้าใจแล้ว
ติ๊ง!
ระดับความสนิทของคุณกับาาวานรเพิ่มขึ้น 5 ระดับความสนิทปัจจุบัน 175 ห่างจากระดับความไว้ใจ 25
ระดับความสนิทเพิ่มขึ้นอีกแล้ว
ถึงแม้ว่าระดับความสนิทนี้จะเพิ่มขึ้นมาแค่นิดเดียว แต่ขายุงมันก็ยังเป็เนื้อนะ
เพียงครู่เดียว าาวานรก็ส่งสติกเกอร์หน้าตาประหม่ามาหนึ่งอัน
าาวานร : ข้าไม่มีสิ่งใดจะให้เ้าเลย
เย่จื่อเฉิน : ไม่เป็ไร ได้รับความจริงใจจากท่านเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
าาวานร : ทำแบบนั้นไม่ได้ ข้าไม่ใช่คนชอบเอาเปรียบใคร
เมื่อเห็นคำนี้ เย่จื่อเฉินก็อดเบ้ปากไม่ได้ ในเื่ไซอิ๋วนี่ซุนหงอคงไม่ค่อยเอาเปรียบคนอื่นหรือไง
เห็นอะไรดีก็เก็บเข้ากระเป๋าหมด คนบน์แทบจะไม่ถูกชะตากับเขาหมดแล้ว
ติ๊ง!
เย่จื่อเฉินอึ้งไปนิด คิดไม่ถึงว่าซุนหงอคงจะส่งมาจริงๆ
กดเปิดอั่งเปา
คุณได้รับอั่งเปาของซุนหงอคง
ขนช่วยชีวิต x1