นายท่านหนีมีคำสั่ง ให้เรียกทุกคนในตระกูลไปรวมตัวกันที่ห้องโถงใหญ่ แม้แต่หนีเจียเฮ่อที่อยู่ในวัง ก็ยังได้รับสารด่วนให้เดินทางกลับจวน เพราะบิดามีเื่น่ายินดีจะประกาศให้ทราบ
พอทุกคนมากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว สวีซื่อซึ่งสวมเสื้อคลุมสีแดงก็เยื้องย่างกรีดกรายเข้ามา โดยมีหลินมามาคอยช่วยประคองอยู่ข้างๆ
ทันทีที่เห็น นายท่านหนีก็ผุดลุกขึ้นด้วยรอยยิ้ม พลางยื่นมือไปช่วยพยุงให้ภรรยานั่งลงอย่างสะดวก
ท่าทีเช่นนั้น ช่างดูรักใคร่กลมเกลียว ประหนึ่งคู่สามีภรรยาที่รักกันมาก
แต่ความจริงแล้ว หนีเจียเอ๋อร์จำได้ว่า เมื่อวานนี้นายท่านหนียังแช่งชักตระกูลสวีอยู่เลย
หนีเจียเอ๋อร์ หนีเจียเฮ่อ และเว่ยอี๋เหนียง ลอบมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง
ใบหน้าของนายท่านหนีเต็มไปด้วยความรื่นเริง ประดุจสายลมแห่งวสันต์มาเยี่ยมเยือน ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของทุกคน ผู้นำตระกูลหนีก็ประกาศข่าวดีเสียงดังลั่น “ที่ข้าเรียกทุกคนมา ก็เพื่อจะประกาศข่าวสำคัญบางอย่าง”
ว่าแล้ว ก็ทอดมองไปยังสวีซื่อด้วยรอยยิ้ม พลางลูบมือไปที่หน้าท้องของนาง “ฮูหยินกำลังตั้งครรภ์บุตรสกุลหนีอีกคนหนึ่ง!”
ด้วยอายุของเขา เื่นี้จึงสร้างความปลาบปลื้มยินดีอย่างเปี่ยมล้น
หนีจวิ้นหว่านเอามือปิดปาก ดวงตาเบิกกว้างด้วยความใ “ท่านแม่ จริงหรือเ้าคะ?”
สวีซื่อแสดงท่าทีดั่งสตรีบอบบาง ก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม ก่อนพยักหน้าเล็กน้อย
หนีจวิ้นหว่านถลาไปแตะหน้าท้องของมารดา แล้วพูดอย่างตื่นเต้น “ท่านแม่จะมีน้อง ไม่ว่าจะเป็ชายหรือหญิงก็ดียิ่งนัก!”
จากนั้น จึงหันไปหานายท่านหนี “ท่านพ่อ ท่านกำลังจะได้เป็บิดาอีกครั้งแล้ว!”
เว่ยอี๋เหนียงก้าวไปข้างหน้า พร้อมยิ้มบางๆ “ขอแสดงความยินดีกับพี่หญิง หากมีอะไรที่พอจะช่วยแบ่งเบาภาระของท่านได้ ข้าก็ยินดี โดยเฉพาะ่สามเดือนแรกของการตั้งครรภ์นั้น สำคัญนัก ท่านต้องระมัดระวังให้มาก”
หนีเจียเอ๋อร์ค่อยๆ เดินเข้ามาหาสวีซื่อ พลางกล่าวอย่างสุภาพ แต่ขาดความกระตือรือร้น “ขอแสดงความยินดีกับท่านแม่และท่านพ่อเ้าค่ะ”
หนีเจียเฮ่อก็ลุกขึ้น เอ่ยแสดงความยินดีเสียงเรียบเช่นกัน
ท่าทางของสองพี่น้อง ทำให้สวีซื่ออึดอัดเล็กน้อย ทว่าใน่เวลาอันน่ายินดีเช่นนี้ นางก็ไม่อยากจะพูดอะไรที่ไม่เป็มงคล จากนั้น จึงได้ผ้าสองพับกับเครื่องประดับสองสามชิ้นเป็ของรับขวัญ
ร่างเล็กของสวีซื่อแอบอิงอยู่กับนายท่านหนี ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอันเปี่ยมสุข
พอเห็นมารดาของตนมีความสุข หนีจวิ้นหวานก็ลอบมองเว่ยอี๋เหนียงเงียบๆ ก่อนชำเลืองไปทางหนีเจียเอ๋อร์กับหนีเจียเฮ่อ แล้วแสยะยิ้ม
เพียงคล้อยหลังบ่าวรับใช้ของสวีซื่อ เว่ยอี๋เหนียงก็หันมากำชับเบาๆ “การตั้งครรภ์เป็เื่อ่อนไหว ต่อไปนี้ พวกเ้าจะต้องพยายามอยู่ให้ห่างจากฮูหยิน”
หนีเจียเอ๋อร์กับหนีเจียเฮ่อ ต่างก็เข้าใจดีถึงสิ่งที่มารดา้าจะสื่อ ทั้งสองจึงผงกศีรษะอย่างเชื่อฟัง
จบงานเลี้ยงฉลอง หนีเจียเฮ่อก็เดินทางกลับไปยังตำหนักบูรพา เพื่อติดตามองค์รัชทายาทไปเป็เพื่อนร่วมเรียน ส่วนเว่ยอี๋เหนียงก็เข้าห้อง ใช้เวลาไปกับการพักผ่อน ขณะที่หนีเจียเอ๋อร์เริ่มคร่ำเคร่งกับการศึกษาตำราแพทย์
แต่เสี่ยวเสวียนกลับเหม่อลอยคล้ายคนไร้ิญญา ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังฝนหมึกจนเลอะเทอะ เพิ่งจะได้สติก็ตอนที่หนีเจียเอ๋อร์มาแตะมือ พลางถามอย่างห่วงใย “เ้าเป็อะไรไป ไม่สบายตรงไหนหรือ?”
เสี่ยวเสวียนหวั่นเกรงจนหน้าซีดเผือด ตื่นตระหนกจนไม่รู้ว่าจะวางมือไม้อย่างไร ทั้งยังตอบอย่างเร่งร้อน “บ่าวพลาดไปแล้ว ขอบคุณคุณหนูที่ห่วงใย บ่าวไม่เป็ไรเ้าค่ะ คุณหนูคงหิวน้ำ บ่าวจะไปชงชาให้นะเ้าคะ”
ขณะมองตามหลังสาวใช้คนสนิท ที่รีบร้อนผละจากไป หนีเจียเอ๋อร์พลันนิ่วหน้า นึกสังหรณ์ใจพิกล จนต้องวางพู่กันลง แล้วลุกขึ้นเดินตามไป “เสี่ยวเสวียน ถ้าเ้ามีปัญหาอะไร ก็ปรึกษาข้าได้นะ หากช่วยได้ ข้าก็จะช่วย”
กาน้ำชาในมือของเสี่ยวเสวียนสั่นกุกกัก จนน้ำร้อนกระฉอกมาโดนหลังมือ ผิวขาวๆ จึงถูกลวกจนแดงก่ำ
หนีเจียเอ๋อร์รีบไปหายามาให้ทันที
เสี่ยวเสวียนปล่อยน้ำตาให้ไหลริน พลางพูดอย่างจริงใจ ด้วยดวงตาแดงก่ำ “ขอบคุณคุณหนูรอง เป็โชคดีทั้งชีวิตของเสี่ยวเสวียน ที่ได้รับใช้ท่าน”
“เด็กโง่ อย่าพูดจาเหลวไหล” หนีเจียเอ๋อร์วางยาลง พลางยกมือแตะหน้าผากสาวใช้ ก่อนจะเดินออกไปข้างนอกครู่หนึ่ง
พอกลับมาเตรียมไถ่ถาม เสี่ยวเสวียนก็ไม่อยู่แล้ว จึงได้แต่เดินไปจดจ่อกับตำราแพทย์ต่อ
...
ณ ห้องหนังสือ
นายท่านหนีกำลังคิดชื่อให้กับบุตรคนใหม่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
แต่ทันใดนั้น บ่าวรับใช้ของสวีซื่อก็ผลุนผลันเข้ามาด้วยท่าทีตื่นตระหนก “นายท่าน แย่แล้วเ้าค่ะ! หลังจากดื่มยาบำรุงครรภ์ไป ฮูหยินก็ปวดท้อง นายท่านรีบไปดู เร็วเถิดเ้าค่ะ!”
ร่างของนายท่านหนีสั่นเทา จนปลายแขนเสื้อขวาสะบัด แทบจะพุ่งถลาไปหาภรรยา “ตามหมอมาหรือยัง?”
“บ่าวเรียกท่านหมอมาแล้วเ้าค่ะ!”
นายท่านหนีรีบวิ่งไปที่เรือนของสวีซื่อ เมื่อมองดูฮูหยิน ซึ่งกำลังนอนร่ำไห้อยู่บนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรงแล้ว หัวใจของเขาก็ยิ่งปวดร้าวจนพูดไม่ออก
หลินมามา สาวใช้คนสนิทของนาง เอ่ยขึ้นโดยไม่ต้องถาม “นับว่าโชคดีที่หมอมาทันเวลา ฮูหยินและบุตรในครรภ์จึงพ้นขีดอันตราย”
ทันทีที่ได้ยิน นายท่านหนีที่นั่งอยู่ข้างเตียง ก็ผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็ลุกขึ้น ถามหมอด้วยดวงตาวาววับ “เหตุใดยาบำรุงครรภ์ของเ้าจึงมีพิษ? บังอาจยิ่งนัก ที่คิดจะสังหารบุตรของข้าเช่นนี้!”
หมอคุกเข่าลง แล้วรีบอธิบาย “นายท่าน ข้าจัดยาบำรุงครรภ์ให้ฮูหยินก็จริง แต่ไม่มีสมุนไพรใดเป็พิษแน่นอน คนร้ายที่ลอบลงมือ จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรเป็อย่างดี มิเช่นนั้นคงจะไม่รู้ ว่าต้องใส่สิ่งใดเพิ่มเข้าไป จึงจะทำให้ยาบำรุงครรภ์เปลี่ยนเป็ยาทำแท้ง นายท่านโปรดตรวจสอบด้วย!”
“ยาบำรุงครรภ์?” นายท่านหนีโมโหจนแทบกระอัก แล้วทุบโต๊ะลงอย่างแรง “พ่อบ้าน นำบ่าวทั้งหมดในเรือนไปค้นให้ทั่วทุกมุม อย่าให้หลุดรอดไปได้เด็ดขาด ข้าต้องรู้ให้ได้ ว่าใครคือตัวการที่คิดจะสังหารบุตรในครรภ์ของเมียข้า!”
พ่อบ้านรีบปฏิบัติตามคำสั่ง
จากนั้น บ่าวทั้งหมดก็วิ่งเข้าวิ่งออกกันให้ขวักไขว่ ดูวุ่นวายไปหมด
พอเว่ยอี๋เหนียงได้ข่าว ก็เกรงว่าจะถูกนายท่านหนีสงสัยว่าเป็คนร้าย เลยรีบไปตามหนีเจียเอ๋อร์ ให้เดินไปเยี่ยมสวีซื่อด้วยกัน
หนีเจียเอ๋อร์ไม่อาจต้านทานการรบเร้าของมารดาได้ จึงต้องตามไปแต่โดยดี
ทั้งสองเดินไปที่เตียงคนป่วย เว่ยอี๋เหนียงมีสีหน้ากังวลกับอาการของสวีซื่อ และหันไปปลอบโยนนายท่านหนี
หนีเจียเอ๋อร์มองสวีซื่อที่กำลังร้องไห้ด้วยสายตาดูแคลน ข่าวดีในยามเช้า กลับถูกกลบด้วยความวุ่นวายใน่บ่าย ทำให้หญิงสาวรู้สึกตงิดใจ หากมิได้เอ่ยอันใด ทั้งใบหน้าของนางยังฉาบไว้ด้วยท่าทีเป็ห่วงเป็ใยได้อย่างเหมาะเจาะ
หลังผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก หนีจวิ้นหวานก็ตาแดงก่ำ นางหมั่นไส้กับท่าทีเสแสร้งแกล้งทำของหนีเจียเอ๋อร์ จึงผลักอีกฝ่ายอย่างแรง จนหญิงสาวไปชนเข้ากับหมอ แล้วค่อยทรงตัวกลับมายืนตรงได้อีกครั้ง
หมอประจำตระกูลก้าวเข้ามาใกล้นาง พลางขยับจมูกสูดดม ก่อนถาม “คุณหนู ขอเรียนถาม ว่าท่านมีกลิ่นชะมดบนร่างได้อย่างไร?”
คำพูดของหมอเป็ดั่งคำตัดสิน ทำให้บริเวณโดยรอบเงียบงัน ทุกคนหันไปมามองหญิงสาวเป็ตาเดียว
หนีเจียเอ๋อร์ยกแขนเสื้อขึ้นสูดดม แต่ก็ไร้กลิ่นดังกล่าว จึงย้อนเสียงเย็น “เหลวไหล! มีกลิ่นชะมดที่ไหนเล่า?”
สวีซื่อลุกออกจากเตียงมาดึงชุดของหนีเจียเอ๋อร์ มุมปากของนางกระตุก ใบหน้าฉายแววเกรี้ยวกราด ขณะพูดเสียงดังลั่น “เป็เ้า! เป็เ้าที่ใส่สมุนไพรแปลกปลอมลงในยาบำรุงครรภ์ของข้า เหตุใดถึงมีจิตใจเหี้ยมโหดนัก บุตรของข้าคนนี้ ก็ถือว่าเป็พี่น้องร่วมสายเืของเ้า ไม่ว่าจะแค้นเคืองกันอย่างไร ก็สมควรจะมาลงที่ข้า มิใช่เด็กที่ยังไม่เกิดเช่นนี้ เหตุใดถึงทำร้ายบุตรของข้าได้?”
เสียงกรีดร้องแหลมของฮูหยิน ทำให้หนีเจียเอ๋อร์หมดความอดทน นางจึงกล่าวเสียงขุ่น “ท่านแม่ อย่ามาใส่ร้ายข้านะ!”
ว่าแล้วก็ผลักนางออก สวีซื่อกรีดร้อง ก่อนที่ร่างของนางจะล้มลงในอ้อมแขนของนายท่านหนีพอดิบพอดี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้