“เกิดอะไรขึ้น? มีงูอยู่ตรงไหน?”
หูฉางกุ้ยหูดี ได้ยินเสียงของผิงอันก็รีบวิ่งเข้ามา
ยังไม่ทันวิ่งเข้ามาใกล้ ถูกวีรกรรมหาบงูของเจินจู ทำให้ใยืนโงนเงนไปด้วยเช่นกัน อีกนิดเกือบจะล้มลงไปกองอยู่บนพื้น
“กรี๊ด”
เสียงกรีดร้องเล็กแหลมของผู้หญิงดังขึ้นพร้อมกับเสียงตกกระทบพื้น หลี่ซื่อฟุบลงไปกองอยู่ตรงนั้น
“…”
ภาพงูหนึ่งคานไม้กระทบกระเทือนจิตใจมากเกินไป ทั้งครอบครัวล้วนถูกทำให้ใกลัวกันทั้งสิ้น
รอปลอบขวัญทุกคนสงบลง ดวงตะวันก็ลาลับไปทางทิศตะวันตกแล้ว
หูฉางกุ้ยยังดี หลังรู้ว่าเป็งูน้ำไร้พิษแล้วจึงวางใจลงได้
ผิงอันที่ใมากในตอนแรก ยังค่อนข้างหวาดกลัวอยู่มาก แต่เมื่อเขาเห็นว่าเจินจูยังสามารถใช้เชือกมัดงูสองมัดอย่างไม่ใส่ใจเลยแม้แต่นิด และยังหาบเข้ามาวางลงใต้ชายคาบ้าน จึงยืดอกเล็กขึ้นอย่างตระหนักได้ แกล้งทำท่าทางว่าเขาเองก็ไม่กลัวเช่นกัน
แต่หลี่ซื่อยังคงใบหน้าซีดขาว มองงูน้ำสองมัดใหญ่บนพื้น ความหวาดผวายังคงติดอยู่ในใจ
“ท่านพี่ เสี่ยวเฮยร้ายกาจขนาดนี้เลยหรือ งูตั้งมากมายล้วนเป็มันฆ่าตายหมดเลย?” ผิงอันลดกายลงนั่งยองๆ คิดจะอุ้มเสี่ยวเฮยขึ้น
“อย่าอุ้มมัน บนตัวมันเต็มไปด้วยเืงู สกปรกอย่างมาก เ้าไปเทน้ำร้อนมาหน่อย ใช้ป้าหอมช่วยล้างตัวมันสักสองรอบ น่าจะสะอาดได้บ้าง” เจินจูสั่งการผิงอัน ให้เขาช่วยเสี่ยวเฮยอาบน้ำ “ท่านพ่อ งูน้ำทั้งหมดยี่สิบเจ็ดตัว ท่านหยิบตะกร้าไผ่สานมาใส่ไปให้ท่านย่าสักหน่อยนะเ้าคะ แล้วถือโอกาสให้ท่านย่านำไปมอบให้ท่านอาหงยู่ด้วยสักสองตัว ท่านอาหงยู่ร่างกายอ่อนแอ เนื้องูบำรุงได้ยอดเยี่ยมนัก ให้นางได้บำรุงร่างกายเสียหน่อยได้พอดี”
“ได้เลย” หูฉางกุ้ยขานรับ เขาคุ้นเคยกับงูน้ำดี ฤดูร้อนของทุกปีในร่องน้ำกลางนาข้าวหรือข้างแม่น้ำลำธารมักพบเห็นอยู่บ่อยครั้ง ชาวไร่ชาวนาที่กล้าหาญมากหน่อยจะจับมันกลับไป ตอนเย็นก็สามารถมีเนื้อมากมายทานได้หนึ่งมื้อแล้ว หูฉางกุ้ยเองก็เคยจับมาสองสามครั้ง
แน่นอนว่าหาบงูมาหนึ่งไม้คานเช่นเจินจูนี้ น่าใมากเกินไปจริงๆ
“ท่านพ่อ ท่านอย่ากล่าวว่าเสี่ยวเฮยจับงูได้มากมายเพียงนั้นนะเ้าคะ กล่าวแค่เป็ท่านจับได้เจ็ดแปดตัวที่หลังเขา เลยนำมาให้พวกเขานิดหน่อยก็พอ จะได้ไม่กล่าวกันว่าเสี่ยวเฮยฉลาดมากเกินไป หากมีคนในบ้านหลุดปากกล่าวออกไป ไม่ใช่ว่าจะหาเื่ยุ่งยากให้เสี่ยวเฮยหรือ” เจินจูคิดถึงความเป็ไปได้จำพวกนี้ จึงกำชับบิดาของนางขึ้นมา
“อื้ม เข้าใจแล้ว” หูฉางกุ้ยพยักหน้า เขาชอบเสี่ยวเฮยของครอบครัวตนเองมาก มีสติปัญญาสูงแล้วยังเก่งกาจอีกด้วย ั้แ่เลี้ยงมันมาที่บ้านก็ไร้ร่องรอยของหนูไปเลย
กล่าวจบไปหยิบตะกร้าไผ่สานใบใหญ่ทันที เลือกงูน้ำขนาดได้สัดส่วนเท่ากันไม่กี่ตัวขึ้นเตรียมใส่ตะกร้า
“ท่านอาฉางกุ้ย ช้าก่อน” หลัวจิ่งโพล่งเสียงออกมากะทันหัน
หูฉางกุ้ยชะงักงัน หยุดการกระทำในมือลงและมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“รอยเล็บแมวเด่นชัดเกินไป ทำให้มันเลือนลางสักหน่อยจะดีที่สุด” หลัวจิ่งหยิบไม้ตะบองหนึ่งด้ามส่งให้เขา
เอ๊ะ นางลืมรายละเอียดนี่ไปเลย ก็นั่นน่ะสิ รอยเล็บแหลมคมบนหัวงูน้ำ คนที่ตั้งใจพิจารณาหน่อยคงแยกแยะออกง่ายมาก
“เอ๋ ใช่สิ เป็ยู่เซิงที่ละเอียดรอบคอบ รอยเล็บนี่ชัดเจนมากจริงๆ” หูฉางกุ้ยรับไม้ตะบองมาอย่างยิ้มซื่อๆ ถูไถไปบนหัวงูส่วนที่มีรอยเล็บชัดเจน จนกระทั่งมองร่องรอยไม่ออกแล้วถึงเปลี่ยนไปจัดการอีกตัวหนึ่ง
เจินจูหันไปทางหลัวจิ่งแล้วพยักหน้ายิ้ม นับเป็การขอบคุณคำเตือนของเขา
หลัวจิ่งชะงัก มุมปากขยับเล็กน้อย อยากจะกล่าวอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่กล้ากล่าวออกมา
ตอนนี้รูปลักษณ์ภายนอกของเด็กสาวไม่ค่อยดีเท่าไร ผมยุ่งเหยิง บนใบหน้ามีรอยโคลนประปราย เสื้อผ้าบนร่างกายเลอะไปด้วยเืงูและฝุ่นละออง
กว่าหลี่ซื่อจะออกจากอาการตื่นใได้ไม่ง่ายเลย พอเห็นบุตรสาวของตนเองท่าทางสกปรกรกรุงรังจึงขมวดคิ้วขึ้น
ไม่กล่าวพร่ำเพรื่อ ดึงเจินจูไปหลังบ้านทันที
รอให้เจินจูชำระล้างร่างกายให้สะอาดก็เป็เวลาอาหารมื้อเย็นพอดี
เสี่ยวเฮยถูกผิงอันอุ้มอยู่ในอ้อมแขนอย่างสบายไปทั้งตัว ขนดำเงาใช้แปรงสางอย่างเป็ระเบียบ
“ผิงอัน แปรงที่ใช้กับแมวและสุนัขแล้วเ้าอย่าใช้แปรงตัวเองอีกเลย ระวังตัวหมัดขึ้นไปโตบนศีรษะเ้าเอาล่ะ” ผิงอันประหยัดมาั้แ่เล็กจนชิน กระดาษขาวหนึ่งแผ่นเขียนด้านหน้าจนเต็มแล้วยังเขียนด้านหลัง ทุกวันฝนหมึกออกมาจำต้องแต้มจนถึงหยดสุดท้ายถึงจะวางพู่กัน แปรงนี้ต้องเป็ของที่เขาใช้เองแน่นอน คาดว่าพรุ่งนี้เขาคงใช้แปรงผมตัวเองต่อ อย่างไม่สนใจเลยแม้แต่นิดแน่นอน
ผิงอันที่แปรงขนอยู่หยุดชะงัก ลูบขนเรียบเงาของเสี่ยวเฮย กล่าวอย่างลังเล “ท่านพี่ บนตัวเสี่ยวเฮยไม่มีตัวหมัด ตอนข้าอาบน้ำให้มัน เคยหาอย่างละเอียดแล้ว”
“แม้ไม่มีตัวหมัดก็อาจมีจุลินทรีย์อื่น ไม่ว่าอย่างไรเ้าก็อย่าใช้แปรงอันเดียวกันร่วมกับแมวและสุนัขเลย วันหลังให้ท่านพ่อซื้ออันใหม่ให้เ้าสักอัน ส่วนอันนี้ก็ให้เสี่ยวเฮยกับเสี่ยวหวงใช้ไปเถอะ” เจินจูกล่าว
“อื้ม เข้าใจแล้ว” ผิงอันตอบรับอย่างว่าง่าย “แต่... ท่านพี่ จุลินทรีย์คืออะไรหรือ?”
“เอ่อ… คือสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เป็สิ่งมีชีวิตที่เล็กมากจนดวงตาของมนุษย์มองไม่เห็น” เจินจูกระอักกระอ่วนใจ ไม่ระวังเพียงนิดก็มีคำศัพท์ยุคปัจจุบันหลุดออกมาอีกแล้ว
คนทั้งครอบครัวนั่งลงทานข้าว
“ท่านพี่ ปลาเงินตัวเล็กในบึงมรกตนั่นเป็อย่างไรหรือ? เสี่ยวเฮยชอบขนาดนี้ ต้องอร่อยมากแน่เลยกระมัง?” ผิงอันถาม
“อืม... โตกว่านิ้วหัวแม่มือไม่เท่าไร สีขาวเงินโปร่งใส ไร้เกล็ดไร้ก้าง รสชาติน่าจะอร่อยมากกระมัง วันหลังให้ท่านพ่อไปงมกลับมาสักหน่อย พวกเราก็ลองทานดูบ้าง” เจินจูเคยทานปลาเงินแห้งมาเมื่อชาติก่อน แต่ไม่เคยทานปลาเงินสดๆ เลย
“เหมียว” พอเสี่ยวเฮยได้ยิน มันก็ไม่มีความสุข วางหางหมูพะโล้ที่แทะไปได้ครึ่งหนึ่งลงและร้องประท้วงขึ้น มันเพิ่งกินได้แค่ไม่กี่ครั้งเอง
เจินจูเหล่มองมันแวบหนึ่ง “กินหางหมูของเ้าไปเสีย ในบึงปลามากมายเพียงนั้น หนังท้องน้อยๆ นั่นของเ้าคิดจะยึดไปทั้งหมดไม่ได้หรอก”
“เหมียว” เสี่ยวเฮยค่อยๆ เคี้ยวกระดูกหางหมูต่อไปด้วยความน้อยใจ
“เ้าเด็กคนนี้นี่ ทำตัวดีๆ หน่อย ไปแย่งปลาเสี่ยวเฮยกินทำไมกัน” หลี่ซื่อคีบเนื้อหนึ่งชิ้นยื่นใส่ในถ้วยของนาง “ในป่ารกูเาลึกอันตรายมาก เ้าเป็แค่เด็กสาวตัวเล็กๆ ผู้หนึ่งเท่านั้น วิ่งขึ้นเขาไปให้น้อยหน่อยดีกว่า ข้างบึงน้ำนั่นงูมากมายเพียงนั้น ห้ามไปแล้วนะ”
“ท่านแม่ งูล้วนถูกเสี่ยวเฮยจัดการเรียบหมดแล้วเ้าค่ะ ปลอดภัยแล้ว เสี่ยวเฮยยึดครองพื้นที่เรียบร้อย ตอนนี้ที่นั่นเป็อาณาเขตของมันแล้วเ้าค่ะ” เจินจูยิ้มแล้วกล่าว
“…” หลี่ซื่อมองเสี่ยวเฮยที่ก้มหัวแทะกระดูกหางหมูอยู่แวบหนึ่ง ไม่อยากจะเชื่อเลย แมวสีดำตัวเล็กเช่นนี้ สามารถฆาตรกรรมงูน้ำยี่สิบเจ็ดตัวได้ในรวดเดียว
แต่ความจริงได้มากองอยู่ตรงหน้าแล้ว
หูฉางกุ้ยกลับไปบ้านเก่าสกุลหูหนึ่งรอบ นำงูไปมอบให้หวังซื่อแล้วกลับบ้านมาทานข้าวเย็น หลังจากนั้นก็เริ่มเก็บกวาดงูยี่สิบตัวที่เหลืออยู่
เจินจูกับหลี่ซื่อตั้งน้ำพะโล้หนึ่งหม้อขึ้นมาใช้เป็การพิเศษ เพื่อนำมาตุ๋นพะโล้เนื้องูโดยเฉพาะ
พะโล้เนื้องู เจินจูเคยทานครั้งหนึ่ง เมื่อก่อนที่บ้านของเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเคยทำ แล้วตั้งใจถือมาถึงแผนกให้พวกนางไม่กี่คนได้ลิ้มลองเล็กน้อย นางเคยชิมหนึ่งคำเล็กๆ รสชาติเป็อย่างไรจำไม่ได้แล้วแต่วิธีทำกลับจำได้อยู่
พะโล้เนื้องู สิ่งที่สำคัญคือหลังลวกน้ำเสร็จแล้ว จึงใช้น้ำมันทอดหนึ่งรอบ ส่วนประกอบในการตุ๋นพะโล้ไม่ค่อยต่างกับพะโล้อย่างอื่นมากนัก
งูยี่สิบตัว สับหัวงูแล้วผ่าท้องเอาเครื่องในทิ้ง ขูดเกล็ดงูออกและสุดท้ายหั่นเป็ท่อนๆ หูฉางกุ้ยจุดตะเกียงต่อสู้อยู่กับงานหนึ่งชั่วยามกว่า ถึงจัดการงูทั้งหมดให้สะอาดได้
ต้มน้ำลวกหนึ่งรอบผึ่งสะเด็ดน้ำให้แห้ง แล้วจึงผ่านการทอดน้ำมันในหม้อ สุดท้ายใส่หม้อตุ๋นในน้ำพะโล้ครึ่งชั่วยาม เนื้องูก็นับได้ว่าพะโล้เสร็จแล้ว
เจินจูผสมน้ำแร่จิติญญาลงไปในน้ำพะโล้ตามปกติ พอพะโล้เนื้องูออกจากหม้อ เสี่ยวเฮยที่รออยู่นานแล้วก็จ้องเนื้อพะโล้ในถาดอย่างถมึงทึง
เจินจูยิ้ม คีบสองท่อนใส่ในถาดแมวของมัน
เสี่ยวเฮยโผเข้ามาร้อง “หง่าว” แล้วคาบขึ้นหนึ่งคำ กินด้วยความพึงพอใจ
อร่อยขนาดนี้เลยหรือ? เจินจูคีบขึ้นหนึ่งท่อน ดูอย่างละเอียด สีสันเป็มันขลับ กลิ่นพะโล้โชยเข้าจมูก
“ท่านแม่ ท่านลองชิมสิเ้าคะ”
เจินจูยื่นท่อนงูไปถึงข้างปากหลี่ซื่อ
หลี่ซื่อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หยิบตะเกียบของตนเองขึ้นคีบไว้แล้วใส่เข้าในปาก
หลายปีมานี้ สองพี่น้องสกุลหูเคยจับงูมาไม่น้อย หลี่ซื่อต่อต้านและคัดค้านมาั้แ่เริ่มแรก แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็กังวลแล้ว เนื้องูก็เป็เนื้อ แม้ดูแล้วน่ากลัว แต่ทานเข้าไปแล้วกลับรสชาติดี
เจินจูยิ้ม ฉวยตะเกียบคีบเข้าในปากตนเองหนึ่งชิ้น อื้ม หนังงูกรอบดี ััในปากมีความหยุ่น รสชาติเนื้อสดอร่อย กลิ่นพะโล้หอมเข้ม อร่อยมาก!
คิดไม่ถึงเลยจริงๆ เนื้องูที่พะโล้ขึ้นมา รสชาติจะอร่อยเพียงนี้ ครั้งหน้าจับงูได้ เอามาพะโล้อีกดีกว่า
เจินจูเรียกหูฉางกุ้ยและเด็กชายอีกสองคนมา ให้พวกเขาชิมสักรอบ
“ท่านพี่ พะโล้เนื้องูนี่อร่อยกว่าพะโล้เนื้อหมูมาก!” เพิ่งใส่เข้าในปากเคี้ยวได้ไม่กี่ที ผิงอันก็ประเมินออกมาอย่างตื่นเต้นแล้ว
ส่วนหูฉางกุ้ยทานไปด้วยพยักหน้าไปด้วย แสดงออกว่ารสชาติดีมากจริงๆ
หลัวจิ่งคีบเนื้องูขึ้น ลังเลอยู่ชั่วขณะหนึ่ง เห็นทุกคนท่าทางพึงพอใจ เขากัดฟัน ย่นคิ้วนำเนื้องูหนึ่งท่อนใส่เข้าในปากแล้วเคี้ยว ไม่นานคิ้วที่ขมวดได้คลายออก รสชาติของพะโล้เนื้องูดีกว่าที่เขาจินตนาการไว้
เจินจูมองเขาอย่างขบขัน นับั้แ่โบราณกาลมาเนื้องูเป็อาหารคาวชนิดหนึ่งบนโต๊ะอาหาร อาหารของครอบครัวร่ำรวยน่าจะมีรูปแบบการทำอาหารประเภทเนื้องูเป็หลักด้วยเช่นกัน “น้ำแกงหลงเฟิ่ง [1]” ที่มีชื่อเสียงไม่ใช่ว่าใช้เนื้องูกับเนื้อไก่เป็วัตถุดิบหลักหรือ
เช้าวันต่อมาเจินจูหิ้วเนื้อพะโล้งูหนึ่งถาดใหญ่ไปบ้านเก่าสกุลหู
หลังจากครอบครัวสกุลหูทุกคนชิมแล้ว ส่วนใหญ่ล้วนชื่นชมกันทั้งหมด คิดไม่ถึงเลยว่าเนื้องูพอพะโล้ขึ้นมาแล้วจะอร่อยปานนี้ จึงพากันกล่าวชมเชยเจินจูอยู่พักหนึ่ง
แม้กระทั่งเหลียงซื่อที่ไม่พอใจครอบครัวที่แยกออกไปแล้วของเจินจูมาตลอด หลังทานไปสองชิ้น ล้วนเอาแต่พยักหน้าด้วยความแปลกใจออกมาตรงๆ ยื่นมือออกไปคิดจะหยิบมาอีกชิ้นหนึ่ง
หวังซื่อขวางการกระทำของนางไว้ เนื้องูบำรุงได้อย่างดีเยี่ยม แต่ตอนนี้เหลียงซื่ออ้วนเกินไปแล้ว ท่านหมอหลินเคยสั่งเอาไว้ หากอ้วนไปกว่านี้อีกตอนคลอดลูกอาจจัดการได้ยาก
เหลียงซื่อเก็บมือกลับไปอย่างใบหน้าเหยเก เวลาคลอดของนางอยู่ที่เดือนหน้าแล้ว ตอนนี้ท้องดั่งลูกหนังที่เป่าจนพองก็ไม่ปาน กลมกลิ้งยิ่งนัก
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน เพราะเื่หูฉางหลินถูกทุบตีเข้า ทำให้นางได้รับความตื่นใเล็กน้อย ขณะนี้ยังต้องดื่มสมุนไพรบำรุงป้องกันการแท้งอยู่เลย
หูฉางหลินยังคงนอนอยู่ในห้องหลัก เหลียงซื่อร่างกายอ้วนท้วนมากไม่มีปัญญาดูแลเขา หวังซื่อจึงให้เขานอนเพื่อรักษาอาการาเ็อยู่ห้องนั้น อาการาเ็ภายในของเขาค่อนข้างหนักมาก ท่านหมอหลินให้นอนพักอย่างเต็มที่อยู่ครึ่งเดือน จะได้ไม่ก่อให้เกิดอาการเรื้อรังติดตัวในภายหลัง
เจินจูเข้ามาในห้องเยี่ยมหูฉางหลิน ยกพะโล้เนื้องูหนึ่งถาดเล็กมาให้เขา คุยเล่นเรื่อยเปื่อยไม่กี่ประโยค จึงหิ้วผักสดหนึ่งตะกร้าที่หวังซื่อให้กลับบ้านไป
หิ้วผ่านแม่น้ำตรงทางเข้าหมู่บ้าน กิ่งไม้ใบไม้้าของป่าขนาดเล็กพลิ้วไหว ที่ไกลออกไปมีเสียงพูดคุยแว่วเข้าหูเจินจู
“ิเกอเออร์ ั้แ่เ้าได้เข้าสอบชิงตำแหน่งซิ่วฉาย นี่ก็นานแล้วที่ไม่ได้กลับหมู่บ้าน” เสียงนิ่มนวลแฝงไว้ด้วยความโศกเศร้าเสียใจอยู่เล็กน้อย
จังหวะก้าวเท้าของเจินจูหยุดชะงัก นี่ไม่ใช่เสียงของจ้าวไฉ่สยาหรือ
“บทเรียนของหอสมุดหนักหน่วงนัก ไม่มีธุระท่านปู่ไม่ให้กลับมาในหมู่บ้าน” เสียงผู้ชายนุ่มนวลแฝงไว้ด้วยความเหินห่าง
“ิเกอเออร์ เ้าลืมสหายในหมู่บ้านไปหมดแล้วใช่หรือไม่ พวกเราล้วนมีไมตรีต่อกัน เมื่อก่อนไม่ใช่ว่าพวกเรามี่เวลาที่ดีต่อกันมากหรือ…” คำพูดของจ้าวไฉ่สยามีความฉอเลาะไม่พอใจ และอยากจะเอ่ยอะไรบางอย่างแต่ไม่กล้ากล่าวออกมา
“สหายในหมู่บ้าน ไป่ิย่อมจำได้ ตอนนี้ทุกคนล้วนเติบใหญ่แล้ว ธุระที่จำเป็ต้องทำของแต่ละคนมีมาก แน่นอนว่าไม่สามารถเล่นสนุกเหมือนตอนเด็กๆ ได้แล้ว” เสียงของเด็กชายเรียบนิ่ง
“…ิเกอเออร์ ผู้อื่นจะเป็อย่างไรข้าไม่รู้ แต่ใจของไฉ่สยา เ้า... เ้าก็ไม่เข้าใจหรือ?” เสียงอ่อนโยนนุ่มนวลและเศร้าอาดูรมากยิ่งขึ้น
“จ้าวไฉ่สยา เ้า... เ้าอย่าเป็เช่นนี้ แม้เ้าและข้าจะเป็เพื่อนสมัยเด็กกัน แต่อย่างไรเสีย ชายหญิงมีความแตกต่าง” เสียงแฝงไว้ด้วยความลำบากใจกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเล็กน้อย
เจินจูเลิกคิ้วขึ้น นี่จ้าวไฉ่สยา้าจังหวะก่อเื่นี่
เชิงอรรถ
[1] น้ำแกงหลงเฟิ่ง หรือน้ำแกงัและหงส์ คือซุปงูและไก่ โดย ‘หลง’(龙 = ั)เป็งู ส่วน ‘เฟิ่ง’(凤 = หงส์)เป็ไก่