"ข้าหน้าตาดีหรือไม่?"
เสียงของหรงจ้านเบามาก จากที่ลูบดวงหน้าของเฉียวเยว่ก็เปลี่ยนมาเป็เชยคางของนางขึ้นมา เฉียวเยว่มองหรงจ้านอยู่เช่นนี้ ประหนึ่งลุ่มหลงในรอยยิ้มและเสน่ห์ความหล่อเหลาของเขา แต่ไม่ว่าจะเป็อย่างไหน ก็ทำให้นางตกตะลึงจนเหม่อลอย
"เฉียวเยว่... ชอบข้าหรือไม่?"
เฉียวเยว่พลันตื่นจากภวังค์ นางสะบัดมือของเขาออกทันควัน แล้วหมุนตัวเตรียมจะหนี
หรงจ้านคาดเดาพฤติกรรมของเฉียวเยว่ไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาฉวยโอกาสนี้โอบเอวของนาง เฉียวเยว่หน้าแดงซ่าน ร้องเสียงดัง "ท่านจะทำอันใด รีบปล่อยข้า"
ชั่วพริบตานั้นเฉียวเยว่พลันตระหนักว่าตนเองโตเป็สาวแล้ว ความแตกต่างระหว่างชายหญิงหาได้เป็ถ้อยคำล้อเล่นเพื่อความสนุกเท่านั้น
นางร้องพลางดิ้นรน "รีบปล่อยข้านะ"
หรงจ้านโอบเอวของนางไว้ไม่ปล่อย "เ้ายังไม่ตอบว่าข้าหน้าตาดีหรือไม่ และยังไม่ตอบว่าชอบข้าหรือไม่"
เฉียวเยว่หน้าแดงซ่าน แต่กลับทำเ็าเอ่ยว่า "ท่านทำเกินไปแล้ว"
หลังจากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ท่านทำเช่นนี้ไม่ถูกต้อง หากพี่จ้านเป็คนเยี่ยงนี้ ต่อไปข้าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับท่านอีก"
ท่าทีเช่นนี้ของเฉียวเยว่ไม่ผิดไปจากที่หรงจ้านคาดไว้ "เฉียวเยว่ เ้าโตเป็สาวแล้ว" เขาว่า
เฉียวเยว่ยื่นปากออกมาเล็กน้อย หัวคิ้วขมวดแน่น "รู้อยู่เต็มอกว่าข้าโตแล้ว ท่านก็ยังทำเช่นนี้ ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง"
นางขบริมฝีปากอย่างไม่พอใจ "ขืนยังทำเช่นนี้ ต่อไปข้าจะไม่ไปมาหาสู่กับท่านแล้ว"
หรงจ้านกอดเอวของนาง ระหว่างพวกเขาทั้งสองไม่มีแม้แต่ช่องว่างระหว่างกันแม้แต่ส่วนเสี้ยว เฉียวเยว่ขุ่นเคืองมาก นางเชื่อมั่นในตัวหรงจ้าน แต่หากเขาเหลวไหลทำตามอำเภอใจ นางก็จะไม่ทนเช่นกัน
ดวงหน้าน้อยบึ้งตึงอย่างไม่พอใจ
เฉียวเยว่เป็เช่นนี้ หรงจ้านก็รู้ว่านางขุ่นเคืองขึ้นมาจริงๆ แล้ว
ทันใดนั้นเขาก็เข้าไปกระซิบข้างหูนาง "เ้ามาเป็เ้าสาวของข้าดีหรือไม่?"
พอคำนี้หลุดออกมา เฉียวเยว่ก็อึ้งงัน ไม่รู้กำลังวังชามาจากไหน ผลักหรงจ้านออกไปอย่างแรง หรงจ้านไม่ได้เตรียมป้องกันไว้ก่อน ถูกนางผลักจนซวนเซ เฉียวเยว่ฉวยโอกาสคว้าท่อนฟืนจากข้างกายมาคุมเชิง "เ้าคนลามกไร้ยางอาย หากเ้ายังกล้ารังแกกูไหน่ไน [1] เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะตีเ้าให้ฟันร่วงทั้งปาก"
นางกวัดแกว่งท่อนฟืนในมือไม่หยุด ใช้เสียงดังเข้าว่า แต่แม้จะเป็เช่นนี้ สายตากลับชำเลืองไปที่ประตู นึกประเมินโอกาสที่ตนเองจะหนีออกไปสำเร็จอยู่เงียบๆ ว่ามีกี่ส่วน ท่าทางราวกับโจรขโมยไก่ของนางทำเอาหรงจ้านอดขำไม่ได้
แม้เกือบจะถูกนางผลักล้ม แต่หรงจ้านกลับมีความสุข ยิ่งเฉียวเยว่ไม่ปล่อยให้ใครรังแกเขาก็ยิ่งพึงพอใจ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่สามารถอยู่ข้างกายนางได้ตลอดเวลา
แม้ไม่รู้ว่าเริ่มต้นั้แ่เมื่อไร หรือเพราะเหตุใด แต่ชั่วขณะนี้หรงจ้านเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่าตนเองชอบเฉียวเยว่มาก
เฉียวเยว่ที่มีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยพลังความสดใส
เขาเม้มปาก แกล้งทำเป็นิ่งขรึม "เ้าเชื่อหรือไม่ หากข้าไม่้าให้เ้าไป เ้าก็หนีออกจากประตูห้องนี้ไม่ได้"
เฉียวเยว่ตึงเครียดขึ้นมาทันที ตอนแรกเพราะนางเชื่อใจหรงจ้านถึงมาจวนอวี้อ๋อง แต่ดูจากท่าทางของเขาตอนนี้ ก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาเป็คนจิตวิปริตหรือไม่
ยุคสมัยนี้ คนอ่อนแอกลัวคนแข็งแกร่ง คนแข็งแกร่งกลัวคนโหดร้าย คนโหดร้ายกลัวความตาย แต่หากบอกว่าใครไม่กลัวตายก็แสดงว่าต้องเป็โรคจิต
เราไม่มีวันรู้ได้เลยว่าเขาจะทำอะไรได้บ้าง
มือของเฉียวเยว่หลั่งเหงื่อด้วยความตื่นตระหนก แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังสู้ไม่ถอย ทำสีหน้าเ็าแล้วเอ่ยว่า "พี่จ้านจะรังแกข้าให้ได้ใช่หรือไม่ ข้าเชื่อมั่นในตัวท่าน แต่ท่านทำกับข้าเช่นนี้หรือ?"
นางพยายามทำใจให้สงบ แล้วพูดต่อ "หากพี่จ้านข่มเหงข้า ท่านลุงไม่ปล่อยท่านไปแน่ ท่านควรรู้ว่าเขาเป็คนเช่นไร"
"เ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้ากลัวฉีจือโจว?" หรงจ้านเลิกคิ้วอย่างสงบนิ่ง
เฉียวเยว่หัวเราะเยาะ "ท่านไม่กลัวหรือ? ต่อให้ไม่กลัว ท่านก็ยัง้าความช่วยเหลือจากเขาอยู่กระมัง?"
นางสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ฉับไว จุดนี้ทำให้หรงจ้านพึงพอใจมาก เขายังคงปั้นหน้าเข้ม แต่จู่ๆ เฉียวเยว่ก็โยนท่อนฟืนออกไป แล้วแค่นเสียงฮึ่มๆ "ท่านจงใจขู่ข้า?"
"จงใจขู่เ้า?" หรงจ้านเลิกคิ้ว "ข้าพูดความจริงทั้งนั้น"
เฉียวเยว่หัวเราะออกมา "ท่านแกล้งทำ สายตาของท่านมันฟ้อง" นางเบะปาก "ทำข้ากลัวแทบตาย แต่ถึงการแสดงของท่านจะดีมาก ก็อยู่ได้ไม่นาน"
เฉียวเยว่ค่อนแคะ ตอนแรกนางกลัวมากจริงๆ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของหรงจ้านก็ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมา หรงจ้านไม่ใช่คนแบบนี้ ไม่ว่านางจะรู้จักเขาอย่างถ่องแท้หรือเพราะท่าทีเล็กน้อยที่แทบจะไม่สังเกตเห็นของเขา แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนฟ้องทุกอย่างออกมาเอง
เฉียวเยว่ทำเสียงกระเง้ากระงอด "พี่จ้านทำเช่นนี้แย่มาก ข่มขู่ผู้อื่น"
แต่ก็ยังเดินมาข้างกายเขา ไม่มีท่าทีเหมือนเมื่อครู่ แล้วจับแขนของเขาไว้ "แขนของท่านเป็อะไรหรือไม่? ตอนข้าผลัก ท่านาเ็หรือเปล่า?"
หรงจ้านก้มลงมองนาง
"ตกลงท่านเป็อันใดหรือไม่" เฉียวเยว่ทำเสียงเข้ม
หรงจ้านหัวเราะหึๆ "เ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?"
เฉียวเยว่หัวเราะคิกคักออกมา
หรงจ้านลูบใบหูของตนเองพลางเอ่ยเสียงเรียบ "หัวเราะอย่างกับแม่ไก่"
เฉียวเยว่รู้สึกว่าไฟโทสะของตนเองผุดขึ้นมาอีกหน คนผู้นี้ทำตัวไม่น่ารักเอาเสียเลย
นางยู่ปากน้อยๆ "หากไม่เพราะท่านจงใจขู่ข้า ข้าจะหวาดกลัวได้อย่างไร พี่จ้านแย่มาก"
หรงจ้านมองนางอย่างพิจารณา ขนตากะพริบปริบๆ ทันใดนั้นเขาก็ดึงตัวนางเข้ามากอด เฉียวเยว่ตะลึงพรึงเพริด
"ก็มิได้เสแสร้งไปทั้งหมดหรอก" หรงจ้านกระซิบข้างหูนาง
เฉียวเยว่ "..."
หัวใจของนางดูเหมือนจะเต้นโครมครามร้อยแปดสิบครั้ง เฉียวเยว่รู้สึกเหมือนว่ามันแทบจะหลุดออกมา
"ทะ... ท่าน..."
หรงจ้านปล่อยนางอย่างรวดเร็ว หันกลับมาหั่นผักต่อ ไม่ล่วงล้ำก้ำเกินอันใดอีก
เฉียวเยว่ "..."
นี่มันเื่บ้าอะไรกัน!
นางเลื่อนเท้าน้อยๆ ของตนเองไปที่ประตูทีละก้าว นางอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว ไม่ปลอดภัยอย่างยิ่ง หรงจ้านบ้าไปแล้ว อ้อ จริงสิ เขาก็ฟั่นเฟือนอยู่แล้วนี่นา
"หากเ้าออกจากห้องนี้ไป ข้าจะทำให้เ้าออกจากจวนอวี้อ๋องไม่ได้อีกเลยตลอดไป" น้ำเสียงเยียบเย็นลอยมา
เฉียวเยว่หยุดเท้าทันควัน ยื่นปากออกมาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ขอบตาเริ่มแดง
ั้แ่ข้ามภพมา นางก็ได้รับความรักความโปรดปรานมาโดยตลอด เรียกลมได้ลม เรียกฝนได้ฝนเสมอ เป็เหมือนคนโปรดจาก์ที่ได้รับความรักจากทุกคน แต่ตอนนี้หรงจ้านกลับเปลี่ยนสีหน้ากะทันหัน เมื่อถูกข่มขู่เช่นนี้ นางจะไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจได้อย่างไร
เมื่อคิดเช่นนี้ ก็ยิ่งควบคุมตนเองไม่อยู่ หยาดน้ำตาร่วงเผาะลงมา
แต่เฉียวเยว่ก็ไม่กล้าเปล่งเสียง เพราะกลัวว่าจะถูกหรงจ้านฆ่าปิดปาก มือเล็กจ้อยปิดปากของตนเองไว้แน่น ท่าทางน่าสงสาร นั่งยองๆ ร้องไห้อยู่มุมห้อง ไม่รู้ว่าตนเองทำอะไรผิดนักหนาหรงจ้านถึงทำกับนางเช่นนี้
หรงจ้านไม่ได้ยินเสียงนางเคลื่อนไหว แต่กลับรู้สึกได้ถึงเสียงสะอึกสะอื้นที่แว่วมา เขาหันกลับไปมอง เห็นแม่หนูน้อยนั่งยองๆ ร้องไห้อย่างน่าสงสารอยู่ตรงนั้น
น่าสงสาร แต่ก็... น่าขันมาก
หรงจ้านรู้ว่าตนเองทำเช่นนี้ไม่ดี แต่ก็รู้สึกว่านางช่างน่ารักยิ่ง แทบอดใจไม่ไหวอยากประคบประหงมไว้ในอุ้งมือตลอดเวลา
เขาถอนหายใจอย่างยอมจำนน เดินเข้ามาตรงหน้าของเฉียวเยว่
นางเงยหน้าขึ้น แต่ก็ต้องใจนแทบสลบ หรงจ้านถึงกับถือมีดหั่นผักตรงเข้ามาหา
นางถอยหลังไปหนึ่งก้าวทันที มือน้อยๆ ยกขึ้นโบกไปมา "ไม่นะ อย่าฟันข้า"
มารดามันเถอะ... หรงจ้านเป็พวกวิปริตจริงๆ รู้จักกันมาหลายปี ไยนางถึงไม่สังเกตเห็นเลยเล่า
ฮือๆๆ
ศัตรูเ้าเล่ห์ร้ายกาจ อำพรางตัวมิดชิด นางช่างน่าสงสารเหลือเกิน
เฉียวเยว่กลัวตายจริงๆ นางถอยหลังไปไม่หยุด
หรงจ้านพลันนึกได้ถึงสาเหตุที่นางหวาดกลัว เขาทั้งโมโหทั้งขบขันตัวเอง สมองของเขาป่วยไปแล้วหรือ หลังจากนั้นก็หมุนตัวกลับโยนมีดไปด้านหลัง มีดหั่นผักปักลงไปบนเขียงไม้อย่างมั่นคง
ในที่สุดเฉียวเยว่ก็พรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก รู้สึกรอดพ้นจากการถูกสังหาร
"พี่จ้าน ข้าไม่อร่อยหรอกนะ" นางเอ่ยเสียงเบา
หรงจ้านมองนางอย่างพิจารณา สายตาเลื่อนไปที่หน้าอกของนาง เฉียวเยว่ยกมือทั้งสองปิดหน้าอกทันควัน "ท่านมองอะไร"
ท่าทางดุร้ายขึ้นมาทันที ช่างเปลี่ยนอารมณ์เร็วเหลือเกิน
หรงจ้านยิ้มพลางส่ายหน้า "ต่อให้ข้าอยากกิน ก็ไม่ใช่ตอนนี้ เ้าคิดมากไปแล้ว"
เฉียวเยว่รู้สึกว่าคำพูดนี้... มีความหมายล้ำลึกแอบแฝงอยู่
นางเชิดหน้า "ถึงอย่างไรข้าก็ไม่อร่อย อีกอย่าง ท่านห้ามมองหน้าอกของข้า"
หรงจ้านขำพรืด เขาปิดปากย่อตัวลง ไหล่สั่นอย่างน่าสงสัย
เฉียวเยว่เห็นเขาหัวเราะโดยไม่มีต้นสายปลายเหตุ ก็มองด้วยความสงสัย "ท่านหัวเราะอะไร?"
หรงจ้านไม่ตอบ แต่ยังคงตัวสั่นอยู่
เฉียวเยว่ชำเลืองไปที่ประตู รู้สึกว่าต่อให้ตนเองคิดหลบหนีก็คงจะออกจากห้องนี้ไปไม่พ้น จึงล้มเลิกความคิดที่จะไปจากคนโรคจิตผู้นี้ แต่ยังคงถามว่า "ท่านหัวเราะอะไรกันแน่?"
"เ้า... มีหน้าอกด้วยหรือ?" หรงจ้านเอ่ยปากเสียงเบา
เฉียวเยว่ตะลึงงันอยู่นาน ไฟโทสะพุ่งพรวด ไม่สนใจอย่างอื่นแล้ว นางเข้าไปทุบหรงจ้านโดยตรง "ท่านพูดมาให้รู้เื่ ข้ามีหน้าอกด้วยหรือหมายความว่าอย่างไร ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว เลือกปฏิบัติเช่นนี้ได้อย่างไร"
เฉียวเยว่โกรธแทบเป็แทบตาย
หรงจ้านเห็นนางโกรธเป็ฟืนเป็ไฟ ก็รีบปลอบประโลม "ข้าผิดไปแล้ว ผิดไปแล้วยังไม่ได้อีกหรือ"
เฉียวเยว่ยังทุบคนต่อ "ไม่ได้ อย่าเห็นว่าเื่เล็กไม่สำคัญ ทะ... ท่าน "
หน้าอกเล็กแล้วไงยะ?
หน้าอกเล็กก็มีสิทธิมนุษยชนเหมือนกัน
นางแค่ยังไม่เติบโตเท่านั้นเอง
ไฟโทสะในดวงตาของเฉียวเยว่ลุกโชน
หรงจ้านยกมือยอมแพ้ "เมื่อครู่ข้าไม่ถูกจริงๆ แต่ข้าหาได้มีเจตนาร้าย"
เฉียวเยว่แค่นเสียงหึ "แล้วท่านคิดอะไร ท่านพิจารณา... ไอ้หยา ไยข้าต้องมาคุยกับท่านเื่นี้ด้วยนะ"
เฉียวเยว่พลันรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง นางเกาศีรษะ อยากจะทึ้งเส้นผมของตนเองออกมาจริงๆ
"ข้าไม่มีอะไรจะพูดกับท่านแล้ว คนน่ารำคาญ" นางยู่ปาก
หรงจ้านยิ้มไม่เลิก เห็นเฉียวเยว่เป็เช่นนี้ก็ยิ่งอารมณ์ดี ราวกับว่าทุกอย่างพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น และดีขึ้นมากๆ
หรงจ้านเอื้อมมือไปขยี้หัวของนาง "เอาล่ะ อย่าโกรธเลย เมื่อครู่ข้าปากไม่ดีเองแหละ จะทำของอร่อยชดเชยให้ ข้าทำขนมเปี๊ยะดอกเหมยให้เ้าชิ้นหนึ่งดีหรือไม่?"
เฉียวเยว่เบะปาก "สองชิ้น มิเช่นนั้นไม่ต้องคุย"
หรงจ้านคลี่ยิ้มมองนาง "ทำให้เ้าเยอะหน่อยจะได้เอากลับไปด้วย"
"เช่นนั้นอภัยให้ท่านก็ได้" เฉียวเยว่ตอบทันที
แม้จะกล่าวเช่นนี้ แม้ว่าท่าทีจะกลับมาเหมือนเมื่อก่อน แต่ดูเหมือนว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไปแล้ว
นางเม้มปาก มองหน้าหรงจ้าน ดวงหน้าน้อยแดงซ่านขึ้นมาอีกหน...
...
[1] กูไหน่ไน นอกจากจะใช้เป็คำเรียกญาติสตรีที่ออกเรือนไปแล้ว ยังสามารถใช้เป็คำแทนตัวเพื่อยกตนให้เหนือกว่าฝ่ายตรงข้าม เหมือนเทียบตนเองเป็ย่าของอีกฝ่าย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้