เวลาูเี่อันหน้าแดงช่างน่ารักจริงๆ ผิวขาวนวลที่ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็สีชมพูระเรื่อเหมือนดอกบ๊วยที่ผลิบานในเดือนมีนาคม ทำให้คนเห็นอยากยื่นมือไปัั แล้วแนบริมฝีปากประทับลงไปยังเรียวปากงามคู่นั้นเหลือเกิน
ลู่เป๋าเหยียนพยายามเป็อย่างมากเพื่อควบคุมความรู้สึกนี้ไม่ให้แสดงออกมา
“กลับบ้านกันเถอะ”
ูเี่อันเดินก้มหน้าแดงๆ ของเธอเดินออกจากระเบียงเพื่อไปบอกถังอวี้หลันว่าพวกเธอขอตัวกลับก่อน
ถังอวี้หลันพยักหน้า “กลับไปพักผ่อนเร็วหน่อยก็ดีเหมือนกัน”
ว่าแล้วจึงหันไปสั่งลูกชาย “เป๋าเหยียน กลับไปแล้วอย่าลืมหาน้ำแข็งมาช่วยประคบให้เจี่ยนอันด้วยล่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้มันจะบวมจนออกจากบ้านไม่ได้พอดี”
“ครับ” ลู่เป๋าเหยียนจูงมือูเี่อัน “งั้นพวกผมไปก่อนนะครับ”
ูเี่อันปล่อยให้เขาจูงมือเธอ เพราะรู้ดีว่าต่อให้ขัดขืนเขาก็ไม่ยอมปล่อยอยู่ดี อีกอย่าง...มือเขาอุ่นดี โดนเขากุมมือไว้แบบนี้สบายจัง
ติ้ง...เสียงลิฟต์เปิดออกที่ชั้นหนึ่ง ลู่เป๋าเหยียนจูงูเี่อันเดินออกจากโรงแรม แต่จู่ๆ ก็มีแสงแฟลชสาดส่องมาจากทั่วทุกสารทิศ ตามมาด้วยฝูงนักข่าวพร้อมตากล้องที่ต่างยื่นไมค์เข้ามาหาพวกเธอ
ลู่เป๋าเหยียนพาเธอหลบมาอยู่หลังเขาทันทีก็จริง ทว่าพวกเธอก็ยังถูกล้อมเอาไว้
“คุณลู่ ได้ยินว่าคุณจ่ายเงินสามล้านเพื่อประมูลกำไลหยกให้คุณนายลู่ เป็เื่จริงหรือเปล่าครับ”
“เอ๋ คุณนายลู่ กำไลหยกที่ว่าใช่ที่ใส่อยู่บนข้อมือคุณหรือเปล่าคะ ช่วยบอกความรู้สึกตอนนี้หน่อยค่ะ”
เมื่อก่อนเวลามีคดีใหญ่ พวกนักข่าวชอบแห่กันมาทำข่าว ณ สถานที่เกิดเหตุก็จริง แต่พวกเขาไม่เคยมาล้อมสัมภาษณ์เธอสักครั้ง เธอไม่เคยอยู่ท่ามกลางแสงแฟลชแบบนี้มาก่อนจึงทำตัวไม่ถูก เธอได้แต่จับมือลู่เป๋าเหยียนแน่นและมองหน้าเขาอย่างมึนๆ
ลู่เป๋าเหยียนโอบเธอไว้อย่างปกป้อง เพื่อไม่ให้ศีรษะเธอไปกระแทกโดนกล้องพลางกระซิบ “ไม่ต้องกลัว อีกเดี๋ยวพวกรปภ.จะเข้ามาจัดการให้”
ูเี่อันพยักหน้าอย่างสบายใจขึ้นมา ว่าแล้วนักข่าวก็ยื่นไมค์เข้ามารุมถามเธอเป็ชุด เธอไม่รู้จะตอบอย่างไร จึงได้แต่หลบอยู่ในอ้อมกอดของลู่เป๋าเหยียน
ลู่เป๋าเหยียนนิ่งไป เธอในตอนนี้เหมือนลูกแกะหลงทางอย่างไรอย่างนั้น ว่าแล้วจึงกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีก ในที่สุดรปภ.ก็มาถึง
“หลีกหน่อยครับ ทุกคนขอทางหน่อยครับ”
พวกรปภ.รีบเคลียร์ทางให้ลู่เป๋าเหยียนกับูเี่อัน คนขับรถเองก็นำรถมาจอดรอพร้อม ทั้งสองคนรีบขึ้นรถทันที ในที่สุดก็หลุดออกจากกองทัพนักข่าวจนได้
ูเี่อันถอนหายใจอย่างโล่งอก “เป็นักข่าวสมัยนี้ไม่ง่ายเลยนะเนี่ย...” เธอพับแขนเสื้อนอกขึ้นพลางจับกำไลหยกวงงามที่อยู่บนข้อมือ “ลู่เป๋าเหยียน ขอบคุณนายมากนะที่ช่วยประมูลมันมา ถ้าคนอื่นได้ไปไม่รู้ว่าจะเอากลับคืนมาได้ไหม”
ต่อให้คนอื่นได้มันไป ขอแคู่เี่อันเอ่ยปาก รับรองไม่ว่าใครหน้าไหนคงรีบนำมาให้โดยไม่อิดออด เพื่อหวังประจบลู่เป๋าเหยียนเป็แน่
ทว่าเื่พวกนี้ลู่เป๋าเหยียนไม่คิดจะบอกเธอ จึงได้แต่เตือนว่า
“อย่าลืมคืนดอกเบี้ยก็พอ”
พอนึกถึงริมฝีปากแ่เบาที่ได้ััเมื่อครู่ หน้าูเี่อันก็ร้อนขึ้นมาอีกครั้ง เธอไม่หลงกลเขาหรอก
“ตาบ้าโรคจิต!”
ลู่เป๋าเหยียนยกมุมปากยิ้มอย่างมีเลศนัย
เขายังโรคจิตได้กว่านี้อีกนะ
สี่ทุ่มกว่า ทั้งสองคนก็กลับมาถึงบ้าน ลุงสวีเห็นูเี่อันใส่เสื้อตัวนอกของลู่เป๋าเหยียนอยู่ จึงอดคิดไม่ได้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนคงพัฒนาไปอีกขั้นแล้ว เขาถามอย่างภูมิใจ
“คุณชาย คุณผู้หญิง มีอะไรให้ผมรับใช้ไหมครับ”
ูเี่อันนึกไม่ออกว่ามีอะไรต้องรบกวนลุงสวีอีก จึงยิ้มตอบไปว่า
“ไม่มีค่ะ ลุงสวีไปพักผ่อนเถอะนะคะ” ว่าแล้วเธอก็เดินขึ้นห้องไป
แต่ก่อนที่ลุงสวีจะเดินกลับที่พัก ลู่เป๋าเหยียนได้เรียกตัวเขาเอาไว้
ลู่เป๋าเหยียนสั่งให้เขาเตรียมถุงประคบเย็น
ที่ชั้นบน หลังจากทีู่เี่อันเดินเข้าห้องน้ำมา ก็นึกขึ้นได้ว่าตนกำลังสวมเสื้อนอกของลู่เป๋าเหยียนอยู่ เสื้อนอกตัวหลวมโคร่งที่ไม่ได้สวยงามอะไร แถมยังไม่พอดีกับตัวเธอ
แต่มันกลับทำให้เธออารมณ์ดีอย่างประหลาด ความรู้สึกพอใจและเป็สุขเกาะกุมไปทั้งใจ ราวกับได้สิ่งล้ำค่าที่สุดบนโลกใบนี้
เธอค่อยๆ ถอดเสื้อนอกอย่างระวังพลางก้มลงไปสูดดมกลิ่นกายอันคุ้นเคยของลู่เป๋าเหยียนที่ติดอยู่กับตัวเสื้อ
กลิ่นนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเขากำลังยืนอยู่ข้างๆ
เธอเผลอดมจนตัวเองเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก จึงยกหน้าขึ้นมาจากเสื้อนอกตัวนั้น เมื่อเห็นตัวเองในกระจกก็นึกใว่าทำอะไรลงไป นี่เธอโรคจิตยิ่งกว่าตาบ้าลู่เป๋าเหยียนอีกเหรอเนี่ย
คิดได้ดังนั้นจึงรีบแขวนเสื้อนอกเขาเอาไว้แล้วเปิดน้ำลงอ่าง หยดน้ำมันหอม จากนั้นจึงลงไปแช่อย่างสบายใจ
เธอนึกว่าพอทำแบบนี้จะสลัดภาพของลู่เป๋าเหยียนออกไปได้ ทว่าทุกครั้งที่หลับตาลง ก็อดไม่ได้ที่จะนึกคิดจุมพิตที่ระเบียง...
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรืออย่างไร แต่ตอนนั้นเธอรู้สึกได้ว่าเขาตั้งใจจูบเธอจริงๆ
เขาจูบเธอ ไม่ใช่เพราะจะไล่ใครไป เขาจูบเพราะอยากจูบ
จูบเหมือนเขามีใจให้เธอ
คิดถึงตรงนี้ ูเี่อันก็มุดหน้าลงไปใต้น้ำพลางคิด
‘เป็ไปไม่ได้ เขาไม่ได้ชอบเธอสักหน่อย เลิกฟุ้งซ่านได้แล้ว ขืนคิดมากไปคนที่จะเจ็บก็คือตัวเอง’
หลังอาบน้ำและเป่าผมจนแห้งแล้ว เธอก็เอนลงบนเตียงเตรียมเข้านอน แต่เสียงเคาะประตูกลับดังขึ้นเสียก่อน
“เข้ามาได้”
ูเี่อันนึกว่าเป็คนรับใช้ แต่ที่ไหนได้ คนที่เดินเข้ามาคือลู่เป๋าเหยียน
ดึกขนาดนี้แล้วเขายังมาหาเธอ ชายหญิงอยู่กันสองต่อสองในห้องนอนดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้ มันจะดีเหรอ?
เธอมุดเข้าไปใต้ผ้าห่มจนเหลือแค่หน้าผากกับลูกตาเท่านั้นที่โผล่ออกมา พร้อมถามว่า “มีธุระอะไรหรือเปล่า”
ลู่เป๋าเหยียนเดินเข้ามานั่งข้างเตียง ยกถุงน้ำแข็งมาประคบหน้าให้เธอ
“ซี้ด...” ถุงน้ำแข็งเย็นเฉียบที่ประคบลงบนหน้า ทำให้รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา เธอนอนมองลู่เป๋าเหยียนพลางคิด
จะมองจากมุมไหน ผู้ชายคนนี้ก็หล่อไปหมด ปกติเขากลับชอบทำตัวเ็าไม่น่าเข้าใกล้ แต่ในตอนนี้ เขาคนที่อยู่ในชุดลำลองนั่งที่ข้างเตียงคอยประคบน้ำแข็งให้เธอ ทั้งสีหน้าและการกระทำช่างดูอ่อนโยนเหลือเกิน
ูเี่อันรู้สึกซาบซึ้งที่เขาอุตส่าห์ทำเพื่อเธอแบบนี้ เขาในวันนี้ดูหล่อจนน่าหลงใหลยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
คนที่ถูกแขวนอยู่ตรงขอบเหวอย่างเธอคงต้องปล่อยมือเสียที เพราะตอนนี้ต่อให้ต้องตกลงไปหรือแหลกสลายเธอก็ยอม
สุดท้ายแล้ว ูเี่อันก็ไม่กล้าปล่อยให้ความรู้สึกนี้เข้าครอบงำนานเกินไป เธอรับถุงน้ำแข็งจากเขามา
“เดี๋ยวฉันทำเอง ขอบคุณมาก”
ลู่เป๋าเหยียนไม่ได้พูดอะไร เขาลุกขึ้นเตรียมเดินออกไป แตู่เี่อันเรียกเขาไว้
“เดี๋ยวก่อน!”
ลู่เป๋าเหยียนหยุดเดินแล้วหันกลับมา
“มีอะไร”
ูเี่อันนึกเปลี่ยนใจแล้วจึงส่ายหน้า
“ไม่มีอะไร ราตรีสวัสดิ์นะ”
“รีบเข้านอนล่ะ” พูดจบเขาก็เดินออกไปพร้อมปิดประตูห้องให้เธอ
ูเี่อันเปิดผ้าห่มและหยิบเสื้อนอกของเขาที่เธอแอบไว้เมื่อครู่ออกมา
เดิมทีเธอกะจะคืนเขา แต่เธอขอเก็บมันเอาไว้อีกสักคืนแล้วกัน อีกแค่คืนเดียวก็ยังดี
สิ่งที่เขาทำเพื่อเธอ เธออาจไม่กล้ารับไว้ แต่สำหรับเสื้อนอกตัวนี้ที่ให้บรรยากาศของเขา เธอคงไม่อาจฝืนปฏิเสธ กลิ่นกายของเขาที่ติดอยู่บนเสื้อตัวนี้ อย่างน้อยก็ทำให้เธอหลอกตัวเองได้ว่า เขายังอยู่ตรงนี้ อยู่ตรงที่ข้างๆ เธอ
ลู่เป๋าเหยียนลงไปดื่มน้ำที่ชั้นล่าง ตอนนั้นเองลุงสวีก็เดินเข้ามา
“ทางสถานีตำรวจโทรมาครับ บอกว่าตอนนี้ได้คุมตัวซูหยวนหยวนเอา คาดว่าพรุ่งนี้พ่อของเธอน่าจะมาประกันตัว คุณชายจะให้...?”
“ติดต่อผู้กำกับ” ลู่เป๋าเหยียนวางแก้วน้ำลง “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามปล่อยซูหยวนหยวนออกมา”
“ทราบแล้วครับ”
ลุงสวีโทรหาผู้กำกับตามคำสั่ง จึงได้รู้ว่าซูหงเยวี่ยนยืนกรานที่จะประกันตัวลูกสาวออกมาให้ได้ แต่ทางผู้กำกับเองก็ได้แจ้งแล้วไปว่า ต่อให้ใช้เงินมากแค่ไหน ก็คงยังปล่อยตัวซูหยวนหยวนออกมาไม่ได้
ลู่เป๋าเหยียนยิ้มพลางคิด ซูหงเยวี่ยนพูดถูกอยู่เื่ที่ว่า ูเี่อันเป็จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของซูอี้เฉิง แต่ผลลัพธ์ของการมาลองดีกับูเี่อัน มันแย่ยิ่งกว่าแหย่หนวดเสือของซูอี้เฉิงเสียอีก
จากเื่นี้ ที่จริงซูอี้เฉิงไม่ใช่ไม่มีอำนาจปกป้องูเี่อัน แต่แล้วทำไมตอนนั้น ซูอี้เฉิงต้องมาขอความช่วยเหลือจากแม่ แถมยังตกลงเื่ที่แม่เสนอใหู้เี่อันแต่งงานกับเขาอีกกันนะ
เสิ่นเยว่ชวนเคยพูดว่าซูอี้เฉิงอาจจะ้าเอาใจเขา แต่ด้วยความสามารถและความสำเร็จที่ซูอี้เฉิงมี เขาไม่มีความจำเป็ต้องมาประจบสอพลอคนอื่น อีกอย่างตัวซูอี้เฉิงเองก็ไม่ได้มีนิสัยแบบนั้น
ดูท่าคงมีเื่อะไรที่เขายังไม่รู้...
วันรุ่งขึ้น ขณะทีู่เี่อันนั่งพิมพ์รายงานชันสูตรศพ ก็มีคนเข้ามาแจ้งว่า มีผู้หญิงแซ่เจี่ยง้าพบเธอ
หรือว่าจะเป็เจี๋ยงเสวี่ยลี่?
เมื่อูเี่อันออกไปดู ก็ใช่อย่างที่เธอคิด
ไม่รู้ว่าเพราะไม่ได้นอนทั้งคืนหรืออะไร สีหน้าของเจี๋ยงเสวี่ยลี่ดูอ่อนเพลียและเศร้าหมอง เมื่อเธอเห็นูเี่อันก็รีบวิ่งมาหา
“เจี่ยนอัน ฉันผิดไปแล้ว เป็ความผิดของฉันเอง ฉันทำผิดต่อแม่เธอ เธอจะทำอะไรฉันก็ได้ แต่ได้โปรดช่วยปล่อยหยวนหยวนออกมาเถอะ เธอเพิ่งอายุแค่ยี่สิบสี่ แถมยังเป็ลูกสาวตระกูลซูด้วย จะให้เธอมีประวัติแบบนี้ไม่ได้นะ”
เจี๋ยงเสวี่ยลี่ขอร้องเธออย่างหมดท่า ราวกับเป็คนละคนกับเมื่อก่อน
“ฉันไม่ใช่ผู้พิพากษาที่มีอำนาจสั่งคุมตัวหรือปล่อยตัวเธอออกมา” ูเี่อันพูดหน้าตาย “คุณนายซู แทนที่จะมาหาฉัน คุณควรไปหาทนายฝีมือดีมากกว่า อย่างน้อยเขาอาจจะช่วยลดโทษให้ซูหยวนหยวนได้บ้าง”
เจี๋ยงเสวี่ยเริ่มโมโห “ูเี่อัน เธอจงใจใช่ไหม เธอตั้งใจจะให้ลูกฉันมีประวัติอาชญากรรม เธอ้าทำร้ายลูกฉัน!”
เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวคนอื่นเป็เื่ผิดกฎหมาย ซูหยวนหยวน้าแก้แค้นเธอถึงทำเื่แบบนี้ขึ้นมา ก็สมควรรับกรรมในสิ่งที่ตัวเองกระทำ ูเี่อันไม่เข้าใจว่ามันกลายเป็ความผิดเธอได้อย่างไร
เธอหมดอารมณ์จะต่อปากต่อคำกับเจี่ยงเสวี่ยลี่อีกต่อไป จึงตั้งท่าจะเดินกลับออฟฟิศ แต่จู่ๆ เจี๋ยงเสวี่ยลี่ก็หยิบกระถางต้นไม้บนโต๊ะปาใสู่เี่อันเต็มแรงอย่างกับคนบ้า
“เจี่ยนอัน!” เจี่ยงเส้าข่ายเพิ่งกลับมาจากข้างนอกพอดี เห็นดังนั้นจึงรีบคว้าตัวูเี่อันให้หลบออกมา
เพล้ง! กระถางต้นไม้เฉียดตัวูเี่อันตกลงไปที่พื้น เศษกระถางแตกละเอียดกระจายเต็มพื้นไปหมด นายตำรวจทั้งหลายรีบเข้ามาจับตัวเจี๋ยงเสวี่ยลี่ในทันที
“ปล่อยฉัน!” เจี๋ยงเสวี่ยลี่ดิ้นอย่างเอาเป็เอาตาย “วันนี้ฉันจะฆ่ายัยนี่ให้ได้!”
สายตาของูเี่อันเย็นเยียบ “คุณน้าอยากจะเข้าไปอยู่เป็เพื่อนหยวนหยวนเหรอคะ ถ้าใช่ เดี๋ยวหนูจะสงเคราะห์ให้ตอนนี้เลย”
เจี๋ยงเสวี่ยลี่ได้ยินดังนั้นถึงกับหน้าซีด รีบสงบลงทันที ูเี่อันพูดเสียงเย็น
“ถ้าไม่อยาก ก็รีบไสหัวไปซะ”
เธอไม่เคยเห็นูเี่อันน่ากลัวขนาดนี้มาก่อน เจี๋ยงเสวี่ยลี่กลัวจนไม่กล้ามองหน้าเธอตรงๆ แล้วจึงรีบเดินออกไป
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เจียงเส้าข่ายถามเธออย่างเป็ห่วง
ูเี่อันก้มลงไปมองเท้าซ้าย วันนี้เธอใส่กางเกงห้าส่วนกับรองเท้าแตะ เศษกระถางต้นไม้จึงกระเด็นมาโดนข้อเท้าเธอ บาดเป็แผลจนเืไหลเลอะรองเท้าแตะไปหมดดูน่ากลัว
“บาดไม่ลึกมาก ทำแผลนิดหน่อยก็หาย” ูเี่อันตบไหล่เจียงเส้าข่าย “ขอบใจมากนะ ถ้าไม่ได้นาย เืคงออกที่หัวฉันแทน เดี๋ยวฉันเลี้ยงมื้อเที่ยงดีไหม?”
เจียงเส้าข่ายมองไปที่รอยแผลบนข้อเท้าเธอ ทำท่าเหมือนคิดอะไรออก
“กลับห้องทำงาน ฉันมีเื่จะคุยกับเธอ!”
คุณชายเจียงขึ้นชื่อเื่ใจร้อนกว่าใคร ูเี่อันไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร จึงได้แต่เดินตามเขาเข้าห้องทำงานไปด้วยความสงสัย