ซาลาเปาครึ่งคำที่เหยาเชียนเชียนเพิ่งกินเข้าไปค้างเติ่งอยู่ที่ลำคอ
จริงด้วย!
เด็กน้อยผู้นี้อยู่กับนาง คนดูแลคงตามหาเขาที่หายตัวไปั้แ่เช้า เช่นนั้นจะยังไม่ร้อนใจได้อีกหรือ?
“อาเหยียน” เหยาเชียนเชียนเอ่ยถาม “ท่านพ่อของเ้าคือชิงผิงอ๋องจริงๆ หรือ?”
อาเหยียนพยักหน้า เื่เช่นนี้จะเป็เื่เท็จได้อย่างไร
ครั้งนี้ค่อนข้างยุ่งยากแล้ว เหยาเชียนเชียนขมวดคิ้ว ในคราแรกเ้าของร่างเดิมเกือบจะบีบคอเด็กน้อยจนตาย และยามนี้คนข้างนอกก็คิดว่าเขาหายตัวไป หากถูกพบตัวว่าอาเหยียนอยู่กับนางที่นี่ เช่นนั้นโทษพยายามฆ่าก็คงสลัดไม่หลุด
ทว่าเหตุใดเด็กคนนี้ถึงกลายร่างเป็แมวได้ และชิงผิงอ๋องทราบเื่นี้หรือไม่ จนถึงยามนี้ก็ยังไม่มีอะไรแน่ชัด เวลานี้เด็กน้อยคนนี้ไม่เป็อะไร นางทำได้เพียงส่งเขากลับไปก่อน ส่วนข้อสงสัยเหล่านี้ก็ค่อยๆ ไขข้อข้องใจในภายหลัง
“เหยาเชียนเชียน ออกมาเดี๋ยวนี้!”
เสียงะโโหวกเหวกดังขึ้นมาจากหน้าประตู ตามมาด้วยประตูที่ถูกพังจนเปิดออก
‘พรึ่บ’ อาเหยียนน้อยซ่อนตัวอยู่ในอ้อมกอดของนาง ขณะที่เหยาเชียนเชียนขมวดคิ้วมองไปยังหญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามา ทั้งศีรษะของนางเต็มไปด้วยเครื่องประดับไข่มุก และมีใบหน้าที่สะสวยงดงาม
คงไม่ต้องเดา คนผู้นี้น่าจะเป็หลิ่วอี๋เหนียงที่สาวใช้พูดถึงเมื่อครู่
“เสียงสุนัขจรเห่าหอนจากที่ใดกัน ห้องของข้าเป็ที่ที่เ้าบุกรุกเข้ามาได้หรือ?”
เหยาเชียนเชียนไม่รอให้นางเอ่ยปาก จัดการยกโจ๊กที่เหลืออยู่ครึ่งชามขว้างใส่นางทันที โจ๊กร้อนๆ เหนียวๆ สาดกระเด็นเปื้อนอาภรณ์ของหลิ่วเหมยเอ๋อร์ นางตระหนกเสียจนสาวใช้ข้างกายประคองไม่ทันและเซถอยตามนางไป
'เพียะ!'
หลิ่วเหมยเอ๋อร์ยกมือตบหน้าสาวใช้หนึ่งฉาด “นางโง่ ปรนนิบัติไม่ได้เื่ขึ้นทุกที ถ้าข้าล้มลงไปเ้าจะรับผิดชอบได้หรือ ไสหัวไปเสีย!”
เหยาเชียนเชียนยืนขึ้น รูปร่างของนางบอบบางและสูงกว่าหลิ่วเหมยเอ๋อร์ครึ่งศีรษะ ชุดวิวาห์ที่สวมอยู่บนกายแม้จะถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกไปแล้วและไม่มีเครื่องประดับใดๆ เลย แต่เพียงแค่เรียวคิ้วย่นลงก็มีกลิ่นอายสูงส่งแผ่กระจายออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ
นางก้าวเนิบๆ เข้าไปพินิจมองหลิ่วเหมยเอ๋อร์ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย
“ข้าก็คิดว่าเป็ผู้ใดกัน เปิ่นหวังเฟย [1] เพิ่งเข้าจวนมา ยังไม่ทันได้สั่งสอนกฎระเบียบแก่พวกเ้า ดังนั้นจึงได้มีพวกไม่รู้กาลเทศะรีบบุกเข้ามาเช่นนี้ ทำไมหรือ คันหรืออย่างไร?”
หลิ่วเหมยเอ๋อร์ไม่ได้สังเกตว่าข้างกายนางมีก้านไม้วางทิ้งไว้อยู่ นางไม่เหมือนผู้อื่น หลิ่วเหมยเอ๋อร์เคยได้ยินมานานแล้วว่าท่านอ๋องหลงรักสตรีผู้นี้ จึงร้องขอต่อฮ่องเต้ให้พระราชทานสมรสให้
ผู้ใดเล่าจะคิดว่าสตรีผู้นี้จะรนหาที่ตายเสียเอง กล้าถือโอกาสในคืนอภิเษกสมรสลงมือกับเสี่ยวซื่อจื่อที่มาแอบดูที่ห้องหอ ยามนี้คงบอกไม่ได้ว่าท่านอ๋องยังโปรดปรานนางอยู่หรือไม่ แต่เขาทอดทิ้งนางไว้โดยไม่แยแสได้ก็ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว
หลิ่วเหมยเอ๋อร์หัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นว่ามวยผมของนางยุ่งเหยิง ชุดวิวาห์บนกายก็เปรอะเปื้อนเล็กน้อย สภาพน่าสะอิดสะเอียนเช่นนี้แล้วยังกล้ายกศักดิ์หวังเฟยมาข่มนางอีก ไม่รู้ว่าเหยาเชียนเชียนผู้นี้ไปเอาความมั่นใจมาจากที่ใดกัน
“ที่แท้ก็เป็หวังเฟยนี่เอง สาวใช้บอกว่าสำรับเช้าของข้าถูกแย่งชิงไป ข้ายังประหลาดใจว่าผู้ใดกันที่มีกิริยาเยี่ยงคนไร้การศึกษาเช่นนี้ ผู้ใดเล่าจะคิดว่าเพียงข้าวชามเดียวก็ยังต้องแย่ง”
หลิ่วเหมยเอ๋อร์เดินนวยนาดมายืนอยู่ข้างกายเหยาเชียนเชียน พลางมองสำรวจขึ้นลงด้วยสีหน้าเย้ยหยันเสียดสีอย่างไม่ปิดบัง
“เห็นว่าเป็หวังเฟยข้าก็ไม่ประหลาดใจแล้ว ถึงอย่างไรในคืนอภิเษกสมรสก็ถูกเมินเฉยอยู่นาน ท่านจะไม่ทรงอยากอาหารก็ถูกต้องแล้ว ยามนี้คงเพิ่งนึกได้ว่าต้องรักษาร่างกาย แต่ก็ไม่เห็นต้องลงมือแย่งชิง”
ชิงผิงอ๋องรับสั่งไม่ให้ข้าหลวงดูแลนางแม้แต่คนเดียว ทั้งจวนอ๋องแห่งนี้ล้วนทราบเื่นี้ หลิ่วเหมยเอ๋อร์กำลังเหน็บแนมนางที่ถูกสามีทอดทิ้งในคืนวันแต่งงาน แม้แต่อาหารยังต้องแย่งชิงอย่างไร้ศักดิ์ศรี
หากเป็หวังเฟยคนเดิมของชิงผิงอ๋อง เกรงว่านางคงต้องอับอายจนตาย แต่เหยาเชียนเชียนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
สำหรับนางแล้ว คำเยาะเย้ยถากถางของหลิ่วเหมยเอ๋อร์ช่างไร้เดียงสาราวกับเด็กเล่นขายของ นางไม่ได้รับการสั่งสอนมากนัก แตกต่างจากเหล่าสตรีตระกูลผู้ดีเหล่านี้ที่ถูกสั่งสอนเื่มารยาทมาั้แ่เด็ก กินอิ่มแล้วค่อยว่ากัน
อย่างไรเสียนางก็ติดบัญชีมรณะของชิงผิงอ๋องไปแล้ว ยังจะต้องกลัวโดนเพิ่มอีกสักสองสามกระทงหรือ?
“สุดท้ายแล้ว อี๋เหนียงก็คืออี๋เหนียงวันยังค่ำ มองเห็นเพียงสิ่งตื้นเขินเช่นนี้เรื่อยไป” เหยาเชียนเชียนทอดถอนใจอย่างหดหู่ “ด้วยความรู้เช่นนี้ของเ้า ท่านอ๋องจะเลื่อนฐานะเ้าขึ้นมาได้อย่างไร จงเป็อี๋เหนียงไปตลอดชีวิตเถิด”
“เ้า! เ้าว่าอย่างไรนะ?”
หลิ่วเหมยเอ๋อร์ถูกแทงใจดำโดยไม่ทันตั้งตัว เหยาเชียนเชียนผู้นี้แค่วงศ์ตระกูลและรูปร่างหน้าตาดีกว่านางเพียงเล็กน้อย นอกเหนือจากสิ่งเหล่านี้ก็เป็เพียงแค่คุณหนูผู้โง่เขลาคนหนึ่งเท่านั้น
สตรีทั้งเมืองต่างก็รู้ว่าท่านอ๋องหลงรักนาง แต่ไม่รู้ว่านางไปเข้าตาท่านอ๋องได้อย่างไร ทว่านางกลับรักองค์ชายสามที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ผลคือยามนี้นางได้อภิเษกสมรสกับท่านอ๋องแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมรามือ
ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะใช้ฐานะและบรรดาศักดิ์มาข่มตน หลิ่วเหมยเอ๋อร์ขบฟันพลางผุดยิ้มเย็น
“หวังเฟยช่างรอบรู้นัก เพราะฉะนั้นถึงได้ลงมือบีบคอเสี่ยวซื่อจื่อ เพื่อกรุยทางให้ลูกชายตัวเองในอนาคตใช่หรือไม่?”
‘เพียะ!’
เหยาเชียนเชียนสะบัดมือตบหน้าอีกฝ่ายต่อหน้าทุกคน มีเพียงอาเหยียนในอ้อมแขนของนางเท่านั้นที่กะพริบตาปริบๆ ทำราวกับไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น แตกต่างจากยามที่เจอเหยาเชียนเชียนในคราแรกราวฟ้ากับเหว
“ก่อนที่จะเรียนรู้การเป็มนุษย์ เ้าควรเรียนรู้การพูดจาเสียก่อน ข้าแต่งเข้าจวนอ๋องมา อาเหยียนเป็เหมือนลูกแท้ๆ ของข้า เ้าเป็เพียงอี๋เหนียงแต่กล้ากล่าวว่าร้ายข้า ข้าตบเ้าครั้งเดียวยังถือว่าเบาเกินไปเสียด้วย”
เหยาเชียนเชียนกระตุกมุมปากช้าๆ “ท่านอ๋องไม่อยู่จวน หากข้าจะปลดอี๋เหนียงสักคนคงไม่ยากกระมัง”
เชิงอรรถ
[1] เปิ่นหวังเฟย หมายถึง คำเรียกแทนตนเองของชายาอ๋อง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้