แล้ววันนี้ก็เหมือนปรกติทุกวัน ร้านเพิ่งเปิดได้ไม่นาน สินค้าเ่าั้ก็ขายหมดเกลี้ยง ถังชิงหรูอยู่หน้าร้านเพียงสองชั่วยาม เหล่าฮูหยินและคุณหนูทั้งหลายที่ได้ข่าวก็รีบมารับสินค้าด้วยตนเอง ก่อนไปยังกำชับเป็พิเศษว่าให้เตรียมสินค้ามาเยอะหน่อย พรุ่งนี้พวกนางจะมากันอีก สตรีเหล่านี้หาได้มีชาติกำเนิดสูงศักดิ์หรือร่ำรวยเป็เศรษฐี ทว่าเป็ตัวแทนจำหน่ายที่รับสินค้าจากที่นี่ไปขาย มิเช่นนั้นผู้ใดจะมาซื้อของเป็บ้าเป็หลังกันเช่นนี้ แค่จำนวนสินค้าที่พวกนางมาซื้อไป เกรงว่าคงใส่ได้สักสองสามปีแล้วกระมัง
หลังจากสินค้าขายหมดแล้ว ถังชิงหรูก็นึกถึงเด็กชายตัวน้อยที่เพิ่มเข้ามาอีกคนในบ้าน นางควรจะซื้อของเพิ่มเติมให้เขาสักหน่อย แม้ว่าพ่อบ้านจะพิถีพิถันใส่ใจ เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เขารวมถึงของใช้หมอนผ้าห่มบนเตียง แต่สิ่งที่เด็กคนหนึ่ง้าหาได้มีแต่ของใช้เหล่านี้
"ได้ยินหรือยัง เรือนเบญจมาศแห่งนั้นถูกเผาจนเหลือแต่เถ้าถ่าน พ่อเล้าตายแล้ว ส่วนบรรดาหนุ่มน้อยหน้ามนที่ขายประตูหลังพากันหนีออกมา แต่ก็กลายเป็ขอทานกันไปหมด อย่างไรเสียพวกเขาก็หากินด้วยการขายเนื้อหนังมังสา ตอนนี้ไม่มีสถานที่โสมมแห่งนั้นแล้ว พวกเขาไหนเลยจะมีปัญญาเอาตัวรอด" มีคนคู่หนึ่งกำลังสนทนากันอยู่ข้างถนนใหญ่
"เมื่อวานเห็นยังดีๆ อยู่ ไฉนวันนี้ถูกไฟไหม้เสียแล้วเล่า เ้ารู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น" ชายหนุ่มที่ขายผักอยู่ด้านข้างเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"ใครจะไปรู้ล่ะ แต่หนุ่มน้อยท่าทางตุ้งติ้งเ่าั้ทำเงินได้ไม่น้อย มีเ้าหนุ่มคนหนึ่งในหมู่บ้านข้าไปอยู่ที่นั่นไม่กี่เดือนก็หาเงินได้หลายร้อยตำลึง ต่อมายังมีคนมาไถ่ตัวไป พวกเราหาเงินกันสายตัวแทบขาดมาทั้งชีวิตยังมีเงินเก็บแค่ไม่กี่ตำลึงเท่านั้นเอง เด็กๆ ในบ้านก็ต้องยากลำบากตามไปด้วย" ชายฉกรรจ์ที่พูดขึ้นมาคนแรกเอ่ยพลางสั่นศีรษะ
"พี่ชายพูดผิดแล้ว แม้ว่าพวกเราจะเหนื่อยยาก แต่ก็มีทายาทสืบสกุล ความอกตัญญูมีสามประการ การไร้ทายาทมาเป็อันดับหนึ่ง เ้าพวกขายเรือนร่างหาเงินเ่าั้มีอะไรดี แม้แต่ทายาทสักคนพวกเขาก็มีไม่ได้" พ่อค้าขายผักกล่าวถากถางพลางหัวเราะเย้ยหยัน
"ได้ยินว่าเมียที่บ้านคลอดบุตรชายเพิ่มให้อีกคนนี่ ยินดีกับเ้าด้วย" ชายคนแรกเอ่ยพลางหัวเราะฮ่าๆ
พ่อค้าขายผักยิ้มอย่างเก้อเขิน "ใช่แล้ว ทุกวันได้กลับไปเห็นเ้าตัวเล็กขาวๆ อ้วนๆ ต่อให้ลำบากยากเข็ญอย่างไรก็นับว่าคุ้มค่า"
"พูดถึงเื่มีบุตร ข้านึกถึงเื่เก่าเื่หนึ่งขึ้นมาได้" ชายร่างใหญ่เอ่ยปากด้วยท่าทางเหมือนมีความลับ "พ่อเล้าที่ถูกไฟคลอกตายเมื่อวาน เมื่อก่อนเป็คนข้างบ้านข้าเอง เขาแก่กว่าข้าสามสี่ปี ตอนข้าสิบขวบ เขาแต่งงานกับโฉมงามคนหนึ่ง สตรีผู้นั้นไม่เพียงแต่อ่อนโยนเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม ยังหน้าตาสะสวยอีกด้วย"
"อ้าว ในเมื่อแต่งเมียสวย แล้วทำไมต้องไปทำอาชีพอย่างว่าด้วยเล่า" พ่อค้าขายผักเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
"ข้าก็ได้ยินผู้อื่นเล่ามา ส่วนรายละเอียดเป็อย่างไร ข้าเองก็ไม่แน่ใจเท่าไร" ชายร่างใหญ่ออกตัวก่อนว่าตนเองไม่เกี่ยวข้องกับเื่นี้ เป็แค่คนเล่าต่อกันมา "สองคนผัวเมียรักใคร่กลมเกลียวกันอยู่่หนึ่ง ต่อมามีผู้สูงศักดิ์หมายตาสตรีผู้นั้นเข้า นางก็เลยออกกำแพง[1] หลังจากนั้นนางคลอดบุตรชายออกมาหนึ่งคน พอคลอดเสร็จก็ไปเลย ทิ้งเด็กคนนั้นไว้ให้พ่อเล้าผู้นั้น เขาอัดอั้นตันใจมาก ประจวบกับตอนนั้นยังหนุ่มแน่นหน้าตาก็พอไปได้ ก็เลยเป็ที่หมายตาของเศรษฐีเฒ่าคนหนึ่ง เดิมทีเขาเป็ชายแท้ ถูกตาเฒ่าผู้นั้นทรมานอยู่ครึ่งปีแต่ไม่ตาย สุดท้ายเลยตกมาอยู่ในสถานที่แบบนั้น และใช้ชีวิตอย่างที่เห็นนั่นแหละ"
"หากเป็เช่นนี้ คนผู้นี้ก็น่าสงสารยิ่ง เดิมทีชีวิตก็มีความสุข แต่มาพังเพราะสตรีเพียงแค่คนเดียว" พ่อค้าผักทอดถอนใจ
"แต่คนน่าสงสารก็มักมีส่วนที่น่าชัง เ้ารู้หรือไม่เด็กคนนั้นเป็อย่างไรบ้าง เขาถูกใช้งานหนักยิ่งกว่าวัวกว่าม้า ถูกเฆี่ยนด้วยแส้ ถูกแทงด้วยเข็ม ไม่ก็ถูกนาบด้วยเหล็กร้อนเผาไฟไม่เว้นแต่ละวันจนกระทั่งเติบโต แต่เด็กคนนั้นดวงแข็ง โดนขนาดนี้ยังอยู่รอดมาได้ หากเปลี่ยนเป็คนชะตาอาภัพ ป่านนี้คงตายไปนานแล้ว"
ถังชิงหรูอยู่ท่ามกลางฝูงชน ตามองน้ำตาลปั้นที่อยู่ด้านหน้า แต่หูกลับยื่นไปฟังสองคนด้านข้างสนทนากัน
ชายร่างใหญ่ผู้นั้นกล่าวไม่ผิด คนน่าสงสารมักจะมีส่วนที่น่าชัง บุรุษคนนั้นมีชีวิตที่น่าเห็นใจ แต่ถึงจะเป็เช่นนั้นก็ไม่อาจทำร้ายเด็กผู้บริสุทธิ์เช่นนี้
แต่นี่เป็ฝีมือใครกันนะ?
เมื่อวานนางเพิ่งพาหลินหลันเซิงกลับไป วันนี้ก็เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เป็แค่เหตุบังเอิญหรือ ในโลกนี้ไม่น่าจะมีเื่ประจวบเหมาะมากมายขนาดนั้น หากบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับนาง ก็ยังไม่อยากปักใจเชื่อ แต่ถ้าเกิดขึ้นเพราะตนเองจริง เช่นนั้นคนที่ช่วยนางระบายความแค้นคือใครกันเล่า
คนที่รู้เื่นี้มีไม่มาก มีแค่เฟิ่งหยางกับพ่อบ้าน พวกพ่อบ้านล้วนฟังบัญชาจากนาย หากเฟิ่งหยางไม่มีคำสั่ง พวกเขาย่อมไม่กระทำโดยพลการ
หรือจะเป็เฟิ่งหยาง เขาใจดีขนาดนี้เชียว?
ถังชิงหรูคิดไม่ตก เมื่อคิดไม่ได้ก็ไม่ต้องคิด
เรือนเบญจมาศเป็สถานที่น่ารังเกียจ ยามนี้ถูกทำลายไปแล้ว ต่อไปก็ไม่มีใครต้องมารับทุกข์อีก
"ข้าเอาน้ำตาลปั้นสองอัน" ถังชิงหรูพูดกับชายชราที่ปั้นน้ำตาลขาย "ข้าปั้นเองได้หรือไม่"
ชายชราหัวเราะพลางเอ่ยว่า "ได้สิ เ้าทำเป็ไหมล่ะ"
"ข้าเรียนรู้ได้" ถังชิงหรูมองชายชราอย่างอ้อนวอน "ท่านลุงสอนข้าสักนิดเถอะ"
มีรถม้าคันหนึ่งผ่านข้างกายนาง คนผู้นั้นได้ยินเสียงก็เลิกม่านขึ้นมองมาที่นาง ยามเห็นดวงหน้าน้อยที่แสนจะธรรมดา แววหม่นก็ทอวาบในดวงตาของเขา
เขามองเพียงปราดเดียวก็ปล่อยม่านลง
ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆ เห็นรถม้าคันนั้น ต่างถอยออกไปสองข้างอย่างยำเกรง พลางทำท่าคำนับราวกับกำลังถวายบังคมฮ่องเต้ จะมีผู้ใดกล้าโอหังในสถานที่แบบนี้ ย่อมจะเป็หัตถ์ปีศาจเมิ่งหลิงในตำนานผู้นั้น
ถังชิงหรูหันไปมองปราดหนึ่ง เห็นผู้คนทั้งยำเกรงและหวาดกลัวกันขนาดนั้น ก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
เมื่อก่อนที่เฉินิยังอยู่ที่นี่ ประชาชนไม่เคยต้องอกสั่นขวัญผวา เมิ่งหลิงมารับตำแหน่งได้ไม่นาน ชาวบ้านต่างรู้ว่าคนผู้นี้ล่วงเกินไม่ได้ แค่เห็นรถม้าของเขา ยังแทบไม่กล้าหายใจแรง ดูท่าชื่อเสียงความโเี้ของคนผู้นี้จะแพร่กระจายไปทั่วเมืองแล้ว
คนแบบนี้ ไม่คบค้าสมาคมด้วยเป็ดีที่สุด
ถังชิงหรูปั้นน้ำตาลงดงามออกมาได้สองชิ้น แล้วก็ซื้อของอีกเล็กน้อย ก่อนเดินเล่นไปบนถนน
"ในนั้นเขียนว่าอะไรบ้าง" ท่ามกลางคนมากมาย ผู้คนต่างมุงล้อมดูอะไรบางอย่าง แต่ด้านในคนเยอะเกินไป คนที่อยู่ด้านนอกมองไม่เห็น จึงร้องถามคนที่อยู่ด้านใน
คนที่อยู่ตรงกลางของฝูงชนกล่าวว่า "เป็ป้ายประกาศจับนักโทษหลบหนี"
"ใครน่ะ?" มีคนถาม
"พวกเ้ารู้จักกันทุกคน ก็หมอเทวดาไงเล่า" อีกคนตอบกลับมา "หมอเทวดาเป็คนของจวนชิ่งอ๋อง ตอนนี้ชิ่งอ๋องหลบหนีไปได้ หมอเทวดาก็ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน เ้าเมืองส่งคนตามหาพวกเขาไปทั่วทุกสารทิศ แต่ก็ไม่พบเบาะแสมาโดยตลอด เ้าเมืองมีคำสั่งห้ามทุกคนให้ที่หลบซ่อนหมอเทวดาและชิ่งอ๋อง มิเช่นนั้นจะต้องโทษปะาเก้าชั่วโคตรในข้อหาฏ"
"เฮ่อ..." ประชาชนต่างพากันทอดถอนใจ
พวกเขาไม่กล้าพูดมากเกี่ยวกับเ้าเมืองที่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ นอกจากเสียงถอนหายใจก็ไม่มีสิ่งใดสามารถบรรยายความรู้สึกอับจนและไม่เต็มใจของพวกเขาได้ดีไปกว่านี้อีกแล้ว
ถังชิงหรูฟังผู้คนสนทนากันอยู่ด้านนอก ก็เบ้ปากก่อนเดินจากไป
ตอนนี้นางรู้สึกโชคดีที่เมื่อก่อนตนเองใช้สถานะของบุรุษในการรักษาคนไข้ ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นักโทษหลบหนีก็ยังไม่มีผู้ใดจำได้
"ข้ารู้จักนาง" ทันใดนั้นมีเสียงคุ้นหูดังขึ้น
ถังชิงหรูหยุดเดิน รอฟังว่าคนผู้นั้นเอ่ยวาจาต่อไป นางยังนึกไม่ออกว่าคนผู้นี้เป็ใคร จนกระทั่งคนผู้นั้นเอ่ยขึ้นมาอีก นางถึงรู้ว่าเื่ชักจะไปกันใหญ่แล้ว
"แม่นาง พวกเราก็รู้จักเขา เขาเป็หมอเทวดา" สตรีออกเรือนแล้วที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้น
"อย่างนางนับว่าเป็หมอเทวดาอันใด" สตรีที่เอ่ยถ้อยคำเหยียดหยันผู้นั้นก็คือฉินเหยา "นางเป็พวกต้มตุ๋นหลอกลวง พวกท่านรู้หรือไม่ เดิมทีนางเป็แค่สตรีคนหนึ่งปลอมตัวมา หาใช่หมอเทวดาอันใด อายุก็ยังไม่มาก เล็กกว่าข้าเสียอีก พวกท่านถูกหลอกลวงมาโดยตลอด"
"เหลวไหลเพ้อเจ้อ" ชายชราที่อยู่ด้านข้างกล่าวด้วยความไม่พอใจ "เขาจะเป็สตรีได้อย่างไร ยิ่งไม่มีทางใช่นักต้มตุ๋นหลอกลวง เขาเป็หมอเทวดา ่เวลาก่อนหน้านี้ สุขภาพของทุกคนล้วนได้เขาเป็ผู้ช่วยรักษาให้ โรคเก่าของข้าที่เป็มานานก็รักษาจนหายขาด เขาไม่รับเงินจากพวกเราแม้แต่อีแปะเดียว จะมาหลอกลวงอันใดจากพวกเรา หลอกเอาโรคภัยของพวกเราไปงั้นรึ"
"ลูกสาวบ้านไหน สติไม่ดีหรือเปล่า ต่อไปจะแต่งออกได้อย่างไร" หญิงชาวบ้านอีกคนเอ่ยอย่างโมโหโทโส "หากไม่ใช่หมอเทวดา หลานชายของข้าคงป่วยตายไปแล้วตอนนั้นพวกเ้าทุกคนก็เห็น เขาเป็ไข้สูงมาสามวันสามคืนเต็มๆ แม้แต่ท่านหมอจากโรงหมออื่นล้วนรักษาไม่หาย บอกให้ข้าเตรียมโลงศพไว้ได้เลย ข้าอายุห้าสิบแล้ว กว่าจะได้หลานชายมาชื่นชมไม่ใช่ง่ายๆ หากเขาต้องมีอันเป็ไป ข้าจะมีชีวิตต่อไปอย่างไร ข้าได้ยินว่าหมอเทวดามีวิชาสูงส่ง ก็เลยรีบอุ้มหลานไปหาเขา ผลที่ได้เพียงแค่สองชั่วยามหลานข้าไม่เพียงแต่ไข้ลด ยังพูดได้หัวเราะได้ ราวกับหายเป็ปลิดทิ้ง เขาไม่ใช่หมอเทวดา ก็คงเป็เทพยดาแล้วล่ะ ์ส่งเขามาเพื่อช่วยเหลือพวกเราแท้ๆ "
"จริงด้วย"
"ใช่แล้ว แม่นาง ก่อนออกจากบ้านเ้าไม่ได้กินยามากระมัง เวลาไม่เช้าแล้ว รีบกลับไปกินยาเถอะ"
ฉินเหยาเห็นทุกคนไม่เชื่อตนเอง ก็โมโหกระทืบเท้า อวี๋ซื่อซึ่งอยู่ข้างกายเห็นเช่นนั้นก็รีบดึงนางพลางกล่าวว่า "เหยาเอ๋อร์ อย่าก่อเื่ กลับบ้านกันเถอะ"
"ท่านป้าใหญ่ ข้าพูดความจริงทั้งนั้น ทำไมไม่มีใครเชื่อเลยเล่า นางก็คือนังหญิงชั้นต่ำถังชิงหรู ตอนแรกนางมีชิ่งอ๋องคอยถือหาง พวกเราเลยไม่กล้าล่วงเกิน ยามนี้นางกลายเป็นักโทษหลบหนี พวกเราไปแจ้งเบาะแสกับใต้เท้าเมิ่ง เขาจะต้องตกรางวัลให้พวกเราอย่างหนักเป็แน่ ถึงเวลาครอบครัวเราก็จะเจริญรุ่งเรือง มีหน้ามีตา" ฉินเหยาเพ้อฝันถึงอนาคตสดใสในภายภาคหน้าของตนเอง ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความหวัง
"เด็กคนนี้ประสาทหรือเปล่า ถึงขนาดจะขายท่านหมอเทวดาเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของตัวเอง" ชาวบ้านที่อยู่ด้านข้างต่างมองฉินเหยาด้วยสายตาไม่เป็มิตร
อวี๋ซื่อเห็นท่าไม่ดี คิดจะลากนางไป แต่ฉินเหยาเพ้อจนเสียสติไปแล้ว จึงมองไม่เห็นสถานการณ์เบื้องหน้าตอนนี้
อวี๋ซื่อโมโหมาก ตบหน้าฉินเหยาไปทีหนึ่งก่อนเอ่ยวาจาอย่างเดือดดาล "ยายเด็กวิปลาส ก่อนออกจากบ้านข้าเตือนแล้วว่าให้กินยา เ้ากลับลืมเสียนี่ ตอนนี้เริ่มพูดจาเพ้อเจ้อเหลวไหลอีกแล้ว เ้าสติเลอะเลือน ย่อมไม่รู้สึกรู้สาอันใด สงสารแต่ตัวข้าเองที่ต้องมาเดือดร้อนเพราะเ้า"
ทุกคนได้ยินคำกล่าวของอวี๋ซื่อ สีหน้าก็เผยแววเข้าใจโดยพลัน หญิงชราหนึ่งในนั้นตบหน้าอกกล่าวว่า "ที่แท้ก็คนสติวิปลาส เห็นไปไหมล่ะ ข้าว่าแล้ว ท่านหมอเทวดาจะเป็สตรีได้อย่างไร"
ฉินเหยาถูกอวี๋ซื่อตบจนมึนงง กระทั่งถูกลากไปไกลแล้วถึงได้สติคืนมา สีหน้าเปลี่ยนเป็บูดบึ้ง นางผลักอวี๋ซื่อออกไป พลางเอ่ยวาจาค่อนขอดอย่างมีโทสะ "ท่านป้า ท่านตบข้าได้อย่างไร ข้ามิได้พูดผิดเสียหน่อย ตอนที่ข้าพบว่านังแพศยานั่นแต่งกายเป็บุรุษตั้งตัวเป็หมอเทวดา ก็คิดจะเปิดโปงั้แ่ตอนนั้น แต่พวกท่านบอกว่านางมีชิ่งอ๋องหนุนหลัง จึงไม่กล้าแตะต้อง มิเช่นนั้นคนที่เดือดร้อนจะกลายเป็พวกเราเอง ยามนี้ชิ่งอ๋องหมดอำนาจ ใต้เท้าเมิ่งที่เข้ามารับตำแหน่งใหม่้าสังหารนาง นี่มิใช่โอกาสที่พวกเราจะจัดการกับหญิงคนนั้นหรือ"
--------------------------------------------------------------------------------
[1] มาจากสำนวนดอกซิ่งแดงออกกำแพง ซึ่งมีความหมายถึงหญิงสาวที่อยากมีคู่เลยพยายามทำตัวโดดเด่น แต่ก็สามารถสื่อความหมายถึงสตรีออกเรือนแล้ว แต่ประพฤติตนไม่สำรวม คบชู้สู่ชาย