ตอนที่ 5:การเผชิญหน้าครั้งแรก
แสงตะวันแรกของวันส่องผ่านรอยแตกของหน้าต่างไม้เก่าๆ ลำแสงที่ควรจะนำความอบอุ่นมาให้ กลับดูซีดเซียวและเยียบเย็นเมื่อกระทบกับพื้นดินชื้นแฉะภายในห้อง
หลินเวยลืมตาขึ้นมาในความเงียบ ร่างกายของเธอยังคงหนักอึ้ง แต่ความรู้สึกปวดหัวแทบะเิจากไข้สูงเมื่อวานได้หายไปแล้ว หลังจากที่เธอซ่อนตัวอ่านตำราเรียนบทแรกใต้ผ้าห่มผืนเหม็นอับเมื่อคืนนี้ จนกระทั่งเสียง "ติ๊ง" ของระบบดังขึ้นพร้อมกับรางวัล 1 แต้ม เธอไม่ลังเลที่จะใช้มันอัปเกรด "การฟื้นตัว" ทันที
[ระบบ: 1 แต้มถูกใช้เพื่อซ่อมแซมการทำงานของร่างกายส่วนหลัก] [สถานะ: ไข้ลดลง ฟื้นฟูสติสัมปชัญญะ] [คำเตือน: ร่างกายยังคงขาดสารอาหารอย่างรุนแรง พลังงานสะสม: 1%]
มันเป็การประทังชีวิตที่เฉียดฉิวที่สุด แต่สติที่แจ่มใสคืออาวุธเดียวที่เธอมี
ปัง!
ประตูห้องถูกกระแทกเปิดออกอย่างรุนแรงจนบานพับที่ใกล้พังส่งเสียงร้องโหยหวน สวี่เหมยปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าบูดบึ้งบ่งบอกถึงการนอนหลับที่ไม่เพียงพอและความหงุดหงิดที่สะสมมาทั้งคืน
"ยังไม่ตายอีกเหรอ!" นี่คือคำทักทายแรกของเช้าวันใหม่ "ฉันนึกว่าแกจะนอนแข็งตายไปซะแล้ว!"
หล่อนกวาดตามองร่างบนเตียงฟางด้วยความรังเกียจ "ดี! ถ้ายังไม่ตายก็ลุกขึ้น! ลุกไปที่ทำการหมู่บ้านเดี๋ยวนี้! ไปบอกพวกนั้นว่าแกจะไปทำงานที่โรงงานทอผ้า! อย่าให้ฉันต้องขายขี้หน้าแม่บ้านจ้าวไปมากกว่านี้!"
เมื่อวานนี้ สวี่เหมยต้องอดทนกล้ำกลืนความอับอายและคำดูถูกของแม่บ้านจ้าวอย่างหนัก แต่สิ่งที่ทำให้หล่อนโกรธยิ่งกว่า คือการที่ต้องเสีย "ค่าแนะนำ" สองหยวนที่จ่ายล่วงหน้าไปฟรีๆ หากหลินเวยไม่ไปทำงาน
หลินเวยค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่งการเคลื่อนไหวของเธอยังคงเชื่องช้าและโซเซ ร่างกายที่ผอมแห้งสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด แต่...มีบางอย่างไม่เหมือนเดิม
หล่อนไม่ได้ก้มหน้าหลบสายตา ไม่ได้ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว หลินเวยเงยหน้าขึ้น สบตากับแม่เลี้ยงของเธอโดยตรง แม้ใบหน้าจะซีดเซียวไร้สีเื แต่ดวงตาคู่นั้นกลับคมกริบและเ็าราวกับน้ำแข็งขั้วโลก สติที่แจ่มชัดทำให้แววตาของเธอไม่หลงเหลือความสับสนอีกต่อไป
"ฉันบอกแล้ว" เสียงของเธอแหบพร่า แต่หนักแน่นทุกถ้อยคำ "ว่าฉันจะสอบเกาเข่า"
สวี่เหมยชะงักไปครู่หนึ่ง...ประหลาดใจกับสายตาที่กล้าต่อกรนั้น แต่แล้วความประหลาดใจก็แปรเปลี่ยนเป็ความเดือดดาล
"แก... นังเด็กเหลือขอ! แกกล้าขัดคำสั่งฉันเหรอ!" สวี่เหมยชี้หน้าหล่อน "สอบเกาเข่า? เอาสมองที่ไหนไปสอบ! แกคิดว่าตำราเรียนมันจะลอยมาจากฟ้ารึไง! แกคิดว่าค่าสมัครสอบมันไม่ต้องใช้เงินเหรอ!"
"อีก 2 เดือนนี้" หลินเวยพูดต่อเหมือนไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องนั้น "ห้ามมารบกวนฉัน"สิ้นเสียงนั้นความเงียบ...เงียบจนน่าอึดอัด...เกิดขึ้นในห้องแต่แล้ว
"ฮ่าฮ่าๆๆ!" สวี่เหมยหัวเราะออกมาเหมือนคนบ้า "แกกล้าต่อรองกับฉันเหรอ? ห้ามรบกวน? ได้! ได้เลย!"หล่อนแสยะยิ้มอย่างอำมหิต "ในเมื่อแกอยากจะนั่งอ่านหนังสือโง่ๆ นั่นนัก...ก็เชิญ! แต่จำไว้!"
นิ้วที่หยาบกร้านของสวี่เหมยชี้มาที่เธออีกครั้ง "ถ้าแกไม่อยากไปทำงานหาเงินเข้าบ้าน...ก็ไม่ต้องกินข้าว!"หล่อนประกาศกร้าวเสียงดังลั่น ให้แน่ใจว่าทุกคนในบ้านได้ยิน "ั้แ่วันนี้เป็ต้นไป! ข้าวแม้แต่เมล็ดเดียว น้ำแม้แต่หยดเดียวที่ฉันหามา...แกก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้อง! ฉันจะดูซิว่า...ระหว่างความดื้อด้านของแกกับความหิว...อะไรมันจะชนะ!"
นี่คือคำขาด...คือการลงโทษที่รุนแรงที่สุดในยุคที่อาหารคือทุกสิ่ง แต่หลินเวยเพียงแค่ยิ้ม...รอยยิ้มที่เย็นเยียบจนสวี่เหมยรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
"แม่จะปล่อยให้ฉันอดตายเหรอ?"
"ใช่! ฉันจะปล่อยให้แกอดตาย! ถ้าแกยังดื้อด้านอยู่แบบนี้!" สวี่เหมยะโกลับ แต่ในใจกลับเริ่มรู้สึกไม่แน่ใจ
"ถ้าอย่างนั้น" หลินเวยหันสายตา...มองผ่านช่องประตูที่เปิดอ้าเอาไว้...
ณ โต๊ะไม้เก่าๆ กลางบ้าน...
หลินเยว่...พี่สาวแสนดี...กำลังนั่งกินอาหารเช้าอย่างสบายอารมณ์ ชามกระเบื้องสีขาวนวลตรงหน้าหล่อนบรรจุ "โจ๊กข้าวโพด" สีเหลืองทองอร่าม กลิ่นหอมหวานของข้าวโพดต้มสุกใหม่ลอยโชยมา...มันเป็อาหารที่ดีที่สุดที่บ้านหลังนี้จะมีได้
และข้างๆ ชามโจ๊ก ยังมีไข่ต้มอีกหนึ่งฟอง!นี่คืออาหารบำรุงสำหรับ ความหวังของตระกูลหลินซึ่งพี่สาวอย่างหลินเยว่กำลังได้รับการดูแลเป็อย่างดี หลินเวยดึงสายตากลับมามองสวี่เหมยที่กำลังยืนอยู่ เบื้องหน้า ปากที่แห้งผากของเธอยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย "แม่คะ...ถ้าฉันป่วยตายเพราะขาดสารอาหาร...หรือเป็ลมตายคาห้องก่อนวันสอบ..."
เธอจงใจพูดช้าๆ ชัดๆ ให้ทุกคำฝังลึกลงไปในโสตประสาทของแม่เลี้ยง
"ชื่อเสียงของครอบครัวหลิน...คงจะป่นปี้ไม่มีชิ้นดีแล้วแม่จะรับได้หรือหากเื่นี้รู้ถึงหูชาวบ้าน"
สวี่เหมยหน้ากระตุก...
"ชาวบ้านเขาจะพูดกันว่ายังไงนะ?" หลินเวยเอียงคอ ทำท่าครุ่นคิด "แม่เลี้ยงใจร้าย...ใช้งานลูกเลี้ยงอย่างกับวัวควาย พอใช้การไม่ได้ก็ปล่อยให้อดตายคาเตียง...อืม...ฟังดูไม่ดีเลยนะ"
"แก! นังปากดี!"สวี่เหมยเริ่มเสียงสั่น
"แต่ที่แย่กว่านั้น..." หลินเวยเหลือบมองไปทางหลินเยว่อีกครั้ง เธอถึงกับชะงักขณะที่กำลังจะตักโจ๊กเข้าปาก
"พี่สาวเยว่...พี่สาวคนสวยแสนดีของฉัน..."
"คนเขาจะนินทากันว่ายังไงนะ? พี่สาวที่กำลังจะได้ดิบได้ดี...นั่งกินโจ๊กข้าวโพดหอมกรุ่นกับไข่ต้ม...ในขณะที่น้องสาว (แม้จะต่างแม่) กำลังจะอดตายอยู่ในห้องข้างๆ"
"พี่สาวแสนสวย...แย่งอาหารน้องจนตาย..."
เคร้ง!
เสียงช้อนโลหะกระทบชามกระเบื้องดังลั่น!หลินเยว่ลุกพรวดขึ้นยืน ใบหน้าของหล่อนที่เมื่อครู่ยังสดใส บัดนี้ซีดเผือดไร้สีเื!
"เวยเวย! เธอพูดบ้าอะไรของเธอ!" หลินเยว่ตวาดกลับมา เสียงของหล่อนสั่นเครืออย่างปิดไม่มิด
หลินเวยพูดถูก! ในยุคสมัยนี้...ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ชื่อเสียงสำคัญยิ่งกว่าชีวิต!โดยเฉพาะกับหลินเยว่ที่กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย! หล่อนคือความภาคภูมิใจ คือหน้าตาของครอบหลิน ถ้ามีข่าวลือเสียหายว่าหล่อนเป็คนใจดำ อกตัญญูที่ปล่อยให้น้องอดตาย...อนาคตของหล่อน...และการแต่งงานทุกอย่างจะพังทลายลงทันที!
"แม่คะ..." หลินเยว่หันไปมองแม่ของเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ...โกรธจนแทบกระอักเื! เธอได้แต่คิดในใจ นังเด็กนี่! นังเด็กผีเข้านี่! มันไม่ได้โง่และอ่อนแออีกต่อไปแล้ว! มันรู้ทัน! มันรู้จุดอ่อนของพวกเธอทุกอย่าง!หล่อนอยากจะพุ่งเข้าไปบีบคอมันให้ตายคามือ...แต่หล่อนทำไม่ได้...สวี่เหมยขบเขี้ยวเคี้ยวฟันจนได้ยินเสียงกรามลั่นกรับๆ
"ได้...แกอยากกินนักใช่ไหม!"
หล่อนกระทืบเท้าปึงปังออกไปที่ห้องครัว...เสียงรื้อค้นของดังโครมคราม...ก่อนที่หล่อนจะเดินกลับมาพร้อมกับชามกระเบื้องเก่าๆ ที่บิ่นจนแทบจะแตก...
ตุบ! ตุบ!
"มันเทศต้ม" สองชิ้นที่เย็นชืดและแข็งกระด้าง...คงจะเป็ของเหลือจากมื้อเย็นเมื่อวาน...ถูกโยนลงไปในชามอย่างแรง สวี่เหมยกระแทกชามบิ่นๆ นั่นลงบนพื้นข้างเตียงของหลินเวย...ราวกับโยนอาหารให้หมา
"กินซะ!" หล่อนเค้นเสียงลอดไรฟัน "กินเข้าไป! กินแล้วก็ไปตายซะ!"พูดจบ สวี่เหมยก็สะบัดหน้าเดินหนีไปทันที ลากแขนหลินเยว่ที่ยังยืนตัวสั่นออกไปจากบริเวณนั้นด้วย ปล่อยให้บรรยากาศมาคุคุกรุ่นอยู่ในห้อง
หลินเวยมองมันเทศสองชิ้นนั้น...มันคือชัยชนะเล็กๆ ครั้งแรกของเธอ
เธอก้มลงหยิบชามขึ้นมาอย่างใจเย็น...ไม่แสดงท่าทีรังเกียจหรือดีใจ...เธอกัดมันเทศที่เย็นชืดและไร้รสชาติเข้าไปคำหนึ่ง...เคี้ยว...ช้าๆ ...รสชาติของมันแย่มาก...เส้นใยหยาบๆ บาดคอที่แห้งผาก...แต่เมื่อมันผ่านลำคอลงไป...
[ติ๊ง!]
เสียงของระบบดังขึ้นในหัวอีกครั้ง
[ระบบ: ได้รับพลังงาน. การฟื้นตัว +5%] [สถานะ: ร่างกายได้รับสารอาหารพื้นฐาน. พลังงานสะสม: 6%] ความอบอุ่นจางๆ ก่อตัวขึ้นในกระเพาะอาหารที่ว่างเปล่า...มันคือพลังงาน...คือเชื้อเพลิง...
หลินเวยกินมันเทศชิ้นที่สองอย่างเงียบงัน...สายตาของเธอไม่ได้มองไปที่ประตูที่แม่เลี้ยงเพิ่งจากไป...
เธอมองไปที่กองตำราเรียนเก่าๆ ที่เธอแอบซ่อนไว้ใต้เตียงฟาง...การต่อสู้...เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น.!
