“พวกเ้าแต่ละคนมันอกตัญญู ข้าเป็แค่แม่เลี้ยงก็จริง แต่พ่อก็เป็พ่อแท้ๆ ของพวกเ้า ทำไมเล่า พอจับเ้าสี่เข้าคุก พวกเ้าก็คิดจะปล่อยให้พวกเราสองคนหิวตายอย่างนั้นหรือ?”
“ท่านแม่ ท่านพูดแบบนี้ได้อย่างไร ทุกคนต่างก็รู้ว่าน้องสี่เข้าคุกเพราะอะไร เขาสมคบกับคนนอกคิดจะใส่ร้ายพี่รอง! โชคดียังดีที่หัวหน้าตระกูลกับผู้ใหญ่บ้านไหวตัวทัน ไล่เขาออกจากตระกูลไป มิเช่นนั้นอนาคตการสอบของน้องห้าคงถูกเขาทำลายไปด้วยแล้ว” พอได้ยินเถาซื่อพูดจาไร้ยางอาย เฉาซื่อจึงเถียงกลับ
ตอนนี้แยกบ้านกันแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเป็เพราะความช่วยเหลือของพี่รอง ครอบครัวของนางถึงได้อยู่ดีกินดีขึ้นกว่าเดิม มีฐานะมั่นคงมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
“น้องสะใภ้...” จ้าวซื่อดึงชายแขนเสื้อของเฉาซื่อไว้ เถาซื่อขึ้นชื่อเื่ความดุร้ายอยู่แล้ว พอจ้าวซื่อได้ยินนางเอ่ยด่านางก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที
เฉาซื่อโยนเสื้อผ้าในมือลงกับพื้นอย่างไม่ไยดี จับมือจ้าวซื่อแล้วเดินออกไปนอกลานบ้าน แยกบ้านกันแล้ว นางมาช่วยทำงานยังต้องมาโดนด่า แถมยังด่าพาดพิงไปถึงครอบครัวของพี่รองอีก เฉาซื่อทนไม่ไหวแล้วจริงๆ
“พี่สะใภ้ใหญ่ พวกเรากลับกันเถิด ในไร่ยังมีงานให้ทำอีกมาก หญ้าก็ยังถอนไม่หมดเลย!”
หากยังยอมปล่อยให้เป็แบบนี้ต่อไป แล้วเมื่อไหร่จะสิ้นสุดกันล่ะ?
“โธ่เอ๊ย ชีวิตนี้จะอยู่ได้ยังไงอีกเล่า แก่ขนาดนี้แล้วยังต้องมาโดนสะใภ้รังแกอีก”
เถาซื่อร้องโวยวายตามหลังพวกนาง ผู้เฒ่าอวิ๋นตวาดด่า “เ้าจะะโอะไรนักหนา? อยู่เฉยๆ สักวันจะไม่ได้หรือ สะใภ้ทั้งสองคนจะมาช่วยทำงานอยู่แท้ๆ ก็ถูกเ้าด่าจนหนีกลับไปแล้ว! เอาแต่สร้างเื่อยู่ทั้งวี่ทั้งวัน!”
“ตาแก่ไม่ตายนี่ ข้าทำไปเพื่ออะไรเล่า? ทั้งหมดนี้ก็เพื่อครอบครัวของเราทั้งนั้น!”
“เ้าใหญ่กับเ้าสามต่างก็ต้องพึ่งพาเ้ารอง แล้วเ้ายังไปด่าเ้ารองต่อหน้าพวกเขาเช่นนี้ ได้ยินเข้าใครเขาจะอยากทำงานให้เ้ากัน? ยายแก่ไม่รู้จักคิด!”
“ก็ครอบครัวเ้ารองนั่นแหละที่อกตัญญู หากไม่มีพวกเขา ครอบครัวของเราก็อยู่กันอย่างสงบสุขดี เ้าเป็พ่อ เป็ใหญ่ที่สุดในบ้าน! แต่เ้าดูตอนนี้สิ ลูกหรือสะใภ้คนไหนเชื่อฟังเ้าบ้าง! ทั้งหมดเป็เพราะไอ้ตัวสร้างปัญหาคนนั้น!”
คำพูดของเถาซื่อแทงใจดำผู้เฒ่าอวิ๋นอย่างจัง เพราะเป็เช่นนั้นจริงๆ ั้แ่เ้ารองกลับมา เขาก็เหมือนสูญเสียลูกชายไปสองคนในทันที
เขาไม่ได้คิดเลยว่า ทั้งสามครอบครัวจ่ายเงินให้เขาปีละสิบตำลึง ซึ่งเขาก็เป็คนเรียกร้องเอง ในหมู่บ้านนี้มีไม่กี่ครอบครัวหรอกที่จ่ายเงินให้พ่อแม่ปีละหนึ่งถึงสองตำลึง ส่วนใหญ่จะให้หนึ่งถึงสองก้วน [1] อีแปะ หรือไม่ก็ให้เป็ข้าวสารหรือเสบียงแทน
สิบตำลึงเงิน แล้วลูกทั้งสองยังไม่ต่างจากออกจากบ้านตัวเปล่าด้วย เงื่อนไขโหดร้ายเช่นนี้ลูกชายทั้งสองคนยังยอมตกลง แสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมาพวกเขาทนทุกข์ทรมานจากกดถูกกดขี่มากเพียงใด
“ถึงแยกบ้านกันแล้วแต่เ้าก็ยังเป็พ่อของพวกเขา เ้าไปหาเ้ารองสิ บ้านเขามีคนงานตั้งหลายคน ขอให้เขาช่วยไถนาปลูกข้าวให้พวกเราก็สิ้นเื่ ตาแก่สองคนที่แค่มาช่วยสร้างบ้านให้ เขายังซื้อบ่าวรับใช้มาคอยปรนนิบัติได้ ไยจะหาคนมาปรนนิบัติเ้าสักคนไม่ได้ เ้าเป็ถึงพ่อแท้ๆ ของพวกเขาเชียวนะ!”
ผู้เฒ่าอวิ๋นถอนหายใจ “ก็แยกบ้านกันแล้วนี่”
เถาซื่อพูดอย่างดูถูกเหยียดหยาม “ก็เพราะพวกเขาไม่ได้เห็นเ้าเป็พ่อไงล่ะ! ต่อให้เ้าไปก็เท่านั้นแหละ เสียเที่ยวเปล่า ข้ามองออกแล้ว เ้ารองยอมเลี้ยงดูคนอื่น ยอมให้คนอื่นเป็เหมือนพ่อ แต่กลับไม่ยอมดูแลเ้า!”
เถาซื่อร่วมหอลงโรงกับผู้เฒ่าอวิ๋นมานานหลายปี ย่อมรู้ดีว่าต้องพูดอย่างไรถึงจะทำให้เขาโกรธ
แล้วก็เป็เช่นนั้นจริงๆ ผู้เฒ่าอวิ๋นลุกพรวดขึ้นยืนด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ต่อให้ฟ้าถล่มลงมา ข้าก็ยังเป็พ่อของเขา ข้าจะไปหาเขาเดี๋ยวนี้แหละ!”
ผู้เฒ่าอวิ๋นเดินออกจากบ้าน ลมเย็นๆ พัดผ่านร่างทำให้เขาใจเย็นลงหลายส่วน เขาเริ่มรู้สึกเสียใจที่ปล่อยให้ตัวเองวู่วาม ทว่าเขาก็พูดออกไปแล้ว หากกลับไปตอนนี้ เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน
เขาเดินเอื่อยเฉื่อยไปที่บ้านของอวิ๋นโส่วจง ระหว่างทางเมื่อผ่านบ้านของอาจารย์ตั่ง พอเห็นบ่าวรับใช้เดินไปมาอยู่ในบ้านอย่างวุ่นวาย ความรู้สึกไม่ยุติธรรมและโทสะในใจก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง
คำพูดของเถาซื่อดังก้องอยู่ในหัว อวิ๋นโส่วจงยังซื้อบ่าวรับใช้มาปรนนิบัติคนนอกได้ แต่กับเขาที่เป็พ่อแท้ๆ กลับไม่ได้รับการดูแลเช่นนั้นเลย!
ตอนนี้เ้าสี่ก็ถูกจับตัวไป โดนพิพากษาให้เนรเทศไปแล้ว ส่วนสะใภ้สี่ก็หนีไปแล้ว อวิ๋นเหมยเอ๋อร์ก็ถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจ แยกบ้านกันแล้ว เขาก็เรียกใช้หลานๆ ไม่ได้อีก ในบ้านไม่มีใครทำงานบ้านให้อีกแล้ว
พอคิดถึงตรงนี้ผู้เฒ่าอวิ๋นก็โกรธจนตัวสั่น แต่พอถูกลมเย็นๆ พัดผ่านร่าง เขาก็เริ่มใจเย็นลงอีกครั้ง เมื่อเช้านี้เพิ่งจะทะเลาะกันไปรอบหนึ่ง หากตอนนี้เขาไปหาอวิ๋นโส่วจงที่บ้าน แล้วอีกฝ่ายจะใช้คำพูดแบบเดียวกันกับอวิ๋นโส่วเย่ามาอุดปากเขา เช่นนั้นจะทำอย่างไรเล่า?
ยิ่งไปกว่านั้น เื่ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าชาวบ้านต่างก็เห็นกันหมด เขาชะลอฝีเท้าลง สมองคิดอย่างรวดเร็ว แม้ชาวบ้านในทุ่งนาหลายคนจะทักทาย เขาก็ไม่ได้สังเกตหรือสนใจตอบกลับแต่อย่างใด
“ตาเฒ่า ท่านเป็อะไรไป เดินดูทางด้วยสิ” เห็นผู้เฒ่าอวิ๋นเดินอย่างกับคนไร้ิญญา ชายชราวัยไล่เลี่ยกันวางจอบในมือลงร้องะโบอกเขา ทางเดินในชนบทเต็มไปด้วยหลุมบ่อ หากเดินไม่ระวังสะดุดล้มขึ้นมาจะทำอย่างไร?
เอ้า… เขากำลังคิดกังวลอยู่ไม่ทันไร จู่ๆ ผู้เฒ่าอวิ๋นก็สะดุดล้มลงไปในหลุมที่อยู่ข้างทาง ขาแพลงจนทั้งร่างล้มลงไปกองกับพื้น
“โอ๊ย!” ผู้เฒ่าอวิ๋นร้องครวญครางด้วยความเ็ป พลิกตัวลุกขึ้นนั่ง ม้วนขากางเกงขึ้นดู ก็เห็นข้อเท้าบวมเป่งขึ้นมาทันที
“เ้าโก่วจื่อ ยืนเซ่ออยู่ทำไม รีบไปตามคนที่บ้านลุงโส่วจงมาเร็วเข้า!”
ที่บ้านตระกูลอวิ๋นหลังเก่าไม่มีชายหนุ่มเหลืออยู่แล้ว เ้าสี่ก็ถูกจับติดคุกไปแล้ว ส่วนสะใภ้สี่ก็หนีไปอีก เหลือเพียงลูกชายที่ไปสอบเป็บัณฑิตถงเซิ่งแต่ยังไม่กลับมา
ตอนนี้ผู้เฒ่าอวิ๋นล้มไปทั้งอย่างนี้ จึงทำได้เพียงไปตามลูกชายที่แยกบ้านออกไปแล้วให้มาช่วยเหลือ
ชายชราที่พูดก่อนหน้านี้รีบสั่งให้หนุ่มน้อยที่อยู่ใกล้ๆ ไปตามคนที่บ้านอวิ๋นโส่วจง ส่วนตัวเขาเองโยนจอบในมือลงแล้วรีบวิ่งเข้าไปดูอาการของผู้เฒ่าอวิ๋น
ชาวบ้านที่ทำงานอยู่ตามท้องไร่ต่างก็วางงานในมือแล้ววิ่งมามุงดู ผู้เฒ่าอวิ๋นนั่งร้องครวญครางอยู่บนพื้น ทุกคนต่างก็ปลอบใจ บอกว่าให้คนไปตามลูกชายของเขามาแล้ว
ไม่นานนักอวิ๋นโส่วจงก็วิ่งหน้าตั้งมาถึง ส่วนฟางซื่อที่จูงมืออวิ๋นเจียวเดินตามหลังมาไม่ไกลก็มาถึงเช่นกัน “ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้นขอรับ?”
อย่างไรเสียเขาก็เป็พ่อแท้ๆ แม้จะไม่สนิทสนมกันแล้ว แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็ไม่สามารถเมินเฉยได้
ผู้เฒ่าอวิ๋นร้องครวญครางพลางยกขากางเกงขึ้น “เดินไม่ระวัง สะดุดล้มขาแพลงเสียแล้ว”
ข้อเท้าบวมขนาดนี้ คงจะแพลงหนักเอาการ อวิ๋นโส่วจงเอ่ยขึ้นทันที “ท่านพ่อข้าจะกลับไปเอาเกวียนวัว แล้วพาท่านไปหาหมอที่โรงหมอในตำบล!”
ผู้เฒ่าอวิ๋นรีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอก แค่าเ็เล็กน้อย ไปตามหมอที่หมู่บ้านข้างๆ มาก็พอแล้ว”
“ท่านพ่อทนเจ็บหน่อยนะขอรับ ข้าขอดูหน่อยว่ากระดูกหักหรือไม่” อวิ๋นโส่วจงไม่ได้ปฏิเสธ เพียงแค่ยื่นมือไปจับข้อเท้าของผู้เฒ่าอวิ๋นแล้วคลำดูเบาๆ ผู้เฒ่าอวิ๋นร้องลั่นด้วยความเ็ป
“ท่านพ่อกระดูกไม่น่าหัก งั้นข้าแบกท่านกลับบ้านก่อนแล้วค่อยไปตามหมอมา”
ฟางซื่อรีบเอ่ยขึ้น “ข้าไปตามหมอเอง ท่านแบกท่านพ่อกลับบ้านก่อนเถิด”
“ท่านป้า ข้าไปช่วยเรียกหมอเอง ข้าวิ่งเร็ว!” ฟางซื่อเพิ่งพูดจบ ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดสิบแปดปีก็เอ่ยขึ้น
อวิ๋นเจียวรู้สึกคุ้นหน้าเขา แต่จำไม่ได้ว่าเป็ใคร เหมือนกับว่าเขาเคยมาทำงานที่บ้านอยู่สองวัน
“เช่นนั้นก็รบกวนเ้าแล้ว”
ส่วนอวิ๋นโส่วจงแบกผู้เฒ่าอวิ๋นพากลับไปที่บ้านหลังเก่า ส่วนฟางซื่อก็จูงมืออวิ๋นเจียวเดินตามไปติดๆ
เมื่อมาถึงบ้านเก่า อวิ๋นโส่วจงเพิ่งจะแบกผู้เฒ่าอวิ๋นเข้าไปในห้องโถง เถาซื่อก็ะโลงมาจากเตียงอุ่นทันที
“เกิดอะไรขึ้น ตาแก่ โดนเ้ารองคนอกตัญญูทำร้ายหรือ?” กล่าวจบนางก็วิ่งออกไปนอกลานบ้าน ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นแล้วแหกปากร้องโวยวายเสียงดังลั่น
เชิงอรรถ
[1] หนึ่งก้วน (一贯) หมายถึง เหรียญทองแดงหรือเหรียญอีแปะที่มีรูตรงกลาง สามารถร้อยด้วยเชือกได้ และหนึ่งก้วนมักหมายถึง 1,000 อีแปะ ซึ่งมีค่าเท่ากับประมาณหนึ่งตำลึงเงิน