ภายในหอเล็กๆ ูเาด้านหลัง เย่เทียนหลง เย่ชิงหนิว เย่ไป๋หู่ เย่ชิงอู่ และเย่ชิงอวี่ทั้งห้าคนนั่งล้อมวงรับประทานอาหารรวมญาติอยู่ภายในโต๊ะกลมขนาดใหญ่ที่ไว้ใช้รับประทานอาหาร พรุ่งนี้เป็วันงานเทศกาลัเพลิง ตามประเพณีกลางคืนก่อนที่วันงานจะมาถึงญาติพี่น้องทั้งหมดจะมารวมกันเพื่อล้อมวงกินข้าวร่วมกัน
เดิมทีปีที่แล้วเย่เทียนหลงจะนั่งล้อมวงกินข้าวกับเหล่าผู้าุโของตระกูล เพียงแต่ในปีนี้ต่างออกไป เพื่อไม่ให้เย่ชิงอวี่รู้สึกว่าถูกทอดทิ้งไว้คนเดียวอย่างอ้างว้างเย่เทียนหลงจึงสั่งให้ทางตระกูลจัดเตรียมอาหารชุดใหญ่ส่งเข้ามาพร้อมกับเรียกพวกเย่ชิงหนิวให้มาทานด้วยกัน
เย่ชิงอวี่ตอนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปอีกแล้ว สามเดือนก่อนออกมาจากการเก็บตัวฝึกฝนจากคนที่ไม่เคยฝึกยุทธ์มาก่อนใช้เวลาฝึกฝนเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ กลับสามารถบรรลุถึงระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ได้ ทำเอาพวกเขาตกตะลึงพรึงเพริดไปตามๆ กัน
ส่วนตลอดสามเดือนมานี้ระดับความเร็วในการฝึกฝนของนางยิ่งทำให้พวกเขาเบิกตากว้างอ้าปากค้างยิ่งขึ้นไปอีก ทำเอาคางของเย่ชิงหนิวและเย่ไป๋หู่เกือบจะหลุดร่วงลงมาสู่พื้น ทำเอาเย่ชิงอู่รู้สึกละอายใจขึ้นมา และทำให้ปรมาจารย์บรรพบุรุษออกมาจากการเก็บตัวฝึกฝนอีกครั้ง ทำการตรวจสอบดูระดับพลังฝีมือของเย่ชิงอวี่จากที่ห่างไกลเสร็จแล้วก็จากไปด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
สามเดือน ระยะเวลาเพียงแค่สามเดือน!
เย่ชิงอวี่จากเดิมพลังฝีมือระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ตอนนี้บรรลุขึ้นมาถึงระดับขั้นที่สองขอบเขตนักรบ พัฒนาขึ้นมาถึงหนึ่งขั้นขอบเขตใหญ่กว่าๆ หากนับเป็ระดับขั้นเล็กก็ถึงห้าระดับเลยทีเดียว!
เย่ชิงหานแม้จะสุดยอด แม้พร์จะยอดเยี่ยม แต่หลังจากกลับมาจากเทือกเขารกร้างมีพลังฝีมือระดับขั้นแรกขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ แล้วกว่าจะฝึกฝนจนบรรลุถึงระดับขอบเขตนักรบเขาใช้เวลาไปเท่าไร? ใช้เวลาไปทั้งหมดแปดเดือน บนถนนไปเมืองัสามเดือนและบนเกาะแห่งความมืดมิดอีกห้าเดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่าลืมว่าเย่ชิงหานดูดซับพลังจากผลึกัด้วยถึงได้บรรลุถึงระดับขอบเขตนักรบได้สำเร็จ
เย่ชิงอู่เองก็สุดยอด ก่อนที่เย่ชิงหานจะโดดเด่นขึ้นมานางครองตำแหน่งหญิงสาวผู้มีพร์เป็อันดับหนึ่งของตระกูลเย่มาตลอด เพียงแต่นางในตอนนี้ต่อหน้าเย่ชิงอวี่ที่มีระดับความเร็วในการฝึกฝนเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกละอายใจขึ้นมา หลังจากที่กลับมาจากเกาะแห่งความมืดมิดนางขยันฝึกฝนอย่างหนักจนในที่สุดพลังฝีมือในตอนนี้อยู่ที่ระดับขั้นที่สองขอบเขตนักรบแล้ว
อายุยี่สิบเอ็ดปีพลังฝีมือระดับขั้นที่สองขอบเขตนักรบหากนับเฉพาะในเขตปกครองเทพาถือว่าเป็ผู้ที่มีพร์ในระดับสูงสุดก็ว่าได้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่ชิงอวี่นางกลับไม่นับว่าโดดเด่นแต่อย่างใด เย่ชิงอววี่อายุสิบหกพลังฝีมือระดับขั้นที่สองขอบเขตนักรบ เพียงแค่นี้ก็ทำลายทุกสถิติที่เคยมีบันทึกเอาไว้แล้ว แม้แต่พร์ของเย่ชิงหานยังสู้ไม่ได้ ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือนางเพิ่งเริ่มฝึกฝนได้เพียงห้าเดือนเท่านั้น และตอนนี้ยังคงทำการฝึกฝนในระดับความเร็วที่น่ากลัวเช่นนี้ต่อไปอีก...
สิบปีกลายเป็เทพ!
เย่เทียนหลงเชื่อในคำพูดประโยคนี้แล้วเพราะพบเห็นกับปรากฏการณ์เหนือคำบรรยายมากมายที่เกิดขึ้นด้วยตาตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งมหัศจรรย์เหล่านี่ยังเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ เขาเชื่อว่าอีกสิบปีจากนี้ปรากฏการณ์มหัศจรรย์นั้นจะต้องเกิดขึ้นมาอย่างแน่นอน
สำหรับเื่แปลกมหัศจรรย์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนตัวของเย่ชิงอวี่ต่างทำให้พวกเย่เทียนหลงรู้สึกประหลาดใจเป็อย่างมาก ในขณะเดียวกันก็มีความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับความวิเศษพิสดารของ “ผลึกเทวะ” มากขึ้นเรื่อยๆ ของสิ่งนี้แท้จริงแล้วมันคืออะไรกันแน่?
เพียงแต่...เย่รั่วสุ่ยไม่พูด พวกเขาก็ทำได้แค่เพียงเก็บความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ในใจเท่านั้น แน่นอนว่าถึงแม้พวกเขาจะไม่เข้าใจสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนตัวของเย่ชิงอวี่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่ประคบประหงมนางดั่งสมบัติล้ำค่า
ความจริงแล้วถึงไม่บอกว่าอีกสิบปีเย่ชิงอวี่จะกลายเป็เทพ เอาเพียงแค่นางเป็น้องสาวของเย่ชิงหานแค่นี้ก็ทำให้พวกตาแก่ทั้งสามให้ความสำคัญต่อนางแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางตกระกำลำบากมาอย่างมากมาย บวกกับพลังลึกลับบางอย่างที่ทำให้รู้สึกสงสารเห็นอกเห็นใจที่แผ่ออกมาจากร่างกายของนางยิ่งทำให้พวกเย่เทียนหลงรู้สึกชอบและเอ็นดูนางออกมาจากใจจริงโดยอัตโนมัติ...
.................................
“กิน กินเยอะๆ เด็กน้อยร่างกายของเ้าผอมแห้งจนเกินไปต้องกินบำรุงให้เยอะๆ!” เย่เทียนหลงนั่งอยู่ข้างๆ เย่ชิงอวี่ เดี๋ยวก็กับข้าวเดี๋ยวก็น้ำแกงตักส่งให้นาง ลักษณะเของเขาในตอนนี้ไม่หลงเหลือความเป็หัวหน้าตระกูลที่เคร่งขรึมหัวโบราณเหมือนวันเก่าๆ ตอนนี้กลับกลายมาเป็ท่านปู่ที่เต็มไปด้วยเมตตากรุณาขึ้นมาแทน
“ถูกต้อง เด็กน้อยเ้าต้องกินเยอะๆ หน่อย เอาๆๆ!” เย่ชิงหนิวและเย่ไป๋หู่ที่อยู่ข้างๆ ก็พูดรับคำขึ้นพร้อมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
เย่ชิงอู่นั่งยิ้มอยู่ข้างๆ นางไม่ได้รู้สึกอิจฉาหรือน้อยใจแต่อย่างใด บุคลิกลักษณะที่อ่อนแอและบอบบางของเย่ชิงอวี่ล้วนกระตุ้นถึงจิตใจส่วนที่อ่อนโยนของผู้ที่พบเห็น ทำให้ทุกคนรู้สึกรักใคร่เอ็นดูและสงสารนางออกมาจากใจจริง
เย่ชิงอวี่กลับไม่ได้หยิบตะเกียบขึ้นมาแต่อย่างใด ทำเพียงนั่งนิ่งๆ อยู่ข้างๆ โต๊ะก้มหน้าลงไม่พูดไม่จา จากนั้นใบหน้าของนางเริ่มมีหยาดน้ำตาไหลอาบสองแก้มค่อยๆ ร่วงหล่นลงมาอย่างไร้ซุ่มเสียง สองแก้มเปียกชุ่ม เสื้อผ้าเปียกชุ่ม จิตใจของทุกคนก็เริ่มเปียกชุ่มตามไปด้วย...
“หืม? เด็กน้อยเ้าเป็อะไร? ร้องไห้ทำไม? มีเื่อันใดทำไมไม่พูดออกมาให้ปู่ฟัง? ไม่ร้อง ไม่ร้อง!” เย่ชิงอวี่ที่น้ำตาร่วงหล่นลงอย่างฉับพลันทำเอาหลายคนสะดุ้งใขึ้นในทันที เย่เทียนหลงรีบลุกยืนขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามออกมาอย่างร้อนใจ
เย่ชิงหนิวก็ลุกขึ้นยืนเช่นเดียวกัน เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าห่วงใย “ถูกต้อง เด็กน้อยเ้ามีเื่อันใดบอกปู่ชิงหนิวมาได้ เดี๋ยวปู่จะจัดการให้เ้าเอง!”
เย่ไป๋หู่และเย่ชิงอู่ไม่ได้พูดจาใดๆ ออกมา เพียงแต่สีหน้าดูไม่ค่อยดีเช่นกัน พวกเขาทั้งสองเดาได้ว่าทำไมเย่ชิงอวี่ถึงร้องไห้น้ำตาร่วงเช่นนี้ เพียงแต่พวกเขาก็อับจนหนทางเช่นเดียวกัน
“อืม!”
เย่ชิงอวี่ดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดใบหน้าของตนเองพร้อมกับหยุดการร้องไห้ลง เพียงแต่นางไม่ได้ตอบคำของเย่เทียนหลงและเย่ชิงหนิว ทำเพียงลุกขึ้นยืนแล้วก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่งจากนั้นคุกเข่าทั้งสองข้างลงไปบนพื้นแล้วโขกศีรษะลงไปยังทิศทางที่ทั้งสามคนอยู่
“ท่านปู่ทั้งสาม ข้าขอร้องพวกท่านสักเื่จะได้ไหม?” โขกศีรษะลงไปสามครั้งจากนั้นเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองไปที่ทั้งสามคนพร้อมกับกัดริมฝีปากพูดขึ้น
“ไอ้หยา! เด็กน้อย นี่เ้าคิดทำอะไร? ลุกขึ้นก่อน ลุกขึ้นแล้วค่อยพูด อะไรที่สามารถทำได้ล้วนรับปากเ้าทั้งนั้น!” เย่เทียนหลงรีบประคองนางลุกขึ้นพร้อมกับพูดตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
เย่ชิงหนิวก็ลุกเดินเข้าไปเหมือนกันแล้วรีบพูดขึ้น “ถูกต้อง เด็กน้อยอย่าได้คุกเข่ามั่วซั่วเช่นนี้ มีเื่อันใดลุกขึ้นมาก่อนค่อยพูด พื้นข้างล่างเย็นจะไม่สบายเอาได้!”
“ไม่! พวกท่านต้องรับปากข้าเสียก่อนข้าถึงจะลุกขึ้น” เย่ชิงอวี่ส่ายหัวไปมา ดันมือของเย่เทียนหลงออกพร้อมกับพูดขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว “ข้าอยากให้พวกท่านเล่าเื่ราวทั้งหมดที่เกี่ยวกับพี่ชายข้าออกมาให้ข้าฟังทุกๆ เื่โดยไม่มีการปิดบังแม้แต่น้อย!”
เื่ของเย่ชิงหาน?
เย่เทียนหลงดึงมือกลับอย่างช้าๆ เย่ชิงหนิว และเย่ไป๋หู่มองหน้ากันสีหน้าเปลี่ยนแปลงขึ้นเล็กน้อย ส่วนเย่ชิงอู่ได้แต่ทอดถอนใจออกมาเบาๆ สายตากลายเป็ซับซ้อนขึ้นมา
เย่ชิงอวี่นางเองก็คงเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างได้แล้วกันสินะ!
ทั้งสี่นิ่งเงียบลงไปไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากพูดขึ้นอย่างไรดี เพราะพวกเขาเองก็ไม่แน่ใจหากเย่ชิงอวี่ได้รับรู้ว่าสถานการณ์ของเย่ชิงหานในตอนนี้เป็ตายไม่รู้แน่ชัด จิตใจของนางจะได้รับการกระทบกระเทือนมากมายเพียงใดและจะเกิดอะไรขึ้นตามมา?
เย่ชิงอวี่มองเห็นทั้งสี่แสดงออกด้วยอาการนิ่งเงียบ ดวงตาของนางพลันเศร้าสลดลงในทันใด สายตาเริ่มเหม่อลอยเลือนราง ผ่านไปเนิ่นนานจึงได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
“พี่...พี่ชายของข้า... ตายแล้วใช่ไหม?”
เอ่อออ...
“พี่ชายของเ้ายังมีชีวิตอยู่ เื่นี้ข้ารับประกันได้ ส่วน...เฮ้อออ! หนูอู่เ้าเป็คนพูดเถอะ!” เย่เทียนหลงรีบพูดตอบรับคำขึ้น เพียงแต่พูดไปๆ เริ่มทอดถอนใจออกมาเรื่อยๆ สุดท้ายหมุนตัวสะบัดแขนเสื้อเบือนหน้าหนีแล้วโยนหน้าที่มาให้เย่ชิงอู่รับ่ต่อ
“พี่ชิงอู่ ท่านรีบบอกข้าพี่ชายข้าเป็อะไร เขาอยู่ที่ไหนตอนนี้?” เย่ชิงอวี่เมื่อได้ฟังสีหน้าเริ่มดีขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตามองไปที่เย่ชิงอู่ด้วยความคาดหวัง
“พี่ชายของเ้า...ตอนนี้อยู่ภายในูเาสุสานทวยเทพ ชิงอวี่ความจริงแล้วทุกอย่างที่ข้าเล่าให้เ้าฟังทั้งหมด ยกเว้นแค่เื่จบงานประลองาระหว่างเขตปกครองเขากลับมาถึงตระกูลแล้วไปที่ป่าม่านหมอกเพื่อฝึกฝนเป็เพียงเื่เดียวที่ไม่ใช่เื่จริง เื่อื่นๆ ล้วนเป็ความจริง สิ่งที่ปิดบังเ้ามีเพียงเื่เดียวคือ เมื่อตอนขากลับมาจากนครแห่งเทพพวกเราถูกเผ่าปีศาจแอบดักซุ่มโจมตี...พี่ชายของเ้าตกเข้าไปอยู่ภายในูเาสุสานทวยเทพโดยไม่คาดฝัน”
เย่ชิงอู่ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดวงตาปรากฏแววเ็ปและคะนึงหาวาบผ่าน นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ตีนเขาูเาสุสานทวยเทพที่เย่ชิงหานชิงหานค่อยๆ ถูกดูดเข้าไปภายใน สีหน้าอารมณ์ของนางพลันเริ่มเปลี่ยนเป็หงอยเหงาเศร้าสลดขึ้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้