ปัง!
โอวหยางกงโมโหจนทุบโต๊ะดังปังถ้วยชาที่ทำจากไม้ของต้นสาลี่ที่วางอยูบนโต๊ะถูกทุบจนแตกละเอียด
“เ้าพวกตระกูลเวินพวกเ้าจะมากเกินไปแล้ว!”
“หึมากเกินไปอย่างนั้นหรือ? พี่น้องโอวหยางคำพูดของเ้ามันจะน่าขำเกินไปหรือเปล่า!”
เวินติ่งเทียนที่นั่งอยู่ด้านข้างนั้นไม่รู้ว่าหยุดสนทนาไปั้แ่เมื่อไหร่ ตอนนี้เขาหันหน้ากลับมาหาโอวหยางกงสีหน้าของเขาตอนนี้เ็าราวกับลมหนาวที่พัดผ่านในฤดูใบไม้ร่วง
“พี่น้องโอวหยางข้า เวินติ่งเทียนผู้นี้ ในยามสงบเราดูแลต้อนรับตระกูลโอวหยางของเ้าอย่างดีไม่เคยขาดแต่ไม่คิดเลยว่าพอตระกูลเวินเราตกที่นั่งลำบาก คนที่เข้ามาซ้ำเติมเราก่อนใครเลย กลับเป็พวกวิญญูชนจอมปลอมสุดบัดซบอย่างเ้า!”
หลังจากที่เวินติ่งเทียนปรึกษากับอี้ชังไห่แล้วเขาก็เริ่มมองเห็นความหวัง ความโกรธที่เก็บสะสมเอาไว้ั้แ่ก่อนหน้านี้ ตอนนี้ก็ได้ะเิออกมาเป็คำด่าทออันเกรี้ยวกราดเจ็บแสบราวกับมีฝ่ามือตบเข้าเต็มๆ หน้าอ้วนๆ นั่นของโอวหยางกง
“ยังดีที่์ยังเมตตาตระกูลของเราจึงรอดพ้นจากเงื้อมมือของเ้าได้ โอวหยางกง เ้าลองถามใจตัวเองดูสิแค่วัตถุดิบไม่กี่อย่างกับพิมพ์เขียวสองสามแผ่น แต่กลับจะเอามาแลกกับหุ้นส่วนกิจการของตระกูลเราที่สืบทอดกันมานานนับร้อยปีถึงสี่ส่วนสิ่งที่เ้าทำมันชั่วช้ายิ่งกว่าเฉินเย่เซิงอีก!!”
โอวหยางกงถูกเวินติ่งเทียนด่าจนหน้าดำคร่ำเครียดทำได้แค่ทนกัดฟันยิ้ม “ได้ เวินติ่งเทียน เ้าเป็คนบีบข้าเองนะอีกครึ่งปีให้หลังข้าจะรอดูเ้าถูกตระกูลเฉินบดขยี้จนย่อยยับเมื่อถึงตอนนั้นเ้าจะต้องมาคุกเข่าอ้อนวอนขอให้ข้าช่วยแน่นอน!”
เวินติ่งเทียนยิ้มอย่างเ็าพร้อมกับตอบกลับไปว่า“ขอร้องเ้า? อีกครึ่งปีให้หลังข้าจะทำให้เ้ารู้ว่าใครกันแน่ต้องขอร้องใคร! วันนี้ข้าขอประกาศไว้เลยว่าข้าจะไม่ยอมให้ใครมารังแกครอบครัวของข้าอีก ไม่ว่าจะเฉิงเย่เซิง หรือว่าเ้าโอวหยางกง!”
คำประกาศอันแข็งกร้าวนี้เต็มไปด้วยความหยิ่งทะนงแสดงให้เห็นว่าของขวัญที่หลินหยางเตรียมมาให้เวินติ่งเทียนนั้นมันมีอิทธิพลมากขนาดไหนถึงขนาดทำให้เขากล้าพูดเสียงแข็งใส่อีกฝ่ายได้ขนาดนี้
คราวนี้ถึงทีของเวินติ่งเทียนชี้หน้าด่าใส่โอวหยางกงว่า“แล้วก็เื่งานหมั้นนั่นน่ะ โอวหยางกง เ้าพาลูกของเ้าไสหัวไปซะ ถึงลูกสาวข้าจะไม่ได้มีพร์เลิศเลอก็เถอะแต่คนอย่างเ้ายังไม่คู่ควรเป็พ่อตาของนาง นับจากวันนี้ไปตระกูลเวินของเราจะไม่ประพฤติตัวเหมือนพวกจิ้งจอกโลภมากอีก เวินชง ส่งแขก!!”
“ขอรับ!”
ส่วนผู้าุโทั้งสองท่านที่นั่งอยู่ข้างๆเมื่อได้ยินอย่างนั้น ก็ตบมือด้วยความสะใจในคำด่าทอของเวินติ่งเทียนรู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยความโกรธที่สะสมไว้ั้แ่ก่อนหน้านั้นออกไปถึงพวกเขาจะยังไม่รู้ว่าอะไรเป็สาเหตุที่ทำให้เวินติ่งเทียนอยู่ดีๆ ถึงกล้าแข็งข้อขึ้นมาก็ตาม
เวินชงที่อยู่ด้านนอกเองก็ไม่ค่อยได้เห็นเวินติ่งเทียนแสดงท่าทีคุกคามขนาดนี้เหมือนกันพอได้รับคำสั่งมา ก็ยืดตัวตรงพร้อมกับยื่นมือทำท่าเชิญออก “ประมุขตระกูลโอวหยางเชิญขอรับ!”
เจ็บใจนัก!
โอวหยางกงคราวนี้โมโหจนรู้สึกเ็ปไปทั่วทั้งตัวใครจะคิดว่าเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้มันถึงพลิกโผออกมาเป็รูปแบบนี้ได้
เหล่าข้ารับใช้ที่อยู่ด้านนอกต่างก็มองมายังตัวเขาที่ถูกขับไล่ออกมาราวกับหมูกับหมายิ่งทำให้โอวหยางกงรู้สึกอับอายมากขึ้นไปอีก เขาโบกมือเรียกข้ารับใช้ของตระกูลโอวหยางอย่างหัวเสียว่า“ไปเรียกนายน้อยมาสิวะ เราจะกลับกันแล้ว! หึ!”
..................................
ภายในสวนหย่อมของคฤหาสน์ตระกูลเวินโอวหยางเฟิง เวินเทา เวินโฮ่ว กำลังนั่งล้อมรอบโต๊ะหินอ่อนตัวหนึ่งบนโต๊ะตัวนั้นมีเหล้าชั้นดีวางอยู่หนึ่งไห แต่นอกจากโอวหยางเฟิงแล้วอีกสองคนนั้นไม่ค่อยมีกะจิตกะใจจะดื่มด้วยสักเท่าไร
โอวหยางเฟิงรู้เื่ที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อนจากปากของเวินโฮ่วแล้วเขามองไปที่าแบนใบหน้าของนายน้อยตระกูลเวินทั้งสองคนพร้อมกับแอบด่าในใจไปด้วยว่า‘เ้าพวกโง่ ดันไปโดนเด็กบ้าที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้เล่นงานเสียได้’
แต่สีหน้าที่เขาแสดงออกมานั้นเต็มไปด้วยความเห็นใจ“จากที่คุณชายสามเล่ามานั้น ที่เ้าหลินอี้นี่มันแผลงฤทธิ์ได้เป็เพราะอาวุธิญญาที่อยู่ในมือมันเท่านั้น ถ้าวัดจากความสามารถแล้วมันยังห่างชั้นกว่าคุณชายสองอยู่ไกลโข”
“มันแน่อยู่แล้ว!” เวินโฮ่วที่เกลียดหลินอี้เข้าไส้นั้นกะว่าจะด่ามันต่ออีกสักสองสามประโยค แต่ก็ถูกเวินเทาที่นั่งอยู่ข้างๆ ตัดจบเสียดื้อๆ“มา ดื่มเหล้าดีกว่า”
หลังจากที่ทั้งสามดื่มไปคนละหน่อยแล้วหัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนไปเป็เื่การหมั้นระหว่างโอวหยางเฟิงและเวินชิงชิง
พอพูดถึงเื่นี้แล้วเวินโฮ่วก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที “ฟู่ ดูจากท่าทางของท่านลุงโอวหยางในวันนี้แล้วความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลเราท่านคงได้เกี่ยวดองกันแน่ๆ พี่น้องโอวหยางนับจากนี้ไปข้าคงต้องเรียกท่านว่าน้องเขยแล้วสินะ!”
โอวหยางเฟิงแสร้งทำเป็หัวเราะฮ่าฮ่าแต่ภายในใจกำลังคิดว่า เ้าเวินโฮ่วหน้าโง่นี่มันยังไม่รู้ตัวเลยว่าตระกูลเวินของมันกำลังจะโดนตระกูลโอวหยางเขมือบแล้วหลังจากที่ทุกอย่างสำเร็จลงตามแผนที่วางไว้ ตระกูลเวินก็จะต้องเชื่อฟังคำสั่งของตระกูลโอวหยางแต่โดยดี
เขายกจอกเหล้าขึ้นคำนับให้กับเวินเทาและเวินโฮ่วอีกครั้ง“หลังจากนี้ไป ข้าก็ขอฝากให้พี่ชายทั้งสองช่วยเกลี้ยกล่อมชิงชิงให้ข้าสักสองสามประโยคแล้วกันข้าโอวหยางขอขอบคุณท่านทั้งสองล่วงหน้า”
“ฮ่าฮ่าพูดได้ดีพูดได้ดี” หลังกล่าวจบเวินโฮ่วดื่มเหล้าตามเข้าไปอีกจอกหนึ่ง
ด้านเวินเทานั้นตัวเขาเองไม่ได้มีอคติอะไรกับโอวหยางเฟิง การที่ได้คนที่มีทั้งรูปโฉมที่งดงามอีกทั้งยังมีฝีมือที่แข็งแกร่งมาเป็น้องเขยก็เป็เื่ที่ไม่เลวเหมือนกัน...
แต่ในตอนที่โอวหยางเฟิงกำลังแสยะยิ้มอย่างได้ใจอยู่นั้นก็มีคนใช้ของตระกูลโอวหยางคนหนึ่งวิ่งมาหาพวกเขาอย่างเร่งรีบพร้อมกับกล่าวประโยคที่ทำเอาโอวหยางเฟิงที่กำลังดื่มเหล้าอยู่ถึงกับสำลักออกมาหมด
“นายน้อยขอรับแผนการล้มเหลวแล้ว คุณท่านให้มาตามกลับแล้วขอรับ”
อะไรนะ!!
โอวหยางเฟิงใจนตาแทบถลนออกจากเบ้าแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเลย
แผนที่วางไว้ใกล้จะสำเร็จลุล่วงอยู่แล้วทำไมมันยังเกิดข้อผิดพลาดได้อีกเล่า!
..................................
เมื่อโอวหยางเฟิงและคุณชายตระกูลเวินทั้งสองคนวิ่งมาถึงบริเวณลานกว้างหน้าคฤหาสน์อย่างเร่งรีบแล้วคนของตระกูลเวินและตระกูลโอวหยางก็แบ่งแยกเป็สองฝั่งยืนเผชิญหน้ากันจนบรรยากาศรอบข้างนั้นดูอึมครึม
เวินติ่งเทียนรวบรวมคนทั้งหมดในคฤหาสน์มารวมกันไว้พร้อมกับยืนจ้องใบหน้าที่กำลังสั่นกระตุกของโอวหยางกง รอแค่ลูกชายของมันมาถึงเขาก็จะรีบส่งพวกมันกลับออกไปทันที
ส่วนโอวหยางกงจนตอนนี้ก็ยังคงสงสัยอยู่ว่าเวินติ่งเทียนได้ไพ่ตายอะไรมาทำไมอยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็หลังเท้าแบบนี้ จากที่ข้อมูลที่เขามีอยู่นั้นตระกูลเวินในตอนนี้ไม่มีความสามารถพอที่จะคิดค้นอาวุธิญญาขั้นสูงชิ้นใหม่ได้อีกแล้วถึงแม้พวกเขาจะมีอี้ชังไห่ที่เป็นักตีอาวุธิญญาขั้นสูงอยู่ด้วยก็ตาม
เขามองไปที่หลินหยางพลางคิดในใจว่าเื่ที่เกิดขึ้นมันต้องมีสาเหตุมาจากเ้าเด็กน่าสงสัยคนนี้แน่ๆแต่มันก็เป็แค่เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่ง มันจะไปทำอะไรได้!
โอวหยางเฟิงรีบวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบจากทางด้านข้าง
“เกิดอะไรขึ้นหรือท่านพ่อ?”
โอวหยางเฟิงรีบวิ่งมาจนผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมดบนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามที่ไม่อาจเข้าใจได้เหมือนกับผู้เป็พ่อไม่มีผิด
ตระกูลเวินมันกล้าปฏิเสธข้อเสนอที่ตระกูลโอวหยางมอบให้ได้อย่างไรกัน?
“หึ!”
โอวหยางกงพ่นลมหายใจออกมาหนึ่งครั้งพลางจ้องเขม็งไปยังคนๆ หนึ่งที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ท่ามกลางกลุ่มคนจำนวนมากของตระกูลเวินที่จ้องไปที่หลินอี้ราวกับจะกินเืกินเนื้อของอีกฝ่ายโดยไม่ละสายตา
ในความคิดของเขานั้น เ้าเด็กหนุ่มคนนี้ต้องเป็สมุนของคนใหญ่คนโตที่คอยหนุนหลังให้อยู่โดยที่ตระกูลเวินเป็คนไปเชิญให้มาช่วยแน่ๆไม่อย่างนั้นคงไม่มีพลังมากพอถึงขนาดที่ว่าสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ที่เขาลงแรงสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากให้กลับตาลปัตรได้ด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียว
เขาพูดตอบกลับลูกชายไปว่า“ท่านประมุขเวินเก่งกาจมากความสามารถแต่กลับไปฟังคำพูดของเด็กน้อยที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ทั้งยังไม่ยอมรับความหวังดีที่ตระกูลโอวหยางเราหยิบยื่นให้ ลูกเอ๋ยเ้ากับชิงชิงคงจะไม่มีวาสนาได้ครองคู่กัน ฝากเอาไว้ก่อนเถอะพวกตระกูลเวิน! พวกเรา กลับ!”
พูดจบโอวหยางกงก็ถอนหายใจหนักๆ ดัง หึ อีกครั้งจากนั้นก็พาคนของตระกูลโอวหยางก้าวออกไปนอกคฤหาสน์
โอวหยางเฟิงที่ตอนแรกสงสัยอยู่ว่ามันผู้ใดที่บังอาจมาขัดขวางแผนการของตระกูลเขา แต่ที่คาดไม่ถึงก็คือคนที่พ่อของเขาชี้ตัวกลับเป็เ้าหลินอี้คนนั้นเสียได้!
เ้าคนที่ไม่เคยอยู่ในสายตาเขาเลยอย่างหลินอี้นี่นะ!
เ้าเด็กบ้านี่!! มันวอนหาที่ตายเสียแล้ว!!
แววตาของโอวหยางเฟิงตอนนี้เริ่มปรากฏประกายแห่งความเกลียดชังขึ้นเขารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ส่งมือดีไปจัดการตัวปัญหาแบบนี้ั้แ่แรกดันปล่อยให้มันมาพังแผนการใหญ่ของตระกูลโอวหยางเสียได้
โอวหยางเฟิงกรอกตาไปมารอบหนึ่งในเมื่อเื่ราวมันดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไปคำนับเวินติ่งเทียนทันที
“ท่านลุงเวินโอวหยางรักน้องชิงชิงสุดหัวใจแต่เสียดายว่าข้าคงมีบุญแต่ไร้วาสนาที่จะได้รับการยอมรับจากท่านลุงโอวหยางรู้สึกเสียใจจริงๆ”
เวินติ่งเทียนมองไปที่โอวหยางเฟิงด้วยสีหน้าเ็าไร้ความรู้สึก“พูดไปก็ไร้ความหมาย เชิญกลับเถอะ”
“ขอรับ”โอวหยางเฟิงแสยะยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากอย่างเ็า หันไปมองที่หลินหยาง“แต่ข้าก็ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมท่านลุงถึงยอมฟังคำพูดของสหายท่านนี้หรือว่าท่านลุงยังไม่ทราบว่า เมื่อหลายวันก่อนได้เกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมขึ้นในเมืองของเราและข้าเกรงว่าสหายท่านนี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเื่นั้นด้วย!”
หือ?
คำพูดนี้แสดงเจตนาอย่างชัดเจนว่า้าดึงประเด็นมาหาเื่หลินอี้โอวหยางเฟิง้าจะใส่ร้ายหลินอี้ต่อหน้าสาธารณชน
ในเมื่อเ้ามาขัดขวางแผนการของตระกูลข้าอย่างนั้นเ้าก็อย่าหวังเลยว่าจะได้อยู่อย่างสุขสบายไปหาวิธีล้างมลทินออกจากตัวเองให้หมดก่อนเถอะ
“โอวหยางเฟิงขอพูดทิ้งไว้เท่านี้ถ้าอย่างนั้นก็โปรดรักษาตัวด้วยท่านลุง ข้าลาละ” กล่าวจบโอวหยางเฟิงก็แสยะยิ้มเ็าทีหนึ่ง จากนั้นก็เหลือบมองหลินอี้หนึ่งครั้งแล้วจึงหันหลังเดินออกไป
ส่วนคนที่เหลือบริเวณลานกว้างต่างก็มองไปที่หลินอี้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย
ทั้งคนที่รู้เื่การฆาตกรรมแล้วและคนที่ยังไม่รู้เื่นั้นล้วนไม่มีใครรู้เลยว่าต่อจากนี้ไปจะเกิดเื่อะไรขึ้นบ้างเวินติ่งเทียนจะจัดการเหตุการณ์ฆาตกรรมที่เกิดขึ้นนี้อย่างไร
ส่วนหลินหยางนั้นไม่ได้ใส่ใจในสายตาของคนภายนอกเขาเพียงแค่หรี่ตามองไปยังโอวหยางเฟิงที่กำลังเดินจากไปจากที่ไกลๆ ด้วย่ทาทางได้ใจ
ดูท่าว่าคนที่อยู่เื้ัการฆาตกรรมของหวังชงในคราวนี้จะไม่ใช่ใครที่ไหนมันคือพวกตระกูลโอวหยางแน่นอน!
แล้วเ้าพวกชั่วโอวหยางนี่มันเป็ใครแล้วมันโผล่มากจากไหนกัน...
เวินติ่งเทียนค่อยๆ หันมาทางหลินหยางแต่ไม่ได้มองไปที่หลินหยางโดยตรง เพียงแต่กล่าวออกมาลอยๆ ว่า “อีกครึ่งชั่วยามหลังจากนี้ให้ทุกคนในคฤหาสน์ไปรวมตัวกันที่ลานประลอง ข้ามีเื่สำคัญจะประกาศ”
หลังจากนั้นเขาก็หันหลังกลับเข้าไปในห้องคว้าเมฆาพร้อมกับผู้าุโสองท่านและอาจารย์สกุลอี้ทั้งสองส่วนหลินหยางนั้นถูกเชิญให้ไปนั่งดื่มชาอยู่ที่ห้องรับแขกของคฤหาสน์ตระกูลเวินแห่งนี้ ดูท่าทางว่าเวินติ่งเทียนจะมีเื่สำคัญที่ต้องปรึกษากับเหล่าผู้มีอำนาจของตระกูล
เริ่มแล้ว
ทุกคนที่อยู่ ณที่นี้ต่างคิดเหมือนกันว่า เวินติ่งเทียนน่าจะเริ่มหารือเื่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหวังชงแล้ว
..................................
ครึ่งชั่วยามผ่านไป ณลานประลองที่ใหญ่ที่สุดของตระกูลเวิน สมาชิกทั้งหมดราวๆ ห้าร้อยคนของตระกูลเวินไม่ว่าจะยศเล็กยศใหญ่แค่ไหนต่างก็มารวมตัวกันในที่แห่งนี้
เก้าอี้ไม้ขนาดใหญ่เจ็ดตัวที่อยู่ท่ามกลางเก้าอี้จำนวนมากที่อยู่บนอัฒจันทร์รอบสนามนั้นสองตัวเป็ของอาจารย์สกุลอี้ทั้งสองท่านอีกสี่ตัวเป็ของที่ปรึกษาผู้าุโของตระกูล และตัวสุดท้ายที่ตั้งอยู่ตรงกลางนั้นเป็ของเวินติ่งเทียนที่มาสายกว่าคนอื่นเล็กน้อยนั่นเอง
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เดินเข้ามาในลานประลองแห่งนี้พร้อมกับเวินชงที่เป็พ่อบ้านเมื่อเขานั่งลงบนเก้าอี้แล้วก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไร สีหน้าดูเคร่งขรึมอย่างมาก
สามพี่น้องของครอบครัวตระกูลเวินนั้นยืนอยู่ด้านหลังของเวินติ่งเทียนส่วนหลินหยางนั้นยังคงยืนอยู่ด้านหลังของอี้ชังไห่เหมือนเดิมส่วนที่อยู่ตรงข้ามนั้นคือพ่อบ้านเวินชงที่พาเหล่าข้ารับใช้และองครักษ์ของตระกูลเวินหลายร้อยคนไปยืนล้อมรอบลานประลองจนเหลือแค่พื้นที่ว่างตรงกลางลานเท่านั้น
เวินชิงชิงที่ยืนอยู่ด้านหลังพ่อของนางนั้นดวงตากลมโตคู่สวยยังคงมีคราบน้ำตาเปรอะอยู่
ก่อนหน้านี้ที่ตระกูลโอวหยางมาที่คฤหาสน์นางเอาแต่แอบร้องไห้อยู่ในห้องของตัวเอง หลังจากนั้นอวิ๋นเอ๋อร์ก็รีบวิ่งแจ้นมาบอกนางว่าท่านประมุขขับไล่พวกตระกูลโอวหยางออกไปแล้วแต่เวินชิงชิงดีใจได้ไม่ทันไรก็ได้ยินว่า เื่ที่หลินอี้เป็คนฆ่าหวังชงนั้นถูกเปิดเผยแล้วท่านพ่อของนางจึงเรียกประชุมครั้งใหญ่เพื่อมาจัดการเื่นี้
ดวงตากลมโตของเวินชิงชิงในตอนนี้เอาแต่เหลือบมองไปทางหลินอี้ที่ยืนอยู่ด้านข้างเป็พักๆ นางไม่รู้เลยว่าเ้าบ้าที่ดูเอื่อยเฉื่อยนี่จะจัดการเื่ที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ด้วยวิธีไหน
ส่วนหลินหยางก็ยังคงมีท่าทางสบายๆไร้ซึ่งความกังวลใดๆ ปรากฏให้เห็น มีบ้างที่บังเอิญสบตาเข้ากับนางหลินหยางเองก็ทำเพียงแค่ยิ้มอย่างมีเลศนัยเท่านั้นทำให้เวินชิงชิงในตอนนี้ร้อนใจแทนจนแทบจะบ้าอยู่แล้ว