แต่ก่อนอนุซุนตัวติดกับฮูหยินฮั่วซื่อและซูเซียนฮุ่ย พวกนางต่างข่มเหงรังแกซูจิ่นซีไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นเมื่อลวี่หลีเห็นเงาของอนุซุนที่กำลังเดินมายังสวนดอกบัวจึงคิดได้ว่าไม่ใช่เื่ดีเป็แน่
เพียงแต่ว่าบัดนี้ซูจิ่นซีไม่ใช่คนโง่เซ่อที่ไม่รู้เื่รู้ราวและโดนผู้อื่นกลั่นแกล้งดั่งวันวานที่ผ่านมา นางไม่กลัวอนุซุนดังเช่นในอดีต
ยิ่งไปกว่านั้น ซูจิ่นซียัง้ายาตงเออเออเจียวที่อยู่ในของอนุซุนอีกด้วย!
ขณะที่อนุซุนก้าวผ่านเข้ามาทางประตูนั้น ซูจิ่นซีกำลังนั่งดื่มชาอย่างผ่อนคลายรออยู่บนตั่งที่มีสีสันสวยงาม
“โอ้ คุณหนูเจ็ดกำลังพักผ่อนอยู่หรือ? ”
อนุซุนเดินลูบมวยผมอย่างสวยงามยามที่ก้าวผ่านประตู
ซูจิ่นซีมองไปที่ลวี่หลี “เ้ายังไม่รีบรินน้ำชาให้อนุซุนอีกหรือ! ”
ลวี่หลีเห็นอนุซุนก็สะดุ้ง รีบเดินเข้ามารินน้ำชาให้อนุซุนทันที
ทว่าอนุซุนไม่แม้แต่จะเหลือบมองชาที่ลวี่หลีรินให้ในถ้วยเก่าร้าวๆ ใบนั้น อีกทั้งนางก็ไม่ได้สนใจซูจิ่นซีเสียด้วยซ้ำ สายตาของนางสอดส่องไปภายในเรือนที่รกร้างราวกับว่ากำลังมองหาอะไรบางอย่างอยู่
แม้ว่าอนุซุนจะเป็เพียงอนุของประมุขสกุลซู ทว่าในยามปกตินางใช้ชีวิตอยู่ในจวนสกุลซู มีชีวิตที่ไม่รู้ว่าดีกว่าซูจิ่นซีกี่เท่าต่อกี่เท่า ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่สามารถดื่มชาระดับล่างของซูจิ่นซีได้ลง ยิ่งไปกว่านั้นที่มาในวันนี้นางไม่ได้ตั้งใจมาเพื่อดื่มชา
สายตาของอนุซุนยังคงสอดส่องไปรอบๆ ทันใดนั้นสายตาของนางก็หยุดอยู่บนเตียงนอนหลังเตี้ยๆ เก่าๆ ของซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีและลวี่หลีรู้สึกกังวลใจอยู่พักหนึ่ง พวกนางคิดจะดึงความสนใจจากอนุซุน ทว่าสายไปเสียแล้ว เมื่ออนุซุนเดินตรงไปที่เตียงและกระชากเอากางเกงเก่าๆ ออกมาจากใต้เตียงมันคือกางเกงของซูจิ่นซีที่ก่อนหน้านี้นางใส่ไปที่ห้องโถงใหญ่ และพึ่งจะได้เปลี่ยนชุดเมื่อกลับเข้าตำหนักมา แม้แต่ลวี่หลีก็ยังเอามันออกไปจัดการไม่ทัน
อนุซุนมองกางเกงของซูจิ่นซีแล้วหัวเราะลั่น เมื่อนางเห็นรอยเืสีแดงตรงเป้ากางเกงของซูจิ่นซี
“เ้าเด็กต่ำช้า เ้ายังมีอันใดจะอธิบายอีกหรือไม่? ”
ทันใดนั้น ใบหน้าของลวี่หลีก็ซีดลง
ซูจิ่นซีพยายามระงับอารมณ์มากมายในใจ นางยกยิ้มอย่างเฉยเมย “จิ่นซีไม่เข้าใจ อนุซุนหมายความว่าอย่างไรกันแน่เ้าคะ? ”
เหมือนว่าอนุซุนจะคิดว่านางสามารถจับหางที่ชี้ชะตาของซูจิ่นซีไว้ได้ คอของนางจึงยืดยาวขึ้นด้วยความลำพองใจ
“ข้าว่าแล้ว! ก่อนหน้านี้ ตอนข้าเดินผ่านสวนทางด้านหลังก็รู้สึกได้ว่าใต้ต้นดอกเหมยมีการเคลื่อนไหวอย่างประหลาด ต่อมาข้าก็ได้เห็นเด็กต่ำช้าอย่างเ้าออกมาจากตรงนั้น หลังจากนั้นก็มองเห็นบุรุษผู้หนึ่งตามออกมาเช่นกัน ที่แท้เ้าไม่ได้เป็ชู้กับฮั่วอวี้ ทว่ากลับไปเป็ชู้กับคนข้างนอกหรือนี่ ในเมื่อมีหลักฐานเป็กางเกงเปื้อนเืของหญิงพรหมจารีเช่นนี้ เ้ายังมีอันใดแก้ตัวอีกหรือไม่เล่า? ”
“ในเมื่ออนุซุนทราบเื่เช่นนี้แล้ว จิ่นซีก็จะไม่ปิดบัง เนื่องจากอนุซุนไม่ได้เปิดเผยเื่นี้ต่อหน้าทุกคนและยังเลือกที่จะพูดเป็การส่วนตัวกับจิ่นซี เช่นนี้คงจะต้องมีเหตุอันใดที่จิ่นซีผู้นี้พอจะช่วยเหลือได้เป็แน่ อนุซุน้าให้จิ่นซีทำสิ่งใดเ้าคะ? ”
ซูจิ่นซีพยายามระงับอารมณ์มากมายภายในใจ นางเลือกที่จะนั่งลงทำตัวนิ่งสงบและทำใจกว้างอย่างตรงไปตรงมา
อนุซุนไม่คาดคิดว่าซูจิ่นซีจะพูดอย่างสบายใจเช่นนี้ ราวกับมีแสงวาววับสะท้อนในดวงตาของนาง อนุซุนจึงนั่งลงตรงข้ามซูจิ่นซี ในใจของนางแอบกล่าวชื่นชมซูจิ่นซีอยู่ไม่น้อย
“ที่แท้เ้าก็เป็คนฉลาด ในเมื่อเป็เช่นนี้ อนุอย่างข้าก็จะไม่ทำให้เ้าลำบาก ข้าเปิดอกคุยกับเ้าตามตรงว่าหากวันใดเ้าตั้งตัวได้ในจวนโยวอ๋อง ข้าอยากให้เ้าพาิ่ิ่ของข้าเข้าไปเป็อนุในจวนโยวอ๋องด้วย”
ที่แท้อนุซุนก็รอที่จะทำเช่นนี้ั้แ่ต้น
“เหตุใดอนุซุนจึงคิดว่าจิ่นซีจะอยู่รอดในจวนโยวอ๋องได้เล่าเ้าคะ? ได้ยินมาว่าโยวอ๋องไม่ใช่คนธรรมดา ทั้งโหดร้ายและต่อต้านสตรีมาไม่น้อย ที่สำคัญไม่มีผู้ใดอยู่รอดผ่านคืนวันอภิเษกสมรสได้สักคน ยิ่งไปกว่านั้น... หน้าตาอย่างจิ่นซีผู้นี้... ”
ซูจิ่นซีประสานนิ้วมือวางบนโต๊ะอย่างแ่เบา ขณะมองประเมินอนุซุน
อนุซุนคลี่ยิ้มด้วยท่าทางแปลกๆ
“สายตาของข้ามองไม่ผิด เด็กอย่างเ้าจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น... ” อนุซุนที่เหมือนจะเอ่ยคำใดออกมา ทว่าจู่ๆ ก็หยุดลง ก่อนจะเอ่ยขึ้นใหม่ว่า “อันที่จริงรอยพิษบนใบหน้าของเ้าก็ใช่ว่าจะไม่มียาแก้พิษเสียทีเดียว”
ในความเป็จริง อนุซุนทราบดีอยู่แล้วว่ารอยพิษบนใบหน้าของซูจิ่นซีมีทางรักษาให้หายได้
“พิษบนใบหน้าของจิ่นซี หากจะรักษาจะต้องมีสมุนไพรชนิดหนึ่ง มันมีชื่อว่าตงเออเออเจียว ไม่ทราบว่าอนุซุนจะยอมช่วยข้าหรือไม่? ”
ในแววตาของอนุซุนมีบางสิ่งวาบผ่านอีกครั้ง นางหยิบแถบแพรไหมออกมาจากแขนของตนอย่างไม่เห็นแก่ตัวและเปิดให้ซูจิ่นซีดูต่อหน้า “แท้จริงแล้วยาตงเออเออเจียวอยู่ที่ข้า เพียงแค่จิ่นซีตกลงจะทำตามที่ข้าขอ ยานี้… จะตกเป็ของเ้าทันที”
ซูจิ่นซีจะยื่นมือออกไปรับ ทว่าอนุซุนรีบชักมือกลับไปทันที นางยิ้มแล้วพูดกับซูจิ่นซีว่า “หลังจากเื่นี้สำเร็จ ยานี้จะส่งถึงมือเ้าทันที”
ซูจิ่นซียิ้มและดึงมือกลับไปวางไว้บนโต๊ะอย่างสบายใจ นางหัวเราะแล้วมองไปที่อนุซุน ั้แ่ต้นจนจบ เป็อนุซุนผู้เดียวที่พูดเองเออเอง ซูจิ่นซีไม่ได้พูดอันใดแม้แต่น้อย
เห็นได้ชัดว่า รอยยิ้มของซูจิ่นซีช่างดูสดใสและมีเมตตา ทว่าอนุซุนกลับมองเห็นบางอย่างในนั้นที่แตกต่างออกไป ทันใดนั้นนางก็ผงะลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน
“ซูจิ่นซี เ้าคิดจะทำกระ... ”
อนุซุนยังไม่ทันได้พูดจนจบ เข็มเงินก็สะท้อนออกมาจากมือของซูจิ่นซี ด้วยฝีมือที่รวดเร็ว ซูจิ่นซีปักเข็มเข้าไปที่จุดป๋ายฮุย [1] ของอนุซุน ตามมาด้วยจุดเปิดกระหม่อมทั้งสี่ คือจุดเฟิงฉือ [2] จุดเชี๋ยนเจิ้ง [3] จุดหย่าเหมิน [4] และจุดเทียนทู [5]
ดวงตาของอนุซุนเบิกกว้างอย่างกะทันหัน นางเฝ้ามองวิธีการฝังเข็มแปลกๆ ของซูจิ่นซี แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าซูจิ่นซีที่ผู้คนต่างกล่าวขานว่าเป็ขยะของวงการแพทย์จะมีทักษะการฝังเข็มที่ชาญฉลาดเช่นนี้ จุดฝังสำคัญเหล่านี้ นางอาจจะ...
ดวงตาของลวี่หลีเบิกโพรงขึ้นมาเพราะนางก็ไม่อยากจะเชื่อเช่นกันว่าคุณหนูของตนจะเก่งกาจถึงเพียงนี้ ทว่าเมื่อนางคิดย้อนกลับไป ท่านสูงศักดิ์ผู้นั้นที่อยู่เื้ัคุณหนู... ลวี่หลีกลับรู้สึกว่าเื่นี้เป็เื่ที่แสนจะธรรมดา
ดูเหมือนคุณหนูของนางจะเติบโตและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วใน่สองสามวันที่ผ่านมา
จนกระทั่งอนุซุนล้มลงสลบอยู่บนพื้น ลวี่หลีที่ยังใไม่หายจึงฟื้นคืนสติกลับมา
ซูจิ่นซีเอื้อมมือหยิบถุงที่ใส่ยาไว้ของอนุซุนมาตรวจสอบดูอย่างละเอียดอีกรอบ ให้แน่ใจว่าในถุงนั้นคือยาตงเออเออเจียวจริงๆ แล้วจึงหยิบเอาของไป
ซูจิ่นซีพูดกับลวี่หลีว่า “พอฟ้ามืดแล้ว เ้าพยุงนางไปที่สวนหลังตำหนัก หาสถานที่ที่ไม่มีคนและอย่าให้ผู้ใดเห็นเ้า”
ลวี่หลีไม่เข้าใจเหตุผลที่ซูจิ่นซีกระทำเช่นนี้ “คุณหนู หากเราฆ่าปิดปากนางเลย จะไม่ดีกว่ารักษาความลับไว้หรอกหรือเ้าคะ? ”
อันที่จริงแล้ว แม้ลวี่หลีจะไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ที่สวนหลังจวนคุณหนูเจอเื่อะไรมาบ้าง และนางก็ไม่อยากรู้ด้วยว่า เหตุใดบนกางเกงของคุณหนูจึงมีคราบเื ทว่าในเมื่ออนุซุนเอาเื่คราบเืนี้มาข่มขู่คุณหนู ลวี่หลีจึงล่วงเกินคิดฆ่าปิดปากอนุซุน ทว่านางก็ไม่เคยฆ่าผู้ใดมาก่อน นางยังคงเป็เพียงแค่คนขี้ขลาดเท่านั้น
ซูจิ่นซีมองดูลวี่หลีที่เป็แบบนั้น ภายในใจก็รู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมา
“วางใจเถิด หลังจากอนุซุนตื่นขึ้นมา นอกจากจะยังหายใจได้แล้ว นางก็อาจจะมึนงงไม่ได้สติไม่ต่างจากคนตายเท่าไรนัก นางจะไม่สามารถพูดความลับของพวกเราออกไปได้ ที่สำคัญจะไม่มีผู้ใดมองออกและบอกได้ว่าเป็ฝีมือฝังเข็มของข้า ผู้คนจะคิดเพียงแค่ว่าอนุซุนเืคั่งหรือไม่ก็เป็ลมหมดสติไปเท่านั้น”
ลวี่หลีได้ฟังเช่นนั้นก็สบายใจขึ้น นางพยักหน้าอย่างแน่วแน่จริงจังและมองออกไปนอกตำหนัก เมื่อไม่มีผู้ใดอยู่ข้างนอกลวี่หลีจึงพยุงอนุซุนออกจากประตูไปอย่างรวดเร็ว
ซูจิ่นซีมองไปยังลวี่หลีที่ทำท่าทางแบบนั้นก็รู้สึกตลกขึ้นมา
เพียงแต่นายบ่าวสองคนไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าระหว่างที่กำลังสนทนากันอยู่นั้น มีบุคคลผู้หนึ่งโผล่ศีรษะขึ้นมาทางใต้ของหน้าต่างนอกตำหนัก เงานั้นรีบซ่อนตัวหลบออกไปยังด้านนอกลานดอกบัวอย่างเงียบเชียบ
คนผู้นั้นฝีเท้ารวดเร็วและเบามาก นางก็คือซูเมิ่งเหยา บุคคลที่ซูจิ่นซีคาดคิดไว้ว่าไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
เมื่อสังเกตจังหวะฝีเท้าของซูเมิ่งเหยา ก็ดูราวกับมีวรยุทธ์อีกด้วย ไม่ว่าเื่ที่อนุซุนเอากางเกงเปื้อนเืมาข่มขู่ซูจิ่นซีหรือการพูดคุยของทั้งสองคน ไปจนถึงการที่ซูจิ่นซีใช้เข็มฝังไปที่อนุซุนจนนางสลบไป เื่ทั้งหมดนี้ซูเมิ่งเหยาล้วนได้ยินอย่างชัดเจน
…...
เชิงอรรถ
[1] จุดป๋ายฮุย คือ จุดฝังเข็มบริเวณกลางกระหม่อม อยู่เหนือจุดกึ่งกลางแนวชายผมขอบหน้าผาก เพื่อบรรเทาอาการปวดกระหม่อม ปวดตา เวียนศีรษะ โรคหลอดเืสมอง โรคซึมเศร้า คลุ้มคลั่ง ชักในเด็ก สมองเสื่อม หมดสติ ไส้ตรงหย่อน และมดลูกหย่อน
[2] จุดเฟิงฉือ คือ จุดฝังเข็มบริเวณต้นคอ อยู่ใต้กระดูกท้ายทอยตรงแอ่งระหว่างส่วนบนของกล้ามเนื้อ เพื่อบรรเทาอาการโรคหลอดเืสมอง โรคจิตซึมเศร้า คลุ้มคลั่ง ลมชัก เวียนศีรษะ หูมีเสียงดัง หูตึง หูหนวก ตาอักเสบ ปวดศีรษะ คัดจมูก เืกำเดาไหล และปวดตึงต้นคอ และยังเป็จุดฝังเข็มช่วยเสริมการระงับความรู้สึกที่ใช้บ่อยในการผ่าตัดเปิดกะโหลก
[3] จุดเชี๋ยนเจิ้ง คือ จุดฝังเข็มที่อยู่บริเวณหน้าติ่งหูเหนือสันกราม ช่วยรักษาอาการของอัมพาตเส้นประสาทใบหน้า คางทูมและแผลในช่องปาก
[4] จุดหย่าเหมิน คือ จุดฝังเข็มบนแนวกึ่งกลางสันหลัง ตรงร่องเหนือปุ่มกระดูกคอที่ 2 เพื่อบรรเทาอาการเสียงหาย พูดไม่ได้เพราะลิ้นลีบหรือลิ้นแข็ง ปวดศีรษะ ปวดตึงต้นคอ เืกำเดาไหล และยังเป็จุดฝังเข็มช่วยเสริมการระงับความรู้สึกที่ใช้บ่อยในการผ่าตัดสมอง
[5] จุดเทียนทู คือ จุดฝังเข็มบริเวณคอ เพื่อบรรเทาอาการไอ หอบหืด ปวดทรวงอก ไอเป็เืปนหนอง เจ็บคอ เสียงหาย คอพอก และกลืนลำบาก