แววตาคล้ายคนแปลกหน้าของจ้าวซื่อทำให้หลินกู๋หยู่รู้สึกไม่สบายใจ
“ข้าแค่” อาจเป็เพราะจ้าวซื่อรู้สึกว่าตนเองทำเกินไป นางไม่ได้มองไปที่หลินกู๋หยู่ “ข้ากับฉือหางมีเื่ต้องคุยกัน”
จ้าวซื่อพูดพลางดึงฉือหางให้เดินออกไปข้างนอกด้วยกัน
หลินกู๋หยู่นั่งอยู่ที่ตรงนั้นเฝ้าดูคนทั้งสองจากไปด้วยคิ้วขมวดมุ่น
ในใจรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ คิดไม่ถึงว่าจ้าวซื่อไม่ได้มาที่นี่เพื่อตามหานาง
จ้าวซื่อเรียกฉือหางออกมาโดยตรง เมื่อเดินไปที่ตรอกหนึ่ง หลังจากมองซ้ายขวาและพบว่าไม่มีใครอยู่ นางจึงกระซิบถามเสียงเบาว่า "ลูกเขย ข้าแค่อยากจะถามเ้า เ้าคิดว่ากู๋หยู่มีอะไรผิดปกติหรือไม่?”
เมื่อได้ยินถ้อยคำของจ้าวซื่อ หัวใจของฉือหางก็เต้นแรง เขาแสร้งทำเป็ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วพูดว่า "ไม่มีอะไรผิดปกติ"
จ้าวซื่อขมวดคิ้วอย่างจนปัญญา นางพูดด้วยเสียงต่ำว่า "เ้าไม่คิดว่านางผิดปกติหรือ ผิดปกติที่แตกต่างจากคนทั่วไปเช่นนั้น"
"ข้าไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติ” ฉือหางแสร้งทำเป็งงงวยขณะมองไปที่จ้าวซื่อ "ท่านแม่ ท่าน้าพูดอะไรหรือ?"
สีหน้าของจ้าวซื่อยิ่งอัปลักษณ์มากขึ้น เมื่อนึกถึงพฤติกรรมประจำวันทั่วไปของหลินกู๋หยู่ นางก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ
ในเมื่อบุคคลนี้ไม่ใช่ลูกสาวของนาง แล้วลูกสาวของนางหายไปไหน?
จ้าวซื่อเดินจากไปด้วยความงุนงง
เมื่อเห็นว่าการแสดงออกของจ้าวซื่อมีบางอย่างผิดปกติ ฉือหางจึงรีบก้าวเท้าเดินตามจ้าวซื่อ
"ท่านแม่ ท่านกำลังจะทำอะไรหรือ?” ฉือหางมองที่จ้าวซื่ออย่างกระวนกระวายใจ
จ้าวซื่อมองกลับไปที่ฉือหางพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
"ไม่มีอะไร" จ้าวซื่อขมวดคิ้ว "เ้ากลับไปก่อนเถอะ"
ฉือหางเดินตามหลังจ้าวซื่อ เมื่อเห็นว่าจ้าวซื่อกำลังจะไปที่โรงหมอ เขาจึงรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดจ้าวซื่อ "ท่านแม่ยาย ท่านจะไม่กลับไปหรือ?"
หลังจากได้ยินสิ่งที่ฉือหางพูด จ้าวซื่อส่ายศีรษะเบาๆ "ไม่ ข้าจะไปทำธุระอื่น"
จ้าวซื่อเดินไปทางโรงหมอ เดินไปที่ประตูและมองหลินกู๋หยู่จากระยะไกล
เมื่อััได้ถึงการจ้องมองของจ้าวซื่อ หลินกู๋หยู่ก็ขมวดคิ้ว เมื่อนางลุกขึ้นและกำลังจะเดินออกไปข้างนอก นางเห็นว่าจ้าวซื่อได้เดินออกไปแล้ว
มองเห็นแผ่นหลังของจ้าวซื่อที่เดินออกไปเช่นนั้น หัวใจของหลินกู๋หยู่ก็ปั่นป่วน
เมื่อกลับมาในตอนเย็น หลินกู๋หยู่มองไปที่ฉือหางข้างๆ และเอ่ยถามด้วยความกังขาอยู่หลายส่วน "ท่านแม่พูดอะไรกับเ้าหรือ?"
การแสดงออกบนใบหน้าของฉือหางชะงักงันชั่วขณะ เขาเอียงศีรษะมองไปที่หลินกู๋หยู่ เขาไม่กล้ามองเข้าไปในดวงตาของหลินกู๋หยู่ "ไม่มีอะไร แค่บอกให้ข้าดูแลเ้าก็เท่านั้น"
เมื่อฉือหางพูดเช่นนั้น หลินกู๋หยู่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย นางยังคงรู้สึกไม่สบายใจ แต่กระนั้นก็ตามนางก็ไม่ได้พูดอะไร
ระหว่างทางไม่มีใครเอื้อนเอ่ยวาจาใด
หลินกู๋หยู่รู้สึกสับสนเล็กน้อย นางทำเกินไปหรือไม่?
หากนางไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้ั้แ่แรก จ้าวซื่อก็อาจจะไม่ได้สังเกตว่านางเป็คนอื่น
แต่หลินกู๋หยู่ไม่รู้ว่าสิ่งต่างๆ มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่านางไม่้าที่จะมีชื่อเสียงและไม่ได้ทำตัวโดดเด่นมากเกินไป
ในขณะที่ฉือหางป่วย นางไม่สามารถทนดูเขาเสียชีวิตได้ นางเป็นักศึกษาแพทย์ ในการรับรู้ของนาง นางจะช่วยชีวิตของทุกคน ตราบใดที่ยังมีความหวังแม้เพียงริบหรี่ก็ตาม
เมื่อคนอื่นเป็ไข้ทรพิษ นางจะสามารถทนดูพวกเขาตายโดยไม่ช่วยได้อย่างไร?
ไม่ได้
เนื่องจากความเป็ไปไม่ได้มากมายเหล่านี้ เป็เหตุให้ตัวตนปัจจุบันของนางตกเป็ที่สงสัย
ใน่สองสามวันที่ผ่านมา หลินกู๋หยู่รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก นางไปๆ มาๆ ระหว่างโรงหมอกับบ้านทุกวันตามปกติ
เช้าวันหนึ่งในขณะที่หลินกู๋หยู่และฉือหางกำลังจะออกไป นางก็เห็นจ้าวซื่อยืนอยู่ที่ประตูโดยมีหลินลี่เซี่ยยืนอยู่ข้างๆ
ท่ามกลางสายลมกระโชกแรง หลินลี่เซี่ยรีบเดินไปหาหลินกู๋หยู่โดยไม่พูดอะไร พลันคว้าแขนของหลินกู๋หยู่เดินไปหาจ้าวซื่อ
“พี่หญิง พี่ทำอะไรของพี่?”
การกระทำของหลินลี่เซี่ยรุนแรงและหยาบคายเกินไป หลินกู๋หยู่เจ็บแขนมากจนหมดความอนทนพลั้งพูดออกมา
“ท่านแม่มาหาเ้าเพราะมีบางอย่างจะพูดกับเ้า ก่อนหน้านี้มาที่นี่ก็มักจะไม่เห็นเ้าอยู่บ้าน แต่ตอนนี้ได้เจอเ้าแล้ว” หลินลี่เซี่ยมองหลินกู๋หยู่ด้วยใบหน้าที่จริงจัง ั์ตาของนางพินิจมองที่ร่างของหลินกู๋หยู่อย่างบังอาจ “ข้าไม่นึกเลยว่าน้องหญิงจะเก่งกาจถึงเพียงนี้ คิดไม่ถึงว่าเ้าจะตรวจรักษาคนป่วยได้”
ใบหน้าของหลินกู๋หยู่ซีดเซียวลงทันใด
ราวกับถูกราดด้วยน้ำเย็นั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้า แม้แต่หัวใจของนางก็เย็นเยียบด้วยเช่นกัน
เวลาผ่านไปนานถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ว่านางจะหาเงินได้มากแค่ไหน แต่นางก็ไม่เคยมอบเงินให้สกุลหลิน นั่นเพียงเพราะนางกลัวว่าคนเ่าั้จะเห็นเบาะแส
หลินกู๋หยู่หันศีรษะมองกลับไปที่ฉือหาง
ฉือหางที่กำลังจะตามมาถูกจ้าวซื่อขวางไว้
"ลูกเขย ข้ามีอะไรจะพูดกับลูกสาวของข้า วันนี้เ้าไม่ไปล่าสัตว์บนูเาหรือ?" จ้าวซื่อมองฉือหางอย่างสงบและพูดอย่างใจเย็น
เมื่อเห็นท่าทีไม่เต็มใจของหลินกู๋หยู่ ฉือหางรู้สึกกังวลใจเล็กน้อยและพูดว่า "วันนี้โรงหมอแจ้งมาว่ามีผู้ป่วยจะมารักษากับกู๋หยู่โดยเฉพาะ หากกู๋หยู่ไม่ไป ... "
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉือหางพูด หลินกู๋หยู่ก็รีบพูดขึ้น "ท่านแม่ ข้ายังมีสิ่งที่ต้องทำ"
ด้วยเหตุผลบางอย่าง นางรู้สึกว่าการมาเยือนของจ้าวซื่อในคราวนี้ต้องมีอะไรอย่างแน่นอน
"ไม่อนุญาตให้ไป!" จ้าวซื่อพูดด้วยใบหน้าเ็า เงยหน้าขึ้นมองฉือหาง "แจ้งคนในโรงหมอว่าลูกสาวของข้ามีบางอย่างที่จะต้องทำในวันนี้ นางไม่สามารถไปได้"
หลินกู๋หยู่มองไปที่การแสดงออกทางสีหน้าของจ้าวซื่อ นางรู้สึกเป็ครั้งแรกว่าจ้าวซื่อน่ากลัว
ฉือหางเฝ้าดูจ้าวซื่อพวกนางจากไป เขา้าจะตามไป แต่ถูกสายตาของจ้าวซื่อจ้องเขม็งกลับมา
ไม่มีทางเลือกอื่น ฉือหางได้แต่ติดตามหลินกู๋หยู่พวกนางอย่างลับๆ
“พี่หญิง ข้าเดินเองได้” หลินกู๋หยู่รู้สึกเจ็บเล็กน้อยที่ถูกหลินลี่เซี่ยจับไว้ นางจึงอดรนทนไม่ได้ที่จะพูด
“ไม่จำเป็ พวกเราพี่น้องไม่ได้เจอกันนาน เป็เื่ธรรมดาที่จะจับมือด้วยความสนิทชิดใกล้กันในตอนนี้” หลินลี่เซี่ยพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ขมวดคิ้วแน่นขณะมองหลินกู๋หยู่ด้วยแววตาที่ไม่พอใจ
นี่คือทางเข้าไปในเมือง
เดิมทีหลินกู๋หยู่เกลียดหลินลี่เซี่ยมาโดยตลอด แต่ตอนนี้นางตกอยู่ภายใต้การควบคุมของหลินลี่เซี่ย จึงทำได้แต่ก้มศีรษะยอมจำนน
นางไม่รู้ว่าจ้าวซื่อคิดอย่างไร แต่ด้วยสัญชาตญาณของนางบอกนางว่าพวกเขาแค่กำลังสงสัย แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังไม่มั่นใจนัก
“พี่หญิง” หลินกู๋หยู่แสร้งทำเป็โกรธมาก มองไปที่หลินลี่เซี่ยอย่างถมึงทึง “พี่้าทำอะไร ตอนนี้พี่เสียใจ ้าพี่ฉือหางหรืออย่างไร?”
ทันทีที่หลินลี่เซี่ยได้ยินคำว่าฉือหาง ใบหน้าของนางก็ไม่น่าดูมาก นางพูดอย่างเ็าว่า "เ้าคิดมากเกินไปแล้ว ข้าไม่ได้คิดที่จะแต่งงานกับเขาั้แ่แรก ตอนนี้ข้าก็ไม่ได้คิดที่จะชอบเขาด้วย”
แต่อย่างไรก็ตามฉือหางก็เป็ตัวเลือกที่ดี
หลินลี่เซี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย ในตอนนั้นใครจะคิดว่าอาการป่วยของฉือหางจะดีขึ้น
เมื่อพวกนางมาถึงในเมือง หลินกู๋หยู่หันศีรษะไปมองคนทั้งสอง รู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อย
หลินลี่เซี่ยจับมือของหลินกู๋หยู่แน่น นางหันไปด้านข้างพูดพึมพำกับจ้าวซื่อ
หลินกู๋หยู่ถูกบังคับให้ตามสองคนนั้นเข้าไปในเมือง เมื่อไปถึง หลินกู๋หยู่เห็นบ้านหลังหนึ่ง บรรยากาศโดยรอบค่อนข้างมืดครึ้มน่าสะพรึง
หลินกู๋หยู่้าถอดมือจากการจับของหลินลี่เซี่ย แต่นางไม่คิดว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายจะมากขนาดนี้
"ตามพวกเราเข้ามา" หลินลี่เซี่ยกล่าวพลางจับมือของหลินกู๋หยู่เดินเข้าไปด้านใน
หลังจากเข้าไปข้างในเท่านั้น หลินกู๋หยู่ก็ััถึงอากาศเย็นเยือก
"ท่านอาจารย์ที่นี่ขลังมาก" จ้าวซื่อหันศีรษะไปมองหลินกู๋หยู่ พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "เ้ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ ถึงเวลานั้น ท่านอาจาย์ดูแวบเดียวก็รู้แล้ว"
“ท่านแม่ ข้ามีอะไรผิดปกติตรงไหน ตอนนี้ข้าสบายดีไม่ใช่หรือ?” หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ในใจรู้สึกประหวั่นเล็กน้อย
สิ่งที่หลินกู๋หยู่กังวลที่สุดคืออาจารย์ท่านนี้จะศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่
หากไม่ขลังก็ไม่เป็ไร แต่หากท่านอาจารย์ท่านนี้มองออกว่านางไม่ใช่หลินกู๋หยู่จริงๆ จะทำอย่างไร?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ สีหน้าของหลินกู๋หยู่ก็ยิ่งไม่น่าดูมากขึ้น และนางพยายามดิ้นรนอย่างสุดแรง ในขณะที่นางกำลังจะใช้กำลังเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการของหลินลี่เซี่ย จ้าวซื่อก็คว้ามือของนางและเดินเข้าไปข้างใน
"ท่านแม่” หลินกู๋หยู่หันศีรษะมองจ้าวซื่อและอดไม่ได้ที่จะะโ "ท่านกำลังจะทำอะไร ข้าคือกู๋หยู่"
"ข้ารู้" จ้าวซื่อพูดอย่างเคร่งขรึม "ข้าแค่้าให้ท่านอาจารย์ช่วยดูว่าเ้าป่วยหรือไม่?"
“ข้าไม่ได้ป่วย ข้าตรวจรักษาอาการป่วยให้ตนเองได้...” หลังจากหลินกู๋หยู่พูดจบ นางก็เงียบลงทันที ใบหน้าของนางไม่น่าดูอย่างมาก
กู๋หยู่ตัวจริงจะตรวจรักษาคนได้อย่างไร?
หลินกู๋หยู่ถูกผลักเข้าไปด้านในทันที
หมอกควันภายในห้องเป็เหตุให้ดวงตาของนางแสบเล็กน้อย
ก่อนที่หลินกู๋หยู่จะมองเห็นได้ชัดเจน คนทั้งสองก็นำหลินกู๋หยู่มาอยู่ต่อหน้าสตรีคนหนึ่ง บังคับให้นางคุกเข่าลง
นี่มันอะไรกัน?
ทันทีที่หลินกู๋หยู่ได้สติ นางก็มองเห็นสตรีที่อยู่ตรงข้าม มีสิ่งยุ่งเหยิงอยู่บนใบหน้าของนาง
“เ้าเป็ใคร?” เสียงแปลกๆ ที่เอ่ยขึ้นอย่างเชื่องช้าทำให้ผู้คนที่ได้ฟังรู้สึกไม่สบายใจ
หลินกู๋หยู่เงยหน้ามองไปที่คนตรงข้าม แต่ไม่ได้เอื้อนเอ่ยวาจาใด
“ถึงเ้าจะไม่บอกข้า ข้าก็รู้ว่าเ้าไม่ใช่หลินกู๋หยู่”
สตรีคนนั้นปรือตาขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีดำสนิทคู่หนึ่งของนางดูเหมือนจะมีพลังสามารถมองได้อย่างทะลุทะลวง มองทะลุเข้าไปในร่างกายของหลินกู๋หยู่และเห็นส่วนลึกของหัวใจของนาง
แม้ว่าจะถูกสตรีผู้นี้จับได้ แต่กระนั้นหลินกู๋หยู่ก็ยังคงแสร้งทำเป็ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางมองไปที่สตรีตรงข้าม "ข้าอยากจะบอกว่า เ้าถามคำถามที่แปลกมาก ข้าเป็ใคร ข้าจะต้องบอกเ้าด้วยหรือ?"
แต่สิ่งที่ทำให้หลินกู๋หยู่เสียใจมากในครั้งนี้ก็คือจ้าวซื่อเป็คนพานางมาที่นี่ด้วยตัวเอง
นางปฏิบัติต่อจ้าวซื่อค่อนข้างดีมาโดยตลอด
แต่หลังจากตรึกตรองดูแล้ว จ้าวซื่อทำสิ่งนี้ก็เพราะเป็ห่วงบุตรสาวของตนเอง
แม้ว่าจะเข้าใจเหตุผลนี้ แต่ในใจก็ยังรู้สึกอึดอัดมาก
“แม่สาวน้อย ข้าแนะนำให้เ้าพูดความจริงเสียจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นหากข้าลงโทษเ้า มันจะทำให้เ้าทรมานนัก” แม่มดมองหลินกู๋หยู่อย่างสิ้นหวังปราดหนึ่ง
“เดิมทีข้าก็คือหลินกู๋หยู่อยู่แล้ว ท่าน้าให้ข้าพูดอะไรหรือ?” หลินกู๋หยู่พูดอย่างรำคาญ “หรือว่าข้าเป็ตัวข้าเอง แต่ข้ายังต้องปฏิเสธบอกว่าไม่ใช่งั้นหรือ?”
เมื่อได้ฟังถ้อยคำของหลินกู๋หยู่ จ้าวซื่อรู้สึกร้อนรนกระวนกระวายใจเล็กน้อย แต่กระนั้นนางก็ไม่ได้พูดอะไร
“ท่านอาจารย์ ข้าอยากจะถามว่านางคือน้องหญิงของข้าหรือไม่?” หลินลี่เซี่ยยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยถามขึ้นอย่างเคร่งขรึม
สตรีเบื้องหน้าค่อยๆ ลืมตาขึ้น แววตาพินิจมองร่างของหลินกู๋หยู่
จังหวะการเต้นของหัวใจค่อยๆ เร่งจังหวะเร็วขึ้น แต่หลินกู๋หยู่ยังคงแสร้งทำเป็สงบ