เมื่อมองดูตราราชันข่งเชวี่ยทั้งสองอันที่ผู้คนมากมายล้วนต่อสู้เพื่อแย่งชิงมันมา และบัดนี้กลับมาอยู่ในมือของเขา หลัวเลี่ยก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
หลัวเลี่ยไม่แปลกใจเลยที่ข่งไท่โต้วผู้ทำตัวสูงส่งเหนือคนอื่นจะหงุดหงิดกับคำขอของเขา
เพราะข่งไท่โต้วมาจากตระกูลข่ง
ตระกูลข่งเป็ตระกูลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก
ทั้งหมดเป็เพราะกฎของตระกูลข่งเชวี่ยที่ข่งเซวียนเป็ผู้กำหนดขึ้น กฎนี้ได้แทรกซึมเข้าไปถึงสายเืของคนตระกูลข่ง และยังส่งผลถึงดินแดนเหยียนหวงอีกด้วย
ในจำนวนกฎที่ตั้งขึ้นนั้น มีข้อหนึ่งที่ระบุว่า หากศิษย์รุ่นหลังของตระกูลข่งถูกสังหารจากเพื่อนรุ่นเดียวกัน ผู้าุโในตระกูลจะไม่สามารถยื่นมือเข้าไปแทรกแซง ขัดขวาง ช่วยเหลือ หรือแม้แต่แก้แค้นได้
กฎนี้โหดร้ายมาก
หากเป็ตระกูลอื่นหรือสำนักอื่น แม้จะกำหนดกฎเอาไว้แต่ก็อาจไม่เคร่งครัดนัก ทว่าไม่ใช่กับตระกูลข่ง คนในตระกูลข่งเป็ประเภทที่เมื่อพูดแล้วจะทำตามที่พูดอย่างแน่นอน
เคยมีกรณีเื่ราวที่โด่งดังที่สุด คือหลานชายคนโปรดของข่งเซวียนที่ถูกเพื่อนร่วมรุ่นของเขาสังหารไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ในตอนนั้นเนื่องจากเด็กทั้งสองคนจัดประลองกันอย่างถูกต้อง ผู้าุโทั้งหลายจึงไม่อาจยื่นมือเข้าแทรกแซงเื่การตายนี้ได้ ดังนั้นเด็กหนุ่มที่สังหารหลานชายของข่งเซวียนจึงได้ใช้ชีวิตต่อไปอย่างอิสระ ทว่าในอีกสามร้อยปีถัดมา เขาก็ไปยั่วโมโหสัตว์อสูรเข้า ทำให้ถูกสัตว์อสูรตัวนั้นกลืนกินลงท้อง
และยังมีเื่ของลูกชายคนที่สามของข่งไท่โต้วที่ประสบเหตุการณ์แบบเดียวกัน
ตราบใดที่เป็การประลองกันในกลุ่มเพื่อน พวกผู้าุโจะไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงได้ จะเป็หรือตายล้วนขึ้นอยู่กับความสามารถส่วนบุคคล
แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ผู้าุโเข้ามาแทรกแซง นั่นคือ ครั้งหนึ่งมีข่าวลือว่าผู้าุโบางคนของตระกูลข่งรังแกศิษย์รุ่นหลังของตระกูล ตอนนั้นข่งเซวียนไม่แม้แต่จะพูดอะไรออกมา เขาทำเพียงสังหารผู้าุโคนนั้น แม้ว่าผู้าุโในตระกูลข่งจะออกมาร้องขอ เขาก็ไม่รับฟัง เขาทำเพียงสังหารคนแล้วก็จากไป
การยึดมั่นของข่งเซวียนนี้ทำให้ตระกูลข่งแตกต่างจากตระกูลอื่น
กฎที่ข่งเซวียนตั้งขึ้นเป็กฎที่เข้มงวดและไร้ความปรานี สิ่งนี้ทำให้คนในตระกูลข่งมีจิตใจที่ไม่เหมือนใคร
แน่นอนว่าการที่หลัวเลี่ยฝึกฝนวิชาปีก์เลี่ยหยางจนถึงระดับถ่องแท้ได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง ถือว่าบันไดขั้นพื้นฐานเช่นกัน
อย่างน้อยความสามารถเช่นนี้ของหลัวเลี่ยก็ทำให้ข่งไท่โต้วปฏิบัติต่อเขาเหมือนเขาจะขึ้นเป็เทพในอนาคต และความสามารถนี้ก็อาจทำให้ข่งเซวียนรับเขาเป็ศิษย์ และหากเขาได้เป็ศิษย์ของข่งเซวียนแล้ว ข่งไท่โต้วก็คงจะยิ่งเคืองเขามากกว่านี้
ณ โรงเตี๊ยมธรรมดาแห่งหนึ่งในเมืองหลวงของแคว้นจินหลาน
“ท่านลุงใหญ่ ท่านบรรพชนว่าอย่างไรบ้าง” ข่งเย่าไห่ถาม
ข่งเย่าไห่เป็หลานชายของข่งไท่โต้ว พ่อของเขาเป็น้องชายคนสนิทของข่งไท่โต้ว มีนามว่าข่งไท่จุน เขาก็นับว่าเป็ปรมาจารย์ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งในดินแดนเหยียนหวงเช่นกัน ตอนนี้เขามีพลังอยู่ในระดับขั้นสูงสุดของระดับทลายยุทธ์ จึงทำให้เขาออกท่องยุทธภพในดินแดนเหยียนหวง เพื่อเสาะหาวิธีการที่จะทำให้สามารถก้าวข้ามไปถึงระดับกายทองคำได้ และเมื่อเขาได้ยินว่าข่งไท่โต้วมาที่นี่ เขาจึงรีบมาหาทันที
เขานำจดหมายของบรรพชนข่งเซวียนส่งให้ข่งไท่โต้ว
ข่งไท่โต้วครุ่นคิด ก่อนจะกล่าวว่า “ท่านบรรพชนกล่าวว่า ข้าเอาเปรียบแล้ว”
“หา? ท่านลุงใหญ่ ท่านจะเอาเปรียบใครได้ หรือว่าท่านอายุขนาดนี้แล้วยังสนใจสาวๆ อยู่อีกหรือ” ข่งเย่าไห่พูดด้วยความประหลาดใจ
“เ้าหาเื่หรือ!”
ข่งไท่โต้วยกมือขึ้นและตบหัวของข่งเย่าไห่อย่างรุนแรง “เ้าพูดอะไร ท่านบรรพชนกล่าวว่าข้าเอาเปรียบหลัวเลี่ย”
เพราะระดับพลังของข่งเย่าไห่นั้นสูงมาก ดังนั้นแรงตบแค่นี้จึงไม่อาจทำให้เขาเจ็บได้ เขาจึงถามต่อว่า “ท่านเอาเปรียบหลัวเลี่ยอย่างไร?”
“อืม เื่นั้น” ข่งไท่โต้วพูด “ต่อไปนี้เ้าไม่ต้องเรียกข้าว่าลุงใหญ่แล้ว ให้เรียกข้าว่าลุงรอง และพ่อของเ้าข่งไท่จุนก็คือคนที่สาม”
“ลำดับนี้เปลี่ยนแปลงได้หรือ” ข่งเย่าไห่มีชีวิตอยู่มาเป็ร้อยปีแล้ว แต่เขาไม่เคยได้ยินเื่แบบนี้มาก่อนเลย “หากท่านเป็ลุงรอง แล้วใครเป็ลุงใหญ่เล่า” แล้วจู่ๆ เขาก็เด้งตัวขึ้นราวกับถูกไฟช็อต “ท่านอย่าบอกนะว่าหลัวเลี่ยคือลุงใหญ่ของข้า”
ข่งไท่โต้วทำหน้าจริงจังและะโขึ้น “เรียกลุงใหญ่แล้วอย่างไร ข้าเรียกเขาว่าพี่ใหญ่ เ้าเรียกเขาว่าลุงใหญ่ แล้วอย่างไร หา แล้วก็ ข้ามีเื่อื่นต้องไปจัดการ เ้าก็อยู่ที่นี่เป็เพื่อนท่านลุงใหญ่ของเ้าแล้วกัน”
ข่งเย่าไห่ไม่พูดอะไรต่อ เขาะโลงจากหน้าต่างเพื่อหนี และส่งเสียงมาจากที่ไกลๆ “ท่านลุงใหญ่ อ่า ไม่สิ ท่านลุงรอง จู่ๆ ข้าก็รู้สึกถึงพลังบางอย่าง ข้าจะกลับไปเก็บตัวฝึกฝนแล้ว ท่านก็อยู่เป็เพื่อนท่านลุงใหญ่เถอะ”
“เ้าเด็กดื้อ กลับมาหาข้าเดี๋ยวนี้นะ” ข่งไท่โต้วะโ
แต่ก็ไม่พบร่องรอยของข่งเย่าไห่แล้ว
ข่งไท่โต้วนั่งลงและจมอยู่กับความคิด เขารู้ว่าการนำคนคนหนึ่งกลับไปที่ตระกูลข่งนั้นไม่ใช่เื่ง่าย มันไม่ง่ายเหมือนการให้ความช่วยเหลือทั่วๆ ไป แต่มันเป็เื่ที่เกี่ยวกับจิตใจ
ตอนนี้เขายืนยันได้แล้วว่าหลัวเลี่ยมีความเป็ไปได้ที่จะเป็เทพในอนาคต และข่งไท่โต้วก็รู้ว่าตระกูลข่งจะต้องปฏิบัติต่อหลัวเลี่ยอย่างระมัดระวัง ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่การปฏิบัติแบบที่ให้ความช่วยเหลือทั่วๆ ไป
ข่งไท่โต้วกังวลเกี่ยวกับเื่นี้มากเช่นกัน
เพราะหลัวเลี่ยไม่ธรรมดาจริงๆ
ในเวลาเดียวกันนั้น หลิวจื่ออั๋งก็รีบเข้ามาในจวนขององค์ชายสามด้วยใบหน้าแดงก่ำเพราะความตื่นเต้น
“น้องชายๆ”
เมื่อได้ยินเสียงเรียก หลัวเลี่ยก็เปิดห้องฝึกฝนออกมา
หลิวจื่ออั๋งรีบเข้ามาทันที “น้องชาย ตอนนี้เ้าดังใหญ่แล้ว ข้าได้กระจายเื่ของเ้าไปทั่วภพจิตัแล้ว เื่ของเ้าได้รับความสนใจมาก ตอนนี้พวกกองกำลังใหญ่ๆ ล้วนสนใจในตัวเ้า และกำลังจัดการให้มีคนมาติดต่อเ้าไปเป็ศิษย์ ขอเพียงเ้าพิสูจน์ความสามารถของตัวเองได้ เ้าก็จะสามารถเข้าร่วมกับกองกำลังเ่าั้ได้เลย”
“ข้าเข้าใจแล้ว” หลัวเลี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเห็นสีหน้าเรียบนิ่งของหลัวเลี่ย หลิวจื่ออั๋งก็พูดว่า “เ้ายังนิ่งได้อยู่หรือ มีสำนักที่แข็งแกร่งมากมายนัก การเลือกสักทางคงเป็เื่ยาก เ้าไม่ตื่นเต้นหรือกังวลบ้างหรือ”
หลัวเลี่ยกล่าวว่า “ข้าได้เลือกแล้ว”
“โอ้ สำนักไหนกัน?” หลิวจื่ออั๋งถาม
“ตระกูลข่ง!” หลัวเลี่ยให้คำตอบ
หลังจากที่หลิวจื่ออั๋งคิดอย่างรอบคอบแล้ว ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยเห็นคนจากตระกูลข่งมาติดต่อเื่หลัวเลี่ยจากเขาเลย เมื่อเขากำลังจะถามหลัวเลี่ยอีกครั้ง ก็เป็เวลาเดียวกับที่หลัวเลี่ยหยิบตราราชันข่งเชวี่ยออกมาจากกระเป๋าเฉียนคุณของตัวเองพอดี
เอื๊อก!
หลิวจื่ออั๋งกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก ลูกตาของเขาก็แทบจะถลนออกมา
“นี่ นี่?” หลิวจื่ออั๋งเริ่มเอ่ยปากหลังจากเวลาผ่านไปสักระยะ
“ตระกูลข่งได้ติดต่อมาแล้ว” หลัวเลี่ยยื่นตราราชันข่งเชวี่ยให้หลิวจื่ออั๋ง “พี่ชาย น้องชายคนนี้ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของท่านใน่เวลาที่ผ่านมา ข้าไม่มีอะไรจะตอบแทนท่าน สิ่งนี้เป็ของที่น้องเล็กของข้ามอบไว้ให้ ตอนนี้ข้าขอมอบให้พี่ชายแล้วกัน ท่านต้องรับไว้นะ”
เมื่อมองไปที่ตราราชันข่งเชวี่ยในมือ ภายในหัวของหลิวจื่ออั๋งยังคงงุนงง
ตราราชันข่งเชวี่ยนี้เป็สิ่งของที่คนทั้งดินแดนเหยียนหวงต่างแก่งแย่งเพื่อให้ได้มันมา และเป็สิ่งที่เขาเองก็ปรารถนาแต่ไม่เคยได้รับ แต่ตอนนี้หลัวเลี่ยกลับมอบมันเป็ของขวัญให้เขา
“ข้าฝันอยู่หรือ”
“อืม ต้องเป็ความฝันแน่ๆ”
หลิวจื่ออั๋งยกมือของตัวเองขึ้นมากัด จากนั้นก็ร้องออกมาด้วยความเ็ป “เป็ความจริงนี่!”
หลัวเลี่ยที่เห็นหลิวจื่ออั๋งเป็แบบนี้ก็แทบจะหัวเราะออกมา ใครจะคิดว่าหลิวจื่ออั๋งผู้สง่างามต่อหน้าคนอื่นจะน่ารักขนาดนี้
“มันเป็เื่จริง” หลัวเลี่ยหยิบตราราชันข่งเชวี่ยออกมาอีกอันหนึ่ง “ข้ายังมีอีกอันนะ น้องเล็กของข้าขี้งกไปหน่อยเลยให้มาแค่สองอัน”
ให้ตราราชันข่งเชวี่ยถึงสองอัน นี่เรียกว่าขี้งกหรือ
หลิวจื่ออั๋งใจกระตุก เขาใช้เวลานานกว่าจะยอมรับความจริงนี้ได้ จากนั้นเขาก็พูดว่า “น้องชาย เ้าบอกว่าของสิ่งนี้น้องเล็กของเ้าเป็คนมอบให้หรือ น้องเล็กของเ้าเป็ใครกันแน่ เขาสามารถมอบตราราชันข่งเชวี่ยให้แก่ผู้อื่นได้ตามใจเช่นนี้เชียวหรือ”
หลัวเลี่ยกล่าวว่า “อ้อ น้องเล็กของข้าชื่อข่งไท่โต้ว”
ตึง!
หลิวจื่ออั๋งเป็ลมล้มลงด้วยความใ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้